...ส บ า ย ๆ ส ไ ต ล์ มื อ ไ ม่ PRO แ ถ ม ยั ง... LOWFESSIONAL ...
 
 

ทำสไล้ด์ในเว็บ ที่ www.slide.com



ไปที่ //www.slide.com/arrange?tt=0&cy=ms# จากรูปหน้าเว็บนะครับ





มองทางด้านขวามือ...
- Style จะเป็นการเลือกรูปแบบ การเปลี่ยนจากภาพหนึ่งไปเป็นอีกภาพหนึ่ง ว่าจะมีลูปเล่นอย่างไร

- Themes จะเป็นการเลือกภาพเคลื่อนไหว ไปประกอบในภาพสไล้ด์ของเรา เช่น มีรูปหัวใจวิ่งไปวิ่งมา หรือฟองอากาศล่องลอย เป็นต้น

- Size ตรงนี้จะเป็นการเลือกขนาดของภาพสไล้ด์ โดยจะมีไว้ให้เลือก แต่ถ้าไม่ชอบใจ จะพิมพ์ขนาดเข้าไปเองก็ได้ แต่ต้องระวังเรื่องสัดส่วนของภาพด้วย (อาจจะมีผลดีสำหรับคนอ้วน ที่ต้องการภาพสไล้ด์ให้ดูเพรียวลง )

หากจะลองดูรูปแบบสวยๆที่ทางเว็บเตรียมไว้ให้ ก็อาจจะลองมาคลิกที่ปุ่มต่างๆทางด้าน Preset ดูก็ได้ อาจจะถูกใจสักแบบ

เมื่อยำจนพอใจแล้ว ก็กดที่ปุ่ม Svae ตอนนี้ หากเป็นการใช้งานครั้งแรก ก็พิมพ์ Email และ Password เข้าไปในช่องว่าง แล้วกด Sign Up (จะมีรูปสไล้ด์ของเราแสดงอยู่ข้างล่างด้วย)

หากเป็นสมาชิกอยู่ก่อนแล้ว ก็มาคลิกที่ Click Here to Sign In ก็จะพาเข้ามาในหน้าให้ใส่ชื่อและรหัส แล้วก็เข้ามาในหน้าที่สามารถก็อปเอาโค้ดมาใช้ หรือแก้ไขส่วนอื่นๆได้ตามต้องการ

ในโค้ดที่ก็อปไปนั้น ให้มองหาค่าของ width="200" height="150" ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนแปลงให้มีขนาดที่ต้องการได้ แต่ต้องระวังเรื่องสัดส่วนของภาพอย่างที่บอกไว้ครับ

ในเว็บยังมีอะไรให้เล่นอีกหลายอย่าง แต่ผมต้องการแค่สไล้ด์สวยๆ ก็เลยพอแค่นี้ครับ

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชม ตั้งแต่ตอนที่ผมยังไม่ทันได้เขียนอะไรเลย ขอบคุณครับ




 

Create Date : 08 ธันวาคม 2549   
Last Update : 9 ธันวาคม 2549 9:33:29 น.   
Counter : 1878 Pageviews.  


CANON PIXMA IP1000 พาวเวอร์ซัพพลายพัง...?!


|"ลุงไม้..."|


จู่ๆก็เปิดไม่ติดซะงั้น?
- เอาละสิ...งานก็ค้างอยู่ ทำไงดี ตะแคงซ้ายตะแคงขวาสักพัก ก็รู้ว่าชุดจ่ายไฟมันแยกเป็นกล่องดำๆเล็กๆอยู่ใต้ฐานเครื่อง จัดการเอาน็อต 2 ตัวออก ก็ถอดเจ้ากล่องนี้ออกมาได้



มันถูกต่อเชื่อมเข้ากับเมนบอร์ดด้วยคอนเน็คเตอร์ที่มี 2 เส้นเท่านั้น ซึ่งคาดว่าก็คือไฟ + และไฟ - นั่นเอง
เอาออกมาได้ ก็ต้องคลายน็อตอีก 2 ตัว จึงมองเห็นอุปกรณ์ข้างใน มองแว้บเดียว(ด้วยสายตาอันปราดเปรื่อง) ก็รู้ได้ทันทีว่า ฟิวส์ขาดครับท่าน!



ถอดออกมาซะเลย



ลองเอาไปโพสต์ถามในบอร์ด ท่านนึงแนะนำให้ลองวัดไดโอดดูก่อน ผมก็จัดการเอาหัวแร้งจิ้มออกมาเลย วัดแล้วดีทุกตัว ถอด C ออกมาวัด ก็ดีอีก แต่มองๆดูทั่วๆไปแล้ว ลักษณะอุปกรณ์อย่างนี้ คงเป็นภาคจ่ายไฟแบบสวิทชิ่งแน่นอน ที่เห็นเหมือนหม้อแปลงตัวบนสีดำๆนั่น จริงๆแล้ว เมื่อไล่วงจรจากลาย PCB มันคือคอล์ยฟิลเตอร์ครับ ไฟ DC ที่ผ่านการเร็คติไฟร์มาจากไดโอดแล้ว จะมีค่าประมาณ 400 V. หลังจากผ่านโน่นผ่านนี่อีกหลายตัว ก็จะมาจ่ออยู่ที่คอนเน็คเตอร์สีขาวๆตรงมุมล่างขวา โดยไฟลบอยู่ที่ขา 1 และไฟ + อยู่ที่ขา 2 (เขาระบุขาไว้ให้ด้วย) ไว้รอหัวคอนเน็คเตอร์จากแผ่นเมนบอร์ดของเครื่องพิมพ์ ที่จะมาเสียบเพื่อเอาไฟจากจุดนี้ไปใช้งาน

