ข่าวลือ ข่าววงในคือเครื่องมือสำคัญในการเล่นเกมล่าส่วนเกินทุน โดย คลาย เครียด
วันนี้ผมคิดได้แค่นี้ เดี๋ยวขอออกความเห็นบ้างในวันพรุ่งนี้ ใครมีความเห็นประการใด เชิญได้เลยครับ เผื่อผมจะได้ไม่ต้องออกความเห็นที่ยังไม่ได้คิดไว้เลย ฮาๆๆ อ้อ โปรดสังเกต ข้าพเจ้าไม่กล้าพาดพิงถึงท่านเซียนหุ้นรายใหญ่ กลัวท่านหมั่นไส้ พาลจะมากระทืบพอร์ตผม ซึ่งเละเทะอยู่แล้ว ให้เละยิ่งขึ้นไปอีก (ไม่ได้ฮานะท่านเซียนฯ) เมื่อวานผมคิดได้แต่หลักการ คิดเนื้อหาไม่ออก เพราะไม่มีประสพการณ์ในการใช้ ข่าวลือ ข่าววงเป็นเครื่องมือในการทำกำไรจากหุ้น "ผมไม่เคยซื้อหุ้นตามข่าวลือ ข่าววงใน ของใครเลยมาตลอดชีวิตการเล่นหุ้น" ทำให้ไม่เคยร่ำรวยมหาศาลหรือเจ๊งบรรลัยจักร เพราะข่าวลือ ข่าววงใน แปลกแต่จริงที่โรเบิร์ต ริปเล่ย์ไม่ได้บันทึกไว้ แค่ใช้ข่าววงนอกจากตลาดหลักทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ บวกสามัญสำนึกแบบมนุษย์ และวินัยในการเล่นหุ้นแบบ คลายเครียดเรโช มหภาคและจุลภาค ก็ทำให้เราพอมีที่ยืนอยู่ในตลาดได้ในฐานะ"มนุษย์หุ้น" ไม่ร่ำรวยมหาศาลเหมือนพวกเซียนหุ้น แต่ก็ไม่มีวันหมดตัวเหมือนพวกแมลงเม่าหุ้น ในเมื่อไม่มีประสพการณ์โดยตรง ก็ต้องใช้วิธีคาดเดา เอ๊ยคาดการณ์ ความน่าจะเป็น ผิดถูกประการใด แฟนานุแฟนขาประจำของข่าวลือ ข่าววงใน ช่วยต่อเติมให้บ้างจะขอบคุณอย่างสูง เกมล่าส่วนเกินทุน กติตาการเล่นมีง่ายๆ แต่เล่นยากเป็นบ้า ฮาๆๆ ทุกคนจะผลัดกันเป็นผู้ล่าส่วนทุนผู้อื่น และเป็นผู้ถูกผู้อื่นล่าส่วนทุนของตัวเอง ใครจะได้ส่วนขาดทุนของคนอื่น มาเป็นส่วนเกินทุนของตัวเอง ก็แล้วแต่จังหวะ ฝีมือ และโชค เกมนี้จะคึกคักสุดขีดได้ ทุกฝ่ายต้องมีเงินก้อนใหม่ๆเข้ามาเล่น เรียกว่าตบมือข้างเดียวไม่ดัง พอตอนนี้มีมืออีกข้างมาให้ตบแล้ว ก็เงินเย็นที่ทนหนาวจากดอกเบี้ยเงินฝากที่ต่ำติดดินไม่ได้นั่นแหละ เงินเย็นเหล่านั้นบางส่วน ถูกทำให้เป็นเงินร้อน ด้วยการเล่นระบบเสือปืนไว ใจเกินร้อย มีเงินเย็นอยู่ล้านเดียว อาจจะเเปลงให้เป็นเงินร้อนร้อยล้าน ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเน็ทเซทเทิลเม้นท์ ตอนนี้รู้สึกว่าพี่ไทยจะฟาดฟันกันเองแบบเอ็งทีข้าที เดี๋ยวข้าล่าส่วนทุนของเอ็ง เดี๋ยวเอ็งก็มาล่าส่วนทุนของข้า ส่วนพวกตาน้ำข้าว ก็ได้แต่นั่งมองตาปริบๆอยู่ข้างเวที ฮาๆๆๆ ข่าวลือ และข่าววงใน ในห้องค้าและเวปบอร์ด เกมล่าส่วนเกินทุนจะคึกคักสุดขีด