|
เจ้าชายกบ
เจ้าชายกบของผม
ลุงรัน (ตีพิมพ์ในสกุลไทย ฉบับที่ ๒๖๗๔.)
เอ๊ะ ! นี่ ถามจริง ๆ เหอะ เจ้าบุญทิ้ง พ่อหรือแม่แกกันหว่าที่เป็นกบนะ พ่อจ๊ะ เอ๊ย ไม่ใช่ โธ่! น้าก้อ ครอบครัวของฉัน ไม่มีใครเป็นกบหรอกจ้านอกจากตัวฉันเพียงคนเดียวโด่เด่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เออ
วะ เอ็งนี่ชอบทำให้ข้าหัวเราะอยู่เรื่อยเลยนิ พี่บุญทิ้ง ที่ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านจัดสรรแถบชานเมืองของเรา มักจะพากันเรียกขานกันจนติดปากว่า ไอ้กบ ตามใบหน้าที่ดันไปคล้ายกับกบที่ร้องอ๊บๆ อยู่ตามพงหญ้า เมื่อคราฝนร่ำ มักจะตอบคำถามในเชิงยั่วเย้าถึงความขี้ริ้วขี้เหร่ของใบหน้าตัวเองอย่างเรียกเสียงฮาเช่นนี้อยู่เสมอ ขณะที่เด็กๆ อย่างพวกเราซึ่งอยู่ในวัย 10 กว่าขวบ ก็จะพากันหัวเราะคิกคักในทุก ๆ ครั้งที่พี่บุญทิ้ง-ชายหนุ่มในวัยเพิ่งผ่านพ้นเกณฑ์ทหาร เจ้าของผมหยิกหยอยสีแดงดำกร้านแดด ใบหน้าสี่เหลี่ยมป้าน ตาหรี่เล็กยาว จมูกฟีบแบนคล้ายผลชมภู่ลูกโต ปากอูมกว้าง พาร่างเตี้ยสั้นหม้อต้อมาให้เราได้พบเห็น และจะดีใจกันยิ่งขึ้นไปกว่านั้น หากเจ้าของร่างที่ว่าตั้งอยู่บนอานจักรยานสีแดงแจ๋คันโปรดของแก 5ขณะขี่ผ่านมายังสนามเด็กเล่นกลางหมู่บ้านจัดสรรในช่วงเวลาเย็นหลังเลิกเรียน เราจะพากันตะโกนโวกเวกกวักไม้กวักมือเรียกให้แกเข้ามาหา พี่บุญทิ้งจะหันหน้ามายักคิ้วแพลบให้อย่างใจดี หากไม่มีธุระปะปังไปไหน พี่บุญทิ้งจะเบนหัวจักรยานตรงมายังพวกเราทันที เมื่อใกล้จะถึงตรงที่พวกเราอยู่ แกก็จะปล่อยมือจากแฮนด์จักรยาน พร้อมกับชูมือหราขึ้นกลางอากาศ เอาขาทั้งสองข้างยกขึ้นจากบันได มาไขว้ไว้บนแฮนด์จักรยานเแทน เพื่อขี่อวดให้พวกเราดูเล่น พร้อมกับส่งเสียงทักทายปลิวสายลมมาให้ สวัสดี เด็กน้อย คนหล่อมาแล้ววววววว
. ขณะที่จักรยานก็จะค่อย ๆ ไหลเลื่อนพาร่างของพี่บุญทิ้ง มาหยุดกึกอยู่ตรงกลางวงล้อมของหมู่เด็กน้อย ท่ามกลางเสียงหัวเราะครื้นเครงและรอยยิ้มเบิกบานของพวกเราทุกคน ชีวิตของพี่บุญทิ้งในความคิดของเด็กๆ อย่างพวกเราจึงคล้ายกับรถไฟสังกะสี ว่าวแสนสวย กล่องดนตรีเสียงใส และอะไรต่อมิอะไรที่สร้างเสียงหัวเราะและความสนุกสนานเฮฮาให้กับพวกเราในวัยเยาว์
พี่บุญทิ้งมาอยู่ที่นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมไม่รู้ จำความได้ ก็เห็นแกเดินท่อมๆ ทำโน้นทำนี่อยู่ภายในรั้วโรงเรียนประถมของผมที่หน้าหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้แล้ว เล่ากันมาว่าพี่บุญทิ้งเป็นคนมาจากต่างจังหวัดในภาคอีสาน ฝนแล้ง ทำนาข้าวขาดทุน จึงอพยพเข้ากรุงฯ มาหางานทำ จับพลัดจับพลูอีท่าไหนก็ไม่ทราบได้ จึงกลายมาเป็นภารโรงของโรงเรียนแห่งนี้ไปในที่สุด
