"ที่ว่างของงานเขียน..เล็กๆแต่อบอุ่น [Love&Warmth]"
Group Blog
 
All Blogs
 
เงา




โดย : รัน







นาฬิกาดิจิตอลที่แผงหน้าปัด บอกเวลา 19.43 น . เมื่อผมขับรถกระบะคันใหญ่ที่เพิ่งซ่อมเสร็จใหม่ๆ ออกมาจากอู่ประกัน เหตุที่รถต้องซ่อม ก็เพราะเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน รถเกิดเบรกแตก และพุ่งชนท้ายรถตู้ที่วิ่งอยู่ข้างหน้าอย่างจัง ตัวผมปลอดภัย แต่หน้ารถพังยับ

ลัดเลาะอยู่ในซอยได้สักพัก... เจ้าตัวใหญ่ก็มาวิ่งอยู่บนถนน 8 เลน ที่จะพาผมกลับบ้าน โทรศัพท์มือถือดังขึ้น เสียงภรรยาไหลมาจากปลายสาย เธอบอกว่าถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว ผมสั่งให้เธอโทรมาเมื่อถึงบ้าน เพราะอดห่วงเธอไม่ได้ เนื่องจากย่านชานเมืองที่เราอยู่กันนั้น ค่อนข้างเปลี่ยว ยิ่งในซอยบ้านแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตลอดทั้งซอยที่ยาวเหยียด มีบ้านเรือนคนอยู่เพียง 2-3 หลังเท่านั้น ค่ำกว่านี้อีกสักหน่อย แม้พรุ่งนี้เป็นวันหยุด แต่ชาวบ้านก็พากันปิดบ้านเข้านอนกันหมด ปล่อยให้ซอยทั้งซอยเงียบเหงาเป็นป่าช้า หลังคุยกันอีกเล็กน้อย ผมจึงวางสาย มือซ้ายกลับ มาเกาะกุมพวงมาลัยรถตามเดิม

ขณะขับรถ บางคนชอบฟังเพลง บางคนชอบชมทิวทัศน์ข้างทาง แต่สำหรับผมชอบคิด ความคิดมักล่องลอยไปสู่เรื่องต่าง ๆ และครั้งนี้ ผมหวนคิดไปถึงเรื่องน่าเศร้าที่พบพานมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ผุดวาบขึ้นในห้วงสำนึก....


...ชายขาด้วน...


เมื่อสองสามวันก่อน เพราะรถเข้าซ่อม รถเมล์คือที่พึ่งไปทำงาน บนรถเมล์คันหนึ่ง ในยามรุ่งอรุณ ท่ามกลางผู้คนที่แออัดยัดทะนานจนแทบล้นปรี่ออกมานอกรถ ผมเห็นหญิงสาวท้องโย้เจียนคลอด ยืนโหนราวรถเมล์ เธอเหวี่ยงตัวไปมาอย่างทุลักทุเลไปตามจังหวะแรงกระชากของรถที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้า นึกเสียวแทนว่าลูกน้อยจะไหลทะลักออกมาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง



เวลาผ่านไป...แต่ไม่มีใครเลยสักคนที่คิดจะลุกให้เธอนั่ง บ้างมองออกนอกหน้าต่าง บ้างร่วงหลับผล็อย คอหักคอพับไปตามกัน แต่ทันใดนั้น ชายฉกรรจ์กับใบหน้าลังเลที่ซุกตัวอยู่ตรงเบาะยาวด้านหลังสุดจึงลุกพรวดพราดขึ้น คำขอบคุณจากหญิงสาว ล่องลอยมาแผ่วเบา เปลี่ยนใบหน้าลังเลของเขาเมื่อครู่ให้มีรอยยิ้มสดใสขึ้นมา แต่นับจากที่เขายืนโหนราวรถเมล์มาจนกระทั่งถึงที่หมาย ดูไปแล้ว... กลับยิ่งทุลักทุเลกว่าหญิงสาวท้องโย้คนนั้นเสียอีก


