Risk Reward Ratio โดย แมงเม่ามือใหม่
อย่างที่เคยเรียนบอกครับ ว่าผู้ที่มีระบบที่แน่นอนเท่านั้น จึงจะได้กำไรในระยะยาว ไม่ว่าเราจะมีเพียงระบบง่ายๆ ที่สร้างจาก macd, rsi, หรือ แม้แต่ stochastic
ถ้าเรายีดมั่นในระบบ ระยะยาวแล้ว เราจะเป็นผู้ที่ได้กำไรจากตลาดหุ้นค่อนข้างแน่นอน ซึ่งระบบที่ดีสำหรับแมงเม่าชอบที่ชอบเล่นเก็งกำไรที่สุด คือ stop loss เมื่อหุ้นไม่เป็นอย่างที่คาดครับ
risk reward ratio คือ อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงครับ
สำหรับผู้ที่รู้ค่า fibonacci และสามารถ หาค่าอย่างคร่าวๆได้ ก็จะสามารถใช้ ข้อมูลนั้นๆในการอ้างอิง คาดการณ์ถึงผลลัพธ์ที่เราอาจจะได้ต่อการซื้อหุ้นตัวนั้นๆ
เพื่อให้เรารู้ว่า เราจะสามารถทำกำไรได้ที่เท่าใด เมื่อเทียบกับโอกาสผิดพลาด เมื่อเกิดการ stop loss ครับ
จะลองยกตัวอย่างง่ายๆครับ
สมมติเราซื้อหุ้นตัวหนึ่งที่ ๑๐ บาท แล้วเรากำหนดไว้ว่า ๙ บาท เราจะ stop loss และเราคาดหวังการทำกำไร จากการซื้อหุ้นนี้ ที่ ๑๑ บาท
risk reward ratio ของการซื้อคราวนี้ จะอยู่ที่ ๑ ต่อ ๑
ถ้าเราชนะ ๑ ครั้ง แพ้ ๑ ครั้ง ผลตอบแทนจะมีค่าแค่ ๐ ซึ่งในความเป็นจริง จากเงินลงทุน ขาลงจะลดด้วยปริมาณเงินที่สูงกว่า ขาขึ้น รวมกับค่าคอมฯ ด้วย การลงทุนครั้งนี้ จะมีค่าน้อยกว่า ๐ อีกครับ
ซึ่งตรงนี้ สะท้อนไปในผู้ที่ไม่รู้จักการ let profit run (ถึงแม้จะเป็นผู้ที่มีวินัย stop loss อย่างเคร่งครัดแล้วก็ตาม) แต่ขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ก็รีบทำกำไรเสียแล้ว
ในระยะยาวแล้ว ค่าความเสี่ยงของการซื้อหุ้นคราวนี้ จะไม่คุ้มเท่ากับการอยู่เฉยๆ ด้วยซ้ำไป
มาดูกรณีต่อไป สมมติ เราซื้อหุ้นตัวหนึ่ง ราคา ๑๐ บาท โดยมีสตอปลอส ๑ บาท และ ค่าราคาที่น่าจะไปถึงที่ ๑๕ บาท
risk reward ratio ครั้งนี้ จะเท่ากับ ๕ ต่อ ๑ หมายความว่า ถ้าการซื้อหุ้นครั้งนี้ของเราถูก เราจะได้ ๕ บาทต่อการสูญเสีย ๑ บาท หักค่าคอมฯ อีกเล็กน้อย สมมติเราซื้อหุ้นถูก เพียง ๑ ตัว แล้วเราซื้อหุ้นผิด ๕ ตัว ซื้อหุ้นถูก ๑ ตัว ได้ ๕ บาท ซื้อหุ้นผิด ๑ ตัว เสีย ๑ บาท ผิด ๕ ตัว ถึงจะเสีย ๕ บาท