ครั้งหนึ่ง
มีการประชุมครูที่โรงเรียน พี่บุญทิ้งพาพวกเราไปคอยเสริฟ์น้ำเสริฟ์ท่าให้กับบรรดาครูที่เข้าร่วมประชุม ในระหว่างที่การประชุมได้เลิกราลงแล้วในตอนเย็น เสียงเด็ก ๆ อย่างพวกเราแย่งกันถามเสียงเซ็งแซ่ว่า พี่บุญทิ้ง ทำไมไม่เข้าประชุมกับเขาบ้างล่ะ เฮ้ย
พี่มันแค่นักการภารโรงโว้ย มีหน้าที่ปัดกวาดเช็ดถูโรงเรียน จบแค่ชั้นป. 4 ไม่ได้ร่ำเรียนมาสูง ๆ เหมือนอย่างพวกเขา สีหน้าของพี่บุญทิ้งฉายแววความน้อยใจขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะแสร้งทำหน้าเด๋อด๋ากลบ แถมยังยิ้มตลก ทำตาเหล่ติดกันให้เราดูเสียอีกด้วย เรียกเสียงฮาครืนจากพวกเราได้อีกครั้ง แน่ะ ดูสิ! เห็นไหม แม้แต่ในยามที่หัวใจเศร้าปานนั้น แต่พี่บุญทิ้งก็ยังไม่วายทำให้ผู้คนรอบข้างแม้แต่เด็กเล็กๆ อย่างเราได้มีความสุขกันถ้วนหน้า
ในเย็นวันนึงของปิดเทอมใหญ่ในฤดูร้อน พี่บุญทิ้งกับจักรยานคันโปรดก็โผล่มาที่หน้าบ้านของผม พี่บุญทิ้งอยู่ในสภาพที่ทำให้ผมแทบจำไม่ได้ ปะแป้งที่หน้าจนขาววอก ผมหยิกหยอยเรียบแปล้ติดหนังหัวด้วยน้ำมันใส่ผมยี่ห้อตันโจ ใส่เสื้อสีเหลืองอ๋อยแขนสั้นเก่าคร่ำแต่รีดเสียเรียบ กลัดกระดุมทุกเม็ด ไม่เว้นแม้แต่ที่คอ นุ่งกางเกงสีกากีตัวเก่ง กลีบคมกริบจนเสียวบาดมือ มีผ้าขาวม้าตาหมากรุกพันรอบเอว และสวมรองเท้าหนังสีดำที่มีรอยปุปะเต็มไปหมดแต่ขัดเงาเป็นประกาย ส่วนที่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง มีหวีอีโต้สีฟ้าขนาดใหญ่เหน็บอยู่ โผล่ออกมาให้เห็นแต่ด้ามจับ พี่บุญทิ้งชวนผมขึ้นซ้อนท้ายจักรยานของแก บอกแต่เพียงว่าจะพาไปหาอะไรดื่มแก้ร้อนกัน ปั่นจักรยานมาได้สัก 15 นาที จึงมาถึงร้านกาแฟโบราณริมถนนใหญ่นอกหมู่บ้านจัดสรรที่ตกแต่งอย่างง่ายดาย สั่งอะไรมาดื่มกันได้สักพัก พี่บุญทิ้งจึงชี้มือไปที่ร้านเซเว่นอีเลิฟเว่นที่เพิ่งมาเปิดใหม่ได้เพียงไม่กี่วัน แทนที่ร้านโชห่วยรกร้างของสองผัวเมียชราชาวจีนที่เพิ่งย้ายออกไป นี่ไอ้หนู พี่วานเอาจดหมายไปให้พี่ผู้หญิงคนสวยๆ สูง ๆ ที่ยืนขายของอยู่ในร้านนั่นทีสิ บอกเขาว่า พี่ให้เอามาให้ จดหมายนัดแนะหญิงสาวสวยผู้มาใหม่-พนักงานขายของในร้านชำฝรั่งฝั่งตรงข้ามให้ออกมาพบที่ร้านกาแฟโบราณแห่งนี้