มันต้องทำให้เกิดเรื่องไร้เหตุผลเข้ามาปั่นเกม แต่ไอ้เรื่องที่ไร้เหตุผล ก็จะถูกทำให้มันฟังดูมีเหตุผลอิ๋บอ๋าย ด้วยบทวิเคราะห์เจาะเดา ข่าวลือและข่าววงใน วงในกว่า และวงในที่สุด ข่าววงในที่สุดหรือเกรดเอ จะมีไม่มีทางหลุดรอดออกมาถึงแมลงเม่า เอ๊ยนักเล่นหุ้นรายย่อย และรายจุกจิกจู้จี้ ตามห้องค้าและเวปบอร์ดเป็นอันขาด ซึ่งแต่ละท่านพกคำคมประจำตัวไว้ว่า "กำไรคือข้าเก่ง ส่วนเจ๊งนั่นเอ็งทำ" เอ็งนั้นจะเป็นใครข้าไม่สนหรอก ขอให้ข้าได้โทษก็แล้วกัน ฮาๆๆ ข่าววงในกว่า หรือข่าววงในเกรดบี จะเกิดขึ้นเมื่อเซียนหุ้นเกรดเอซื้อหุ้นตุนไว้เล่นเกมจนเต็มอัตราศึก มันจะค่อยๆถูกปล่อยผ่านมาร์เก็ตตี้ มาร์เก็ตติ้งที่แสนน่ารัก(ค่าคอมฯ) และรายใหญ่เกรดบีที่ร่วมด้วยช่วยปั่นกับรายใหญ่เกรดเอ อีทีนี้ก็ถึงขั้นตอนสำคัญที่สุดที่ข่าววงในเกรดซี จะแพร่กระจายออกไปตามมือถือและเวปบอร์ด ซึ่งเป็นนววัตรกรรมใหม่ล่าสุดในการกระจายข่าว ถ้าเป็นห้องค้า ก็จำเป็นต้องอาศัยท่านเจ้ากรมข่าวลือและข่าวปล่อย ท่านเจ้ากรมข่าวฯที่พร้อมจะรับหน้าที่ อย่างสมศักดิ์ศรีท่านเจ้ากรม ก็จะมีใครที่ซะอีกเล่า ก็พวกรายย่อยรายจุกจิกอย่างเราๆท่านๆตามห้องค้า แต่ท่านเจ้ากรมข่าวมักมีนิสัยชอบกินใต้โต๊ะ มักจะบวกพรีเมี่ยมให้กับข่าวปล่อยแบบไม่ได้เกรงใจเจ้ามือ ทั้งนี้และทั้งนั้น "ก็Kuซื้อไว้มาแพงกว่ามีงนี่หว่า ฮาๆๆ" ท่านเจ้ามือก็เลยขัดเคืองใจอยู่เป็นประจำ "ไอ้ห้าเอ๋ย kuบอกว่าคาทุ่งจะไปหกห้าสิบ เสือกปล่อยข่าวต่อเป็นเจ็ดบาท ยังงี้kuก็เหนื่อยแย่ซิวะ ฮาๆๆๆ" สำหรับข่าวลือ ข่าวปล่อยตามเวปบอร์ด ก็ ก็ ก็ อ่าทิ้งเมล์ไว้ครับ เอ๊ยไม่ใช่สันนิษฐานกันเอาเอง แมลงวันไม่ตอมแมลงวันด้วยกันฉันใด นักเล่นเวบบอร์ด ย่อมไม่เปิดโปงนักเล่นเวบบอร์ดด้วยกันฉันนั้น เดี๋ยวขอมั่วต่อถึงเรื่องข่าวลือ ข่าววงใน ในฐานะที่มนุษย์หุ้นใช้เป็น"เครื่องมือ" และแมลงเม่าหุ้นถูกมันใช้เป็น"เครื่องมือ"ในการเล่นเกมล่าส่วนเกิน ขอตั้งสติไว้มั่วต่อตอนบ่าย ระหว่างอินเตอร์มิสชั่น ฟังเพลงจาก"gone with the wind" คั่นรายการไปพลางๆก่อน //www.gwtwmemories.com/toc/toc2.htm ก่อนจะโดนสหบาทา ต้องขอทำความเข้าใจว่า คนที่คอยให้ข่าวในเวบบอร์ด ไม่ได้หมายความว่าเป็นรายใหญ่ที่แอบเข้ามาหาผลประโยชน์ จะเป็นรายย่อยที่ต้องการให้ข้อมูลแก่เพื่อนนักลงทุนด้วยกันก็ได้ เอาเป็นว่า ทุกท่านที่ไขกุญแจเข้ามาในห้องสินธร