Group Blog
 
All blogs
 

สหรัฐฯ หนาวกว่าดาวอังคาร เสื้อเปียกแข็งตัวได้ใน 1 นาที

2014 อเมริกา หนาว


2014 อเมริกา หนาว

2014 อเมริกา หนาว


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ envisiontees สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

          เผยคลิปชายมะกันตากเสื้อยืดเปียกพิสูจน์หนาว พบเสื้อยืดแข็งตัวตั้งได้ภายใน 1 นาที

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2557 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ เปิดเผยคลิปวิดีโอชวนหนาวสั่น เมื่อชายชาวอเมริกันรายหนึ่งได้ลองเอาเสื้อยืดเปียกไปตากกลางสภาพอากาศหนาวเหน็บในสหรัฐฯ ที่บางแห่งอุณหภูมิหนาวเหน็บพอ ๆ หรือมากกว่าดาวอังคารในขณะนี้ พบว่าเสื้อยืดนั้นถูกความหนาวเหน็บแช่แข็งให้แข็งตัว ตั้งได้ ภายใน 1 นาทีเท่านั้น


2014 อเมริกา หนาว


          คลิปวิดีโอนี้ได้รับการบันทึกในรัฐไอโอวาของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา โดยนายทอม ราอูน เจ้าของบริษัทออกแบบ Envision Tees ในสหรัฐฯ เขาได้นำเสื้อยืดมาแช่น้ำให้เปียกทั้งตัวแล้วบิดหมาด จากนั้นก็นำเสื้อยืดตัวดังกล่าวไปตากอากาศด้านนอกสำนักงาน โดยพยายามจัดรูปทรงเสื้อยืดให้ตั้งได้ และไม่น่าเชื่อว่า ภายในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น เสื้อยืดที่บิดหมาดจะถูกอุณหภูมิอากาศที่ระดับ -29 องศาเซลเซียส แช่แข็งจนแข็งตัวตั้งได้ พิสูจน์ให้เห็นความหนาวเย็นสุดขั้วของอากาศรัฐไอโอวาในช่วงที่เผชิญกับ "โพลาร์ วอร์เท็กซ์" หรือลมวนขั้วโลก ที่ปกคลุมสหรัฐฯ มาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว


2014 อเมริกา หนาว


อย่างไรก็ดี หลังจากที่ทอม ราอูน เอาเสื้อยืดไปตากอากาศหนาวจนแข็งตัวแล้ว เขาก็ฉีกมันออกได้อย่างง่ายดาย

ทั้งนี้ สภาพอากาศที่หนาวเหน็บในสหรัฐฯ ช่วงนี้ นับว่าหนาวที่สุดในรอบ 20 ปี (บางรัฐหนาวที่สุดในรอบ 40-50 ปีเลยทีเดียว) โดยพื้นที่ที่หนาวเหน็บที่สุดในสหรัฐฯ ดูเหมือนจะเป็นรัฐมอนแทนา ที่อุณหภูมิอากาศนั้นต่ำสุดถึง -51 องศาเซลเซียส ซึ่งนั่นเป็นอุณหภูมิที่ต่ำพอ ๆ หรือมากกว่าดาวอังคาร ที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ -46 องศาเซลเซียส








 

Create Date : 09 มกราคม 2557    
Last Update : 9 มกราคม 2557 19:36:51 น.
Counter : 714 Pageviews.  