พิวส์ขาดรึ?
- ปัญหากล้วยๆครับ คว้ามอเตอร์ไซค์ไปข้างๆโลตัสแถวบ้าน อ้อ...จะคุยซะหน่อย แถวบ้านผมมี 3 เซเว่น 1 เอกภาพ และ 1 โลตัสครับ อ้าว...นอกเรื่อง! คือออกไปซื้อฟิวส์ 5 A. มา 2 อันครับ อันละ 5 บาท ที่เลือก 5 A. เพราะตัวเก่าเขียนไว้ว่า 6 A. แต่ไม่มีขนาดเท่านั้น ก็เลยเอาแค่ใกล้เคียงมาครับ

กลับมาถึงก็จัดการต่อขา แล้วบัดกรีลง PCB เสร็จแล้วก็ถอนใจเฮือกนึง ทำใจกล้าๆ แล้วเสียบปลั๊ก...เสียงดัง แป๊ะ...เบาๆ ควันขึ้นนิดๆ ฟิวส์ขาดไปในบัดดลครับผม!

ยังไงกันต่อล่ะทีนี้...
- งานการที่ต้องใช้เครื่องพิมพ์ก็ยังไม่ได้สะสาง อืมมม...ปล่อยข้ามไป 1 คืน วันต่อมานึกขึ้นได้ว่าเคยแนะนำให้เพื่อนคนนึงซื้อรุ่นนี้ ได้การละ...จัดการโทรศัพท์ติดต่อเพื่อขอยืมเครื่องทันทีครับ!

ระหว่างขับรถไปทำงานก็ครุ่นคิดไปด้วย เลยเกิดไอเดียครับ ก็เห็นว่าจากบอร์ดพาวเวอร์ซัพพลาย มันผ่านคอนเน็คเตอร์เพื่อไปจ่ายไฟให้เมนบอร์ด ด้วย สายเพียง 2 เส้น นั่นก็คือไฟ + และไฟ - ธรรมดานี่เอง แล้วมันกี่โวลท์กันล่ะ?

ครับ...ได้การละ ตอนเย็นก่อนเข้าบ้าน แวะเอาเครื่องพิมพ์ที่บ้านเพื่อน ก็จัดการเอามาสะสางงานการที่คั่งค้างจนเสร็จเรียบร้อย...

มาถึงขั้นตอนที่คิดเอาไว้ ผมจัดการถอดกล่องพาวเวอร์ซัพพลายในเครื่องของเพื่อนออกมา เอามิเตอร์ซันวาคู่ใจมาวัดดูขณะเสียบไฟ ได้ 22 โวลท์ครับ แค่นี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว ประกอบกลับคืน เพื่อเตรียมส่งคืนตอนเช้าของอีกวันครับ

อย่าคว่ำ...ขอเตือน
- อันนี้หลายๆท่านอาจจะยังไมรู้ คือว่าในเครื่องพิมพ์แบบอิ๊งค์เจ็ทนั้น ปรกติแล้ว ที่ด้านล่างของเคส มักทำเป็นอ่างเอาไว้ อ่างนี้มีไว้สำหรับรองรับน้ำหมึก ที่เกิดจากการสั่งล้างหัวพิมพ์ โดยที่อ่างที่ว่านี้ มักจะมีฟองน้ำเป้นแผ่นๆหนาๆ เอาไว้ทำหน้าที่ "อุ้ม" น้ำหมึกไว้ ไม่ให้มันไหล หรือกระฉอกเลอะเทอะได้โดยง่าย การเอียงไปเอียงมา ก็จะพอทำได้บ้าง แต่อย่านานนัก ส่วนการจับเครื่องพิมพ์คว่ำลง เพื่อขันน็อตขันสกรูใต้เคสนั้น ไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่งครับ

หรือบางที การจะพาเครื่องพิมพ์ซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปใหนก็แล้วแต่ เวลาถือ จะต้องจัดท่าทางให้ดี ประเภทเอากอดแนบออกไปนี่ เลอะเทอะมาหลายรายแล้วครับ

อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับอ่างเก็บน้ำหมึกที่ว่านี้อีกหน่อย ไปอ่านเรื่อง การล้างผ้าซับหมึก ของเครื่องพิมพ์เครื่องนี้ของผมได้ครับ

เปิดกรุของเก่า
- ผมเองก็ประเภทนัก DIY มือเก่าของแท้ดั้งเดิม คือชอบสร้างโน่นต่อนี่อยู่บ่อยๆครับ โดยเฉพาะเรื่องต่อแอมป์หรือต่อวงจรขยายเสียงนี่ เริ่มเล่นมาตั้งแต่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงบ้าน สมัยโน้นต้องซื้อหัวแร้งที่ใช้ไฟ 12 โวลท์ เพื่อใช้กับแบตเตอรี่รถยนต์ แต่อย่าเข้าใจว่าสมัยนั้นผมมีรถยนต์นะครับ เพราะแบตเตอรี่นั้น ซื้อมาใช้กับไฟแสงสว่าง ซึ่งใช้ควบคู่กับวงจรจุดหลอดฟลูออเรสเซ้นต์ด้วยแบตเตอรี่ครับ ทุกวันนี้ที่ใช้งานอยู่กับคอมพิวเตอร์ ก็เป็นแอมป์ตัวที่ต่อเองอีกเช่นกันครับ