เรายังคงขาดทุนเพียงค่าคอมฯ กับอัตราส่วนการลดเงินของเงินก้อนมาก ต่อเงินก้อนน้อยเท่านั้นเองครับ
เพียงวิธีคิดง่ายๆเท่านี้ ก็จะเห็นแล้วว่า ระบบ let profit run , stop loss และ risk reward ratio มีความสำคัญต่อพอร์ตมากขนาดไหน
ผมจะยกตัวอย่างหุ้นตัวหนึ่งที่ผมซื้อนะครับ ผมซื้อ Bfit ช่วงวันที่ ๑๙-๘ ถึง ๓๐ เดือน ๘ ได้ค่าเฉลี่ยที่ประมาณ ๒๕ บาท คำนวณ ไฟโบอย่างคร่าวขาขึ้น ไว้ที่ ๐.๖๑๘ ได้ราคาเป้าหมายอย่างคร่าวที่ ๓๒.๗ บาทครับ(วิธีการคำนวณค่าไฟโบฯ ผมคงไม่ลงในรายละเอียด มีหนังสือหลายเล่มเขียนอยู่ครับ) และกำหนด stop loss ไว้ที่ previous low คือ ๒๓.๓ บาท
หาค่า risk reward ratio ได้ เท่ากับ ราคาเป้าหมายไฟโบฯ -ราคาซื้อ / ราคาซื้อ - stop loss =๓๒.๗-๒๕/ ๒๕-๒๓.๓ = ๔.๕ เท่า
ตัวนี้ ตัวเดียว ถ้าราคาไปถึงเป้าหมายจริง(ซึ่งราคาปัจจุบันอยู่ที่ ๓๑ บาท ซึ่ง ๒วันก่อนเคยถึง ๓๒.๗๕ และผมได้ขายไปที่ราคาเฉลี่ย ๓๑.๕ บาทแล้ว ๓๐ เปอร์เซนต์) และอาจไปต่ออีกหรือไม่ ปัจจุบันยังไม่แน่ชัด ผมก็จะขอเก็บที่เหลือไว้ ลุ้นขายที่เป้าหมายต่อไป ที่ไฟโบฯ ๑, ๑.๖๑๘ หรือ ๒.๖๑๘ หรือถ้าอาการไม่ดี หุ้นเกิดลงมา ผมก็จะ stop loss ไปตามระบบครับ ซึ่งจะทำให้ค่า risk reward ratio ขั้นต่ำของผมน่าจะอยู่ที่ประมาณ ๔ เท่าอยู่ดี(ซึ่งผมอาจมีตัวเลือกที่ดีกว่า ถ้าต้องการหมุนกระแสเงินสดให้ได้เร็วขึ้น ก็จะทำการขายล้าง แล้วไปซื้อหุ้นตัวอื่นที่มีสัญญาณซื้อต่อไป เพราะค่อนข้างแน่ชัดว่าหุ้นตัวนี้ กำลังปรับฐาน ฯลฯ)
เห็นไหมครับว่า ถ้าเราซื้อหุ้นที่มีอัตราส่วนเดียวกัน ด้วยวงเงินเดียวกัน ต่อให้ซื้อ ถูกเพียง ๑ ตัว ผิด ๔ ตัว เรายังสามารถ weight ความสูญเสีย ได้จนแทบไม่เกิด loss กับพอร์ตด้วยซ้ำไปครับ
ขอให้โชคดี รวยๆครับ
จากคุณ : แมงเม่ามือใหม่ - [ 13 ก.ย. 48 20:09:19 A:58.136.113.148 X: TicketID:080268 ]
เพิ่มเติมเรื่อง stop loss ครับ มีเพื่อนคนหนึ่งถามผมว่า stop loss เมื่อใด?