ตำรวจกัมพูชากราดยิงใส่ม็อบแรงงานประท้วงขึ้นค่าแรง ดับ 3




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen, Cambodian Prime Minister

ตำรวจกัมพูชากราดยิงใส่ม็อบแรงงาน เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย และบาดเจ็บอีกนับสิบ ขณะที่ ฮุน เซน กล่าวโทษผู้นำฝ่ายค้านเป็นฝ่ายปลุกระดมม็อบ ชี้รัฐจำเป็นต้องใช้ความรุงแรงเข้าปราบปรามผู้ชุมนุม

   วันที่ 3 มกราคม 2557 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น มีรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระบุว่า ตำรวจกัมพูชาได้เปิดฉากยิงใส่ม็อบแรงงานที่มารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปรับขึ้นค่าแรงเพิ่มขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 3 ราย ในเหตุปะทะซึ่งเกิดขึ้นที่บริเวณโรงงาน เวงสเร็ง โรงงานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปแหล่งสำคัญของกัมพูชา ซึ่งตั้งอยู่ชานกรุงพนมเปญ

            ด้านพยานในเหตุการณ์เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้อาวุธปืนไรเฟิลกราดยิงใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่มีอาวุธเป็นเพียงท่อนไม้ ก้อนหิน และระเบิดเพลิง โดยนายชวน นรินทร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของกัมพูชา เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีก 2 รายจากเหตุปะทะครั้งนี้ ในขณะที่กลุ่มนักสิทธิมนุษยชนในท้องถิ่นเชื่อว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 4 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายสิบคน

            ด้านนายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านได้ออกมาประณามต่อเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น ว่าเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ เพราะไม่ใช่แค่ความพยายามจะยับยั้งการประท้วงของคนงาน แต่ยังเป็นการพยายามขัดขวางการเคลื่อนไหวด้านแรงงานและการเคลื่อนไหวด้านประชาธิปไตยที่พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม

   ขณะที่ นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen, Cambodian Prime Minister ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยได้กล่าวโทษว่าเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นในประเทศนั้น เกิดขี้นจากการปลุกระดมโดยผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมกันนั้น นายฮุน เซน ยังได้แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น แต่รัฐก็จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงในการปราบปราม สลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรงนี้

            ทั้งนี้ ม็อบแรงงานได้ออกมารวมตัวกันในเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปรับขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำ จาก 80 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,600 บาท) ต่อเดือน เป็น 160 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6,000 บาท) ต่อเดือน และได้ปฏิเสธข้อเสนอของรัฐที่จะปรับค่าแรงให้เป็น 95-100 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,100-3,300 บาท) ต่อเดือน ในขณะที่องค์กรแรงงานระหว่างประเทศได้ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหันหน้ามาใช้การเจรจาในการแก้ปัญหาข้อพิพาท
















 

Create Date : 04 มกราคม 2557    
Last Update : 4 มกราคม 2557 18:21:22 น.
Counter : 802 Pageviews.  

TIME เผยอันดับ 10 ข่าวดังจากทั่วโลก ประจำปี 2556

TIME เผยอันดับ 10 ข่าวดังจากทั่วโลก ประจำปี 2556

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          ในช่วงปีที่ผ่านมาได้มีเหตุการณ์ใหญ่ ๆ เกิดขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นแถบทวีปเอเชียของเรา ตลอดจนฝั่งยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ซึ่งแต่ละเหตุการณ์นั้นก็ได้ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในซีกโลกต่าง ๆ จนต้องมีการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ หรือเข้ามาร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาเพื่อให้ผ่านลุล่วงไปได้ด้วยดี และในวันนี้ กระปุกดอทคอม ก็จะขอยก 10 ข่าวดังจากทั่วโลก ในปี 2556 ที่จัดอันดับโดยนิตยสาร TIME มาให้เราได้ย้อนกลับไปดูอีกครั้ง ว่าในรอบปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญใดบ้างที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา 