เวลาแบตเตอรรี่หมด ก็ต้องนำไปให้ร้านชาร์จไฟที่ในตลาดโน่นแน่ะ ถึงเวลานี้ทีไร น้องชายผมต้องเหนื่อยทุกที เพราะต้องทำหน้าที่ปั่นจักรยาน ส่วนผมก็นำหัวแร้้ง 12 โวลท์นั้น มาต่อเข้ากับ "ได" ที่ติดอยู่กับล้อของจักรายาน เพื่อเอามาบัดกรีนั่นบัดกรีนี่ การปั่นจักรายานธรรมดาก็เป็นไร แต่การปั่นเมื่อ "สับ" ไดลงมาติดกับขอบล้อ เพื่อให้ไดมันหมุนตามล้อไป โฮ้ยยยย...เจ้าน้องชายมักจะโวยอยู่เรื่อย บอกว่าเหนื่อยนะโว้ย...ฮ่าๆ ก็เขาไม่เป็นพวก DIY นี่ครับ ก็ต้องรับหน้าที่ปั่นไฟไปโดยปริยาย

เลยยุคนั้นมา ที่บ้านพัฒนาจากใช้ควายไถนา มาเป็นซื้อรถไถนา ติดเครื่องยนต์"คูโบต้า" ก็เข้าทางผมอีกแล้วครับ ไม่ต้องไหว้วานน้องชายมาปั่นจักรยานให้เมื่อยกันอีกแล้ว ผมก็นำหัวแร้งไปเอาไฟมาจากสายไฟที่ต่อไปไฟหน้าเครื่องยนต์ ตรงนั้นก็ประมาณ 10 - 12 โวลท์ แล้วแต่ว่าจะเร่งมากเร่งน้อย ก็ใช้งานได้ดีทีเดียวครับ วันใหนถ้ารถไม่ได้ไปไถนา แต่มีเสียงเครื่องติดดังลั่นบ้าน วันนั้นแหละครับ ลูกชายบ้านนี้ต่อแอมป์!!!

โห...นอกเรื่องมาซะหลายบรรทัด เกริ่นมาซะนาน เพื่อจะบอกว่า ผมจำได้ว่ามีภาคจ่ายไฟเก่าๆที่เคยทำไว้ เมื่อก่อนเอามาจ่ายไฟ 12 โวลท์ให้กับวิทยุรถยนต์ ที่ผมเอามาใช้ฟังในบ้าน หม้อแปลงลูกที่ใช้นี้มีขนาด 5 A. ประกอบด้วยไฟ AC ขาออก 3 ชุด คือ 6-0-6, 9-0-9 และ 12-0-12 ครับ

โชว์วงจร
- นี่คือวงจรภาคจ่ายไฟ ที่ผมจะเอามาจ่ายไฟให้เมนบอร์ดของ CANON PIXMA IP1000 ครับ



ผมลองเร็คติไฟร์แบบบริดจ์ ใช้ไดโอดยอดนิยม 1N4001 จำนวน 4 ตัว ลองจากขด 12-0-12 แล้ว ไฟเกิน 22 โวลท์ไปค่อนข้างมากครับ แต่ถ้าใช้ 6-0-6 ก็จะน้อยเกินไปอีก จึงตกลงใช้ที่ขด 9-0-9 ที่จะได้ไฟ DC ออกมาประมาณ 21 โวลท์ ซึ่งน้อยไป 1 โวลท์ แต่ปลอดภัยแน่นอนครับ

ได้รูปมาแล้ว จริงๆแล้วก็วางใช้แบบนี้เลย ไม่ต้องปิดฝากล่องกันละครับ



อุปกรณ์ทั้งหมด ผมไม่ได้ซื้อใหม่แม้แต่บาทเดียวครับ เพราะขุดเอามาจากกรุได้ทั้งหมด เพียงแต่ต้องถอดเอาคอนเน็คเตอร์ตัวสีขาวๆที่อยู่ด้านล่างของรูปที่เห็นข้างบนนั้น ออกมาต่อกับสายไฟ ที่มาต่อกับไฟ + และไฟ - แรงดัน 21 โวลท์ โดยต้องเล็งขั้วเทียบกับแผ่นวงจรเดิมให้มั่นใจ ว่าขา 1 - ขา 2 + แล้วจึงบัดกรีสายให้แน่นหนา

จากนั้นก็นำไปเสียบเข้ากับขั้วคอนเน็คเตอร์ ที่มีสายสีฟ้า ที่โผล่ออกมาจากใต้ฐานเครื่องพิมพ์ ถ้าเราต่อคอนเน็คเตอร์ที่มาจากภาคจ่ายไฟถูกต้อง ตรงนี้ไม่มีทางเสียบไฟผิดครับ เพราะขั้วต่อเขาบังคับทิศทางเอาไว้แล้ว

สายที่ทำไว้เสียบคอนเน็คเตอร์มันยาวเกินไปครับ จะตัดก็เสียดาย เลยรวบไว้อย่างที่เห็น



ทดลองใช้งาน
- มาถึงขั้นตอนสำคัญครับ เสียบปลั๊ก เปิดสวิทซ์ที่พาวเวอร์ซัพพลาย (มี LED สีแดง แสดงสถานะว่าเปิดแล้วด้วยนะ...ไม่ธรรมดา)แล้วก็ไปกดเปิดสวิทซ์ที่เครื่องพิมพ์...

