Group Blog All Blog
|
28 พระอรหันต์เมืองไทย - ตอน 2 สวัสดีค่ะ ขอสรุปประวัติย่อพระอรหันต์เมืองไทยตอนที่ 2 ต่อเลยนะคะ จากหนังสือ 28 พระอรหันต์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ค่ะ 9. พระอ.ฝั้น อาจาโร - วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม สกลนคร พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตเหนือฟ้าดิน - ท่านเป็นคนเรียบร้อย, อ่อนโยน, สุขุมเยือกเย็น, กว้างขวาง - ปรารภความเพียรแรงกล้าเด็ดเดี่ยว - ไปตามภูผาป่าเขาเพียงลำพัง, แสวงหาความสงบวิเวก ยินดีต่อความสงบ - มักน้อยสันโดษ พอใจในปัจจัยสี่ที่ตนมีอยู่แล้วได้มาโดยชอบธรรม - เป็นนักต่อสู้เพื่อเอาชนะกิเลส - มีสหธรรมิกคือ พระอ.สิงห์ ขนฺตฺยาคโม, พระอ.มหาปิ่น, พระอ.กู่, พระอ.อ่อน, พระอ.กว่า - ท่านมีความเคารพเลื่อมใส ตั้งอยู่ในโอวาทของพระอ.มั่นอย่างถึงใจ - ทำความเพียรทั้งกลางวันกลางคืน ไม่มีเวลาหลับนอน - จนจิตใจของท่านมีกำลังกล้าเป็น "ธรรมดวงเดียว" ไม่เกาะเกี่ยวกับอะไรๆ ทั้งสิ้น - ท่านมีพลังจิตสูง หาผู้เสมอเหมือนได้ยาก 1. สามารถเรียกฟ้าฝนได้เป็นที่อัศจรรย์ - ปี 2489 ชาวสกลนคร เกิดทุพภิกขภัยอย่างหนัก ฝนฟ้าไม่ตก จึงเข้าไปขอฝนกับท่าน - ท่านนั่งสมาธิบนลานกลางแจ้งครึ่งชั่วโมง - ท้องฟ้าที่มีแดดจ้า พลันมีเสียงฟ้าร้องคำราม เกิดมีก้อนเมฆบดบังแสงอาทิตย์ - มีฝนเทลงมาอย่างหนักถึง 3 ชม - ปีนั้นฝนตกตามฤดูกาล ชาวบ้านได้ทำนาตามปกติทั่วถึง 2. ท่านสร้างวัด ต้องระเบิดหิน - ท่านไม่ต้องการให้หินช่วงไหนแตกร้าว ท่านจะเอาปากกาไปเขียนยันต์ไว้ตรงจุดนั้น - ระเบิดจะแรงขนาดไหน หินนั้นก็ไม่แตกร้าว 3. ท่านนั่งสมาธิใต้ต้นกระบก ลูกกระบกตกลงพื้นเสียงดังน่ารำคาญ - ท่านกำหนดจิตไม่ให้ลูกกระบกตก - ตั้งแต่นั้น ลูกกระบกต้นนั้นไม่หลุดลงพื้นอีกเลย - พระอ.กงมา ได้เล่าเรื่องพลังจิตของลป.ฝั้นไว้ว่า "สมัยหนึ่งหลวงปู่ฝั้นได้ธุดงค์ไปจันทบุรี - ท่านได้รับนิมนต์ไปแสดงธรรมในงานศพ มีผู้มาฟังธรรมเป็นจำนวนมาก - ขณะที่ท่านแสดงธรรมอยู่ มีคนกลุ่มหนึ่งเล่นหมากรุก เมาสุรา ส่งเสียงเอะอะโวยวายรบกวน - ท่านส่งกระแสจิตไปปราบพวกขี้เหล้าเหล่านั้น - เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ขี้เหล่าหยุดนิ่งไร้การเคลื่อนไหว - บางคนยืนอ้าปาก, บางคนถือหมากรุก, บางคนคอพับ ไม่สามารถไหวติงได้ - จนท่านแสดงธรรมให้พรจบลง เดินทางกลับ ขี้เหล้าเหล่านั้นจึงกลับมาสู่ภาวะปกติได้" - ลต.มหาบัวเล่าว่า "ท่านพระอ.ฝั้นสามารถกำหนดจิตให้รถหยุด เครื่องยนต์ไม่ติดอย่างง่ายดาย" - ฉะนั้นเวลานั่งรถ ท่านต้องพยายามทำจิตไม่ให้เพ่งไปที่เครื่องยนต์ ไม่งั้นเครื่องจะดับทันที - ตอนสงครามโลกเครื่องบินญี่ปุ่นจะมาทิ้งระเบิด - คนมาขอให้ท่านอย่าให้ญี่ปุ่นทำได้ - ตอนแรกท่านคิดว่าจะเพ่งให้เครื่องยนต์ดับ -แต่คิดได้ว่าหากทำแบบนั้น เครื่องบินต้องตก ทหารญี่ปุ่นต้องตาย ท่านจึงทำวิธีอื่นแทน - อีกครั้งในงานศพพระอ.มั่น พระกำลังเตรียมงานกันอยู่ - มีเด็กน้อยถีบจักรยานไปมารบกวน - ลป.