เธอว่าไงบ้าง หา พี่บุญทิ้งถามผม หน้าตาเหลอหลา ขณะที่ผมหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้สังกะสีฝั่งตรงข้าม ผมก้มลงดูดน้ำแดงใส่นมสีชมพูในแก้วตรงหน้าอึกใหญ่ ก่อนจะสั่นหน้าและว่า ไม่เห็นว่าไรนี่ครับ ได้แต่ยิ้ม ๆ อะไรบางอย่างทำให้ผมไม่กล้าสบตากับพี่บุญทิ้งที่กำลังทำหน้าตาเลิ่กลั่กชวนสงสารอยู่ในตอนนี้ ได้การละ ไอ้หนู สงสัยได้การแน่ ฮ่า ฮ่า พี่บุญทิ้งพูดเอง เออเองเสร็จสรรพ หัวเราะลงลูกคอเอิ๊กอ๊ากชอบใจ จากนั้น เราทั้งสองจึงนั่งรอเธออยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายชั่วโมงจนดวงจันทร์และหมู่ดาวบานสะพรั่งเต็มทุ่งท้องฟ้า พี่บุญทิ้งเหลือบตาดูนาฬิกาที่ข้างฝาของร้าน แล้วจึงพึมพัมขึ้นมาว่า พี่ว่า เขาคงงานยุ่งมากนะ ไอ้หนู ถึงมาหาพี่ไม่ได้ พี่บุญทิ้งทำปากจู๋ๆ ระหว่างเพ่งมองไปที่ร้านของเธอ จุ๊ จุ๊ ดูสิ ไอ้หนูเห็นไหม คนเข้าร้านยังกับหนอน คงปลีกตัวออกมาหาพี่ไม่ได้แน่นอนแล้วหละ ปะ เรากลับกันก่อนเถอะวะ วันหลังค่อยมากันใหม่เนอะ ในระหว่างทางกลับคืนสู่หมู่บ้านจัดสรร พี่บุญทิ้งปั่นจักรยาน มีผมนั่งซ้อนท้ายเหมือนอย่างตอนขามา ไอ้หนู เอ็งเชื่อไหมว่า พี่เห็นเขาส่งยิ้มให้พี่ด้วยนะโว้ย พี่ว่าเขาต้องชอบพี่แหงๆ เลย ความรักของไอ้บุญทิ้ง มันคงสมหวังกันเสียทีละคราวนี้ ฮ่า ฮ่า เอ็งว่าไหม ? พี่บุญทิ้งเจื้อยแจ้วแข่งกับเสียงลมที่ลอยสวนมา เหลียวหน้ามาทางผมเพื่อขอความเห็นเป็นระยะ ๆ ผมพยักพเยิดหน้าไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกหดหู่ใจพิกล สักพัก จึงใช้มือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ดึงเอาเศษกระดาษสีขาวชิ้นเล็ก ๆ ออกมากำไว้ ตาคอยจ้องมองไปที่ร่างของพี่บุญทิ้งที่กำลังคุยฟุ้งอยู่ไม่สร่าง ด้วยกังวลว่า แกจะเหลียวหน้ามาพบปะเข้าพอดี และเมื่อสบโอกาส ผมจึงคลายมือลงข้างตัว ปล่อยกระดาษแผ่นนั้นที่มีลายมือของผู้หญิงเขียนเอาไว้ว่า จะไปลงนรกที่ไหนก็ไปเถอะ ไอ้กบขี้เหร่เอ๊ย ให้ปลิวไปตามสายลมแรง
ไหน ไหนไอ้หนู ลุงถามเอ็งจริงๆ หน่อยเถอะว่า เรื่องที่ไอ้บุญทิ้งมันเที่ยวป่าวประกาศไปทั่วว่า เด็กสาวขายของในร้านฝรั่งนั่นนะเป็นแฟนมัน ความจริงมันเป็นอย่างไรกันแน่วะ เห็นว่าเอ็งไปกับมันด้วยไม่ใช่รึ แต่พับผ่าสิ ลุงไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ก็อีหนูคนนั้นนะ ลุงเคยเห็นแล้ว มันสวยยังกะนางฟ้านางสวรรค์ขนาดน้าน
น