จะตอบคำถามนี้ได้ดี คนถามต้องตอบตัวเองก่อนว่า เป็นนักลงทุนระยะไหน เพราะ daytrade , ถือข้ามวัน, ระยะสั้นจุ๊ดจู๋, ระยะสั้น, ระยะกลาง , ระยะยาว จะมี stop loss ที่แตกต่างกันไป
(ตัวอย่างเซ็ตปัจจุบัน สำหรับนักลงทุนประเภทระยะสั้น ต้องอยู่ในภาวะ highly alert แล้วครับ เพราะอินดิเคเตอร์หลายตัวบอกว่าลงได้แล้ว ส่วนนักลงทุนระยะกลางก็แค่ alert ธรรมดาครับ ช่วงนี้ ผมลงทุนระยะกลาง เลยยังเฉยๆ ถ้ายังไม่ถึง stop loss)
เดาว่า ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนระยะกลาง คือ เล่นรอบ ๑-๓ เดือนนะครับ และใช้เฉพาะ อินดิเคเตอร์เบสิกง่ายๆที่เรารู้จักกันนะครับ
จะ stop loss เมื่อ
๑ หลุด low เดิม(สำคัญมาก) ๒ หลุด trendline (สำคัญมาก) ถ้าขายแล้ว แม้จะเกิดสภาวะอ้อยอิ่ง ก็ยังไม่ต้องรีบเข้าซื้ออีกครั้ง เพราะหลายครั้ง เป็นการอ้อยอิ่งเพื่อลงต่อครับ ๓ หลุด bb กลางอย่างรุนแรงในภาวะขาขึ้น ๔ macd ถ้าเพิ่งบวกขึ้นไปหมาดๆ ก็กลับมาลบซะแล้ว อย่างนี้ไม่ดี ต้อง stop ๕ macd ตัดค่าเฉลี่ยของมันเอง ๖ mv ค่าน้อยวันตัดค่ามากวัน ๗ rsi ตัดค่าเฉลี่ยของตัวมันเอง
ซึ่ง pattern ของแท่งเทียนจะช่วยส่งเสริมการตัดสินใจให้ดีขึ้นได้ด้วยครับ
จากคุณ : แมงเม่ามือใหม่ - [ 13 ก.ย. 48 20:36:20 A:58.136.113.148 X: TicketID:080268 ]
อืมม......
การซื้อหุ้น 5 ตัว ขอให้ได้ซัก 1 ตัว ที่ไปตามเป้าก็คุ้มแล้ว (อันนี้เจ้าของกระทู้กล่าว)
แต่ในความเป็นจริงของหุ้น สมมติคุณซื้อหุ้น 5 ตัว เมื่อหุ้นตัวที่ 1 ตกลงมาถึงจุดคัทลอส เมื่อตัวที่หนึ่งตกได้ตัวที่ 2 ก็ต้องตกได้ ตัวที่สองตกได้ตัวที่ 3 ก็ต้องตกได้ จนถึงตัวที่ 5 ก็ต้องตกได้
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าหุ้นหลาย ๆ ตัวแทบจะเกิน 90 % ในตลาดจะมีทิศทางที่เป็นไปตามกัน คือไปทางเดียวกันนั่นเอง ตกก็ตก ขึ้นก็ขึ้น ด้วยกันเสมอ
ฉะนั้นคุณจะแบ่งซื้อหรือไม่แบ่งซื้อหุ้นก็ช่าง จะไม่มีผลต่อกำไร/ขาดทุนเท่าใดนัก เพราะที่สำคัญคือการคาดการว่าหุ้นจะขึ้นหรือจะลงแล้วเข้าซื้อให้ถือจังหวะอันนี้สำคัญกว่ามาก
การแบ่งการซื้อหุ้นหลาย ๆ ตัว จะมีผลต่อผลเฉลี่ยกำไร/ขาดทุนเท่านั้น แต่การทุ่มซื้อตัวเดียวถ้าซื้อถูกตัวจะกำไรมากกว่า กำไรไม่ต้องไปเฉลี่ยกับตัวอื่น แต่ถ้าหากซื้อผิดก็ขาดทุนเท่าที่ราคา คัทลอส เหมือนซื้อหุ้น 5 ตัว
ถ้าลุงโอเลี้ยงจะแย้งว่าวิธีการของน้องแมงเม่ามือใหม่ เป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องนัก น้องแมงเม่าจะเชื่อลุงไหม
