"ที่ว่างของงานเขียน..เล็กๆแต่อบอุ่น [Love&Warmth]"
Group Blog
 
All Blogs
 
สุขแท้แค่ได้มี...




เรื่อง : เจ้ากอล์ฟ





ณ กลางสะพาน
ท้องฟ้าสกาวดาวดูสดใส สายลมเย็นพัดผ่านหน้าของผมไปครั้งแล้วครั้งเล่า รถรา และเรือต่างๆส่งเสียงดังขึ้นเป็นระยะ ผมกระดกเบียร์กระป๋องอย่างช้าๆ ใช่แล้ว...ผมมีเรื่องไม่สบายใจ คนที่ปกติดีคงไม่มานั่งดื่มเบียร์อยู่ตรงนี้แน่นอน เที่ยงคืนกว่าบนสะพานพระปิ่นเกล้า!


บรรยากาศอ้างว้างชวนให้เหงา มีเสียงเพลงเบาๆจากเครื่องเล่นคอยขับกล่อม รอยยิ้มของลมกับส่วนผสมของเบียร์ ยิ่งทำให้ละเมอเพ้อไปแสนไกล ผมมองจากบนสะพานสู่แม่น้ำเบื้องล่าง ภาพน่ากลัวยิ่งนัก ทั้งมืดและสูง

“นี่ถ้าเราตกลงไปจะเป็นยังไงนะ” ผมพึมพำกับตัวเอง

“ก็ตายน่ะสิเจ้านาย” เสียงเล็กๆแว่วขึ้นมา ผมมองหาต้นเสียงนั้นทันที

“เอ้ย เจ้าสามเข็ม นี่เจ้าพูดกับข้าหรือ” ผมมองนาฬิกาที่ข้อมืออย่างแปลกใจ

“ตอนนี้เวลา เที่ยงคืนกว่าแล้วนะเจ้านาย นั่งอยู่ที่นี่มา 2 ชั่วโมงแล้วนะเจ้านาย” เจ้าสามเข็มบอก

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกระดกเบียร์ในมือ “เฮ้อ..ข้ายังอยากอยู่ต่ออีกสักพัก ข้ายังคิดไม่ออกว่า ข้ามาทำอะไรที่นี่”

“กระผมไม่รู้หรอกว่าเจ้านายมาทำไมที่นี่ รู้แต่ว่าพรุ่งนี้เจ้านายต้องตื่นแต่เช้ามิใช่หรือ” เจ้าสามเข็มเตือนสติ

“โลกนี้บางครั้งก็สวยงามซะจนไม่อยากจะจากไปไหน แต่บางคราวมันก็โหดร้ายพอๆกับที่สวยงามนั่นล่ะ และอาจมากกว่าด้วยซ้ำ” ผมมองทอดลงไปยังแม่น้ำเบื้องล่าง พลางระบายให้เจ้าสามเข็มได้ฟัง

“ผู้หญิงคนนึงได้เปลี่ยนไป จากที่เคยแสนดีและอ่อนหวาน ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ แต่นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการ” คิดว่าไงเจ้าสามเข็ม

“ก่อนนั้นเจ้านายมีความสุขไหม และเมื่อไม่เข้าใจกันเจ้านายมีความสุขไหม” เสียงแว่วของเจ้าสามเข็มแล่นเข้ามาในหัวผม

“ก่อนนั้นก็มีความสุขดี มากเสียด้วย แต่มาตอนนี้มันหายไปเกือบหมดแล้วล่ะ คงใกล้ถึงการลาจาก” ผมแหงนหน้ามองท้องฟ้า

“ความสุขของเจ้านายคืออะไร” เสียงแว่วของเจ้าสามขา ที่ทำให้ผมต้องชะงักทันใด
.............................................



ชั่วโมงที่แล้ว
ความเหงาของบรรยากาศ ชวนให้ผมเดินลงจากสะพานพระปิ่นเกล้า ผ่านวิทยาลัยนาฏศิลป์ไปตามทางเท้า ที่มีแสงไฟสลัวๆไปตลอดทาง ผู้คนเดินสวนมาบ้างปะปราย ผมเดินอย่างช้าๆพลางคิดเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดทาง เมื่อมาถึงหน้าโรงละครแห่งชาติ ผมก็ข้ามถนนไปยังสนามหลวง เพื่อหาเครื่องดื่มแก้โรคเหงา ที่หลายคนพึ่งพามันอยู่บ่อยครั้ง เมื่อผมเข้าสู่พื้นที่กว้างใจกลางเมืองกรุง ผมรู้สึกแปลกใจกับภาพที่เห็น ผู้คนมากมาย เด็ก ผู้ใหญ่ และวัยชราปะปนกันกระจายเต็มพื้นที่