ฝั้นท่านจึงพูดว่า "เดี๋ยวเราจะดัดนิสัยไอ้เด็กพวกนี้ จะทำให้รถมันล้ม แต่ไม่ให้มันเจ็บ" - พอท่านพูดจบรถจักรยานเด็กล้มลงทันที - - ด้วยวัตรปฏิบัติและพลังจิตอันล้ำเลิศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จึงทรงให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง - เกิดอาทิตย์ 20 สค.2442 - ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 9 ปีกุน - บ้านม่วงไข่ ต.พรรณา สกล - 2461 บรรพชาเป็นสามเณร เอาใจใส่ ศึกษาเคร่งครัดพระธรรมวินัยอย่างยิ่ง - ถึงขนาดคุณยายท่านได้พยากรณ์ไว้ว่า "ในภายภาคหน้า ท่านจะเข้าไปอาศัยอยู่ในป่าดวงขมิ้นตลอดชีวิต" - อมตมหานฤพาน 4 มค 2520 - วัดป่าอุดมสมพร สกล - 77 ปี 52 พรรษา _____________________________________________________ 10. หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ - วัดป่าประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น อ.บ้านดุง อุดรธานี พระอริยเจ้าผู้มีอุปนิสัยแก่กล้าในทางธรรม - พระอริยสงฆ์ประเภทขิปปาภิญญา (บรรลุธรรมเร็ว) เป็นผู้มีอินทรีย์แก่กล้าหาได้ยาก - สละทรัพย์สมบัติ ออกบวช ไม่มีความอาลัยเสียดาย ประดุจบ้วนน้ำลายทิ้งลงบนแผ่นดิน - ตั้งมั่นในธุดงควัตร ชอบเที่ยวธุดงค์ในลาวและพม่า - มีนิสัยวาสนาแก่กล้า พยายามฟันฝ่ากับอุปสรรคทั้งปวง เพื่อจะขอเอาดวงจิตพ้นทุกข์ให้ได้ - เกิดอังคาร 2431 ปีขาล- บ้านตาล ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน สกลนคร - สมัยเป็นฆราวาส แต่งงาน 2 ครั้ง - ครั้งแรก ภรรยาคลอดลูกตายทั้งกลม ท่านเศร้าเสียใจอย่างมาก ทำให้ครุ่นคิดได้ว่า "ทำอย่างไรหนอ ชีวิตของเรานี้ถึงจะได้พบกับความสุขที่แท้จริง" -ครั้งที่สอง อยู่กินกับภรรยาใหม่ราบรื่น จนออกบวช - ท่านเป็นคนหมั่นขยันฉลาด เป็นพ่อค้ากองเกวียน (นายฮ้อย) จนมีฐานะร่ำรวย -ด้วยความประพฤติดี เป็นที่พึ่งของลูกน้องได้ ท่านจึงได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้าน - ต่อมาได้ฟังธรรมจากพระอ.สาร ศิษย์พระอ.มั่น เกิดความดื่มดำซาบซึ้งในรสพระธรรม - จึงขอให้ภรรยาบวชชีก่อน แล้วตัวท่านได้สละทรัพย์สมบัติออกบวชตาม -โดยแจกทรัพย์สินทั้งหมดเป็นทาน ไม่ยินดีอาลัยในทรัพย์เหล่านั้น ผู้คนที่มาเข้าแถวเพื่อรอรับแจกทานจากท่านเป็นแถวยาวเหยียด - ท่านใช้เวลาแจกทานถึง 3 วัน 3 คืนจึงหมด - 2469 อายุ 37 อุปสมบท ณ วัดโพธิสมภรณ์ -ส่วนน้องชาย น้องสาว น้องเขยได้ฟังคำสอนจากท่านก็ออกบวชตามด้วย - หลังบวชแล้ว ท่านเดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์พระอ.มั่น - ขณะที่ท่านเห็นพระอ.มั่นครั้งแรก ท่านได้นึกประมาทอยู่ในใจว่า "พระองค์เล็กๆ อย่างนี้นะหรือ ที่ผู้คนร่ำลือกันว่าเก่งนักเก่งหนา ดูแล้วไม่น่าจะเก่งกาจอะไรเลย" - ครั้นเข้าไปนมัสการพระอ.มั่น ท่านกล่าวขึ้นเสียงดังว่า "การด่วนวินิจฉัยความสามารถของคน โดยมองดูแต่เพียงร่างกายเท่านั้น ใช้ไม่ได้ จะเป็นการตั้งสติอยู่ในความประมาท" เมื่อท่านได้ยินถึงกับสะดุ้ง เกิดความอัศจรรย์ในการรู้วาระจิตของท่านพระอ.