คนธรรมดา
เช้าวันศุกร์กลางเดือนตุลาคม ท่ามกลางเม็ดฝนที่ตกพรำมาตั้งแต่เมื่อดึกคืนวาน ทำให้การจราจรบนถนนในวันนี้ดูจะแน่นขนัดยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะภายในรถเมล์ที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนใช้บริการแย่งชิงที่นั่งบนรถยิ่งกว่าเล่นเกมเก้าอี้ดนตรี
น้อย หนุ่มหน้ามนคนหนองบัว ชายหนุ่มที่เดินทางเข้ามาทำงานด้านวิศวะช่างกล ในกรุงเทพเมืองหลวงที่ใครๆ ก็ว่าเป็นเมืองศิวิไลซ์ได้ 2 ปีแล้ว และยังคงใช้บริการรถเมล์ไปทำงานเฉกเช่นทุกวัน แต่ในวันนี้ดูเหมือนเขาจะต้องหงุดหงิดแต่เช้า เพราะความแออัดจากผู้คน และความอบอ้าวจากความชื้นของสภาพอากาศ ซึ่งเป็นสภาพที่เค้าไม่นิยมชมชอบมากนัก และเหมือนกับทุกครั้งที่เขารู้สึกว่าเมืองคอนกรีตที่มีผู้คนไร้ชีวิตจิตใจเหล่านี้ เริ่มเน่าเหม็นและน่าเบื่อขึ้นทุกวันบอกว่าอย่าขอหมอลำ.....บอกว่าอย่าขอหมอลำ เสียงโทรศัพท์รุ่นเก่าของเขาดังขึ้น ซึ่งน้อยรู้ดีว่ารถติดแต่เช้าอย่างนี้จะทำให้เขาไปทำงานสายเป็นครั้งที่ 3 ในรอบเดือน
ครับ...บอส อยู่ไหนแล้วสุริยา...รู้ไหมว่ากี่โมง...ลูกค้าใกล้จะมาแล้วนะ บอสเจ้าอารมณ์เริ่มโวยวาย โธ่บอส...ฝนตกรถติดมากเลยครับ...แต่อีกไม่นานคงถึงแล้วครับ ไม่ต้องมาแล้ว...ฉันจะให้ครรชิตทำแทนนาย...แต่นั้นมันโปรเจกใหญ่ที่ผมทำมาทั้งปีนะครับบอส แต่วันนี้มันเป็นของครรชิตแล้ววะ...เอาเป็นว่าเพื่อบริษัทละกัน...แค่นี้นะลูกค้ามาแล้วหลังจบการสนทนา น้อยรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบดิ่งลงสู่ความมืดที่ไร้แสงสว่าง งานที่เขาทุ่มเททั้งกายและใจมาทั้งปี กำลังจะเป็นผลงานชิ้นใหญ่ของคนอื่น น้อยตัดสินใจไม่กลับไปบริษัทและพอกันทีกับเมืองห่วยๆ แห่งนี้ ทันใดเขาก็ก้าวลงจากรถ กลับบ้านและเก็บเสื้อผ้าใส่เป้เพื่อไปให้ไกลจากเมืองแห่งนี้ให้มากที่สุด
ไปไหนครับ เสียงของเจ้าหน้าที่ขายตั๋วสถานีเอกมัยส่งเสียงเรียกชายหนุ่มที่กำลังเหม่อลอย เออ......ไป........เอ่อ.... แม้จะไม่อยากอยู่กรุงเทพฯ แต่เขาก็ไม่อยากกลับบ้านที่หนองบัวลำพู เพราะรู้ดีว่าพ่อแม่จะต้องเสียใจกับการกระทำของเขา 800 บาท....เอาตั๋ว อ้าว...อะไรพี่ น้อยงงก็บอกปายไง...เร็วๆ คนข้างหลังรออยู่ ...