“ทนทำงานนี้ไปก่อนนะ แล้วเดี๋ยวอีกเดือนนึง พี่จะพาเราย้ายไปทำสวนลำไยที่เชียงใหม่ด้วยกัน”
“ได้จ้ะ พี่ไปไหนแค่ให้ฉันไปช่วยพี่ แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ”
เสียงของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่นอนมองดาวบนฟ้าอยู่ด้วยกัน

“ลูกเต้าพอโตก็หายหน้ากันไปหมด ข้าอยู่คนเดียวที่นี่มานานเหงาก็เหงา แต่ตอนนี้ข้ามีพี่ๆน้องๆเป็นเพื่อนมาหลายปี แค่นี้ก็มีความสุขพอที่จะลืมเรื่องเก่าๆได้ละ”
กลุ่มคนหลายวัย นั่งคุยกันเป็นวงใหญ่หัวเราะกันอย่างเริงร่า

“เบลเอ้ย จะกลับยังลูก ไว้พ่อจะพามาเล่นอีกนะ ป่านนี้แม่คอยแย่แล้ว”
“อีกแป๊ปนึงนะพ่อ”
สองพ่อลูกที่เล่นว่าวกัน ท่ามกลางเวิ้งฟ้าที่กว้างใหญ่ของสนามหลวง



ผมเดินผ่านผู้คนมามากมาย จนมาถึงใจกลางของสนามหลวง ที่นี่มีร้านค้ามากมาย มีข้าวไข่เจียว ผัดไท กระเพาะปลา และอื่นๆ อีกมาก แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกหิวแม้แต่น้อย ผมตรงไปยังร้านขายน้ำ ที่ตั้งกล่องโฟมเก็บความเย็นใบใหญ่ทันที

ผู้หญิงวัยกลางคนที่ดูจะเป็นเจ้าของร้านนั่งอยู่ “เอ่อ..เจ๊ครับ มีเบียร์กระป๋องไหมครับ”

“40 บาท ไหนๆ ก็โดนแล้วขายมันซะเลย” เจ๊พูดอย่างอารมณ์เสีย

“เอา 3 กระป๋องครับ ว่าแต่เจ๊โดนอะไรมาเหรอครับ” ผมถามด้วยความสงสัย

“ก็ตำรวจน่ะสิ มาไถไป 200 ไม่งั้นจะจับเรื่องที่ขายของมึนเมาในสนามหลวง แต่น้องซื้อไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก ช่วงนี้มาไถบ่อย ข้าวขึ้นราคาก็แบบนี้ล่ะ” เจ๊บ่นยืดยาว

ผมกระดกเบียร์ที่ซื้อมา พลางกวาดสายตาไปรอบๆ “เจ๊ขายที่นี่มานานแล้วสิครับ”

“เกือบ 7 ปีแล้วนะ ก็พอขายได้ไม่ถึงกับร่ำรวยอะไร เมื่อก่อนเจ๊ทำงานทอผ้า แต่มันเหนื่อย เหนื่อยทั้งใจ เหนื่อยทั้งกาย เจ๊เลยลาออกมา แล้ววันนึงได้มาเดินเล่นที่นี่ เห็นผู้คนมากมายก็เลยลองขายพวกน้ำดื่มดู แล้วจากนั้นก็เลยขายมาตลอด ที่นี่ลมเย็น ฟ้ากว้างใหญ่ อยู่แล้วไม่อึดอัด เจ๊มีความสุขดี แค่มีเพื่อนๆ คนรู้จัก มีคนคุยยามเหงาก็พอแล้ว บางครั้งขายๆ ไปก็ได้คนคุยมากหน้าหลายตา เจ๊ก็อายุเยอะแล้ว เจ๊ไม่ต้องการอะไรมากมายแล้ว ลูกติดเจ๊ก็มี นั่งเล่นอยู่ตรงนั้น” เจ๊พูดไปหัวเราะไป ยิ้มไม่ยอมหุบ



เมื่อผละจากเจ๊ ผมตัดสินใจเดินถือกระป๋องเบียร์กลับทางเดินเดิม ไปยังสะพานพระปิ่นเกล้า ยืนกินลมชมดาวพร้อมจิบเบียร์ด้วยใจที่อ้างว้าง ภาพของเธอวนเวียนเข้ามาในหัว ผสมกับภาพของผู้คนชาวสนามหลวง ผมหลับตาลงชั่วครู่ ก่อนจะหยิบเครื่องเล่นเพลงเล็กๆ ขึ้นมาเปิดฟัง

เสียงพึมพำของตัวเองดังขึ้นเบาๆ “ผมมาทำอะไรที่นี่…..”
……………………………….......