ความจริงลุงก็แก่แล้วหลง ๆ ลืม ๆ อ่านแล้วผ่านไปก็ดีเหมือนกัน ลุงขอไปนอนก่อนนะหลานคนแก่นอนช้าเดี๋ยวสุขภาพจะเสีย วันนี้โพสไปหลายกระทู้ลุงสะใจพวกเจ้ามือตระกูล e-p-a มันติดหุ้น
จากคุณ : โอเลี้ยงเจ้าเก่า - [ 13 ก.ย. 48 21:20:17 A:61.91.112.34 X: TicketID:104920 ]
คุณลุงโอเลี้ยงเจ้าเก่าครับ ขอบอกเลยว่า ที่ลุงอธิบายมานี่ถูกหมดเลยครับ
"แต่คนละเรื่องเดียวกันเลย"
ไปอธิบายเรื่องการแบ่งเงินเข้าซื้อหุ้นซะนี่ ไอ้เรื่อง ใส่ไข่ในตะกร้าใบเดียวนี่ มันขนมๆเลยนะ
อ่านให้ละเอียดก่อน ค่อยค่อยทำความเข้าใจสักนิดหน่อยก็พอ
ไม่มีใครเขาว่าลุงไม่เก่งหรอกครับ
แต่ถ้าจะเอาวิธีแบบที่พี่พูด ผมก็บอกได้ว่าผมทำอะไรบ้าง จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่
ผมจะบอกให้ พอร์ตระยะกลาง ผมลง ๓ ตัวเองรอบเนี้ย
bfit ,top , กับ ucom (ตัวนี้ตัวเดียวที่ยังไม่ได้กำไร) ยังไม่มี stop loss ซักตัว(ไปเช็คดูกระทู้เก่าๆ ของผมได้เลยครับ ว่าผมเชียร์อะไรบ้าง)
bfit นี่ผมลง ๕๐ % ของพอร์ตเลย(หลังจากขาย aspแล้ว เพราะสัญญาณซื้อชัดเจนมากทั้งสองตัว)
จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่
ส่วนเก็งกำไร ผมวนเงินเล่นแค่ ๑๐ % ที่เล่นมาในช่วง ๑ เดือน และใช้จุด stop แบบสัญญาณระยะสั้น เอาแค่ macd ตัดกันอย่างเดียวก็พอ ไม่ต้องรอ confirm อะไรกันมาก แต่สัญญาณซื้อดูหลายอย่างอยู่
ที่ได้ก็มี apure,(ตอนนี้ ยังไม่ได้ขายเลย เพิ่งซื้อได้แค่ ๓-๔ วันทำการเอง เหอๆ) cnt, thl, uv-w1, us-w1 เอาแค่นี้ก่อน ที่เหลือนั่นมันน้ำจิ้ม บอกตรงๆ หุ้นเก็งกำไร ผมติด top gainer จนเบื่อแล้ว ถ้าเป็นช่วงก่อน ตัวอย่าง ewc ที่ลิ่งคราวก่อนที่โดนทุบนั่น ผมใส่ ๕๐ เปอร์เซนต์ของพอร์ตเลย cpf-w2 นี่ผมใส่เกือบหมดพอร์ตเลย เรื่องแค่นี้ ผมยังต้องให้คุณบอกด้วยหรือ ตอนนั้น ในตลาดขาลง มันไม่มีตัวให้เลือกเล่นด้วย
รอบนี้ ewc กับ picni ผมไม่ได้เล่น ทั้งๆที่สัญญาณซื้อของ ewc นี่สวยมากๆเลย ชัดเจนมากๆ เช่นกัน เพราะผมติดภาพการเพิ่มทุนของ thl ที่เพิ่มปั๊บก็ปรับลงมาเล่นข้างล่างเลย(อันนี้ ผมต้องเรียนรู้เพิ่มเติม วันหลังว่าอย่าคิดมาก ผมก็ยังบังคับใจไม่ได้ ๑๐๐%)
ตัวที่ต้อง stop เล่นสั้นก็มี true มั้ง เพราะดูมันอืดมากๆ ถ้ารอป่านนี้ คงเหมือน ucom ที่ไม่ได้ไปไหน ทั้งๆที่ผมจัดเป็นตัวเก็งกำไรตัวหนึ่ง แต่ราคาไม่ไหวจริงๆ
อะไรอีกก็จำไม่ได้แล้ว แต่เดือนที่ผ่านมา ผมแทบไม่ได้ stop loss เลย
จะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ไม่บังคับนี่ครับ
หลังๆ ผมก็เริ่มเซ็งแล้วเหมือนกัน เล่นเงียบๆ ก็ดีอยู่แล้วครับ
กล. ผมแก่แล้วเหรอ...ก็เพิ่งรู้เหมือนกัน ตอนนี้ อายุ ๒๕ เริ่มจาก ๖ หลัก ตอนนี้ มีเงินแค่ ๗ หลักเอง ที่ลุงสะใจว่าใครจะติดหุ้นเนี่ย ผมว่าลุงกำลังเจ็บใจที่ขายหมูมากกว่า ถ้า ผมซื้อ ewc ป่านนี้ ผมก็ยังไม่ได้ขายเหมือนกับ apure นั่นแหละ ถ้าลุง โอเลี้ยงฯ อยาก accumulate run loss ก็เชิญ ใครจะทำอะไรก็ โออยู่แล้ว ดีเสียอีก ผมจะได้ได้กำไรเร็วๆ เหมือนที่เป็นอยู่เนี่ย
โชคดีเลย ขี้เกียจโพสต์แล้ว
จากคุณ : แมงเม่ามือใหม่ - [ 13 ก.ย. 48 22:47:24 A:58.136.118.173 X: TicketID:080268 ]
แหม !!! หลานแมงเม่านี่ขี้โม้ไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย... มีออกอาการซะด้วยอายุก็เพิ่ง 25 ขวบเอง ใจน้อยซะด้วย
เอา ๆ ลุงไม่ว่าอะไรหรอก อยากโพสอยากคุยอะไรก็ทำไปเหอะ ขอให้เป็นประโยชน์กับชาวสินธรก็ใช้ได้แล้ว ลุงมาพูดแบบขัด ๆ หลานแมงเม่าแบบนี้เดี๋ยวชาวสินธรเอาลุงตายห่าพอดี
ลุงน่ะคิดไม่ทันหลานหรอก ลุงแก่มากแล้วอายุหลาน 25 ส่วนลุงปาเข้าไป 54 ใกล้ปลดระวางแล้วหลานเอ๋ย นี่ก็นอนไปแล้วพอดีลุกมาเข้าห้องน้ำ เลยแวะมาดูซะหน่อย คอมฯที่บ้านลุงจะออนไว้ตลอดไง เข้ามาก็เจอเลยขำไม่ออก เห็นหลานออกอาการแล้วลุงไม่สบายใจ
แต่จะว่าไปแล้วหลานเก่งมากเลยนะ อายุ 25 เริ่มเล่นหุ้น จากเงิน 6 หลัก ตอนนี้กำไรไปแล้ว 4 เท่า มันโตเอาเรื่องนะเนี่ย ตอนลุงอายุเท่าหลานยังไถนา ดำนา ทำไร่อยู่เลยไม่รู้เรื่องฮงเรื่องหุ้นเลยหลานเอ้ย จะช้าไปไหมถ้าลุงจะเอ่ยปากชมหลานเหมือนท่านอื่น ๆ ในสินธร คงไม่ช้าไปนะหลานชาย
"""หลานแมงเม่าเก่งมาก""" คำชมของลุงเอง
เอ้าต่อไปอยากโพสอะไร ทำอะไรก็ทำไปลุงไม่ว่าแล้วแต่จะคอยอ่านเก็บความรู้จากหลานแล้วกัน ลุงมันคนโบราณต้องพัฒนาซะหน่อย
อ้อเรื่อง ewc ลุงไม่มีหรอก ลุงไม่กล้าเล่นหุ้นแบบนี้มานานแล้ว หัวใจจะวาย ไม่กล้าเสี่ยงหรอก อย่าใส่ร้ายลุงซิครับ เดี๋ยวจะบาปนะหลาน
กล.กลับมาโพสเหมือนเดิมนะหลานอย่าน้อยใจที่ลุงมองต่างมุม ความคิดมันไม่เหมือนกัน อย่างหลานเนี่ย นิวเจนเนอเรชั่น ส่วนลุงน่ะเรียกได้ว่า old man แล้วล่ะ
จากคุณ : โอเลี้ยงเจ้าเก่า - [ 14 ก.ย. 48 00:24:55 A:61.91.112.34 X: TicketID:104920 ]