1. สงครามกลางเมืองในซีเรีย

สงครามซีเรีย
ภาพประกอบจาก ABO SHUJA / AFP

หลังจากการสู้รบยาวนานกว่า 2 ปี ระหว่างฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านในสงครามกลางเมืองของซีเรีย ในที่สุดเช้าวันที่ 21 สิงหาคม 2556 ก็ได้มีรายงานถึงการโจมตีด้วยอาวุธเคมีจากบริเวณชานเมืองดามัสกัส ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่งในสงครามกลางเมืองนี้ ค่าเสียหายของการโจมตีในครั้งนี้ถูกจ่ายด้วยชีวิตของเหยื่อนับแสนคน และได้ก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ลี้ภัยครั้งใหญ่ที่สุดแห่งยุค ขณะที่ภาพคลิปอันน่าหวาดหวั่นของเด็กและสตรีที่ค่อย ๆ เสียชีวิตด้วยแก๊สพิษ ก็ได้นำไปสู่ปฏิกิริยาตอบกลับอันรุนแรงจากประชาคมระหว่างประเทศ ผู้ซึ่งเฝ้ามองความเสียหายที่เกิดขึ้นในสงครามกลางเมืองของซีเรียมาตลอด

         เพียงแค่ 10 วันหลังจากข่าวซึ่งระบุว่า ประธานาธิบดีบาซาร์ อัลซัด ผู้นำซีเรียได้ใช้อาวุธเคมีสังหารผู้คนไปถึง 1,429 ราย ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ก็ได้ลุกขึ้นมาประกาศว่าจะขอให้สภาคองเกรส อนุมัติให้สหรัฐฯ นำกำลังเข้ายับยั้งการใช้อาวุธชีวภาพในซีเรีย ในขณะที่ประธานาธิบดีบาซาร์ อัลซัด ยังคงปฏิเสธข่าวดังกล่าว และยังคงดำเนินการสู้รบกับกลุ่มต่อต้านต่อไป

   อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่คนทั่วโลกเป็นกังวลก็ไม่ได้เกิดขึ้น เมื่อประชาชนชาวอเมริกันได้ออกมาต่อต้านการที่สหรัฐฯ จะยื่นมือเข้าไปแทรกแซงสิ่งที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ขณะที่รัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนของซีเรีย ก็ได้ออกมาโน้มน้าวให้มีการเคลื่อนย้ายคลังอาวุธชีวภาพออกมาสู่การควบคุมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จนในที่สุดผู้นำของซีเรียก็ยอมให้ความร่วมมือด้วยการให้ผู้ตรวจสอบจากสหประชาชาติเข้าไปตรวจสอบคลังอาวุธดังกล่าวในที่สุด

          ทั้งนี้ ท่ามกลางความเดือดดาลของผู้คนในสงครามกลางเมืองที่นำประเทศเข้าสู่วิกฤติและความแตกแยกที่ทวีหนักขึ้น การเจรจาเพื่อสันติภาพจะถูกจัดขึ้นในกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปี 2557 นี้ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเวลาที่ไม่ใกล้นัก แต่ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งแสงแห่งความหวัง ที่สงครามอันยืดเยื้อของซีเรียจะสิ้นสุดลง




2. บทใหม่ของอิหร่าน

ฮัสซัน โรฮานี
ประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี
ภาพประกอบจาก IRANIAN PRESIDENCY WEBSITE / AFP

ดูเหมือนว่าประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของอิหร่านจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ผู้นำคนใหม่ของอิหร่านที่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างถล่มทลายเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่จะมีความเป็นมิตรต่อชาติตะวันตกและอิสราเอลมากกว่าอดีตประธานาธิบดีมะห์มูด อะห์มาดิเนจัด ผู้นำคนก่อนที่ได้ก้าวลงจากตำแหน่งไป ทั้งยังดูเหมือนว่าประธานาธิบดีโรฮานีกับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของเขามีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงบรรยากาศรอบ ๆ อิหร่านและนำประเทศไปสู่ทางสายกลาง ด้วยการพยายามที่จะเจรจากับบรรดาชาติมหาอำนาจให้บรรลุข้อตกลงเรื่องโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน เพื่อยุติมาตรการคว่ำบาตรจากต่างชาติ และยังเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปีที่มีการเจรจาระดับสูงสุดระหว่างผู้นำอิหร่านและสหรัฐฯ เมื่อประธานาธิบดีโรฮานีได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีบารัค โอบามา เป็นเวลานาน 15 นาที