มั่น บังเกิดศรัทธาแรงกล้า ตั้งสัจวาจาถวายชีวิต - สมัยท่านธุดงค์ในพม่า ท่านเล่าว่า ขณะที่ท่านนั่งบำเพ็ญเพียงอยู่นั้น ได้ปรากฎมีภาพพระภิกษุมีรัศมีในกายสีฟ้าบอกว่า "เราคือพระอุปคุต เธอเคยเป็นศิษย์ของเรา เธอมีนิสัยแก่กล้า เอาให้พ้นทุกข์นะ " - พระอ.มั่นชมเชยท่านต่อหน้าพระเถระหลายองค์ว่า "ท่านพรหม เป็นผู้มีความพากเพียรสูงยิ่ง เป็นผู้มีสติ มีความตั้งใจแน่วแน่ ได้ประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดที่สุด เป็นตัวอย่างที่ดี ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง" - บางคราวพระอ.มั่นถามท่านต่อหน้าพระเถระทั้งหลายว่า "ท่านพรหม ท่านเดินทางมาแต่ไกลเป็นอย่างไรบ้าง การพิจารณากาย การภาวนาเป็นอย่างไร" ท่านตอบอย่างอาจหาญว่า "เกล้าฯ ไม่มีอกถังกถีแล้ว" (ไม่มีความลังเล สิ้นสงสัย) - พระอ.มั่นได้กล่าวยกย่องว่า "ท่านพรหม สำเร็จเป็นพระอรหันต์ หลังจากบวชได้เพียงพรรษา 5" - อนุปาทิเสสนิพพาน 13 พค 2512 เวลา 17.70 ด้วยโรคชรา - 81 ปี 43 พรรษา ______________________________________________________________________ 11. หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ - วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว เชียงใหม่ วิสุทธิเทพแห่งดอยแม่ปั๋ง - ท่านธุดงค์ตามป่าเขาภาคอีสาน ภาคเหนือ,พม่าและอินเดีย ด้วยเท้าเปล่า - มีหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เป็นสหายธรรม - ยังไม่มีพระอริยคณาจารย์รูปใด ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเทียบเท่าหลวงปู่แหวน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ยังวัดดอยแม่ปั๋ง เพื่อนมัสการและสนทนาธรรมกับหลวงปู่แหวนหลายครั้งหลายหน - เกิดจันทร์ 16 มค.2430 - ขึ้น 14 ค่ำ เดือนยี่ ปีกุน - บ้านนาโป่ง อ.เมือง เลย - 5 ขวบ ก่อนมารดาจะถึงแก่กรรม ได้เรียกท่านมาใกล้ๆ ได้จับแขนไว้แน่นๆ กล่าวว่า "ลูกเอ๋ย แม่ยินดีต่อลูก สมบัติใดๆ ในโลกนี้จะเป็นกี่ล้านกี่โกฏิ แม่ก็ไม่ยินดี แม่จะยินดีมาก ถ้าลูกจะบวชให้แม่ เมื่อลูกบวชแล้ว ให้ตายกับผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมามีลูกมีเมียนะลูกนะ" - บรรพชา 9 ขวบ - อายุ 31 ธุดงค์รอนแรมไปฝากตัวกับพระอ.มั่น ท่านได้กล่าวสอนสั้นๆ ว่า "ต่อไปนี้ให้ภาวนา ส่วนความรู้ที่เรียนมาให้เอาใส่ตู้ไว้ก่อน" - หลวงปู่ขาว อนาลโย ซึ่งได้หลุดพ้นผ่านพ้นทุกข์ไปได้แล้ว ชวนท่านกลับอีสานด้วยกัน หลวงปู่แหวนตอบว่า "ถ้ายังไม่บรรลุพระอรหัตตผลตามความมุ่งหวัง จะไม่ไปจากเมืองเชียงใหม่" - วันหนึ่งในปี 2512 หลวงปู่ขาว ซึ่งอยู่ที่ถ้ำกลองเพล อุดรธานี ได้ปรารภเป็นเชิงรำพึงอนุโมทนากับสานุศิษย์ว่า "เมื่อคืนได้นิมิตเห็นท่านแหวนจิตใสเหมือนแก้ว สว่างไสวทั้งองค์ ท่านแหวนได้อรหัตตผลแล้วหนอ" - อนุปาทิเสสนิพพาน 2 กค 2528 - วัดดอยแม่ปั๋ง- 98 ปี 58 พรรษา ______________________________________________________ 12. หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ - วัดดอยธรรมเจดีย์ ต.ตองโขบ อ.