ผมว่า ยังมีอะไรที่ ผมงงนะครับ(คือตกใจเวลาเห็นพวก ไฟโบ สโต RSI อะไรพวกนี้) คือ ไอ้ risk reward ratio เนี่ย มันไม่ได้พูดถึง probability ของ win หรือ lost ด้วย นะครับ ตย.เช่น ถามว่า ซื้อ lottery ดีไหม ถ้าใช้ rr ratio ของคุณก็ต้องตอบว่าดี เพราะ ได้ (สมมุตินะครับ) 10 ล้าน เสีย 40 บาท RR ratio = 250,000 แต่ไม่ว่าตำราเล่มไหนก็ตาม ก็บอกว่า lottery เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า
ปกติที่เขาใช้กัน ก็น่าจะเป็น CV ( Coefficient of variation) หรือ ME (Mathematic expectation) ครับ รอคนรู้มาเสริมดีกว่า
จากคุณ : krit587 - [ 14 ก.ย. 48 00:24:58 ]
ผมเข้าใจคุณลุงครับ คนเราคิดไม่เหมือนกันได้ครับ ยังไงลุงมีประสบการณ์ก็มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ อย่าน้อยใจ ผมจะศึกษาวิธีเล่นหลายๆแบบสักวันผมอาจจะรวยอย่างคุณแมงเม่ามือใหม่ก็ได้ครับ เล่นหุ้นเก็งกำไรติด Top Gainer จนเบื่อ ผมอยากมีประสบการณ์แบบนั้นมั่งจัง
จากคุณ : ผ่านมาอ่าน - [ 14 ก.ย. 48 01:15:43 A:58.10.225.30 X: TicketID:105643 ]
จริงๆแล้วสิ่งที่คุณแม่งเม่ามือใหม่ เขียนมาก็ดีมาก ให้ความเข้าใจในเรื่อง cut loss กับ let profit run ได้ชัดเจนดีขึ้นเยอะเลยครับ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตลาดที่แท้จริงไม่ใช่ 1 กับ 0 คืออาจจะอยู่ตรงกลางระหว่างจุด cut loss กับเป้าหมายที่ไปไม่ถึงสักที ก็เป็นได้ เพราะคนบางคนอาจรอไม่ไหวชิงขายไปซะก่อนหนะครับ สิ่งที่คุณ โอเลี้ยงเจ้าเก่า เสนอความคิดเห็นมาก็น่าสนใจทีเดียวครับ เป็นอีกมุมมองหนึ่งซึ่งอาจไม่มีใครผิดถูก แต่เอาจหมาะจะนำไปใช้ในคนละสถานะการกับนิสัยของแต่ละคนได้นะครับ
ส่วนคำพูดนั้นก็อย่างพึ่งมองว่าเสียดสีกันเลยครับ เปิดใจกว้างๆรับความคิดเห็นคนอื่นเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์เราเองนะครับ
คือผมอ่านแต่กระทู้นี้นะครับ ก็ดูว่าไม่น่าจะรู้สึกไม่ดีต่อกันเลยนะครับ เพราะความเห็นของคุณนั้นก็ดีทั้งคู่เลยครับ
จากคุณ : c-sar-salad - [ 14 ก.ย. 48 01:55:19 ]
อ้าวคุณแมงเม่ามือใหม่ อย่าเงียบไปนะครับ ผมยังเป็นแฟนคอลัมน์คุณอยู่นะ ผู้คนบนโลกนี้มันหลากหลาย ไม่แปลกหรอกครับที่จะมีคนแย้งเรา ผมเชื่อว่าจะต้องมีโผล่มาอีกแน่ แต่หลายคนเหมือนกันที่รอฟังเทคนิคดีๆ จากคุณ อย่างน้อยก็ผมคนนึงแหละ ที่ชอบแนวทางของคุณ รับฟังไว้ไม่เสียหลาย cheer cheer
จากคุณ : โมกูโมกุ - [ 14 ก.ย. 48 09:43:29 ]
