Group Blog |
ควรทำกุศลอะไร จึงได้ไปเกิดยุคพระศรีอริยเมตไตรย
ควรทำกุศลอะไร จึงได้ไปเกิดยุคพระศรีอริยเมตไตรย
1. เราควรงดเว้นปาณาติบาต 2. ควรงดเว้นจากลักขโมย 3. ควรงดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร 4. ควรงดเว้นการพูดเท็จ 5. ควรงดเว้นจากการพูดส่อเสียด นินทา 6. ควรงดเว้นจากการพูดคำหยาบ 7. ควรงดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ 8. ควรละความโลภ 9. ควรละพยาบาท 10. ควรละมิจฉาทิฐิ 11. ควรละธรรม ๓ ประการ คืออธรรมราคะ วิสมโลภ มิจฉาธรรม 12. เราควรปฏิบัติชอบในมารดา 13. ควรปฏิบัติชอบในบิดา 14. ควรปฏิบัติชอบในสมณะ 15. ควรปฏิบัติชอบในพราหมณ์ 16. ควรประพฤติอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ในตระกูล เมื่อมนุษย์มีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี
ที่มา : พระไตรปิฎก พระสุตตันตปิฎก จักกวัตติสูตร (เมืองมาตุลา แคว้นมคธ) ลักษณะผู้ที่มีแต่ความเสื่อมอย่างเดียว ไม่มีความเจริญ
ผู้ใด ยังละเครื่องผูกพันใจ ๕ ประการไม่ได้ ยังตัดไม่ขาดแล้ว กลางคืนหรือกลางวันที่ผ่านมาถึง - บุคคลนั้น พึงหวังความเสื่อมอย่างเดียวในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่มีความเจริญเลย 1. ไม่เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า-> จิตของภิกษุนั้น ย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร เพื่อประกอบเนืองๆ เพื่อการกระทำติดต่อ เพื่อบำเพ็ญเพียร 2. ไม่เลื่อมใสในพระธรรม->ย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร เพื่อประกอบเนืองๆ เพื่อกระทำติดต่อ เพื่อบำเพ็ญเพียร 3. ไม่เลื่อมใสในพระสงฆ์-> ย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร เพื่อประกอบเนืองๆ เพื่อกระทำติดต่อ เพื่อบำเพ็ญเพียร 4. ไม่เลื่อมใสในสิกขา->ย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร เพื่อประกอบเนืองๆ เพื่อกระทำติดต่อ เพื่อบำเพ็ญเพียร 5. มีความโกรธ ไม่พอใจ มีจิตอันโทสะประทุษร้ายมีจิตกระด้าง ในเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย -> จิตของผู้นั้นย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร เพื่อประกอบเนืองๆ เพื่อกระทำติดต่อ เพื่อบำเพ็ญเพียร ----------------------------------------- ตาปูตรึงใจ ๕ ประการนี้ หากยังละไม่ได้แล้ว ฯ ยังตัดไม่ขาดแล้ว กลางคืนหรือกลางวัน ที่ผ่านมาถึงบุคคลนั้น บุคคลนั้นพึงหวังความเสื่อมอย่างเดียว ไม่มีความเจริญเลย 1.มีความอยากในกามทั้งหลาย -> จิตของภิกษุนั้นย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร เพื่อประกอบเนืองๆ เพื่อกระทำติดต่อ เพื่อ บำเพ็ญเพียร 2. มีความอยากในกาย - ย่อมไม่น้อมไปเพื่อความความเพียร ติดต่อ เพื่อบำเพ็ญเพียร 3. มีความอยากในรูป ->ย่อมไม่น้อมไปเพื่อ ความเพียรติดต่อ เพื่อบำเพ็ญเพียร 4. กินอาหารเต็มท้องตามต้องการแล้ว -> ย่อมมีความสุขในการนอน ความสุขในการเอน ความสุขในการหลับอยู่ -> ย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร เพื่อประกอบเนืองๆ เพื่อกระทำติดต่อเพื่อบำเพ็ญเพียร 5. ประพฤติพรหมจรรย์ด้วยความปรารถนาเป็นเทพองค์ใดองค์หนึ่ง ด้วยศีลพรต ตบะ หรือพรหมจรรย์นี้ -> จิตของภิกษุนั้น ย่อมไม่น้อมไปเพื่อความเพียร เพื่อประกอบเนืองๆ เพื่อกระทำติดต่อ เพื่อบำเพ็ญเพียร จาก พระสุตตันตปิฎก อัคุตตรนิกาย เล่ม 16 ขีลสูตร ลักษณะผู้จบพรหมจรรย์
ผู้ละองค์ ๕ ได้แล้ว คือผู้ประกอบด้วยคุณทั้งมวล ผู้อยู่จบพรหมจรรย์ เป็นอุดมบุรุษ 1. เป็นผู้ละกามฉันทะได้แล้ว 2. ละพยาบาทได้แล้ว 3. ละถีนมิทธะได้แล้ว 4. ละอุทธัจจกุกกุจจะได้แล้ว 5. ละวิจิกิจฉาได้แล้ว ----------------------------------- ผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ คือ ผู้ประกอบด้วยคุณทั้งมวล ผู้อยู่จบพรหมจรรย์ เป็นอุดมบุรุษ 1. มีศีลขันธ์อันเป็นของพระอเสขบุคคล 2. มีสมาธิขันธ์อันเป็นของพระอเสขบุคคล 3. มีปัญญาขันธ์อันเป็นของพระอเสขบุคคล 4. มีวิมุตติขันธ์อันเป็นของพระอเสขบุคคล 5. มีวิมุตติญาณทัสสนขันธ์อันเป็นของพระอเสขบุคคล จาก พระสุตตันตปิฎก อัคุตตรนิกาย เล่ม 16 อังคสูตร ------------------------------------------------- ผู้ติเตียนนินทาผู้อื่น ย่อมเป็นผู้ถูกติเตียน