ที่มี"เรตติ้ง"ต่ำแห่งนี้ เป็นผู้ให้ข้อมูลแก่เพื่อนนักลงทุนด้วยความบริสุทธิ์ใจทุกคนครับ ส่วนที่เวปอื่น ก็ดูๆกันเองเองว่าใครจริงใจไม่จริงใจ การใช้ข่าวลือ ข่าววงในของมนุษย์หุ้นและแมลงเม่าหุ้น มนุษย์หุ้นจะใช้ข่าวลือ ข่าววงในเป็น"เครื่องมือ" ในการทำกำไรตามเซียนหุ้น มนุษย์หุ้นจะรู้อยู่เต็มอกว่า ข่าวที่เขาปล่อยมีเจตนาแฝงเร้นอย่างแน่นอนที่สุด มนุษย์หุ้นจะคิดด้วยสามัญสำนึก "ใครจะมาหวังดีกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน" ขนาดคนเห็นหน้ากันทุกวัน ยังหลอกลวงกันหน้าตาเฉย มนุษย์หุ้นจะรีบซื้อหุ้นที่ปล่อยข่าวฯเป็นไม้ต้นๆ แล้วถือรอไว้จนกว่าห่างจากเป้าหมายที่เขาตั้งไว้ 20 - 30 % ก็จัดการงาบแล้วชิ่ง ไม่หวนกลับไปซื้อๆขายๆอีก ส่วนแมลงเม่าหุ้นจะตกเป็น"เครื่องมือ"ของเซียนหุ้น ด้วยข่าวลือ ข่าววงใน แมลงเม่าหุ้นจะไม่ใช้สามัญสำนึกถามหาที่มาของข่าววงใน เขาจะค้นหาแต่เป้าราคาที่ข่าวตั้งไว้ด้วยความโลภ พอซื้อตามแล้วได้เงิน ก็ได้ใจ แต่ก็ขายทิ้งด้วยความกลัว หุ้นขึ้นต่อ วิ่งไปหาเป้า ก็ชักลังเล ซื้อตามอีก แล้วก็ขายอีก กำไรอีกเล็กๆน้อยๆ วนเวียนอยู่หลายรอบ จนในที่สุดซื้อตามโดยไม่ขายมากขึ้น มากขึ้น แม้ราคาขยับเข้าใกล้เป้าราคาเหลือแค่ 10 - 20 % ก็จะเอา ซึ่งตอนนั้นน่าจะเป็นตอนที่เซียนหุ้นจัดการเชือดครั้งใหญ่ล้างบาง ประเด็นสำคัญที่สุดที่แมลงเม่าหุ้นจะไม่มีทางรู้เลยก็คือ ราคาต้นทุนเฉลี่ยที่แท้จริงของหุ้นตัวที่เซียนหุ้นปั่นคือเท่าไร แมลงเม่าหุ้นจะเห็นแต่ราคาที่มันขยับขึ้นมาสูงสุดเท่านั้น สรุปก็คือ มนุษย์หุ้นจะใช้ข่าวลือ ข่าววงในเป็น"เครื่องมือ"ในการทำกำไร เพราะไม่เชื่อว่ามีรายใหญ่ที่เป็นพ่อพระอยู่ในตลาดหุ้น ส่วนแมลงเม่าหุ้นจะเป็น"เครื่องมือ"ของข่าวลือ ข่าววงใน เพราะไม่เคยสนใจว่ามีรายใหญ่ที่เป็นพ่อพระอยู่ในตลาดหุ้นหรือไม่ สนใจแต่ปรากฏการณ์ของข่าว ไม่ได้สนใจธาตุแท้ของข่าว เออพิมพ์จนเหนื่อยสมอง ยอมรับว่า อาจจะเป็นกระทู้ที่เละที่สุดของผมก็ได้ ต้องขออภัยท่านผู้ชมที่อาจจะมีบ้างทุกท่าน เพราะที่จริงแล้วผมไม่เคยมีประสพการณ์ในการซื้อหุ้น จากข่าวลือหรือข่าววงในเลย เพราะผมเชื่อว่า รายใหญ่ที่จะเป็นพ่อพระในตลาดหุ้น มีอยู่แต่ในตลาดหุ้นของโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาเท่านั้น ฮาๆๆ
Create Date : 02 สิงหาคม 2548
Last Update : 2 สิงหาคม 2548 12:13:52 น.
Counter : 1269 Pageviews.