ด้วยเพราะชายน้ำใจงามผู้นี้มีขาเพียงข้างเดียว



...เด็กหญิงอนุบาล 1/3...
ส่วนเมื่อวานนี้ ในยามโพล้เพล้ของฤดูหนาว หลังลงจากรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอยบ้าน ขณะที่ผมและภรรยากำลังมุ่งหน้าไปยังวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่เห็นอยู่ตรงหน้า

ที่ริมฟุตบาท ผมเห็นแม่หนูน้อยคุ้นหน้า นั่งคุดคู้เหงาหงอยอยู่ ร่างน้อยสะดุ้งเฮือกขึ้นทุกครา ยามลมหนาวพัดวูบต้องกาย คล้ายถูกคมมีดกรีดบาดลงบนผิวเนื้อน้อย ดวงตาโศกของแม่หนูเหม่อลอยออกไปยังนอกถนนที่คราคร่ำด้วยรถรา นานๆ ครั้งจึงจะเหลียวหน้า หันกลับไปมองบ้านเช่าเท่ารังหนูของเธอ

จู่ๆ เธอก็ก้มหน้าลงที่เข่าคู้ของเธอยาวนาน ผมนึกสงสัย จึงถามเธอไปว่า “ทำอะไรน่ะ” เธอตอบว่า เธออธิษฐานในใจ ขอให้ชายหนุ่มที่มากับแม่ของเธอ เมื่อ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา กลับออกมาเสียทีเถิด เพื่อเธอจะได้กลับเข้าไปหาไออุ่นของบ้าน...บ้านที่ไร้ความอบอุ่น
เพราะข้างนอกนี้ อากาศหนาวเย็นเกินไปสำหรับเด็กหญิงอนุบาล 1/3 เช่นเธอ



...เจ้าหนูขายพวงมาลัย...


“ปี๊น…. ปี๊น…”



เสียงบีบแตรจากรถคันหลังดึงผมออกจากภวังค์ความคิด รีบส่ายตามองไปที่เสาไฟจราจรเบื้องหน้า “ ไฟเขียวแล้วนี่นา” ผมพูดขึ้นแผ่วเบา พร้อมกับรีบพารถที่จอดนิ่งเป็นหัวขบวนแล่นออกไป



แวบหนึ่ง ! บนพื้นถนนข้างหน้า ผมเหลือบเห็นรอยรูปของคนตัวเล็กๆ ฉีดพ่นด้วยสีสเปรย์สีขาว มีดอกมะลิสีขาวหม่นปลิวเกลื่อนรอบคราบเลือดเกรอะกรัง หัวใจผมตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที เมื่อนึกไปถึงใบหน้าเหลอหลาของเจ้าหนูวัยสิบกว่าขวบ ร่างกายผอมเกร็ง ผิวกายสีดำเมี่ยมในชุดนักเรียนมอๆ ที่ทุกยามเย็นจนถึงย่ำค่ำ เจ้าหนูกับพวงมาลัยจะมายืนไหว้ตัวงออยู่ที่หน้ารถคันแล้วคันเล่าระหว่างที่รถติดไฟแดง



“พ่อ เค้ามีเมียใหม่ แม่ก็มีผัวใหม่ ทิ้งผมกับน้องสาวไว้กับยาย”



ครั้งหนึ่ง เจ้าหนูเคยบอกกับผมอย่างนั้น เมื่อผมอุดหนุนพวงมาลัยของเขา พลางชี้มือไปที่ยายแก่ที่กำลังงันงกร้อยพวงมาลัยอยู่ตรงข้างป้อมตำรวจจราจร



แต่ ใช่สิ ! วันนี้ผมไม่เห็นเจ้าหนูหรือว่ายายของเขาเลย



“อนิจจา! หรือว่าเจ้าหนู!”
ผมตะโกนก้องไปทั่วทั้งคันรถ





...ผม...
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดาวส่องแสงใส แต่ผมขับรถต่อไปด้วยใจหม่นหมอง เพราะจากเรื่องเศร้าที่ได้พบเห็นมาตลอดหลายวัน ประกอบกับข่าวคราวในหน้าหนังสือพิมพ์ในแต่ละวัน มันทำให้ผมตระหนักรู้ว่า ท่ามกลางสังคมที่แห้งแล้งน้ำใจดังเช่นทุกวันนี้ เรื่องเศร้าแบบนี้ นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงและเพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้นทุกที จนดูเหมือนว่า ทุกๆวัน เราสามารถจะพบพานเรื่องร้าย ๆ เหล่านี้ ได้ตลอดรายทางที่ผ่านไป