โคกศรีสุพรรณ สกล พระอริยเจ้าแห่งวัดดอยธรรมเจดีย์ - ท่านเรียบง่าย เจ้าระเบียบ มีอุบายละเอียด , การเทศนาธรรมใช้ภาษาง่ายๆ แต่กินใจความลึกซึ้ง - ท่านมีหลวงปู่สาม และท่านพ่อลี เป็นสหธรรมิก - ท่านได้นำสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ชื่น) ออกเที่ยวธุดงค์ตามป่าเขาภาคตะวันออก ถึงขนาดพระองค์ออกปากชมว่า "การธุดงค์ของพระปฏิบัติกรรมฐานนี้ได้ประโยชน์เหลือหลาย อย่างนี้พระต้องธุดงค์กันให้มากๆ ศาสนาจะได้รุ่งเรือง" - เกิด 6 พย.2443 - ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ปีชวด - บ้านโคก อ.โคกศรีสุพรรณ สกลนคร - เคยเป็นหัวหน้านายฮ้อย พาคณะต้อนสัตว์มีวัวควายไปขายกรุงเทพ, แต่งงานอายุ 25 ปี ต่อมาภรรยาพร้อมบุตรในครรภ์ในเสียชีวิตลง ทำให้ท่านรู้สึกสูญสิ้น เป็นเหตุให้ท่านสลดสังเวชและนึกถึงร่มเงาพระพุทธศาสนา -2482 สร้างวัดเขาน้อย ท่าแฉลบ ตามพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ - 2485 จำพรรษากับพระอ.มั่นที่ป่าช้าบ้านโคก อ.โคกศรีสุพรรณ สกล ได้รับอุบายธรรมสำคัญและได้รับความเมตตาจากพระอ.มั่นเป็นพิเศษ ต่อมาที่แห่งนี้ ท่านได้สร้างเป็นวัดสุทธิธรรมาราม - 2489 ท่านได้ธุดงค์ตามเทือกเขาภูพาน ได้ปักกลดพักภาวนาที่ในถ้ำ ซึ่งถ้ำนี้เป็นที่อยู่เสือ และต่อมากลายเป็น "วัดดอยธรรมเจดีย์" - อนุปาทิเสสนิพพาน 17 ตค 2505 - 61 ปี 35 พรรษา ______________________________________________________ 13. ท่านพ่อลี ธมฺมธโร (พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์) - วัดอโศกราม อ.เมือง สมุทรปราการ พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตแก่กล้า - ถึงพร้อมด้วยอำนาจแห่งบารมีและบุญที่สั่งสมไว้แต่ปางบรรพ์ มีภูมิธรรมและพลังจิตสูงยิ่ง, มีจริยวัตรงดงาม มีศรัทธาเต็มเปี่ยมในการเผยแผ่สัจธรรม - ท่านเป็นศิษย์ที่ท่านพระอ.มั่น โปรดเป็นที่สุด -ยามที่ท่านเดินทางไปคารวะพระอ.มั่นสำนักวัดบ้านหนองผือ สกลนคร ท่านได้รับการต้อนรับจากท่านพระอ.มั่นเป็นกรณีพิเศษ - ท่านเป็นพระเจ้าอโศกมหาราชกลับชาติมาเกิดเพื่อบรรลุธรรม - เป็นศิษย์ท่านพระอ.มั่นเพียงรูปเดียว ที่ไม่เคยถูกพระอ.มั่นต้องติ - เมื่ออกจากสำนักไป ท่านเป็นผู้ที่ทำให้ชาวพระนครได้รู้จักพระกรรมฐาน และทำให้วงศ์กรรมฐานเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางจนถึงยุคปัจจุบัน - ท่านบรรลุภูมิธรรมขั้นสูงที่ถ้ำเชียงดาว เชียงใหม่ บรรลุธรรมขั้นสูงสุดที่ถ้ำเขาฉกรรจ์ ปราจีนบุรี - ท่านยังสามารถจัดงานฉลองกึ่งพุทธกาลได้อย่างยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีที่เมืองไทยเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนา - พระอ.มั่นเมตตา และให้การยกย่องท่านว่า "มีพลังจิตสูง เป็นผู้เด็ดเดี่ยว อาจหาญ เฉียบขาด ถึงพร้อมด้วยศีลด้วยธรรม" - สมศักดิ์ศรีที่ได้รับความไว้วางใจจากพระอ.สิงห์ ขนฺตฺยาคโม ให้เป็น "อัศวินแห่งกองทัพธรรมกรรมฐานสายท่านพระอ.