2 ชั่วโมงที่แล้ว
ผมรู้สึกตัวเบาหวิวมีความสุข เมื่อผมจะได้เจอเธอคนนั้น จากที่ไม่ได้เจอมานาน เพราะช่วงที่เราไม่ได้เจอกันนี้ ต่างคนต่างไม่เข้าใจ และมีปัญหากันเรื่อยมา ครั้งนี้ผมกะเอาไว้ว่า จะเอาของที่ยืมมาไปคืน และจะพาเธอไปกินข้าว นั่งคุยปรับความเข้าใจกัน เวลานัด 3 ทุ่ม ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

“มาสายไปนิดนึงนะ” น้ำเสียงเรียบๆ ของเธอเอ่ยขึ้น

“อ่อ พอดีติดงานด่วนนิดหน่อย เอานี่ของที่ยืมไป แล้วเดี๋ยวจะไปไหนต่อ” ผมพูดไปด้วยใจที่เริ่มระแวง

“รีบกลับ ทำงานต่อ” สั้น ห้วน และเย็นชายิ่งนัก

“อ่ะ ....” ผมพูดอะไรไม่ออก ลืมทุกอย่างที่คิดเอาไว้ก่อนเจอกัน

“งานเยอะ ไม่มีเวลา แล้วนี่จะกลับยังไง” เธอเอ่ยถาม

“อ่อ ไม่เป็นไรกลับเองได้สบาย ไปล่ะครับ” ผมพยายามอดกลั้นความผิดหวังไว้อย่างที่สุด

ผมไม่รู้จะไปไหนดี เดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีเหนื่อย ก้มหน้าก้มตาไม่มองใครทั้งนั้น เธอคนนี้ไม่ใช่เธอที่ผมเคยรู้จัก เวลาเพียงไม่นานเธอก็เปลี่ยนไปมาก หน้ามือเป็นหลังมือ ผมไม่รู้เพราะอะไร มีเหตุผลมากมาย ที่คนเราจะเปลี่ยนไป จากผู้หญิงที่แสนดีและน่ารัก กลายเป็นคนที่เย็นชา ผมพยายามที่จะไม่คิดถึงเหตุผล ที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ ผมเดิน และก็เดิน จนมองเห็นสะพานพระปิ่นเกล้า เมื่อเดินถึงส่วนที่สูงที่สุดของสะพาน ผมจึงหยุดพลางทอดสายตาออกไปตามความยาวของแม่น้ำ ลมพัดแรงแต่ผมกลับรู้สึกร้อนไปทั้งตัว ผมพยายามที่จะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ทำไม่ได้สักที ยิ่งพยายามที่จะลืม ก็ยิ่งจดจำได้ขึ้นใจ


“ผมมาทำอะไรที่นี่” เสียงพึมพำของตัวเองดังขึ้น

“ความสุข และความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีเธอ มันกำลังจะหมดไปใช่ไหม” ผมเงยหน้ามองท้องฟ้า พลางเอ่ยถามลอยๆ เผื่อจะมีใครสักคนมาตอบ
.....................................


ณ กลางสะพาน
“แล้วความสุขของเจ้าล่ะคืออะไร” ผมถามเจ้าสามเข็มกลับไป

“แค่ได้อยู่บนข้อมือเจ้านาย ให้เจ้านายเห็นว่า กระผมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเจ้านาย แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว” เสียงแว่วเจ้าสามเข็มดังขึ้น

“นั่นสินะ เจ้าทำให้ข้าคิดได้ ความสุขของคนเรามันไม่เท่ากัน อย่างคนที่สนามหลวงแค่พวกเขามีเพื่อน มีที่กิน มีที่นอน มีรายได้ ถึงแม้มันจะไม่มากมายก็เถอะ แต่พวกเขาก็มีความสุขได้ เอ็งว่าไหมเจ้าสามเข็ม บางทีความสุขของเธอคนนั้น อาจจะต้องการมากกว่าสิ่งที่ข้ามีให้และเป็นอยู่ก็ได้” ผมเหม่อมองไปยังเรือที่แล่นไปมา