โอ้...เย้ๆๆ... เครื่องพิมพ์ทำงานได้ราบรื่นเหมือนเดิมเลยครับ ระหว่างที่ลองพิมพ์งาน ผมก็เอามิเตอร์มาลองวัดไฟดู ว่าจะตกมากน้อยขนาดใหน ปรากฏว่า ได้ประมาณ 20 โวลท์กว่าๆ ก็ถือว่าโอเคแล้วครับ ขนาดของหม้อแปลงที่ใหญ่พอได้ สามารถรับมือกับเครื่องพิมพ์เครื่องนี้ได้อย่างสบายๆ ลองเอามือจับตัวไดโอดเร็คติไฟร์ ก็ไม่ได้ร้อนขึ้นแต่ประการใด งานนี้ใช้ได้ชัวร์ๆครับผม

ได้ขอยืมกล้อง webcam ของเพื่อนมาอันนึง เอามาจับภาพได้ 2-3 ภาพข้างบน ก็พอมองเห็นเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาหน่อยครับ เรียบร้อยกันซะที กับโครงงานซ่อมสร้างภาคจ่ายไฟ ให้กับเครื่องพิมพ์ CANON PIXMA IP1000 และนี่เป็นภาพรวมครับ เครื่องพิมพ์+อิ๊งค์แท้งค์+พาวเวอร์ซัพพลายภายนอก เวอร์ชั่นของผมเองครับ...



และสุดท้าย...
- ขอเตือนไว้ก่อนว่า ถ้าเครื่องยังอยู่ในประกัน ให้ส่งเคลมดีกว่าครับ อย่าเอาอย่างแบบผมนะครับ เครื่องนี้เลยระยะประกันแล้ว ฟลุคใช้ได้ก็ถือว่าดีไป ถ้าลองแล้วเมนบอร์ดพังไป ก็ยังถือว่าได้ใช้งานมาคุ้มแล้ว อีกอย่าง ผมเองก็พอจะมีความรู้ทางด้านอิเล็คทรอนิกส์อยู่บ้าง จึงสามารถพลิกแพลงขวนขวายได้หลายท่าครับ

ลาไปปริ๊นท์งานต่อก่อนละครับ สวัสดีครับผม...





ปล.
- ขอบคุณ ลุงไม้หลักฯ ที่ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับภาคจ่ายไฟแบบสวิทชิ่ง และเทคนิคการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ได้ความรู้เพิ่มเติมอีกมากทีเดียวครับ

- และอีกเรื่องหนึ่งของเครื่องพิมพ์เครื่องนี้ การถอดล้างผ้าซับหมึก




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2549   
Last Update : 6 กรกฎาคม 2550 18:10:50 น.   
Counter : 6162 Pageviews.  


เมื่อที่ทำงานผม ไฟฟ้าตกจนคอมฯดับ...


หลายเดือนที่ผ่านมา...UPS ที่ผมเอามาสำรองไฟฟ้าไว้ให้กับคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องคอมฯ/1 UPS เริ่มจะเอาไม่อยู่ซะแล้วครับ ผมใช้วิธีดังนี้ครับ คือแยกเอาสายจอภาพ ออกมาเสียบกับปลั๊กไฟที่ยิงตรงจากไฟ AC และเอาเฉพาะเคสCPUเท่านั้นที่ผ่าน UPS เพื่อความประหยัดครับ

ผมทดลองดึงปลั๊กออก สักพักก็เสียบเข้าไปใหม่ UPS ก็ยังคงทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็ได้บอกพนักงานไว้แล้วว่า เวลาไฟฟ้าขาดตอนไม่ต้องตกใจ เพราะจอจะดับวูบนึง แต่คอมฯจะไม่ดับ พอไฟฟ้ากลับมาตามปกติ จอก็จะติดและทำงานต่อได้

แต่หลังๆมานี่ ไม่รู้เป็นอย่างไร ไฟฟ้าตกวูบวาบบ่อยครั้งมากขึ้น ยิ่งเวลาฝนตกนี่ไฟก็ยิ่งตกมากตามไปด้วย บางทีไม่ถึงกับดับ เพราะไฟแสงสว่างยังกระพริบๆอยู่ แต่ UPS ร้องลั่นกันเป็นแถว บางทีก็ลดวูบ จน UPS เอาไม่ทัน คอมฯถึงกับ restart กันเลยทีเดียวเชียว!



ทำไมมันเป้นอย่างนี้? ใครรู้ช่วยบอกทีเถอะครับ ผมเองก็ตอบพนักงานได้อย่างไม่เต็มปากเต็มคำนัก ว่าทำไมเวลาผมทดสอบ UPS ด้วยการดึงปลั๊กไฟออก แล้วคอมฯมันใช้ได้ แต่เวลาไฟตกวูบๆ UPS กลับไม่ยอมทำหน้าที่ซะเฉยเลย...

ในที่สุดก็ทนกันไม่ไหวครับ เรื่องต้องเข้าที่ประชุม สรุปออกมาว่า จะจ้างช่างรับเหมามาตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในทั้งหมด ซึ่งก็ได้ช่างเข้ามาทำงานในเวลาไม่นานนัก

ช่างสรุปแผนการคร่าวๆว่า จะไล่สายไฟฟ้าภายในอาคาร(4ชั้น)นี้ทั้งหมด แล้วจะทำการแยกออกเป็น 3 ไลน์ คือ ไลน์เครื่องปรับอากาศ (ซึ่งมีอยู่ 12 เครื่อง), ไลน์คอมพิวเตอร์ และไลน์แสงสว่าง ก๋โอ.เค.กันตามนั้น ใ้ชเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ก็เสร็จงาน รับเงินกลับบ้านไปเรียบร้อย



พอช่าง(เปิดตูด)กลับบ้านกันเสร็จ ไฟฟ้าที่ที่ทำงานผมก็ตกวูบวาบอย่างเก่า ไม่เกรงใจเจ้าของเงินที่ต้องจ่ายให้ช่างไปเลยครับ ออกจะหนักกว่าเก่าซะด้วยซ้ำไป ดูๆไปก้เหมือนคอมฯนั่นแหละ เวลาผมอยู่มักไม่ค่อยเป็นอะไร แต่ถ้าผมลางานละก็ ได้เป็นโทรตามหากันจ้าละหวั่น ไฟฟ้านี่ก็เหมือนกัน เวลาช่างรับเหมาอยู่ มันก็เรียบซะจนแบบผ้าพับไว้ พอช่างก้าวขาขึ้นรถ มันก็พากันวูบๆอย่างเดิมซะอีกนั่น...!?