.น.. มีรึ จะมาเอาไอ้กบของเราไปทำฝาละมี ลุงพร -ชายชราวัยเกินเกษียณมาเล็กน้อย เจ้าของร้านชำเล็กๆ กลางหมู่บ้านจัดสรรถามขึ้น ขณะที่ผมกำลังคว้านมือหยิบลูกกวาดหลากสีในขวดโหลสีใสที่ตั้งอยู่หน้าร้านของแก ผมจำต้องเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้แกฟังอย่างหมดเปลือก เพราะไม่กล้าโกหกลุงพรซึ่งเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก จากปากต่อปาก จากหูสู่หู เรื่องราวที่เกิดขึ้นถูก เล่าสู่กันฟัง ไปทั่วหมู่บ้านจัดสรรของเราอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ความจริงทั้งหมดไปเข้าหูพี่บุญทิ้ง พี่บุญทิ้งโกรธผมมากและไม่ยอมพูดจาด้วยกับผมอีกเลย
รักครั้งนี้
.ดูท่าจะเล่นงานพี่บุญทิ้งของเราเสียจนสะบักสะบอม เพราะนับจากนั้น พี่บุญทิ้งก็เอาแต่เก็บตัวเงียบงำอยู่ภายในห้องพักหลังโรงเรียนเป็นเวลาหลายวัน ไม่ยอมออกไปไหนมาไหนกับจักรยานคู่ชีพเหมือนอย่างเคย จนกระทั่งในเย็นวันหนึ่ง
พวกเราจึงได้เห็นพี่บุญทิ้งอีกครั้ง ขณะขี่จักรยานลัดเลาะอยู่ตรงริมรั้วด้านหนึ่งของสนามเด็กเล่น เราต่างรู้สึกดีใจกันอย่างที่สุด และค่าที่รู้ว่า พี่บุญทิ้งเป็นคนใจดี จึงเกิดนึกสนุกตามประสาเด็ก พวกเราในที่นั้น-ยกเว้นผม จึงนัดแนะกัน ตะโกนล้อเลียนแกขึ้นพร้อมกันด้วยเสียงอันดังว่า ไอ้กบอกหัก ไอ้กบอกหัก พลางตบไม้ตบมือให้จังหวะกันอย่างครื้นเครงสนุกสนานจากตรงที่ที่ผมยืนอยู่ ผมแลเห็นใบหน้าของพี่บุญทิ้งเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ รีบเบนหัวจักรยานและเร่งปั่นตรงมายังพวกเราในทันที แต่ด้วยความร้อนรน ล้อจักรยานเกิดไปสะดุดเข้ากับก้อนหินใหญ่น้อยที่เกลื่อนอยู่บนสนามหญ้าล้มคว่ำลง ร่างสั้นๆ กลิ้งหลุนๆ ไปตามพื้นหญ้าและหยุดนิ่งในเวลาต่อมา พี่บุญทิ้งนอนจุกแอกอยู่บนพื้นหญ้าได้สักประเดี๋ยว จึงยันกายยืนขึ้นมาด้วยพลังแห่งความแค้นเคือง และรีบวิ่งตรงดิ่งมายังพวกเราอีกครั้งหนึ่ง พร้อกับยื่นมือขวาใหญ่และหนาที่งอคล้ายขิงออกมาข้างหน้า เตรียมจะเขกหัวพวกเรา พลางร้องตะโกนลั่นขึ้นมาราวกับคนบ้า ย๊าก
ก
ก
เมื่อเห็นเช่นนั้น พวกเราที่อยู่ในอาการตื่นตะลึงพรึงเพริด เพราะนึกไม่ถึงว่าเรื่องจะกลายมาเป็นแบบนี้ ต่างพากันวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น โชคร้าย ! ผมเกิดหกล้ม ร่างคะมำลงไปที่กองหินบนพื้นหญ้าเบื้องหน้า และผุดลุกขึ้นมานั่งชันเข่าในเวลาต่อมาอย่างรวดเร็ว มองดูแผลที่ขาที่ถูกหินข่วนเป็นแนวยาว มีเลือดไหลซิบ ๆ ออกมา ผมร้องไห้โฮขึ้นมาด้วยเจ็บและกลัว ขณะที่ร่างของพี่บุญทิ้งกับ มะเหงก ของแกกำลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ จนเมื่อเหลือระยะทางอีกไม่ถึง 2 เมตร ก่อนที่ร่างของพี่บุญทิ้งจะมาถึงตัวผม ผมรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมประสานไว้เหนือหัว พร้อมกับหลับตาปี๋ เม็ดน้ำตาไหลพรากจนชุ่มหน้า นั่งรอวินาทีประหารนั้นอยู่ด้วยหัวใจโครมคราม แต่ทันใดนั้น