เกมล่าส่วนเกินทุน โดย คลาย เครียด
ผมขอเดา เอ๋ยพยากรณ์ด้วยภาพประกอบข้างล่าง เมื่อเกมล่าส่วนเกินทุนคึกคักสุดขีด ทุกฝ่ายใส่เงินก้อนใหม่ๆเข้ามาเล่นเกม หุ้นก็เป็นแค่สำรับไพ่ที่รอวันให้มีคนหยิบมาเล่น คนจำนวนน้อยที่มีเงินมาก จะเชิญชวนล่อหลอก คนจำนวนมากที่มีเงินน้อยเข้ามาเล่น (ขอยืมสำนวนคุณอยากเชือกมาใช้) ไม่มีคำว่าหุ้นดี หุ้นเน่าอีกต่อไป มีแต่คำว่าหุ้นขึ้นและหุ้นลง เซียนหุ้นกับแมลงเม่าหุ้นจะทำสิ่งเดียวกันคือ เพิ่มวงเงินลงทุนมากขึ้นไปอีก เซียนหุ้นจะเป็นปล่อยข่าววงในในห้องค้าและตามเวปบอร์ดบ้างเป็นครั้งคราว (ข่าววงในในเวปบอร์ดบางส่วน จะมาจากรายย่อยรายจุกจิกที่เชียร์หุ้นตัวเอง ดังนั้นโปรดอ่านคำเตือนก่อนใช้ ห้ามซื้อข่าววงในเกินวันละสองกระทู้ ฮาๆๆ) มนุษย์หุ้นและแมลงเม่าหุ้น จะเป็นคนรับข่าววงในตามห้องค้าและเวปบอร์ด เช่นกัน เวปบอร์ดไหนเรตติ้งต่ำเป็นป่าช้าแบบห้องสินธร เซียนหุ้นไม่มาปล่อยข่าวให้เสียเวลาทำมาหากิน ฮาๆๆ บางครั้งพวกเซียนหุ้นก็เอือมระอาพวกแมลงเม่าหุ้นเหมือนกัน อย่างเช่น เซียนอาจจะสนทนากับเซียน ตามประสาเซียนว่า " เมื่อเช้าkuปล่อยข่าวคาทุ่งจะไปหกบาท ปล่อยไปปล่อยมา เด็กในห้องค้าดันมาบอกkUว่า ได้ข่าวเด็ดวงในจากรายใหญ่ บอกคาทุ่งจะไปเจ็ดบาท ไอ้ห้า มันบวกพรีเมี่ยมข่าวปล่อยของku ไปอีกตั้งบาท ฮาๆๆๆ" เซียนหุ้นจะใช้กลยุทธ "แจกก่อนงาบทีหลัง" มนุษย์หุ้นจะใช้กลยุทธ"งาบแล้วรีบชิ่ง" ส่วนแมลงเม่าหุ้นจะใช้ จะใช้ จะใช้ เออ ใช้อะไรก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าจะใช้ข่าววงในดีๆที่อยากได้ยินได้ฟังทางมือถือและอีเมล์ อย่าดันเป็นข่าววงในที่ไม่ตรงกับผลประโยชน์ส่วนตัวเชียวนา ข้าพเจ้าด่ายับ ฮาๆๆ มนุษย์หุ้นจะไม่ยอมเชื่อว่า มีรายใหญ่คนไหนเป็นพ่อพระเอาเงินมาแจกรายย่อย นอกจากรายใหญ่ที่อยู่ในโรงพยาบาลแถวปากคลองสาน ดังนั้นพองาบเงินมาได้ตามข่าวเด็ดที่เขาปล่อย ก็จะเลิกเล่นเด็ดขาด ยอมนั่งมองตาปริบๆ รอข่าวเด็ดตัวใหม่ต่อไป ฮาๆๆ ส่วนแมลงเม่าหุ้นจะเชื่อว่ามีรายใหญ่เป็นพ่อพระในตลาดหุ้น ที่พร้อมจะโปรยเงินให้รายย่อยได้ร่ำรวยอย่างไม่มีขีดจำกัดการเจ๊ง เอ๋ยกำไร เพราะบอกกี่ทีกี่ทีก็ได้เงิน นี่หว่า แต่ไอ้ทีที่ไม่บอกนี่แหละ เด็ดนัก ฮาๆๆๆ เอวังก็มีด้วยปการฉะนี้แล (แฮะ แฮะ มั่วได้แค่นี้แหละครับ ฮาๆๆ)
Create Date : 01 สิงหาคม 2548
Last Update : 1 สิงหาคม 2548 11:27:35 น.