“เจ้านายยังไม่บอกเลย ว่าความสุขของเจ้านายคืออะไร” เจ้าสามเข็มท้วงคำตอบ

ผมครุ่นคิดอย่างช้าๆ “ความสุขเหรอ อืม..การที่แค่มีเธออยู่ ก็มีความสุขดีนะ แต่เมื่อเธอจะไม่อยู่แล้ว ความสุขตรงนั้นมันก็คงจะหายไป”

“เจ้านายยอมแพ้ละเหรอ” เจ้าสามเข็มแว่วขึ้น

“บางที...การปล่อยให้เธอไป มันมิใช่การยอมแพ้ แต่มันเป็นการยอมรับ ในสิ่งที่ไม่สามารถเป็นไปได้ต่างหากล่ะ ถ้าเธอไปแล้วมีความสุข เราก็ควรที่จะมีความสุขด้วย” น้ำตาผมเริ่มเอ่อที่ขอบตา

“ตีหนึ่งแล้วนะเจ้านาย เราจะกลับกันได้หรือยัง” เจ้าสามเข็มบอกเวลา

“ป่ะ กลับบ้านดีกว่า ความสุขของข้าก็ยังมีอยู่ที่นั่น แค่ได้ตื่นมามีวันพรุ่งนี้ มีครอบครัว มีเพื่อน กินอิ่ม นอนหลับ ไม่มีหนี้ และไม่มีโรค แค่นี้ก็พอละ...ความสุขที่ข้าต้องการ”
…………………………………………………………


*เรื่องนี้เขียน ณ สะพานพระปิ่นเกล้า
วันที่ 7 เมษายน 2551 ช่วงเวลาผลัดเปลี่ยนวัน







Create Date : 09 เมษายน 2551
Last Update : 9 เมษายน 2551 19:11:34 น. 11 comments
Counter : 1179 Pageviews.

 
สุดยอดซึ้งดีเหมือนเคยได้สัมผัสมาแล้ว

ความรู้สึกคล้ายๆกัน

แต่ไม่ถึงกับหมดทุกอย่าง

ทั้งสถานที่ เวลา อากาศสิ่งวแวดล้อม

แต่ที่เหมือนกันคือความรู้สึกครับ


โดย: เด็กพีเอส IP: 58.9.113.188 วันที่: 9 เมษายน 2551 เวลา:18:48:01 น.  

 
ความรู้สึกของคนบางคน มันเปลี่ยนจนเรา ไม่ทันตั้งหลัก
เมื่อเราไม่มีความหมาย เขาก็ทิ้งเราไป


โดย: friend-today IP: 202.91.19.192 วันที่: 9 เมษายน 2551 เวลา:22:36:53 น.  

 
แต่งที่บนสะพานจริงๆเหรอคะไม่กลัวเหรออยู่คนเดียว แต่ก็ดีนะอ่านแล้วได้บรรยากาศเลย


โดย: นันท์ IP: 124.157.169.232 วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:15:38:40 น.  

 
แต่งมาจากความรู้สึกตัวเองหรือเปล่าเนี่ย


โดย: แม่เนื้อเย็น IP: 203.113.116.59 วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:20:01:12 น.  

 
เรื่องจริงรึป่าวค่ะเนี่ย.....คุณกอล์ฟ


โดย: D IP: 58.8.22.18 วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:16:54:04 น.  

 
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมกันนะครับ ช่วงนี้ดูเงียบๆเหงาๆหน่อย แต่ก็อบอุ่นดี


โดย: เจ้ากอล์ฟ (ChronoCross ) วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:14:24:07 น.  

 
เอ้ยไม่ใช่


โดย: mol IP: 203.153.182.249 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:14:41:02 น.  

 
ยังเศร้าได้อีก กอลฟ์


โดย: บอลเอง IP: 58.9.130.16 วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:06:42 น.  

 
เหงาๆ เนอะ


ชอบเจ้าสามเข็ม


น่าร๊ากกกก


^______^


โดย: noofarm วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:58:12 น.  

 
เศร้าเลย


โดย: kung IP: 125.24.226.236 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:22:48 น.  

 
อ่านแล้วได้กำลังใจมากๆเลยค่ะ ซึ้งมาก


โดย: PAKKAD IP: 124.121.163.78 วันที่: 7 สิงหาคม 2553 เวลา:14:40:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ChronoCross
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]










Friends' blogs
[Add ChronoCross's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.