มั่น ภูริทตฺโต" ที่มีธรรมะเป็นอาวุธ - ปฏิปทาอันละมุนละไมของท่านพ่อลี ทำให้บรรดาสาธุชนเลื่อมใสทั้งกาย วาจา ใจ - เกิดพฤหัสบดี 31 มค 2449 เวลา 21.00 - แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเมีย - บ้านหนองสองห้อง อ.ม่วงสามสิบ อุบล - เกิดได้ 9 วัน รบกวนพ่อแม่เป็นการใหญ่ ไม่มีใครสามารถเลี้ยงให้ถูกใจได้ เป็นเด็กที่เลี้ยงยากที่สุด มักร้องไห้เอาแต่ใจเสมอ - อายุ 11 ปี จิตคิดขึ้นเองว่า "ไม่มีอะไรที่จะทำไม่ได้ ในเรื่องที่จะตอบแทนบุญคูณข้าวป้อนของพ่อแม่" แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทำไม่ได้ จึงพูดกับแม่ว่า "แม่ มีอยู่เรื่องเดียวที่ลูกจนใจที่สุด ก็แต่เลือดในอกที่ดื่มเข้าไปเท่านั้น ที่หามาตอบแทนพ่อแม่ไม่ได้" - อายุ 15 ปี ท่านมีคติธรรมฝังแน่นในหัวใจ 3 อย่างคือ 1. ในจำนวนคน 80 หลังคาเรือน ในหมู่บ้านเดียวกันนี้ ท่านจะไม่ยอมให้ใครมาเหยียบหัวแม่ตีนเป็นอันขาด 2. ในบรรดาคนที่เกิดปีเดียวกัน ท่านจะไม่ยอมแพ้ใครในเชิงหาเงิน 3. ถ้าอายุไม่ถึง 30 ปี ท่านจะไม่ยอมมีเมีย จะต้องมีเงินในกระเป๋าตัวเองให้พอเสียก่อน จะไม่ยอมแบมือขอใครกิน -ถ้าจะมีเมียต้องเป็นผู้เลือกเอง ใครจะมาข่มเหงคลุมถุงชนไม่ได้ และผู้ที่จะเป็นเมียจะต้องมีพร้อมทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ และสกุลสมบัติ - บวชได้ 2 พรรษา จึงตั้งใจอธิษฐานให้ได้พบครูบาอาจารย์ที่ทรงคุณธรรมว่า "เวลานี้ ข้าพเจ้ามุ่งหวังเอาดีทางพระศาสนา ขอจงให้ได้พบครูบาอาจารย์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบ ภายใน 3 เดือน" - พบพระอ.มั่น ที่วัดบูรพาราม อุบล สมความตั้งใจ ท่านได้สอนให้บริกรรม "พุทโธ" เพียงคำเดียวเท่านั้น ขณะนั้นพระอ.มั่นกำลังอาพาธ ท่านจึงแนะนำให้ไปพักอยู่ป่าบ้านท่าวังหิน ซึ่งเงียบสงัดวิเวกดี - มีพระอ.สิงห์ ขนฺตฺยาคโม, พระมหาปิ่น ปญฺญาพโล เป็นพระพี่เลี้ยง - 2474 จำพรรษากับพระอ.มั่นที่วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ - พระอ.มั่นได้สั่งให้ท่านพ่อลี ไปปฏิบัติมงคลสถาน 3 แห่งคือ 1. ดอยขะม้อ ลำพูน, 2.ถ้ำบวบทอง เชียงใหม่, 3.ถ้ำเชียงดาว เชียงใหม่ - อนุปาทิเสสนิพพาน - 26 เมย.2505 เวลา 02.00 - วัดอโศการาม- 55 ปี 33 พรรษา - หลังจากมรณภาพ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฺฐายี) มีพระบัญชาให้เก็บศพท่านไว้ยังไม่ถวายเพลิง - เอาอย่างพระมหากัสสปะเถระ ที่ในวันหนึ่งในอนาคตกาลจะมีพระศรีอริยเมตไตรย มาเผาศพพระมหากัสสปะอย่างสมศักดิ์ศรี - "ผู้มีบุญกรรมที่เกี่ยวข้องกับท่านในวันข้างหน้า จะได้มาถวายเพลิงสรีระร่างของท่านอย่างสมศักดิ์ศรี" - ท่านมีบัญชาอีกว่า ให้บำเพ็ญกุศลและสวดมนต์อุทิศถวายท่านพ่อลีทุกคืน บรรดาบรรพชิตและคฤหัสถ์ซึ่งเป็นคณะศิษย์ท่านพ่อลีได้ปฏิบัติตามมาโดยตลอด ______________________________________________________ 14. หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม - วัดป่าอรัญญวิเวก บ้านข่า อ.