|
ข้อควรรู้ของผู้ถูกทวงหนี้
ข้อควรรู้ของผู้ถูกทวงหนี้
ทุกช่วงชีวิตของหลายคนมิใช่จะราบรื่นเสมอไป บางท่านอาจเกิดสะดุดขัดสนเงินทอง จนกระทั่งต้องขอยืมหรือกู้เงินจากญาติสนิท เพื่อน สถาบันการเงิน หรือเจ้าหนี้รูปแบบต่างๆ จึงกลายเป็นลูกหนี้ในที่สุด หากมีกำลังจ่ายดอกเบี้ยหรือสามารถคืนเงินต้นได้ เรื่องคงจบลงด้วยดี หลายท่านเกิดความผันแปรในชีวิตจนกระทั่งมิอาจใช้คืนหนี้หรือผิดนัดชำระหนี้บ่อยครั้ง ตอนนี้เจ้าหนี้จะเข้ามาติดตามทวงหนี้แน่ หลังจากมีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์และคำบอกเล่าต่อกันมาว่า นักทวงหนี้ตัดแขน เอาเมียกับลูกแลกดอกเบี้ย คุกคามสมาชิกในบ้านของลูกหนี้ พวกเขามีสิทธิทำได้หรือไม่ จึงกลายเป็นคำถามในใจของหลายคน เราจะดูว่า ขอบเขตการทวงหนี้อยู่ที่จุดใด เมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดให้เจ้าหนี้ฟ้องเรียกชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยทางศาล เมื่อมีคำพิพากษาแล้วจักบังคับใช้หนี้จากทรัพย์สินของลูกหนี้ มันเป็นขั้นตอนที่ถูกต้องในการเรียกคืนหนี้ แต่เจ้าหนี้หลายคนเกิดอาการร้อนใจ หวั่นเกรงว่าลูกหนี้อาจหนีไม่จ่ายหนี้คืนเพราะลูกหนี้ขาดการติดต่อหรือหลบหน้า หรือเป็นหนี้นอกระบบที่กฎหมายไม่รับรอง จึงจ้างนักทวงหนี้ทั้งแบบบุคคลหรือสำนักงานกฎหมายเพื่อติดตามทวงหนี้แลกกับค่าจ้างมากน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนหนี้ที่ทวงได้ จึงเป็นต้นเหตุให้พวกเขาต้องใช้ทุกวิธี หลายรูปแบบ ทั้งถูกกฎหมายหรือไม่ถูกต้องเพื่อบีบคั้นให้ลูกหนี้จ่ายคืนหนี้ แทนที่จะเลือกใช้วิธีการทางกฎหมายซึ่งอาจไม่ทันใจเจ้าหนี้ ทำให้ลูกหนี้หรือญาติพี่น้องต่างหวั่นเกรงกับพฤติกรรมของพวกเขาโดยมิทราบว่า นักทวงหนี้เหล่านั้นอาจกำลังทำละเมิดกฎหมายอาญาและมีสิทธิติดคุก โดยไม่มีโอกาสใช้เงินค่าจ้างก็ได้ ผู้ถูกทวงหนี้แท้จริง จักต้องมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการกู้ยืมเงินเท่านั้น เช่น ลูกหนี้ ลูกหนี้ร่วม หรือผู้ค้ำประกัน เป็นต้น การข่มขู่ คุกคาม ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง หรือผู้เกี่ยวข้องกับลูกหนี้ ล้วนเป็นความผิดอาญาฐานกรรโชกทรัพย์ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 บัญญัติว่า ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ ยอมให้ หรือ ยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่า จะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือ ของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำผิดฐานกรรโชก มีโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ถ้าความผิดฐานกรรโชกได้กระทำโดย 1. ขู่ว่าจะฆ่า ขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายให้ผู้ถูกข่มขืนใจ หรือผู้อื่น ให้ได้รับอันตรายสาหัส หรือขู่ว่าจะทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจหรือผู้อื่น หรือ 2. มีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ ผู้กระทำต้องมีโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท จากหลักกฎหมายข้างต้น นักทวงหนี้ที่ใช้พฤติกรรมตัวอย่างเช่น เขียนจดหมายข่มขู่ด้วยวาจาหยาบคายหรือเป็นเท็จ ทำร้ายร่างกาย ด่าทอ กักขัง ทำการรบกวนชีวิตประจำวัน เป็นต้น หากกระทำต่อลูกหนี้หรือสมาชิกในครอบครัว เพื่อน บรรดาผู้ถูกทวงหนี้มีอำนาจแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มคนเหล่านั้นได้ทันที ถ้ามีการทำร้ายบาดเจ็บหรือกักขังหน่วงเหนี่ยว