เอาไงล่ะทีนี้? ไล่วงจรก็แล้ว เดินสายใหม่ทั้งตึกก็แล้ว...อ้อ...ติดๆกันเป็นโรงงานทำกรอบรูปวิทยาศาสตร์ครับ มีเครื่องจักรใหญ่ๆ 2-3 เครื่อง เลยถูกเพ่งเล็งไปโดยปริยาย

ผมก็มาคิดหาวิธี...อืมมม...จะพูดจะถามเขายังไงดีนะ ถึงจะไม่เกิดการขุ่นข้องหมองใจกัน ของอย่างงี้ไปถามกันตรงๆไม่ได้หรอกครับ ผมคิดว่า ยังไงก้ต้องนึกถึงใจเขาใจเราบ้าง จู่ๆมีคนมาหาว่าบ้านเราทำให้ไฟฟ้าบ้านเขาตกหรือเปล่า เราก็คงนึกตะหงิดๆเหมือนกัน

เลยคุยๆกันในหมู่พนักงาน สรุปว่าโทรแจ้งการไฟฟ้าดีกว่า ให้ช่วยมาตรวจสอบให้หน่อยละกัน

ซึ่งการไฟฟ้าก็ไม่นิ่งนอนใจครับ ในวันต่อๆมาก็ส่งทีมช่างเข้ามา เอามิเตอร์มาจิ้มๆวัดๆก้บอกปกติดีทุกอย่าง คุยกันได้ความว่า ที่ทำงานผมใช้ไฟฟ้า 2 เฟสแบบไฟบ้านธรรมดาทั่วไป ส่วนโรงงานกรอบรูปวิทยาศาสตร์ที่อยู่ติดกันนั้น เครื่องจักรเขาขอใช้ไฟฟ้า 3 เฟสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่เกี่ยวกับที่ทำงานผม(ดีว่าไม่ได้ไปถามเขาให้ได้หน้าหงายกลับมา)

ช่างจากการไฟฟ้าแนะนำว่า ที่ทำงานผมมีคอมพิวเตอร์มากกว่าโหล มีแอร์อีกเป็นสิบ แล้วยังตู้เย็น ตู้น้ำดื่ม เตาไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า เครื่องดูดฝุ่น (และเครื่องรีดผมพนักงานสาวๆอีกไม่ต่ำกว่า 3 ตัว) อย่างนี้น่าจะเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้า 3 เฟสจะดีกว่า อะไรที่มันกินไฟเยอะๆก็แยกไป ค่าไฟฟ้าจะถูกลงอีกร่วมๆ 50%(ฮ้า...ขนาดนั้นเลยรึ...ผู้จัดการผมสงสัยครับ)

แต่จะต้องยื่นคำขอใช้ไฟฟ้า 3 เฟส ขอเปลี่ยนหม้อมิเตอร์วัดไฟใหม่ มีค่าประกันการใช้อีกต่างหาก รวมๆแล้วก็ตก 2 หมื่นบาท(ไม่แน่ใจนัก)

พอได้ยินค่าใช้จ่าย พวกเราก็เลยถอยหลังเล็กน้อย กลับมาตั้งหลักกันอีก 2-3 วัน กะว่าจะต้องลองไม่เปิดแอร์ทำงานกันสักวัน เพื่อจะได้ค้นหาก่อนว่า อะไรเป็นสาเหตุทำให้ไฟตกกันแน่ เพราะมันตกมากๆจนคอมฯดับนี่ ไม่ธรรมดาแล้ว

ช่างรับเหมาก็ถูกตามมาอีกครั้ง คราวนี้เขามายืนๆดูที่ตรงหม้อมิเตอร์ บอกว่า ตรงนี้สายไฟ 3 เฟสของการไฟฟ้าพาดผ่านมาอยู่แล้ว เพียงแต่เราใช้เพียง 2 เฟส ให้ลองแจ้งช่างจากการไฟฟ้า มาช่วยทดลองสลับไปใช้กับอีกเฟสนึงให้หน่อย เผื่อว่าจะดีขึ้น

วันนั้น พนักงานก็โทรแจ้งการไฟฟ้า เล่าเหตุการณ์ต่างๆให้ฟัง ว่าช่างรับเหมาเขาแนะนำอย่างนี้มา แต่การยุ่งเกี่ยวกับสายเมนหลักนอกบ้าน ช่างรับเหมาเขาไปยุ่งไม่ได้

การไฟฟ้าแสนดีก็ดิ่งมาทันที มาถึงก็เอามิเตอร์เช็คไฟดู ตรวจสอบแล้วพบว่า การสลับเฟสไม่น่าจะมีผลอะไรแตกต่าง เพราะจากการวัดแต่ละคู่ก็เท่ากัน ก็ยืนหันรีหันขวางอยู่พักนึงครับ ช่างก็พยายามช่วยวิเคราะห์ว่าจะทำอย่างไรกันดี เพราะปัญหาก็คาราคาซังมาหลายเดือนแล้ว

บังเอิญจริงๆครับ สายตาช่างพลันก็เหลือบไปเห็นความผิดปกติอันนึงเข้า...