Counter : 1863 Pageviews.
อ่านความหมายแท้จริงของคำว่า VI และ VS โดย อยากเชือก
V = valuable = มีค่า มีประโยชน์ I = investor = คนเอาเงินมาซื้อเพื่อเอากำไรจากดอกเบี้ยหรือส่วนต่างราคาหุ้น หรือกำไรจากปันผล (ถ้าลงทุนทำธุรกิจ สร้างโรงงาน ไม่น่าเรียกเป็น investor ควรใช้ศัพท์คำอื่น เช่นนักธุกิจ นักอุตสาหกรรม ฯลฯ) S = speculator = คนเสี่ยงโชคเพื่อค้ากำไร มีทุกอาชีพทุกรูปแบบ เช่นเสี่ยงซื้อหุ้น เสี่ยงซื้อบ้านหรือที่ดินเพื่อรอขายต่อเอากำไร V I คือ คนเอาเงินมาซื้อหุ้นโดยวางแผนล่วงหน้าว่าจะเอากำไรตามเป้าหมายหรือตามกำหนดระยะเวลานาน โดยจะไม่สะทกสะท้านหากราคาที่ซื้อจะตกลงเท่าไร จุดมุ่งมายคือต้องกำไรเท่านั้นจึงจะขาย และเมื่อถึงวันที่ขาย ก็จะมีความสุข ภาคภูมิใจที่ตนเองคาดการณ์แต่เริ่มต้นนั้นถูกต้อง สร้างคุณค่าทางใจได้ VI ที่แท้จริงคือ คนที่ซื้อหุ้นเมื่อยามวิกฤต อ่านวิกฤตเป็นโอกาส ขณะที่คนส่วนมากทิ้งหุ้นหนีจาก สรุปคือมีกำไรและความสุขใจสมคุณค่า โดยไม่สนใจเวลา ถือว่ามีฝีมือ จิตใจเข้มแข็ง อ่านเกมออก (เพราะซื้อเมื่อยามวิกฤต หากซื้อเมื่อยามตลาดเป็นกระทิงในราคาสูงแล้วยอมสู้กับเวลาถือยาวจนวันหนึ่งได้กำไรค่อยขาย ไม่ถือว่ามีคุณค่า ถือเป็นนักเสี่ยงโชคที่เอาเวลาเป็น ((ตัวช่วย)) เท่านั้น ) VS คือ คนเอาเงินซื้อหุ้นในราคาที่คนส่วนใหญ่คิดว่าแพง แล้วสามารถขายเอากำไรได้ในเวลาสั้นๆได้ พร้อมกับเอาส่วนที่กำไรไปซื้อหุ้นที่ตนเองคาดว่าจะกำไรในอนาคตได้ดีเก็บไว้ เมื่อถึงเวลานั้นก็ขายหุ้นที่เก็บไว้ได้กำไรและมีความสุข ภาคภูมิใจ อย่างนี้ก็ถือมีฝีมือ จิตใจเข้มแข็ง อ่านเกมออก (หากวางแผนซื้อและเชื่อจะขายได้กำไรมากในเวลายาวๆ ก็เข้าข่าย VI คือซื้อยามวิกฤตแพงแล้วไปขายสูงกว่าในเวลานานมากขึ้น มีความสุขเช่นกัน) VI VS จึงแตกต่างตรงที่เวลาเท่านั้น เวลาจึงเป็นตัวตัดสินความสามารถของ 2 สไตล์ ตัวอย่าง นาย A ซื้อหุ้น ABC แล้วขายใน 2 วันได้กำไร 2 % แล้วเอากำไรซื้อหุ้น XYZขณะนั้นซึ่งราคาไม่ถูกในสายตาคนส่วนใหญ่ แต่เอาไปขายอีก 12 เดือน ได้กำไร กับ นาย B ซื้อหุ้น XYZ เมื่อราคาตกมากๆ แล้วขายใน 12 เดือน ได้กำไร โดยทั้งคู่วางแผนก่อนซื้อ และพอใจมีความสุข