ผมมีความคิดที่ว่า เรื่องเศร้าเหล่านี้จะหมดไปจากสังคมเราได้อย่างแน่นอน หากเราจะลดความเห็นแก่ตัวออกไปจากหัวใจของแต่ละคน และช่วยกันเจือจานความรัก ความเมตตา ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความช่วยเหลือเกื้อกูล และการให้อภัยแก่กันและกัน

สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้สังคมของเรากลับมางดงามน่าอยู่ได้อีกครั้ง



ครุ่นคิดอยู่เพลิน ๆ รถก็มาถึงหน้าปากซอยเข้าบ้านไม่รู้ตัว ผมเลี้ยวรถเข้าไปในซอยที่ทั้งมืดและเปลี่ยวนั้น มองเห็นดวงไฟของบ้านเรือนเป็นจุดๆ อยู่สุดสายตา เมื่อขับถึงกลางซอย จู่ ๆ หมาข้างถนนตัวหนึ่งก็วิ่งตัดผ่านหน้ารถกะทันหัน รถเสียหลัก พุ่งเข้าชนร่างชายแก่ที่เดินท่อมๆ อยู่ข้างทางเต็มแรง ผมไม่เห็นเขาก่อนหน้า จนกระทั่งมีเสียงดังราวกับฟ้าถล่มเกิดขึ้น

“โครม !”

ตีนซ้ายกระทืบเบรกโครมตามสัญชาตญาณ ขณะที่ร่างนั้นลอยละลิ่วไปในอากาศ ก่อนจะตกกระแทกลงบนพื้นถนนด้านหน้ารถพอดิบพอดี ผมหวาดกลัว มึนงง ได้แต่นั่งตะลึงลาน ดวงตาตื่นตระหนกจ้องมองไปยังร่างโชกเลือดที่นอนขวางถนน เงยหน้าอ้าปากหายใจพะงาบ ๆ ราวกับจะกินดาวบนฟ้า สักพัก ชายชราค่อยๆ ขยับหันหน้ามาทางรถ ดวงตาเบิกโพลงจ้องมองมาที่ผม แววตาอ้อนวอน

วินาทีนั้น... ผมจำได้ทันทีว่าชายแก่เคราะห์ร้ายผู้นี้ คือชายบ้าเสียสติ ผมยาวรุงรัง แต่งตัวมอมแมม ที่เที่ยวเดินเก็บข้าวของกินตามกองขยะในซอยแห่งนี้มาเป็นเวลานมนาน ในทุกๆเช้าตรู่.. ขณะผมขับรถไปทำงาน ผมมักจะเห็นแกนอนหลับใหลอยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอย หรือไม่ก็ตามพงหญ้าข้างทางในซอยแห่งนี้เป็นประจำ

เมื่อตั้งสติได้ ผมขยับตัว คิดจะลงจากรถ ไปนำชายชราส่งโรงพยาบาล แต่แล้ว ผมก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อเกิดความคิดว่า หากแกตายขึ้นมา อะไรจะเกิดขึ้นกับผม ? “ฆาตกร คุก ตะราง ศาล งาน เงิน และภรรยา” คำเหล่านี้ดังก้องอยู่ในสองหูของผม “บัดซบจริงๆ” ผมสบถ ดวงตาสับสนทอดมองไปยังร่างโชกเลือดนั้น พลันสายตาก็ไปหยุดนิ่งอยู่ที่กลุ่มแมลงกลางคืน ที่พากันมาบินว่อนเล่นแสงไฟหน้ารถ-พยานรู้เห็นที่เป็นสิ่งมีชีวิตเพียงอย่างเดียวในที่นั้น ฉับพลัน ความคิดนรกก็โผล่พรวดออกมาจากก้อนสมองทันที

ผมรีบถอยรถกรูดออกมาจากจุดเดิมราว 200 เมตร แล้วเบรคพรืด ปลดเกียร์ว่าง เข้าเกียร์เดินหน้า ตีนขวากระทืบคันเร่งสุดแรง รถพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้น จึงมีเสียงขลุกขลักกึกกักดังลั่นขึ้นที่ใต้ท้องรถ !