หัวหน้าช่างแกตาดีจริงๆครับ แกมองขึ้นไปบนหม้อแปลงไฟที่อยู่สูงลิบบนยอดเสา แกบอกว่าสายที่เข้าหม้อแปลงมีร่องรอยการไหม้อยู่ นั่นอาจเป็นสาเหตุก็ได้ วันนี้ต้องแจ้งเรื่อง แล้วพรุ่งนี้จะมาตรวจเช็คโดยละเอียดและซ่อมแซมต่อไป พร้อมกับนัดเวลาว่า จะดับไฟฟ้าเวลา 9.00 - 10.00 โดยแกให้ลูกน้องเดินไปบอกอีก 3-4 บ้าน ที่ใช้ไฟฟ้าจากหม้อแปลงตัวเดียวกันนี้ด้วย

พวกเราก้เลยพากันลุ้น ว่าขอให้ถูกจุดทีเถอะ หมดเงินบริษัทไปร่วมๆ 3 หมื่นแล้ว ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย

วันรุ่งขึ้น ผมก็บอกน้องๆพนักงานว่า วันนี้จะมีการดับไฟฟ้านะ ประมาณ 9.00 - 10.00 อย่าเพิ่งรันงานอะไรที่จะต้องต่อเนื่องนานๆ พอถึง 9.00 รถจากการไฟฟ้าก็มาตามที่นัดไว้ ผมก็รอๆว่าเมื่อไรเขาจะบอกว่าจะดับไฟสักที

ปรากฏว่า พี่แกไม่พูดพร่ามทำเพลงเลยครับ แกมาถึงก็เอาไม้ไผ่ยาวๆ สอยคัทเอาท์ที่บนเสาไฟ ดับพรึ่บลงทันที แม้แต่เครื่องผมเองผมก็ชัทดาวน์ไม่ทันครับท่านผู้ชม...(รู้แล้วละว่าบอกแต่เมื่อวานแล้ว แต่ก็น่าจะบอกกันอีกที)

สรุปว่า ตั้งแต่การไฟฟ้ามาซ่อมแซมจุดที่เกิดรอยไหม้บริเวณหม้อแปลงไฟฟ้าบนยอดเสา ไฟฟ้าที่ทำงานผม ยังไม่มีวูบวาบ หรือตกๆเต็มๆให้เห้นสักปื้ดเดียว...

เฮ้อ...แล้วที่ว่าจะให้ขอใช้ไฟ 3 เฟสล่ะ? แล้วที่จะให้เปลี่ยนมิเตอร์วัดไฟใหม่ล่ะ?

เป็นอันว่ายกเลิกทั้งหมดครับ มันเกิดความผิดพลาดอยู่นอกบ้านทั้งหมด...

จะเซ็งดีมั้ยเนี่ย

สวัสดีเลยละกันครับผม




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2549   
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2549 8:06:49 น.   
Counter : 2122 Pageviews.  


ย่อไฟล์ภาพจากกล้องดิจิตอล ด้วยโปรแกรม Resize

ไฟล์ภาพที่ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอล ส่วนมากจะเป็นนามสกุล .jpg ซึ่งจะมีขนาดภาพที่ใหญ่ ขนาดไฟล์จึงต้องใหญ่ตามไปด้วย บางครั้งจำเป็นต้องเอามาลงเว็บ หรือบางทีต้องเอามาส่งให้เพื่อนๆได้ดู จำเป็นที่จะต้องส่งโดยการแนบไปกับ Email หรือไม่ก็ลากผ่านโปรแกรม MSN การที่จะส่งไฟล์ใหญ่ๆเต็มๆไปนั้น บางทีก็เป็นเรื่อง"เกินความจำเป็น"อยู่มาก เพราะการจะดูภาพจากคอมพิวเตอร์แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีความใหญ่ขนาดนั้น สามารถย่อขนาดลงมาให้เหมาะสม ในระดับที่มองเห็นได้ชัดเจน ภาพใหญ่ๆขนาดดั้งเดิม เหมาะสำหรับการนำไปอัดลงบนกระดาษมากกว่า

เริ่มเลยนะ...

1. ไปดาวน์โหลดมาจากนี่เลยครับ //www.snapfiles.com/get/pbresize.html ไฟล์เล็กๆนิดเดียว ไม่ต้อง Setup อีกด้วย แต่รองรับ 2 มาตรฐานเท่านั้น คือ .bmp และ .jpg ซึ่งก็บอกแล้วไงครับ ว่าเหมาะกับภาพที่มาจากกล้องดิจิตอลทั่วๆไปเป็นอย่างยิ่ง หากเป็นไฟล์ภาพที่อยู่ในรูปแบบอื่นๆ ก็คงต้องหาเอาใหม่ครับ

2. ไฟล์ที่ดาวน์โหลดลงมาจะชื่อว่า resize.zip พอดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ ก็จะเห็นรูปนี้ครับ



3. ในนั้นจะมีไฟล์ 2 ไฟล์ที่บีบอัดมา ให้เอาเม้าส์จับไฟล์ที่ชื่อ Resize.exe แล้วลากมาวางไว้บน Desktop ก็จะเห็นไฟล์ Resize.exe ที่มีสัญลักษณ์ 4 เหลี่ยมเขียว/แดงนั่นละครับ



4. ให้นำภาพที่ได้จากกล้อง นำมาวางไว้เป็นโฟลเดอร์บน Desktop เสียก่อนนะครับ จะได้เข้าใจตรงกัน ในตัวอย่างที่ผมทำนี้ จะเห็นว่ากำลังลากโฟลเดอร์ DCIM ที่อยู่ในกล้อง Sony ออกมาดังรูปข้างล่าง