ภาคภูมิใจหลังขายมีกำไรตามต้นทุนที่ตนเองซื้อ อย่างนี้ก็ต้องให้ อย่างนี้ต้อง ให้นาย A เป็น VS ให้นาย B เป็น VI จะเห็นว่าความสามารถคนละแบบ คนหนึ่งเอาต้นทุนไปเสี่ยง แต่ใช้เวลาเป็นตัวช่วย อีกคนไม่มีต้นทุนเสี่ยง แต่ต้องหาต้นทุนจากกำไรเป็นตัวช่วย หากมองในแง่เสี่ยงก็เสี่ยงทั้งคู่ หากมองกลับมุมก็มีตัวละลายความเสี่ยงคนละแบบ ความแตกต่างอยู่ที่ คนหนึ่งต้องใช้ฝีมือในการเอาเก็งกำไรเป็นต้นทุน(ซึ่งก็เสี่ยงและเห็นผลในเวลาสั้น) อีกคนต้องใช้ฝีมือประเมินค่าวิกฤตให้เห็นอนาคต(ซึ่งก็เสี่ยงและพลาดได้แต่เห็นผลในเวลานานจนคนส่วนใหญ่ลืมค่าความเสี่ยงนี้ไป) จะแล่นหุ้นสไตล์ไหน ก็ต้องขึ้นกับคุณสมบัติเฉพาะตัว ทั้งเงินทุน ความรอบรู้ จิตใจ และอื่นๆ ไม่ควรตั้งแง่รังเกียจซึ่งกันและกัน จงคิดว่าเมื่อคุณเป็นเขาก็อาจต้องทำแบบเขา เมื่อเขาเป็นคุณก็อาจจะทำแบบคุณ แต่เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ จากคุณ : อยากเชือก - [ 22 ส.ค. 46 08:48:14 A:203.148.252.236 X:210.203.182.134 ] ผมว่าวิธีที่ได้ผลคือการ INTERSECTION กันครับ SS (Stock Speculetor)สุดๆจะไม่สนใจพื้นฐาน เช่นดูกราฟ ดูset ดูโวลุ่ม ดูตัวแม่ประกอบ แล้วโดดใส่ ตัวลูกเป็นต้น VI ก็จะดูพื้นฐานแล้วลุย อาจจะBUY ON FACT แบบเฮียเหาฉลาม เมื่องบออกมาดี ผลประกอบการดี อนาคตดี ซื้อเลย ไม่ต้องรอจังหวะ VSน่าจะเป็นกลุ่มนักลงทุนเลือก หุ้นที่ดี มีการซื้อขายพอสมควร แล้วเลือกจังหวะการลงทุนครับ แต่เห็นด้วยกับพี่อยากเชือกครับไม่ว่าแบบไหนขอให้มีกำไรก็พอครับ :) ไม่ควรตั้งเป็นข้อรังเกียจหรือดูถูกกันจริงๆครับ จากคุณ : weekest - [ 22 ส.ค. 46 09:28:19 ] ++++ ขอบคุณครับ ได้แง่คิดและมุมมองที่หลากหลาย นั่นคือนานาจิตตัง ++++ จะเลือกกรรมวิธีอะไรก็ตาม ผมคาดว่ารายย่อย(แมงเม่าพันธุ์ปีกแข็ง)ส่วนใหญ่จะเลือกวิธีแบบผสมผสานไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าตัวเองจะเป็น V ไหน ขอให้สามารถยืนทนแรงกระแทกของรายใหญ่ได้ ก็ถือยอดเยี่ยมแล้ว ==> put the right man in the right method 555 จากคุณ : ลุค - [ 22 ส.ค. 46 10:07:11 ]
Create Date : 01 สิงหาคม 2548
Last Update : 1 สิงหาคม 2548 10:59:50 น.
Counter : 740 Pageviews.