สิ่งที่ควรกล่าว ไม่ควรกล่าว 1. สิ่งที่ได้เห็น อันใด อกุศลธรรมเจริญขึ้น, กุศลธรรมเสื่อมไป = ไม่ควรกล่าว 2. สิ่งที่ได้เห็น อันใด- ทำให้ อกุศลธรรมเสื่อมไป กุศลธรรมเจริญขึ้น = ควรกล่าว 3. สิ่งที่ได้ฟังมา , สิ่งที่ได้ทราบ ,สิ่งที่รู้แจ้งมาอันใด -ทำให้อกุศลธรรมเจริญขึ้น, กุศลธรรมเสื่อมไป = ไม่ควรกล่าว 4. สิ่งที่ได้ฟังมา, สิ่งที่ได้ทราบมา, สิ่งที่รู้แจ้งอันใด- ทำให้อกุศลธรรมเสื่อมไป, กุศลธรรมเจริญขึ้น =ควรกล่าว --------------------------- ถ้าบุคคล กล่าวติเตียนนินทาผู้อื่น - ย่อมไม่อาจให้กุศลกรรมเกิดขึ้นได้ - เมื่อไม่อาจให้กุศลกรรมเกิดขึ้นได้ ย่อมเป็นผู้ถูกครหาติเตียน --------------------------------------------------------- การมีธรรม ๔ ประการอยู่ในตนนี้ ย่อมเสื่อมจากกุศลธรรม 1. ความเป็นผู้มีราคะ ไพบูลย์ 2. ความเป็นผู้มีโทสะไพบูลย์ 3. ความเป็นผู้มีโมหะไพบูลย์ 4. ไม่มีปัญญาจักษุก้าวไปในฐานะ และอฐานะอันลึกซึ้ง ------------------------------- การมีธรรม ๔ ประการอยู่ในตนนี้ คือ เราไม่เสื่อมจากกุศลธรรม 1. ความเป็นผู้มีราคะเบาบาง 2. ความเป็นผู้มีโทสะเบาบาง 3. ความเป็นผู้มีโมหะเบาบาง 3. และมีปัญญาจักษุก้าวไปในฐานะ และอฐานะอันลึกซึ้ง (จตุตถปัณณาสก์ อินทรียวรรค) --------------------------------------------------- ปฏิปทา ๔ ประการ 1. การปฏิบัติไม่อดทน = บุคคลบางคนในโลกนี้ - เขาด่า ย่อมด่าตอบ - เขาขึ้งโกรธ ย่อมขึ้งโกรธตอบ - เขาทุ่มเถียง ย่อมทุ่มเถียงตอบ 2. การปฏิบัติอดทน = บุคคลบางคนในโลกนี้ - เขาด่า ไม่ด่าตอบ - เขาขึ้งโกรธ ไม่ขึ้งโกรธตอบ - เขาทุ่มเถียง ไม่ทุ่มเถียงตอบ 3. การปฏิบัติข่มใจ = - เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว ไม่ถือ -> ..สำรวมจักขุนทรีย์ , หากไม่สำรวมแล้ว เป็นเหตุให้ความโลภ(อภิชฌา) ความยินร้าย(โทมนัส) ครอบงำได้ , รักษาตา, สำรวมตา - ฟังเสียงด้วยหู ... - ดมกลิ่นด้วยจมูก ... - ลิ้มรสด้วยลิ้น ... - ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย ... - รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว เป็นผู้ไม่ถือ -> สำรวมมนินทรีย์, หากไม่สำรวมแล้ว เป็นเหตุให้บาปอกุศลอภิชฌาและโทมนัสครอบงำได้ , รักษาใจ , สำรวมใจ 4. การปฏิบัติระงับ -ย่อมละ ความคิดถึงกาม - ย่อมละ ความคิดพยาบาท - ย่อมละ ความคิดเบียดเบียน ให้ระงับ ให้สิ้นสุด ให้ไม่มี ----------------------------------- ที่มา - พระสุตตันตปิฎกเล่ม 13 อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต โยธาชีววรรคที่ 4 ผลของการเป็นผู้นำความสุขให้แก่ชนเป็นอันมาก
ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่ ได้เป็นผู้นำความสุขมาให้แก บรรเทาภัยคือความ หวาดกลัวและความหวาดเสียว จัดความรักษาปกครองป้องกันโ เพราะกรรมนั้นอันตนทำสั่งสม ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลั เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้ผ Cr. พระไตรปิฎก เล่มที่ 11 ลักขณสูตร -------------------------- In whatever former life..., being born a human being - lived for the happiness of the many, as a dispeller of fright and terror, provider of lawful protection and shelter, and supplying all necessities, By performing that kamma... He acquired this mark of a great man: on the soles of his feet are wheels of a thousand spokes, complete with felloe and hub. He will become a fully enlightened Buddha. - He has a large retinue: he is surrounded by monks, nuns, laymen and laywomen, devas and humans, asuras, nagas, and gandhabbas. https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1535416869867912&set=a.484442344965375.1073741824.100001988428863&type=3&theater
|
Kat_kine
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?] |