5. หลังจากการ Copy เรียบร้อยแล้ว ก็ไปดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ Resize.exe



หน้าตาเรียบง่ายมากๆ ตัวเลือกต่างๆทางด้านขวามือนั้น ถ้าตามค่ามาตรฐานที่มีมา ขนาดของภาพที่ได้หลังจากสั่งลดขนาดแล้ว จะเหลือครึ่งหนึ่งของภาพเดิม(50%) โดยที่ความคมชัดต่างๆยังเหมือนเดิม

6. ดับเบิ้ลคลิกเข้าไปในโฟลเดอร์ DCIM จะเห็นอีกโฟลเดอร์นึงอยู่ข้างใน ก็ดับเบิ้ลเข้าไปอีกชั้นนึง เพื่อให้เจอรูปภาพ ขั้นตอนนี้ โฟลเดอร์ของใครอยู่ที่ใหนก็ดับเบิ้ลคลิกเข้าไปให้ถูกละกัน เอาเป็นว่าให้เห็นไฟล์ภาพก็เป็นอันว่าใช้ได้

วิธีการก็ง่ายๆครับ คือลากรูปที่ต้องการ เข้าไปวางไว้ในที่ว่างขาวๆของโปรแกรม Resize นั่นเองครับ จะเอากี่ไฟล์ ไฟล์ใหนบ้าง ก็ลากเข้าไปวางไว้ได้เรื่อยๆเลย ลองดูภาพนี้นะครับ เป็นภาพ "น้องแตงโม" pic.jpg เป็นภาพต้นฉบับ มีขนาด 64 K.



7. เมื่อลากไปวางในโปรแกรม Resize แล้ว หากต้องการใช้ค่ามาตรฐาน คือลดขนาดภาพลง 50% โดยมีความกว้าง/ยาวเท่าเดิม ก็กดปุ่ม Start ได้เลย

8. โปรแกรมจะทำการลดขนาดภาพทันที เมื่อเสร็จแล้ว ก็จะขึ้นข้อความแจ้งให้รู้ ซึ่งไฟล์ใหม่ที่ได้ ก็จะอยู่ภายในโฟลเดอร์เดียวกันกับต้นฉบับนั่นเอง จากตัวอย่างของผม จะเกิดไฟล์ resized_pic.jpg ขึ้นมา 1 ไฟล์



จะเห็นว่า ขนาดความกว้างยาวลดลงครึ่งหนึ่ง แต่สีสันต่างๆยังครบถ้วนดี ขนาดไฟล์กลายเป็น 24k. ซึ่งทีนี้ จะนำขึ้นเว็บ ทำแคตตาล็อค หรือส่งผ่าน MSN ก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพราะไฟล์เล็กลงไปมากกว่าครึ่ง โดยยังคงไว้ซึ่งเนื้อหาของภาพทุกประการครับ

เรื่องขนาดของภาพนั้น หากต้องการกำหนดความกว้าง/ความสูงเอาเอง ก็ไปติ๊กเครื่องหมายเลือกเอาได้ และกำหนดตัวเลขเอาได้ตามสะดวก คงเหมาะสำหรับการจะปรับขนาดของภาพให้เป็นขนาดเดียวกันทั้งหมด เช่น การเอาไปลงเว็บ, ทำภาพ Thumbnails หรือการทำแคตตาล็อคต่างๆ ลองๆทำโน่นทำนี่ดู ไอเดียบรรเจิดก็จะตามมาเองครับ

ง่ายๆเท่านี้เอง จบละ...สวัสดีครับ




ปล.อ่านเรื่องอื่นๆได้ที่ //www.geocities.com/my123it




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2549   
Last Update : 24 ธันวาคม 2549 12:07:12 น.   
Counter : 3463 Pageviews.  


TP-LINK รุ่น TD-8810 ADSL Router : จานด่วน

ขออนุมัติ สั่งซื้อเร้าท์เตอร์/โมเด็มมาใช้งาน หลังจากที่ถกปัญหากัน เรื่องความไม่เสถียรของการคอนเน็คด้วยวินโดวส์ ที่มักจะเกิดปัญหาตอนผมไม่อยู่ทุกที (ผมทำหลายอย่างครับ ทั้งดูแลคอมฯ ทั้งต้องขับรถ)



เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วก็อนุมัติมาเรียบร้อยแล้ว วันนี้วันจันทร์จึงได้ของมาวางที่โต๊ะ พลิกดูใต้เครื่อง บอกว่า Made in China ไม่พูดพล่ามทำเพลงละครับ เปิดกล่อง ฉีกซอง จับซีดียัดเข้าเครื่องคอม แล้วจัดการลากสายทันที

1. มีสายจากโทรศัพท์ ผ่านตัว filter ตัวเดิมมาเข้าโมเด็มอยู่แล้ว ก็ถอดจากโมเด็ม เอามาเข้าเร้าท์เตอร์เท่านั้น

2. มีสายแลนเหลือสำรองไว้แล้ว 1 เส้น ลากมาจาก Switch ที่นอกห้อง ก็จับใส่เข้ากับช่องที่หลังเร้าท์เตอร์ได้ทันที

***สายแลนนั้นไม่มีทางเสียบผิดครับ เพราะเร้าท์เตอร์รุ่นนี้มีช่องเดียว และหัวเสียบก็ใหญ่กว่าสายโทรศัพท์เล็กน้อย เพราะฉะนั้น หากกลัวพลาด ก็ต้องเสียบสายแลนก่อน แล้วที่เหลืออีก 1 ช่อง นั่นก็คือสายจากโทรศัพท์(ที่ผ่าน filter)ละครับ