ครับ น้อยหยิบตั๋วมาโดยที่เขายังไม่รู้เลยว่าปายอยู่ส่วนไหนของประเทศไทย แต่อีกใจน้อยก็คิดว่าดีเหมือนกันที่ให้โชคชะตาพาร่างอันบอบช้ำของเขาไปพักฟื้นที่ไหนสักแห่งตลอดทั้งคืนบนรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 น้อยได้แต่คิดว่าชีวิตข้างหน้าจะทำอย่างไรดี กลับไปบริษัทสู้เพื่อฝันอีกครั้ง หรือเก็บทุกสิ่งทุกอย่างกลับบ้านนอกเพื่อทำนาทำไร่ตามที่พ่อแม่ปรารถนา ท่ามกลางความคิดต่างๆ นานาที่เข้ามาในสมอง ความมืดและความเงียบสงบภายในรถได้นำเขาสู่ภวังค์ในค่ำคืนนี้น้องๆ....ตื่นถึงแล้ว พนักงานหนุ่มส่งเสียงปลุกน้อยผู้โดยสารรายสุดท้ายที่ยังไม่ลงจากรถ ถึงไหนแล้วพี่ หนุ่มน้อยยังคงเหน็ดเหนื่อยและไม่รู้ว่าปลายทางของตัวเองอยู่แห่งหนใด อำเภอปายไง...จังหวัดแม่ฮ่องสอน...เป็นคนซื้อตั๋วเองไม่ใช่เหรอ อ้อ...ครับ น้อยรีบลงจากรถเพื่อจะได้ไม่พูดคุยกับพนักงานรถมากนัก
เมื่อลงมาจากรถเขาพบว่าตัวเองอยู่ในเมืองที่มีภูเขาล้อมรอบ เมฆหมอกสีขาวนวลลอยอ้อยอิ่งไปตามหุบเขา ทุ่งหญ้าและทุ่งข้าวส่งกลิ่นไอดินที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมานาน บรรยากาศโดยรอบดูอบอุ่นผู้คนเป็นมิตร และมีชีวิตชีวาแตกต่างจากภาพที่เคยพบในเมืองใหญ่ๆ ซึ่งหากเปรียบเป็นภาพเขียน เมืองปายก็เป็นภาพเขียนที่งดงามมากภาพหนึ่งที่สวยเกินคำบรรยายมีที่พักรึยังหนุ่ม ลุงท่าทางใจดีคนหนึ่งเดินเข้ามาถามชายหนุ่มที่ยังไม่ตื่นจากภวังค์ยังเลยครับ...ว่าจะหาอยู่พอดี น้อยรู้ดีว่าควรหาที่พักเอนกายเสียก่อนเป็นอันดับแรก ไปพักเกสต์เฮ้าส์ลุงไหมราคาไม่แพงหรอกหลานชาย 500 บาทต่อคืนรวมอาหารเช้า อืม....โอเคเลยลุง...อยู่ที่ไหนละ ริมแม่น้ำปาย เย็นสบายไม่ต้องห่วง บรรยากาศดีกว่า รีสอร์ตราคาแพงตั้งเยอะ เอ้า.......ขึ้นรถเครื่องลุงเลยน้อยขึ้นรถมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่ารวม 10 ปีไปแบบไม่ขัดขืน ตลอดทางน้อยยังคงหลงใหลในบรรยากาศและรักเมืองแห่งนี้เข้าให้แล้ว นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ เดือนที่เขามีความสุขในขณะนั่งอยู่บนพาหนะสักอย่างหนึ่ง