ศรีสงคราม นครพนม พระอริยเจ้าผู้มีปฏิปทาประดุจเสือโคร่ง - รักความสงบสันโดษ, ใฝ่ใจการศึกษา, ตรงไปตรงมา, ข้อวัตรปฏิบัติเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว เอาจริงเอาจัง, นิสัยโผงผาง พูดจาขวานผ่าซาก, มีลีลาการแสดงธรรมแปลกกว่ารูปอื่น, มีคำคมขำขันแฝงเสมอในเทศนาธรรม, ติดตามพระอ.มั่นภาวนาตามถ้ำป่าลึกภาคเหนือ เช่นถ้ำเชียงดาว - ปฏิปทาท่านอาจหาญสมเป็นนักรบธรรมของพระอ.มั่น, นิสัยประดุจเสือโคร่ง,ท่านมักปฏิบัติกรรมฐานอย่างอุกฤษฎ์ โดยถือเอาเสือโคร่งเป็นแบบอย่างในอิริยาบถ4 1. ต้องมีน้ำจิตน้ำใจแข็งแกร่งกล้าหาญในการเที่ยวธุดงค์ล่ากิเลส - ประดุจเสือตัวเปรียวเที่ยวล่าเหยื่อไม่กลัวต่อภยันตรายใดๆ 2. ต้องกล้าเที่ยวไปในค่ำคืน - ประดุจเสือไม่เคยกลัวต่อมรณภัยในความมืด 3. ต้องชอบอยู่ในท้องถ้ำที่สงัดจากผู้คน - ประดุจเสือหลีกเร้นซ่อนตัวอยู่ในถ้ำอันลึกลับที่ผู้คนเข้าไปไม่ถึง 4. คิดทำอะไรลงไปแล้วต้องมุ่งความสำเร็จเป็นจุดหมาย - ประดุจแววตาเสือได้จ้องเขม็งไปที่เหยื่อรายใดแล้ว ต้องตามตะปปขย้ำจนสำเร็จ - ท่านสำเร็จอภิญญาญาณ สามารถเรียกสัตว์ มีเสือเป็นต้น มาขี่เป็นพาหนะในการเดินทางได้, สามารถเที่ยวนรกสวรรค์ได้ตามใจปรารถนา - มีหลวงปู่แหวน เป็นสหธรรมิกเดินธุดงค์ภาคอีสานและภาคเหนือ, เวียงจันทร์, หลวงพระบาง - เกิดวันจันทร์ 3 กพ. 2431 - ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ปีชวด - บ้านข่า อ.ศรีสงคราม นครพนม - 2514 อาพาธด้วยโรคชรา ถึงกาลใกล้นิพพาน ท่านได้แสดงธรรมโปรดสานุศิษย์สั้นๆ ว่า "สังขารไม่เที่ยง เราเกิดมาก่อน ก็ต้องไปก่อนตามธรรมดา ลมวิปริตแล้ว ธาตุในตัวแปรปรวนแล้ว" พูดจบท่านให้พรว่า "พุทฺโธ สุโข ธมฺโม สุโข สงฺโฆ สุโข จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ" - พร้อมยิ้มหัวเราะเยาะ ลาโลกสมมุติเป็นครั้งสุดท้ายอย่างอารมณ์ดี ไม่สะทกสะท้าน แล้วนอนตะแคงขวาท่าสีหไสยาสน์ ทิ้งขันธ์ อนุปาทิเสสนิพพาน 19 กพ.2517 เวลา 19.00 - วัดป่าอรัญญวิเวก นครพนม -86 ปี 46 พรรษา ______________________________________________________ 15. หลวงปู่สาม อกิญฺจโน - วัดป่าไตรวิเวก อ.เมือง สุรินทร์ พระอริยเจ้าผู้เคร่งครัดในธุดงควัตร - ท่านกตัญญูกตเวทีต่อพระบูรพาจารย์เป็นที่ตั้ง- เมื่อพระอ.มั่น เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน ท่านนอนเฝ้ารักษาศพท่านอ.มั่นตลอด 3 เดือนจนถึงพิธีประชุมเพลิง - ท่านได้รับคำแนะนำจากหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ให้เข้าหาพระอ.มั่น - ท่านไม่ติดสถานที่ ภาวนาตามป่าเขาทุกภาคของไทย ท่านจำพรรษามากแห่งแทบไมซ้ำกัน เป็นหนึ่งในกองทัพธรรมยุคแรกที่ธุดงค์เผยแผ่ธรรมจนได้รับคำชมจากพระอ.มั่นว่า "เป็นผู้เจริญด้วยธุดงควัตร จำพรรษาได้มากแห่ง และเป็นผู้เคร่งครัดในธุดงควัตร" - ท่านมีสหธรรมิกคือ พระอ.กงมา และท่านพ่อลี - ท่านสามารถเข้าฌานสมาบัติได้เชี่ยวชาญ - 2506 จำพรรษากับกะเหรี่ยงที่บ้านแม่หลอด อ.