3. เสียบอะแด็ปเตอร์แปลงไฟเข้ากับปลั๊กคอม ที่มาจากเครื่อง UPS เพราะที่ผมไฟวูบวาบบ่อยๆครับ ไฟเลี้ยงเร้าท์เตอร์จะได้ไม่ขาดตอนให้เน็ตหลุดอีก จากนั้นก็เสียบเข้าที่หลังเร้าท์เตอร์

4. เปิดเร้าท์เตอร์เลย สวิทซ์อยู่ข้างหลังครับ



5. อ่านดูจากไฟล์ PDF ในแผ่นซีดีที่มาในกล่อง พบว่า IP มาตรฐาน ที่ติดตัวมาคือ 192.168.1.1 ซึ่งการจะเข้าไปปรับเปลี่ยนค่าต่างๆนั้น จะต้องทำจากคอมที่ตั้งค่าไว้ให้รับ IP อัตโนมัติ แต่ว่าระบบเดิมของผม ใช้แบบมีค่า IP เฉพาะของใครของมัน ดังนั้น ผมจึงต้องเปลี่ยน IP ในเครื่องผมให้เป็น 192.168.1.92 แทน 192.168.64.92 เพื่อให้ติดต่อกับเร้าท์เตอร์ให้ได้ก่อน

6. เปิด IE พิมพ์ 192.168.1.1 กด Enter จะได้หน้านี้ครับ



7. พิมพ์ admin เข้าไปทั้ง 2 ช่อง แล้วกด OK



8. คลิกที่ปุ่ม Advanced Setup จะได้รูปนี้ครับ



9. คลิกที่ปุ่ม Edit ทางขวามือครับ หน้าจอนี้จะให้ใส่ค่า VPI, VCI ก็ให้ใส่ค่าที่ได้มาจากการขอใช้ ADSL ของเราครับ

ส่วนช่องข้างล่าง ให้เลือกไว้ที่ UBR Without PCR แล้วคลิก Next

10. เลือก PPP over Ethernet (PPPoE) และ LLC/SNAP-BRIDGING จากนั้นคลิก Next

11. ใส่ Username และ Password ที่ได้มาจากการขอ ADSL ช่องที่ 3 ว่างไว้ก็ได้ อันล่างเลือก AUTO จากนั้นคลิก Next

12. หน้านี้จะเลือกไว้ที่ Enable WAN Service นอกนั้นไว้อย่างเดิม จากนั้นคลิก Next

13. ระบบจะสรุปการตั้งค่าต่างๆให้ดู ก็คลิก Save

14. คลิกที่ Lan ทางด้านซ้ายมือ เพื่อตั้งค่า IP ใหม่ให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับระบบเดิมของผมครับ



เนื่องจากของผม FIX IP กันไว้ทั้งหมด จึงต้องไปเลือกที่ Disable DHCP Server ครับ ของใครใช้ระบบจ่าย IP อัตโนมัติก็จัดการเลือกข้างล่างเอา จากนั้นก็คลิกที่ Save/Reboot เป็นอันว่าเสร็จพิธีครับ

อ่อ...ผมต้องกลับมาเปลี่ยน IP ที่เครื่องผมให้เป็น 192.168.64.92 เหมือนเดิมครับ

พอรีบูตเร้าท์เตอร์เสร็จปุ๊บ เร้าท์เตอร์ก็จัดการต่อเน็ตเองปั๊บ ทุกเครื่องในระบบแลนที่ผมเซ็ตค่าต่างๆไว้ ก็สามารถเข้าเน็ตได้ทันที โดยเฉพาะที่ห้องผู้จัดการ ท่านต้องเช็คหุ้น ตรวจสอบบัญชีธนาคาร และฟัง"เวอร์จิ้นเรดิโอ 95.5"ตลอดเวลา ไม่มีใครทันผิดสังเกตว่า ผมได้ทำการเปลี่ยนจากการคอนเน็คด้วยโมเด็มจากวินโดวส์ มาเป็นการคอนเน็คด้วยเร้าท์เตอร์ TD-8810 เรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีครับ

29 ตุลาคม 2550 วันนี้เข้ามาแถมเรื่องการ Forward Port ของเจ้าตัวนี้ครับ
1. เข้าไปที่เมนู Addvanced setup/NAT/Vertual Servers



2. คลิกปุ่ม Add แล้วคลิกเลือกที่ Custom Server: แล้วพิมพ์ชื่อที่ต้องการลงไป เช่น ต้องการใช้กับโปรแกรม VNC ก็พิมพ์ VNC ลงไป
3. ที่ช่อง Server IP Address: ให้พิมพ์เลข IP ของคอมฯเครื่องปลายทางที่ต้องการควบคุม
4. จากนั้นก็พิมพ์เลขพอร์ทที่ใช้งานของโปรแกรม ให้ครบทั้ง 4 ช่อง



5. เสร็จแล้วก็กด Save/Reply เป็นอันเสร็จพิธี

เสร็จจากการ Setup ที่ Router ก็น่าจะต้องไปศึกษาการใช้ NO-IP ที่ลิ้งก์นี้ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=loongmit&date=26-12-2006&group=7&blog=1 กันด้วย จะได้ใช้งานได้ราบรื่นขึ้นครับผม




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2549   
Last Update : 29 ตุลาคม 2550 18:12:26 น.   
Counter : 3550 Pageviews.  


1  2  3  

mitrapap
 
Location :
สระบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




Free Domain Names @ .co.nr!
[Add mitrapap's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com