มาจากกรุงเทพหรือหนุ่ม...ชื่ออะไรละ น้อยครับ...มาจากกรุงเทพ...แล้วลุงชื่ออะไรครับ เรียกลุงคำก็ได้...มาเที่ยวเหรอ เอ่อ................... น้อยตอบคำถามลุงคำไม่ถูกเพราะ ในใจเขาเองยังไม่รู้ว่าเขามาที่นี่เพราะอะไรกันแน่ตอบไม่ถูกอย่างนี้แสดงว่ามีปัญหาอะไรมาแน่ๆ ทำไมลุงถึงทราบละครับ น้อยเริ่มพูดคุยก็คนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่มักจะมีหนีปัญหามากันทั้งนั้น......น้อยหลงรักเมืองนี้รึเปล่า ชอบครับ.....เหมือนเมืองในฝันเลยลุงนั่นสิ.......ใครๆ ที่มาเยือนต่างก็คิดกันอย่างนี้ ต่างพากันหลงเสน่ห์ของเมืองปาย และต่างพากันนำความฝันของตัวเองมาทิ้งไว้ที่นี่ และดูสิ่งที่พวกคนต่างถิ่นทำสิ กว้านซื้อที่ดินไร่นาของชาวบ้านท้องถิ่น สร้างรีสอร์ตที่พักหรูหรา ทำลายหน้าดิน ป่าไม้ วิถีชีวิตชาวเขา และประเพณีที่สืบทอดกันมานับร้อยปี ให้หายไปกับสายหมอกในช่วงเวลาไม่กี่ปีเท่านั้น ส่วนชาวบ้านเองหากมีจิตใจที่เข็มแข็งรักษาสิ่งที่บรรพบุรุษทิ้งเอาไว้ เมืองปายจะยังน่าอยู่กว่านี้เยอะ ในวันนี้ที่หลานเห็นเป็นเพียงหน้ากากเท่านั้นเองสิ่งที่ลุงคำเล่าทำให้น้อยนั่งเงียบไปพักใหญ่ เขาได้แต่คิดว่าไม่แน่เมืองปายอาจจะเหมือนกรุงเทพฯ ก็เป็นได้ เพียงแต่ผู้คนที่เข้ามาแสวงหาความฝันแตกต่างกันเท่านั้นเอง เอาละ........ถึงแล้วเกสต์เฮ้าส์ของลุงสวยน่าอยู่ดีครับลุง น้อยนั่งลงในกระท่อมหลังเล็กริมแม่น้ำด้วยความสบายใจยิ่งนัก ที่นี่คงจะทำให้เขาพักฟื้นร่างกายจิตใจและคิดเรื่องราวต่างๆ ได้ดีขึ้นแน่ๆ
เสียงสายน้ำที่ไหลพลิ้วไปตามทางดิน ภาพทุ่งหญ้าสีเขียวขจีพัดไหวไปตามกระแสลม ทำให้น้อยคิดถึงบรรยากาศทุ่งนาที่หนองบัวบ้านเกิดยิ่งนัก เขาจำได้ดีว่าตอนเด็กๆ พ่อแม่จะพาเขาไปนา เพื่อเก็บเกี่ยวข้าวยามถึงฤดูเก็บข้าวทุกครั้ง น้อยได้แต่คิดว่ากี่ปีมาแล้วที่เขาไม่ได้เจอหน้าพ่อและแม่ และผืนนาที่ว่างเปล่าตอนนี้จะเป็นอย่างไร .ทันทีทันใดน้อยเก็บกระเป๋าขึ้นมาและวิ่งออกตามหาลุงคำ อ้าว....จะไปไหนละ ลุงคำส่งเสียงเรียกผมต้องไปแล้ว ผมเจอความฝันที่หล่นหายไปของผมกลับคืนมาแล้ว ขอบคุณลุงคำมากครับที่ทำให้ผมเลือกเส้นทางชีวิตต่อจากนี้ได้ลุงคำตบลงที่บ่าหลานชายเบาๆ พร้อมส่งรอยยิ้มที่สวยงามที่สุดกลับไปเป็นคำตอบ
เคยไปแต่แม่ฮ่องสอนไม่เคยไปปายเลย สงสัยต้องให้คุณโอมพาเที่ยวซะแล้ว อิอิ
ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆ มาให้อ่านนะคะ เหมาะสำหรับปลายฝนต้นหนาวแบบนี้จริงๆ