ร่างของผมก็ถูกยกลอยสูงขึ้นจากพื้นหญ้า ในวินาทีนั้น ผมคิดไปเองว่า พี่บุญทิ้งแกคงจะเปลี่ยนแผน ไม่เขกหัวผมแล้ว แต่คงคิดจะทุ่มร่างของผมลงกับพื้นหญ้าเบื้องล่างแทนอย่างแน่นอน และหากเป็นเช่นนั้นจริง ผมอาจจะต้องถึงตายได้ รู้สึกหวาดกลัวและคิดถึงแม่ขึ้นมาจับใจ เวลาผ่านไปหลายชั่วอึดใจ แต่จนแล้วจนรอด ร่างของผมก็ยังไม่ยักจะถูกทุ่มลงไปเสียที ผมตัดสินใจค่อยๆ ลืมตาขึ้น และแล้ว
ผมจึงได้เห็นใบหน้าเลิ่กลั่กของพี่บุญทิ้งที่มีเม็ดเหงื่อลูกโตเกาะพราวอยู่ กำลังจ้องมองดูบาดแผลที่ขาของผม ยินเสียงพูดปนหอบตะกุกตะกักของแกดังขึ้นมาว่า อ..อ..ไอ้หนู คงเจ็บน่าดูเลยสิท่า โห ! ด
ด
ดูสิ เลือดออกเเยะเลย เออ ! ร..ร.. รอ รอพี่อยู่ตรงนี้แป๊บนึงนา เดี๋ยวพี่จะไปซื้อยาแดงมาใส่แผลให้ พี่บุญทิ้งค่อยๆ วางร่างของผมแหมะลงบนพื้นหญ้า จากนั้น ร่างป้อม ๆ สั้น ๆ ราวกับมะขามข้อเดียวจึงเงอะๆ งะๆ เดินตรงไปยังรถจักรยานสีแดงแจ๋ที่นอนแอ้งแม้งอยู่ไกล ๆ แต่ภาพเบื้องหน้าสำหรับผมในตอนนั้น กลับคล้ายแลเห็นร่างของเจ้าชายกบ รูปงามที่เจ้าหญิงแสนดี จุมพิตแก้คำสาปของแม่มดใจร้ายให้แล้ว ได้ก้าวโผล่พ้นออกมาจากหนังสือนิทานที่เคยอ่านก่อนนอน และกำลังย่ำเดินอยู่ ณ ที่ตรงนั้น
Create Date : 29 สิงหาคม 2549 |
Last Update : 17 ตุลาคม 2549 9:46:17 น. |
|
8 comments
|
Counter : 2815 Pageviews. |
|
|
|
โดย: นัทธ์นลิน IP: 202.29.54.250 วันที่: 30 สิงหาคม 2549 เวลา:0:28:06 น. |
|
|
|
โดย: บอลจ้า IP: 58.9.120.220 วันที่: 30 สิงหาคม 2549 เวลา:9:10:22 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งไผ่..ไหวเอน IP: 124.157.169.25 วันที่: 30 สิงหาคม 2549 เวลา:9:16:10 น. |
|
|
|
โดย: เตเต้ IP: 203.209.78.162 วันที่: 31 สิงหาคม 2549 เวลา:13:37:59 น. |
|
|
|
โดย: รัน IP: 124.121.190.45 วันที่: 31 สิงหาคม 2549 เวลา:18:29:16 น. |
|
|
|
โดย: โน IP: 124.157.217.254 วันที่: 31 สิงหาคม 2549 เวลา:22:08:06 น. |
|
|
|
โดย: กอล์ฟ IP: 58.147.60.209 วันที่: 1 กันยายน 2549 เวลา:2:08:11 น. |
|
|
|
โดย: นู๋เนือย IP: 202.12.74.7 วันที่: 19 ตุลาคม 2549 เวลา:10:57:15 น. |
|
|
|
| |
|
|