แม่แตง เชียงใหม่ - ออกพรรษาแล้วเที่ยววิเวกไปแถวเชิงบ้านผาเด่ง อยู่กับแม้วกระเหรี่ยง ทำให้เขาเกิดศรัทธา จึงทำให้ท่านถูกคนอิจฉาริษยาและคิดปองร้ายหมายเอาชีวิต - คืนวันหนึ่งท่านนั่งเข้าฌานสมาบัติพิจารณาธรรมขั้นสูง ดื่มด่ำรสพระธรรม ท่องเที่ยวไปทั้งเบื้องสูงเบื่องล่าง, โปรดจิตวิญญาณที่ยากไร้ นานพอสมควรท่านจึงถอนจิตออกจากฌานสมาบัติ - พอถอนจิตออก ปรากฎว่าฝากระท่อมทับตัวท่านอยู่ เมื่อเอาออก จุดเทียนขึ้นดู มีเลือดเยิ้มท่วมกาย ,ข้างกายมีก้อนหินตก 1ก้อน, อีกข้างมี 2 ก้อน, มีเลือดเปรอะเกรอะกรังทั่วตัว - ท่านเล่าว่า พวกโจรผู้ร้ายคงเอาก้อนหินทุบศีรษะและใบหน้าท่านอย่างแรง และคิดว่าท่านคงตายแล้ว จึงตีฝากระท่อมให้ล้มทับตัวท่านไว้ - ท่านรอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์ - เกิดอาทิตย์ 12 กย. 2442 - บ้านนาสาม ต.นาบัว สุรินทร์ -2469 ศึกษาธรรมกับพระอ.มั่นที่ป่าบ้านสามผง นครพนม พระอ.มั่นแนะนำให้ติดตามพระอ.สิงห์และพระมหาปิ่นออกธุดงค์ - นิพพานที่รพ.ศิริราช 1 กพ.2534 เวลา 19.30 น.-91 ปี 62 พรรษา ______________________________________________________ 16. หลวงปู่คำดี ปภาโส (พระครูญาณทัสสี) - วัดถ้ำผาปู่ อ.เมือง เลย พระอริยเจ้าผู้อ่อนน้อมถ่อมตนเพื่อธรรม - ท่านมีความสมบุกสมบันทั้งภายนอกและภายใน, สันโดษ, ไม่ชอบการก่อสร้าง - ท่านศึกษาธรรมจากพระอ.สิงห์ ณ วัดป่าสาลวัน จากนั้นท่องเที่ยวตามป่าเขา จนวาระสุดท้ายท่านกลับมาวัดถ้ำผาปู่และได้รับอุบายธรรมอันสำคัญจากหลวงตามหาบัว และถึงที่สุดแห่งทุกข์ - ท่านมักกล่าวกับคนใกล้ชิดเสมอว่า "มหาบัวเป็นอาจารย์ของอาตมา" - ท่านไม่ถืออายุพรรษา ท่านถือพรหมจรรย์คือพระอรหัตตผลเป็นที่ตั้ง ถ้าหากได้ธรรม แม้จะเอาสามเณรเป็นอาจารย์ท่านก็ยอม - ท่านมีวิธีการและอุบายแปลกๆ เพื่อหัดทรมาน, ท่านชอบหาที่อยู่น่ากลัว และชอบหาวิธีแก้ความกลัวเฉพาะหน้า เช่น ท่านพักในถ้ำ เสือร้องคำรามหน้าถ้ำ ตัวสั่นแต่ใจสู้ไม่ถอย ภาวนาสอนตนเองว่า "พระกรรมฐานอะไรมากลัวเสือ เรากลัวเสือมันมากินเรา ก็เรากินสัตว์มาสักเท่าไหร่ กินมาจนเต็มพุง ถ้าเสือจะมากินเราเสียบ้าง ก็ไม่เห็นจะเป็นไร วันนี้เราต้องสู้" - คิดอย่างนั้นแล้ว ท่านก็รีบเดินออกจากถ้ำไปตามหาเสือ - พอเสือเห็นท่านเดินเข้าไปหาดุ่มๆ มันก็เผ่นแน่บเปิดหนีเข้าป่าหายเงียบไป - ท่านเคยจิตเสื่อมและราคะกำเริบมาก ถึงกับจะเอามีดโกนมากรีดคอตนเองให้ตายถึง 3 ครั้ง 3 หน แต่เหมือนมีเทวดามาช่วยเสมอ - ท่านเล่าว่า หากวันนั้นมีผู้หญิงเข้าสู่ป่าที่ท่านพักอาศัยอยู่ ท่านจะต้องข่มขืนเสพเมถุนแน่นอน เพราะเกิดความกำหนัดอย่างมาก - แต่เดชะบุญบันดาล วันนั้น ไม่มีผู้หญิงสักคนเลย ทั้งที่ทุกวันจะมีผู้หญิงมาหาของป่ากันเป็นจำนวนมาก - ท่านพลิกจิตแก้ตัวท่านเองทันทีอย่างเด็ดขาด ด้วยการเปลียนความคิดที่ฆ่าตัวตายเสียใหม่ว่า "ถ้าจะตาย เราต้องตายพร้อมกับความเพียรภาวนาเท่านั้น" - แต่ก่อนท่านผาดโผน แข็งกระด้าง ไม่ยอมใครง่ายๆ แต่ท่านมาแก้เสียใหม่ - ครั้งหนึ่งท่านใช้สามเณรตัดผ้าขาวทำสบง สามเณรเย็บผ้าผิด ท่านฉีกผ้าโยนทิ้ง สามเณรร้องไห้ใหญ่ - ท่านสะเทือนใจมากที่ทำกิริยาอย่างนั้น ผ้าตัดผิด มันก็ตัดผิดไปแล้ว แล้วมาฉีกผ้าทิ้งนี้หาประโยชน์อะไรมิได้ - ท่านเตือนตนเองว่า "เอาล่ะนะ เราจะเอาสามเณรเป็นอาจารย์ ต่อแต่นี้เป็นต้นไป เราจะเปลี่ยนนิสัยใหม่ เปลี่ยนมารยาทใหม่ กิริยาอย่างนี้จะไม่นำเอามาใช้จนกระทั่งวันตาย เปลี่ยนเป็นคนอ่อนโยน ไม่ดุด่าว่ากล่าวใครโดยไร้ซึ่งเหตุและผล" - เกิดวันพฤหัส 26 มีค. 2445 -แรม 14 ค่ำ ปีขาล - เกิดบ้านหนองคู ต.