พวกเขาต้องรับโทษอาญาฐานทำร้ายร่างกายหรือทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพอีกคดีหนึ่งด้วย ส่วนการส่งคำเตือนเรื่องหนี้ด้วยวิธีก้าวร้าวหรือจงใจประจานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงด้วยวิธีใดๆ อาจเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทก็ได้ กฎหมายคุ้มครองผู้สุจริตเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงด้วยคือ จิตสำนึกที่ดีของทั้งสองฝ่าย ยามเดือดร้อนขัดสนทางการเงิน ลูกหนี้ได้เงินมาผ่อนคลายปัญหาแล้ว จึงต้องมีความรับผิดชอบต่อหนี้ คือ พยายามผ่อนใช้หนี้เต็มที่และสุจริตใจ ส่วนเจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิในการรับชำระหนี้คืน แต่ควรทำตามขั้นตอนของกฎหมาย มิใช่ทำละเมิดกฎหมายจนนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเอง เจ้าหนี้บางท่านคิดว่าให้นักทวงหนี้ไปจัดการแทนตนแล้วจักไม่มีโทษใดๆ อันเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะหากมีการสอบสวนเต็มที่แล้ว เจ้าหนี้อาจต้องรับโทษฐานเป็นตัวการหรือผู้ใช้จ้างวานก็ได้ ดังนั้น เจ้าหนี้และนักทวงหนี้ทั้งหลายต้องใช้สติก่อนทำงาน และตระหนักใจด้วยว่า การมีหนี้ต้องชดใช้ แต่ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย จึงได้รับความคุ้มครองเต็มที่ ส่วนลูกหนี้ต้องชดใช้หนี้สินที่ก่อขึ้น แต่ก็มีสิทธิปกป้องตัวเองในระดับหนึ่งซึ่งเจ้าหนี้ไม่มีอำนาจล่วงละเมิดสิทธิซึ่งกฎหมายคุ้มครองร่างกายและจิตใจของคนไทยทุกคนไว้โดยไม่จำกัดสถานะว่าเป็นลูกหนี้หรือเจ้าหนี้ เมื่อลูกหนี้ไม่ยอมชดใช้หนี้หรือมีพฤติกรรมโกงเจ้าหนี้ ย่อมต้องรับโทษตามคำพิพากษาของศาลทั้งทางแพ่งหรืออาญา แล้วแต่ข้อเท็จจริงในคดี ปัจจุบันนี้ยังมีมาตรการติดชื่อในบัญชีดำของสถาบันการเงินซึ่งทำให้ถูกจำกัดสิทธิในการทำธุรกรรมต่างๆ บางครั้งยังมีการเผยแพร่ชื่อในกลุ่มเจ้าหนี้ทั้งหลายซึ่งมีผลมิอาจกู้ยืมกับเจ้าหนี้คนใดได้ อันถือเป็นโทษทางสังคมอย่างหนึ่ง มันจักส่งผลให้ลูกหนี้ทุจริตเหล่านั้นไม่มีอนาคตในชีวิตอีกต่อไป บรรดาเจ้าหนี้จึงไม่ควรใช้วิธีทวงหนี้ที่ละเมิดกฎหมายให้ตนต้องเปลืองตัวเปื้อนมลทินไปด้วย ขอเพียงเพิ่มความรอบคอบในการเลือกปล่อยสินเชื่อและทำให้เป็นลูกหนี้อันชอบด้วยกฎหมาย กอปรกับต้องระวังการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น กฎหมายจักดูแลและคุ้มครองเจ้าหนี้ผู้สุจริตเต็มที่ การรู้จักความพอเพียงและเคารพกฎหมาย ย่อมทำให้เป็นเจ้าหนี้ที่น่าสรรเสริญและเป็นที่นับถือแก่คนรอบกาย อันถือเป็นการสร้างบารมีอย่างหนึ่งให้ตัวเองด้วย ดังนั้น เมื่อทราบสิทธิของลูกหนี้และเจ้าหนี้แล้ว จึงหวังว่าท่านจักกระทำทุกอย่างภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย
เขียนโดย ลีลา LAW
********************************
Create Date : 24 มกราคม 2548 |
Last Update : 24 มกราคม 2548 1:15:02 น. |
|
5 comments
|
Counter : 854 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ซีบวก วันที่: 24 มกราคม 2548 เวลา:7:16:54 น. |
|
|
|
โดย: ลีลาlaw IP: 203.209.117.191 วันที่: 25 มกราคม 2548 เวลา:23:51:39 น. |
|
|
|
โดย: sea IP: 59.146.150.69 วันที่: 14 มกราคม 2549 เวลา:22:36:55 น. |
|
|
|
โดย: ไก่โต้ง IP: 125.25.8.87 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:10:25:39 น. |
|
|
|
| |
|
|
อ่านง่ายดี ไม่น่าเบื่อ....
....
เดี๋ยววันหลังมาอ่านอีก...ไปละ