แม้ว่าท่าทีของผู้นำคนใหม่ของอิหร่านจะยังเป็นที่น่ากังขาใจของอิสราเอล แต่อิหร่านก็ยังคงเดินหน้าในเรื่องการเจรจาดังกล่าวต่อไป เพื่อให้ประเทศได้หลุดพ้นจากการคว่ำบาตรยาวนานหลายปี


3. จุดจบของการปฏิวัติอียิปต์ ?

ข่าวอียิปต์ ประท้วง
ภาพประกอบจาก MAHMOUD kHALED / AFP

  ในวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา พลเอกอับเดล ฟาตาห์ อัลซีซี ผู้นำกองทัพอียิปต์ ได้ออกแถลงการณ์โค่นล้มอำนาจ อดีตประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด มอร์ซี ผู้นำซึ่งมาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งดำรงตำแหน่งมาได้เพียงปีเดียวเท่านั้น พร้อมควบคุมตัวนายมอร์ซี และแกนนำพรรคมุสลิมภราดรภาพ หรือเอฟเจพี หลายคนไปไว้ในที่ลับแห่งหนึ่ง ท่ามกลางความยินดีของประชาชนหลายล้านคนที่ออกมาเดินขบวนประท้วงทั่วถนนในอียิปต์เพื่อขับไล่นายมอร์ซี ผู้ที่เป็นกลุ่มอำนาจนิยม และเริ่มจะนำศาสนาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองและการปกครอง

          อย่างไรก็ตาม การโค่นล้มอำนาจของนายมอร์ซีก็ได้นำไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่จากกลุ่มผู้ที่สนับสนุนนายมอร์ซี่ ซึ่งออกมาปะทะกับกลุ่มต่อต้าน และได้นำไปสู่การนองเลือดครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน และบาดเจ็บอีกกว่า 4,000 คน ทั้งนี้ ก่อนที่ทางกองทัพจะร่วมกันทำให้ประเทศกลับมาสู่การเป็นระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง พวกเขาจำเป็นที่จะต้องยุติความขัดแย้งและแตกแยกอย่างรุนแรงของกลุ่มผู้ปฏิวัติที่มีมานานนับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ลงจากตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 เสียก่อน โดยในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พลเอกอับเดล ฟาตาห์ อัลซีซี เคยให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีแผนจัดการเลือกตั้งในอียิปต์แล้วในปีหน้า
4. สโนว์เดน เขย่าโลก

 เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน
เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน

เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน (Edward Snowden) อดีตลูกจ้างสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) ได้ออกมาเปิดโปงว่า สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) สังกัดรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทำการลอบดักฟังโทรศัพท์ รวมถึงจารกรรมข้อมูลจากระบบจัดเก็บเอกสาร พร้อมบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่านอีเมลของเจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำสถานเอกอัครราชทูต 38 แห่งในกรุงวอชิงตัน ตั้งแต่ช่วงปี 2553 ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของคนทั้งโลก จึงเป็นเรื่องควรแก่การประณามอย่างยิ่ง ซึ่งการออกมาแฉข้อมูลในครั้งนี้ของเขาก็ได้ก่อให้เกิดภัยต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระหว่างสหรัฐฯ กับพันธมิตรชาติอื่น ๆ ที่ไม่พอใจในเรื่องที่สหรัฐฯ เข้ามาสอดแนมข้อมูลในประเทศของตน ขณะที่นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล จากเยอรมนีก็ต้องการคำตอบเกี่ยวกับเรื่องการดักฟังโทรศัพท์ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีดิลมา รูซเซฟฟ์  ผู้นำบราซิลก็ได้ออกมาประณามสหรัฐฯ ในเวทีสหประชาชาติว่า สหรัฐฯ นั้นกำลังดูถูกอธิปไตยในประเทศของเธอ