บ้านหว้า ขอนแก่น - อนุปาทิเสสนิพพาน - 17 พย 2527 เวลา 13.13 น. รพ.แพทย์ปัญญา กรุงเทพ - 82 ปี 56 พรรษา ______________________________________________________ 17. หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร (พระญาณสิทธาจารย์) - วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว เชียงใหม่ พระอริยเจ้าผู้มีกลิ่นศีลธรรมกำจรกำจาย - อุปนิสัยละมุนละไม มีเมตตาเป็นสาธารณะ ใจเด็ด มุ่งหวังเพียงความพ้นทุกข์ ได้รับคำชมจากพระอ.มั่นว่า "เป็นดอกบัวที่ยังตูมอยู่ เบ่งบานเมื่อใด จะหอมกว่าหมู่" - เมื่อพระอ.มั่นธุดงค์ไปภาคเหนือ ท่านจะติดตามไปอาศัยในรัศมีธรรมของพระอ.มั่นเสมอมา - ท่านชอบอยู่ตามถ้ำ ภูเขาสูง, เก่งการพิจารณาอสุภะกรรมฐาน - ท่านสามารถอรรถาธิบายในกายคตาสติกรรมฐาน พิจารณากระดูก 300 ท่อนได้อย่างพิสดาร - ท่านถือเคร่งใน "โสสานิกังคธุดงค์" คือธุดงค์ข้อ 11 ว่าด้วยการเข้าไปเยี่ยม และอยู่ในป่าช้า พิจารณาซากศพเป็นวัตร - ท่านเป็นผู้มีใจหนักแน่นมั่นคง ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลาย - เกิดศุกร์ 26 พย.2452 - ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 12 ปีระกา เวลา 21.00 - บ้านบัว ต.สว่าง อ.พรรณานิคม สกลนคร - คืนที่ท่านมาปฏิสนธิ มารดานิมิตเห็นพระสงฆ์รูปหนึ่งเหาะมาจากท้องฟ้ามีรัศมีในกายเปล่งประกายแลดูเย็นตาเย็นใจ เหาะลงสู่กระต๊อบกลางทุ่งนา - นายสานผู้เป็นบิดาจึงตั้งชื่อลูกชายว่า "สิม" (หมายถึงโบสถ์) - อายุ 17 ปี ขอบิดามารดาบรรพาเป็นสามเณรมหานิกาย - ต่อมาได้ฟังธรรมพระอ.มั่น, พระอ.สิงห์, พระอ.มหาปิ่น ณ วัดศรีสงคราม นครพนม ได้ปีติเลื่อมใสอย่างมาก จึงตัดสินใจขอถวายตัวเป็นศิษย์พระอ.มั่น - ได้บรรพชาใหม่เป็นสามเณรธรรมยุต - หลังอุปสมบท ธุดงค์ติดตามพระอ.สิงห์ ขนฺตฺยาคโม และ พระอ.สิงห์สอนอุบายการพิจารณาอสุภกรรมฐานจากซากศพ โดยพาไปขุดซากศพที่ป่าช้าขึ้นมาพิจารณา - ท่านได้อสุภะกรรมฐานจากซากศพว่า "นี่แหละร่างกาย สักแต่ว่ารูป ไม่ว่ารูปหญิงรูปชาย คืออันเดียวกัน ไม่มีใครสวยใครงามกว่ากัน อสุภํ มรณํ ทั้งนั้น -ไม่นานล่ะ เดี๋ยวมันก็ทยอยตาย ไปทีละคนสองคน หมดไปสิ้นไปไม่มีเหลือ ตายจนกระทั่งหมดโลก" - 2503 ท่านธุดงค์มาพบถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว เชียงใหม่ และพัฒนาจนเป็นมงคลสถานที่อบรมภาวนา - อนุปาทิเสสนิพพาน - ศุกร์ 14 สค. 2535 - วัดถ้ำผาปล่อง -82 ปี 63 พรรษา ทักทายยามบ่ายคร้าา^^
โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 21 มีนาคม 2553 เวลา:12:52:10 น.
โดย: bigjinbook วันที่: 21 มีนาคม 2553 เวลา:17:39:52 น.
|
Kat_kine
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?] |