“คุณคะตื่นได้แล้ว เย็นมากแล้ว รีบไปกันเถอะ ป่านนี้งานเลี้ยงเริ่มแล้วหละ”

เสียงใสๆ อ่อนโยนของภรรยา ลอยออกมาจากบ้านไม้หลังกะทัดรัด ที่รายล้อมไปด้วยแมกไม้เขียวขจี ปลุกผมที่นอนหลับอยู่บนเสื่อที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ให้สะดุ้งตื่นขึ้น และถลันตัวลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าชุ่มเหงื่อเหลียวซ้ายมองขวาเลิกลั่ก ก่อนจะมีรอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า จากนั้นจึงเอื้อมมือไปคว้านิยายสยองขวัญเล่มโต ที่ใช้หนุนหัวต่างหมอน เป่าลมหายใจร้อนผ่าวพรูออกมาจากปากอย่างโล่งอก รำพึงแผ่วเบา

“ฝันร้ายอีกแล้วสิเรา สงสัยจะต้องเลิกอ่านนิยายแนวนี้เสียแล้วล่ะมั้ง”

ผมยันกายลุกขึ้นยืน ปัดเศษใบไม้ใบหญ้าที่ติดตามเนื้อตัวออกไป จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง แล้วเดินตรงไปที่รถกระบะ ภรรยาในชุดราตรีมายืนรอท่าที่หน้าประตูคนขับแล้ว

“ขอโทษนะคะ แต่งตัวนานไปหน่อย ปล่อยให้คุณรอจนหลับไปเลย แหม... ก็งานแต่งงานน้องสาวทั้งที ก็ต้องพิถีพิถันกันหน่อย”

เธอพูดขึ้นยิ้มๆ แล้วเดินอ้อมไปทางหน้ารถ เพื่อไปขึ้นที่ประตูรถฝั่งตรงข้าม แต่ทันใดนั้น เธอก็เอ่ยทักขึ้นเสียงดัง ท่าทีตื่น ๆ พลางก้มตัวลงไปดูใกล้ๆ บริเวณหน้ารถ ที่มีรอยบุบขนาดใหญ่ตรงกันชนและกระจังหน้า ไฟหน้ารถข้างซ้ายแตกร้าว

“อ้าว ! แล้วนี่รถไปชนอะไรมาอีกคะเนี่ย ก็เพิ่งเอาออกมาจากอู่หยกๆ เมื่อคืนนี้เองนี่นา” ผมตอบเสียงเรียบ ขณะเปิดประตูรถขึ้นไปประจำที่คนขับ

“อ๋อ...ชนหมา”

เธอบ่นงึมงำ สีหน้าฉงน หลังขึ้นมานั่งที่เบาะข้างๆ ผม
“ท่าทางคงจะตัวใหญ่น่าดูเลยสิคะ เจ้าหมาตัวนี้”
ผมพยักหน้า ก่อนจะสตาร์ทรถขับออกไป








Create Date : 14 ธันวาคม 2550
Last Update : 14 ธันวาคม 2550 17:11:52 น. 14 comments
Counter : 1111 Pageviews.

 
ครั้งนี้บลอคอาจจะดูแปลกตาไปบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดความจำเจ เลยเอาไรมาใส่ให้แปลกหูแปลกตากันครับ

เรื่องนี้ "เงา" ของลุงรัน ได้ลงตีพิมพ์ใน หนังสือจุดประกายวรรณกรรม เมื่อปี 2549 ครับ ลองอ่านกันดู

*23 ธันวา 50 นี้อย่าลืมไปใช้สิทธิเลือกตั้งกันนะครับ


โดย: เจ้ากอล์ฟ (ChronoCross ) วันที่: 14 ธันวาคม 2550 เวลา:20:37:40 น.  