คุณความเห็นที่ 14 คุณเข้าใจถูกแล้วครับ เพราะเราต้องดูที่ expected return ที่เป็นบวกไงครับ risk-reward สูงมากในกรณี lottery แต่ probability ที่เราจะได้รางวัลต่ำมากครับ พอคำนวณ expected return แล้วจะพบว่าขาดทุน จึงไม่น่าเล่นไงครับ แต่ในกรณีหุ้น เราassume ว่ามันมีโอกาสขึ้นลงสูสีกัน พอๆกันไงครับ ดังนั้นการกำหนด risk-reward ration ที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วครับ วิธี risk-reward ratio มีอยู่ในตำราของฝรั่งครับ ไม่ใช่ของใหม่ เพียงแต่คนไทยไม่ค่อยพูดถึงเท่านั้นเอง :-)
จากคุณ : QuantTrader - [ 14 ก.ย. 48 11:29:15 A:unknown X:203.146.147.102 TicketID:106665 ]
อืมอ์คุณแมงเม่ามีวิธีแบบไหนน้าที่เลือกตัวเล่นได้ติด top gainer จนเบื่อได้นี่ อิจฉาจริงๆครับ ใช้เทคนิค หรือ indicator ตัวไหนวานแง้มบอกสักนิดด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
จากคุณ : buffet lyn - [ 14 ก.ย. 48 18:47:28 ]
อะจ๊าก...
พี่แมงเม่าเพิ่ง 25 เอง (ก็ต้องเรียกพี่อยู่ดี) แต่ความสามารถระดับนี้ โอว...
อย่างเพิ่งหมดกำลังใจนะครับ วิทยาทานที่พี่แมงเม่าให้มาในแตละครั้ง ล้วนมีประโยชน์มากมายครับ
ถ้าเหนื่อยหรือเบื่อก็พักก่อนนะครับ ไว้ว่างๆ ค่อยแวะมาเยี่ยมเยียนให้ความรู้ดีๆอีกนะครับ
สำหรับเรื่อง risk reward ratio และ stop loss วันนี้ กระจ่างและได้ไอเดียเพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ คิดว่าคงพอหาจุดขายและกล้าที่จะ let profit run ได้แล้ว
ขอบคุณมากๆนะครับ
จากคุณ : HolySix - [ 14 ก.ย. 48 21:37:31 ]
เพิ่งตามอ่านกระทู้ของคุณแมงเม่ามือใหม่ เห็นพัฒนาการในตลาดหุ้น อย่างน่าชื่นชมจริงๆครับ
จากคุณ : chezip - [ 15 ก.ย. 48 02:18:52 ]
ขออนุญาตแสดงความเห็นเพิ่งเติมครับ ทั้งคุณแม่งเม่าและคุณลุงถูกทั้งคู่ครับขึ้นอยู่กับ Money Management กับสภาพคล่องของหุ้นตัวนั้นครับ 1. Money Mgt ถ้าซื้อหมดแล้วไม่เกิน Total Risk ที่กำหนดไว้ก็ O.K. ครับ เช่น ถ้าเรากำหนดความเสี่ยงไว้ 4% และแต่หุ้นมีความเสี่ยง 5% ก็ซื้อได้แค่ 80% ของเงินทั้ง Port ครับ 2. ส่วนเรื่องสภาพคล่องของหุ้น เราต้องกำหนดว่าจะซื้อกี่ % ของปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 10 วันที่ผ่านมา โดยปกติผมกำหนดไว้ไม่เกิน 2% ครับ เพราะถ้ามากกว่านี้อาจทำให้เรามีปัญหาตอนขายได้ครับ
จากคุณ : 59 - [ 15 ก.ย. 48 16:36:12 A:202.139.223.18 X: ]
Create Date : 03 ตุลาคม 2548 | | |
Last Update : 3 ตุลาคม 2548 12:51:18 น. |
Counter : 965 Pageviews. |
| |
|
|
|