think_pos ratio โดย think_pos
ที่จริงยังไม่เสร็จสมบูรณ์แต่โพสต์ในกระทู้เฮียคลายเครียดว่าจะลองหาสูตรคำนวณหาหุ้นที่น่าสนใจ...เลยมาโพสต์ก่อน(ค่อยแก้ไขอีกครั้ง) จากประสบการณ์จริง,หุ้นที่ผมกำไรมากกว่า1เท่าตัวมีthink_pos ratioสูงมากทั้งสิ้นแต่ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา...อย่ายึดมั่นถือมั่นครับ think_pos ratio=(ยอดขาย*มาร์จิ้นเฉลี่ยของธุรกิจ/มาร์เกตแคป)/ดอกเบี้ยเงินฝาก เรโชยิ่งสูงยิ่งมี"โอกาส"กำไรได้มาก(อาจไม่กำไรก็ได้) ใครมีความเห็นติชมหรือเสนอแนะ....โพสต์ต่อได้ครับ ลองเอาไปทดสอบกับหุ้นssscกับatcที่คุณลุคเคยซื้อไว้...คอนเฟอร์มว่าใช้ได้....คงไม่แก้ไขแล้วครับ ขอจดลิขสิทธิ์ ณ บัดนี้เลยครับ ตกลงที่สินธรนี้มี เฟยหงเรโชของคุณเฟยหง แพะเรโชของคุณแพะ ปลาไหลเรโชของเฮียคลายเครียด(และคลายเครียดเรโชสำหรับเวลาขายหุ้น) แล้วก็think_pos ratioของผมเอง ใครมีเรโชเด็ดๆ...นำมาจดลิขสิทธิ์ได้เลยครับ จากคุณ : think_pos - [ 19 ส.ค. 46 19:11:29 ] ++++ 555 ท่านประธานที่เคารพ ผมขอประท้าง! ในฐานะถูกพาดพิง เลยต้องขอถามต่ครับ 1. ยอดขายของรายปีหรือรายไตรมาศ ==> จากงบดุลย์? 2. มาร์จิ้นเฉลี่ยของธุรกิจ ==> ดูได้จากไหน ? 3. มาร์เกตแคป ==> เทียบกับกลุ่มหรือ set ? 4. ทดสอบกับ sssc & atc ผลลัพธ์เท่ากับไหร่ ? (ค่านี้ไว้ตรวจสอบเพื่อให้รู้ว่าที่ลองไปทำเองแล้วถูกต้องหรือไม่ 555) ++++ ต้องขอความกรุณาให้คุณ think_pos ช่วยให้ข้อมูลกับคนที่ไม่มีความรู้ด้าน บ/ช ด้วยครับ (รอบนี้ไม่ต้องผ่านประธาน 55555) ขอบคุณครับ จากคุณ : ลุค - [ 19 ส.ค. 46 22:26:03 ] ไอเดียดีมาคุณ think_pos ขอชม แต่ขอถามเพิ่มเติมหน่อย - ถ้าคุณทดสอบกับหุ้นแค่ 2 ตัว ผมว่าเชื่อไม่ได้เลย แต่ถ้าคุณทดสอบกับหุ้นหลายๆ ตัว หลายช่วงเวลา แล้วได้ผลดี อันนี้ซูฮกๆๆๆๆๆ ถ้าเป็นไปได้ทดสอบด้วยสถิติยิ่งดี (ถ้าทำแล้วขอดูด้วยนะครับ) - ข้อมูลในสูตรเป็น ณ ปัจจุบัน หรือเป็นการเฉลี่ยข้อมูลย้อนหลัง - ทำตอนหุ้นขึ้นอย่างเดียวหรือเปล่า ลองทำตอนหุ้นลงหรือยัง * อย่าตอบว่าให้ผมไปลองทำเองนะครับ ผมเพียงแต่เสนอไอเดีย ช่วยให้ Ratio คุณน่าเชื่อถือมากขึ้น สุดท้ายขอเตือนเซียน อย่าลืมเล่นหุ้นไม่มีสูตรตายตัวเด้อ สิบอกไห่ จากคุณ : Tengtornado - [ 20 ส.ค. 46 13:25:03 ] อืมม์.... อ่านมาเรื่อยๆ มาสะดุดตรง คห.9 นี่แหละ เลยขอเสริมนะครับ 1. ใช้ได้ผลตอนหุ้น "ขาลง" ด้วยหรือไม่ อันนี้น่าสนใจครับ ถ้าใช้ได้ผล ก็ต้องถือว่าเป็น "ยอดเรโช" 2. "สูตรสำหรับเล่นหุ้น" มีหรือไม่มีไม่ทราบได้ครับ เพราะ ถ้าใครมี ก็คงรวยเละไปแล้ว 3. เสริมข้อ 3 ข้างบนของตัวเอง - สิ่งที่เราไม่เคยเห็น ไม่ ได้หมายความว่าไม่มีอยู่ในโลก นะ... อาจจะมีสูตรนี้อยู่ก็ ได้ แต่จะต้องเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ คือมี Factor หรือ Parameter ที่ต้องนำเข้ามาคำนวณเป็นจำนวนมาก ความเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ จากคุณ : มือเก่าหัดขับ - [ 20 ส.