|
ยืมแล้วยึด
เขียนโดย "ลีลา LAW"
สังคมเป็นที่รวมกันของมนุษย์มากหลาย สิ่งหนึ่งที่มนุษย์พึงมีให้ต่อกัน คือ ความมีน้ำใจ ซึ่งจักทำให้สังคมอยู่สงบสุข มีความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือกัน แต่หลายคราผู้มีน้ำใจมักถูกเอาเปรียบจากคนที่เห็นแก่ตัว จึงเกิดความขัดแย้งต่อกันจนต้องพึ่งพาอำนาจศาลเพื่อความยุติธรรม กรณีศึกษาเกี่ยวกับผลตอบแทนของผู้มีใจดีจักเป็นอุทาหรณ์เตือนใจแก่ผู้ที่เห็นแก่ตัวได้ตาม คำพิพากษาฎีกาที่ 1184/2543 นายตะกอน ยืมเครื่องมือก่อสร้างไปจาก นายเพิ่ม โดยมีบันทึกการยืมลงวันที่ 22 มิ.ย. วันที่ 3 และ 19 ก.ค. พ.ศ.2532 ระบุด้วยว่า จะนำมาส่งคืนเมื่อแล้วเสร็จหรือทวงถาม หลังจากวันยืมไปแล้ว นายเพิ่มมิได้พบนายตะกอนอีกเลย มาพบอีกครั้งในวันที่ 15 ธันวาคม 2537 นายเพิ่มทวงถามถึงเครื่องมือก่อสร้างที่ยืมไป แต่ได้รับการปฏิเสธการคืน จึงถือได้ว่า นายเพิ่มทราบแน่ว่า นายตะกอนครอบครองทรัพย์ของเขา แล้วมีเจตนาเบียดบังเอาเครื่องมือก่อสร้างของเขาไปเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2537 วันดังกล่าวจึงเป็นวันที่นายเพิ่มรู้เรื่องความผิดฐานยักยอกทรัพย์และรู้ตัวผู้กระทำผิดในคดีนี้ อายุความร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน จึงเริ่มนับตั้งแต่วันนั้น เมื่อนายเพิ่มแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายตะกอนในวันที่ 15 ธันวาคม 2537 คดีจึงยังไม่ขาดอายุความตามที่นายตะกอนกล่าวอ้างอย่างใด ตัวอย่างคดีนี้ชี้ให้เห็นข้อต่อสู้ของผู้ยืมซึ่งเน้นไปที่ระยะเวลาที่เจ้าของหมดสิทธิ์ฟ้องคดียักยอกทรัพย์ มิใช่ปฏิเสธว่าเขาไม่ได้กระทำผิดคดีดังกล่าว จึงเห็นได้ว่า ระยะเวลามีความสำคัญต่อการฟ้องคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่ง ยังมีผลต่อการแพ้ชนะคดีทั้งของโจทก์และจำเลยในศาลด้วย ดังนั้นข้อเตือนใจที่ได้จากคดีข้างต้นคือ ความผิดอันยอมความได้ในคดีอาญา เช่น ยักยอก ฉ้อโกง หมิ่นประมาท บุกรุก เป็นต้น ต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด มิฉะนั้นจักถือเป็นการขาดอายุความ ไม่อาจดำนินคดีต่อผู้กระทำผิดได้เลย อายุความที่เริ่มต้นและสิ้นสุด จึงเป็นเรื่องสำคัญ
**************************
Create Date : 12 กันยายน 2549 |
Last Update : 12 กันยายน 2549 1:53:44 น. |
|
0 comments
|
Counter : 819 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|