 

ความคิดส่วนตัว

เงากับกระจกคล้ายกัน ต่างกันเพียงรายละเอียดบางส่วน

นอกจากสีดำ เทา แล้ว เงาอาจมองไม่ชัดว่าหน้าตายังไง
แต่แน่ใจได้ ว่ามันตามเราไปทุกที่ และจะหยุดเมื่อเราหยุด

กระจก อาจทำให้มองเห็นภาพชัดเจน แต่ก็เพียงภายนอกเท่านั้น เดินออกมาก็มองไม่เห็นแล้ว

จิตใจคน ไม่มีสิ่งของหรือเทคโนโลยีใด แจกแจงออกมาได้ ว่าดีหรือเลว

--ไม่เว้นแม้แต่ ตัวเจ้าของเงาในกระจกเอง



โดย: ยัยตัวยุ่ง IP: 203.150.4.129 วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:14:00:45 น.  

 
เหลียวมองผู้คนรอบตัวเราสิครับ บางที...พวกเขาอาจกำลังพยายามซ่อน "เงา" ของตัวเองเอาไว้


โดย: รัน IP: 124.121.185.187 วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:18:44:06 น.  

 
เงา...มันก็ตามติดตัวเราอยู่เสมอแหละครับ เพียงแต่ว่า เงาที่ซุกซ่อนของแต่ละคน มันอาจจะต่างกัน เท่านั้นเอง


โดย: อนงค์นาง IP: 125.27.233.142 วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:19:18:45 น.  

 
ไปเลือกล่วงหน้ามาแว้วว อิอิ

จะคอยแอบ คิดถึงเธอ ใต้เงาจันทร์

พร่ำรำพัน พรรณา ว่ารักเธอ วะฮ่าฮา



โดย: nadear_ku วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:17:43:29 น.  

 
ไปเลือกมาก่อนเหมือนกันอิอิ

เดี๋ยว 23 นี้ไม่ว่าง พอไปถึงเขต งงเลย เต๊นท์เพียบ สาวๆเยอะแยะเลยเดินหลงอยู่พักใหญ่


โดย: เจ้ากอล์ฟ (ChronoCross ) วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:15:57:34 น.  

 
จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึงยิ่งนัก


โดย: เด็กเหนือ IP: 222.123.117.175 วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:18:17:36 น.  

 
ปลาอารายก็ไม่รุอ่ะพี่เห็นมานมีในตู้เย็นเลยจับมาทำซะเลย อาหย่อย เหมือน แซลมอล หุหุ


โดย: nadear_ku วันที่: 18 ธันวาคม 2550 เวลา:13:46:32 น.  

 
เยี่ยม


โดย: Snooppy IP: 58.9.109.74 วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:16:07:43 น.  

 
glitter graphics





Merry Christmas & Happy New Yeay ค่ะ


โดย: นู๋เดียร์ (nadear_ku ) วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:12:22:23 น.  

 

เข้ามาอ่านเรื่องของเจ้ากอล์ฟครับ

ขอให้มีความสุขมาก ๆ ในช่วงเทศกาลปีใหม่นะครับ

อิอิ

ผมโหวตให้เจ้ากอล์ฟแล้วนะครับ ในประเภท

Best Literature Blog : blog งานเขียน-บทประพันธ์ ที่คุณชื่นชอบมากที่สุด

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 26 ธันวาคม 2550 เวลา:11:54:03 น.  

 
อยากโหวตให้ด้วยแต่เราไม่มีบลอคเลยโหวตให้ไม่ได้ ติดตามมานานแล้วค่ะเป็นกำลังใจให้นะ


โดย: ติดตามมานาน IP: 58.9.111.141 วันที่: 28 ธันวาคม 2550 เวลา:21:39:21 น.  

 


โดย: blue mint วันที่: 1 มกราคม 2551 เวลา:14:04:03 น.  

 



โดย: nadear_ku วันที่: 24 มกราคม 2551 เวลา:17:37:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ChronoCross
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]










Friends' blogs
[Add ChronoCross's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.