ค. 46 13:55:45 หลังจากโพสต์เพิ่งมีเวลาเข้ามาอ่านอีกครั้งเพราะวันนี้เป็นวิทยากร(เมื่อคืนและวันนี้เลยยุ่งสักนิด)..พรุ่งนี้ก็เป็นวิทยากรอีกวันครับ ที่ต้องหารด้วยดอกเบี้ยเงินฝากเพราะถ้าดอกเบี้ยเงินฝากสูงขึ้น...ผมอาจโยกเงินไปฝาก...ถ้าเอาหุ้นเทียบกันเองไม่ต้องหารก็ได้ครับ มาร์จิ้นธุรกิจใช้คาดคะเนเอาครับ มาร์เกตแคปใช้มาร์เกตแคปตัวหุ้น ณ ขณะนั้น ssscเมื่อปีก่อนthink_pos ratio(TPR)ประมาณ2(มากกว่า0.5ถือว่าดี)ปีนี้ประมาณ0.4 atcเมื่อปีก่อนTPRประมาณ0.5ปีนี้ประมาณ0.2(โอกาสขึ้นน้อยลง) ทั้งนี้ทั้งนั้นผมยังไม่เคยใช้สูตรนี้ในการซื้อหุ้นเลยครับ...ใช้แต่พลังเจไดคล้ายคุณแอน พอดีอยากลองหาสูตรดีๆไว้ทดลองบ้างเลยได้สูตรนี้มา(เอาหุ้นที่ผมกำไรมากๆหลายๆตัวมาลองดูความเหมือนกันตอนที่ซื้อ...เลยได้สูตรนี้ครับ) เดี๋ยวมาออนไลน์อีกทีตอนค่ำๆครับ จากคุณ : think_pos - [ 20 ส.ค. 46 16:19:44 ] ขอแสดงความคิดเห็นครับหลังจากติดตามมานานครับ ชอบมากสำหรับกระทู้ที่สินธร ผมว่า think_pos ratio เยี่ยมจริงๆเพราะ 1. ยอดขาย*มาร์จิ้นเฉลี่ยของธุรกิจ เป็นการบอกว่าบริษัททำผลตอบแทนได้ดีแค่ไหน 2. เมื่อมาหารด้วย มาร์เกตแคป ซึ่งเป็นการดูว่าถ้าจะซื้อทั้งบริษัทขณะนี้แล้วได้ผลตอบแทนตามข้อ 1. ได้กี่เปอร์เซนต์ 3. สุดท้ายเทียบกับการลงทุนโดยการฝากเงินกับธนาคารดังนั้นจึงเอาดอกเบี้ยเงินฝากมาหาร สุดยอดท่านนอกจากดูผลตอบแทนแล้วยังดูเรื่องค่าเสียโอกาสด้วย ผมว่าสามารถปรับใช้ได้กรณีนี้ที่บางคนเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่น(ไม่ใช่ฝากธนาคาร ก็เปลี่ยนตัวหารได้) ข้าน้อมขอน้อมรับ เอาไปทดลองใช้ครับ จากคุณ : แอมแพน (panaweea) - [ 20 ส.ค. 46 16:25:20 ] ขอเพิ่มเติมอีกหน่อยครับ ผมว่ามาร์จิ้น สามารถดูได้จากงบที่บริษัทประกาศมาได้ครับ ถ้าให้ดีเอาของกลุ่มก็จะทำให้ผลที่ได้เป็นค่าเฉลี่ยครับ ท่านๆว่าอย่างไรกันบ้างครับ จากคุณ : แอมแพน (panaweea) - [ 20 ส.ค. 46 16:31:11 ] ดีใจที่คุณแอมแพนชอบครับ อธิบายได้ตรงใจผมมาก...แต่อย่าลืมว่าthink_pos ratioสูงแค่บอกว่ามี"โอกาส"จะกำไรเท่านั้นครับ สำหรับตัวย่อที่เฮียคลายเครียดขอมา TPR=(R*M/C)/I แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 46 18:21:20 จากคุณ : think_pos - [ 20 ส.ค. 46 18:20:49 ]
Create Date : 01 สิงหาคม 2548
Last Update : 1 สิงหาคม 2548 10:55:53 น.
Counter : 695 Pageviews.
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [? ]
สวัสดีครับทุกท่าน...ผมหมากเขียวแห่งสินธร...จาก Head of Prop Trade สู่ Private Trader อิสรภาพที่รอคอย สงวนลิขสิทธิ์ © พ.ศ.2553 โดย หมากเขียว™ ห้ามลอกเลียน ทำซ้ำ หรือคัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความที่เขียนโดยข้าพเจ้านอกจากจะได้รับอนุญาต Copyright © 2010.All rights reserved. These articles and photos may not be copied, printed or reproduced in any way without prior written permission of Mhakkeaw™.