          จากผลกระทบทั้งในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และชุมชนหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ทำให้ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน กลายมาเป็นบุคคลที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังต้องการตัวอย่างยิ่งในฐานะคนทรยศ นอกจากนี้กลุ่มบริษัทเว็บไซต์สัญชาติอเมริกันก็มีแนวโน้มที่จะเกิดความสูญเสียมูลค่านับพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อผู้ใช้งานต่างชาติจำนวนมากต่างหันไปใช้บริการเว็บไซต์และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่พวกเขาคาดว่ามีแนวโน้มที่จะถูกสอดแนมต่ำกว่า


5. พระสันตะปาปาฟรานซิส พระสันตะปาปาคนใหม่

โป๊ปฟรานซิส เลือกแหวนชาวประมงทำจากเงิน แทนแหวนทองคำ
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก independent.ie

หลังจากที่ควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นในพิธีประชุมลับคอนเคลฟ เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา ยุคใหม่ของวาติกันก็ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อพระคาร์ดินัลคอร์เค เบร์โกเกลียว อัครมุขนายกแห่งบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้รับเลือกให้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ โดยมีพระนามว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ถัดจากสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ที่ทรงสละตำแหน่งไป

          สำหรับพระนาม "ฟรานซิส" นั้นเป็นพระนามที่พระองค์ทรงเลือกด้วยพระองค์เอง พร้อมได้มีการประกาศว่าพระนามอย่างเป็นทางการของพระองค์คือ "ฟรานซิส" ไม่ใช่ "ฟรานซิสที่ 1" พระองค์จะมีพระนามว่าฟรานซิสที่ 1 ก็ต่อเมื่อในอนาคตมีสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสที่ 2 แล้วเท่านั้น และสำหรับภารกิจขององค์หลังจากนี้ก็คือการเป็นผู้นำการปฏิรูปทางการเงินของวาติกัน รวมทั้งท้าทายมุมมองดั้งเดิมของคริสตจักรที่มีต่อสตรีและกลุ่มคนรักร่วมเพศ อีกทั้งสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสยังได้กล่าวประณามต่อธรรมชาติของการแย่งชิงในระบบทุนนิยมของตะวันตกด้วย


6. การก่อการร้ายในแอฟริกา

การก่อการร้ายในแอฟริกา
ภาพประกอบจาก James Quest / AFP

การแทรกแซงทางทหารของฝรั่งเศสในมาลี เพื่อผลักดันฝ่ายกบฏอิสลามิสต์ถอยร่นออกไปจากเมืองดิอาบาลีเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้ประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวาง แต่กลับเป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดการก่อการร้ายจากกลุ่มหัวรุนแรงทั่วแอฟริกาเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตตัวประกันที่โรงงานแก๊ซในแอลจีเรีย ที่ส่งผลให้มีชาวต่างชาติถูกสังหารไป 39 ราย การโจมตีอย่างอุกอาจของกลุ่มผู้ก่อการร้าย โบโกฮารัมในประเทศไนจีเรีย รวมถึงเหตุกราดยิงและบุกยึดห้างสรรพสินค้าเวสต์เกทกลางกรุงไนโรบี ที่ถูกระบุว่า เป็นฝีมือของกลุ่มหัวรุนแรง อัล เชบับ จากโซมาเลีย จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 68 ราย

          สำหรับเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นได้รับความสนใจจากกลุ่มมหาอำนาจตะวันตกอย่างมาก เนื่องจากมีความเป็นกังวลว่ากลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่กระจัดกระจายอยู่ในทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา อาจจะเป็นภัยต่อสหรัฐฯ และชาติตะวันตกได้ สหรัฐฯ จึงได้ทำข้อตกลงกับรัฐบาลของอิตาลี เพื่อขออนุญาตใช้ฐานทัพเรือของอิตาลีที่ตั้งอยู่บนเกาะซิซิลีในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นฐานปฏิบัติการของเหล่านาวิกโยธินอเมริกันและฐานของเครื่องบินโดรน เพื่อดำเนินภารกิจพิเศษในลิเบียและโซมาเลีย ทั้งนี้ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะเสริมความแข็งแกร่งในด้านกองกำลังทหารเข้าไปยังประเทศในแอฟริกากลางที่เคยเป็นอาณานิคม ซึ่งขณะนี้กำลังถูกครอบงำโดยกลุ่มนักรบมุสลิมหัวรุนแรง


7. มหันตภัยโรงงานถล่มในบังกลาเทศ

มหันตภัยโรงงานถล่มในบังคลาเทศ
ภาพประกอบจาก MUNIR UZ ZAMAN / AFP

     การถล่มของอาคารรานาพลาซ่า ในพื้นที่รอบนอกของกรุงธากา เมืองหลวงของบังกลาเทศ เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา นับเป็นภัยพิบัติครั้งเลวร้ายที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ และทำให้มีลูกจ้างเสียชีวิตร่วม 1,100 คน อีกทั้งเหตุที่เกิดขึ้นนี้ยังเป็นเหมือนเครื่องเตือนให้เห็นถึงความน่ากลัวของสภาพยากไร้ในอุตสาหกรรมที่สำคัญของบังกลาเทศซึ่งมีการจ้างพนักงานถึง 4 ล้านคน มหันตภัยครั้งนี้ได้บังคับให้มีการอภิปราย ต่อทั้งภายในและภายนอกประเทศ เพื่อฏิรูปในโรงงานที่ส่งออกสินค้าไปทั่วยุโรปและสหรัฐฯ

          ในเดือนพฤศจิกายน กลุ่มตัวแทน Walmart, Gap and H&M และที่อื่น ๆ ได้เห็นด้วยที่จะให้มีการวางมาตรฐานที่เข้มงวดขึ้นเพื่อลูกจ้าง แต่กระบวนการยังถูกจำกัด และคนงานในบังกลาเทศก็ยังคงต้องต่อสู้เพื่อเรียกร้องรายได้ที่มากขึ้น ทั้งนี้ บังกลาเทศนับเป็นประเทศที่ได้ค่าแรงต่ำมากที่สุดในโลก


8. ข้อพิพาทน่านน้ำทางทะเลระหว่างจีนและประเทศเอเชียใต้

ข้อพิพาทน่านน้ำทางทะเลระหว่างจีนและประเทศเอเชียใต้
ภาพประกอบจาก JAPAN COAST GUARD / AFP

          หนึ่งในความท้าทายที่สุดของจีนในฐานะชาติมหาอำนาจ คือการก้าวไปสู่ประเทศมหาอำนาจทางทะเล ท่ามกลางความตึงเครียดเมื่อจีนเริ่มคุกคามเอเชียและเกิดข้อพิพาททางทะเลกับหลายประเทศในทะเลจีนใต้ ทั้งกับญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย และเวียดนาม จากการที่จีนได้อ้างสิทธิ์เหนือหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ทั้งหมด และยังจัดทำแผนที่แสดงเส้นประซึ่งกินอาณาเขตรวมไปถึงหมู่เกาะและชายฝั่งของประเทศคู่พิพาทรายอื่น ๆ ในเอเชีย

จากกรณีความขัดแย้งในการอ้างสิทธิ์หมู่เกาะเตียวหยู หรือ เกาะเซ็งคากุ ในทะเลจีนตะวันออก ที่บานปลายก็ได้ทำให้เกิดเหตุการณ์ชาวจีนในเมืองใหญ่ ลงมือทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ทำลายทรัพย์สิน ร้านค้าของญี่ปุ่นในจีน รวมถึงทุบกระจกรถญี่ปุ่นด้วย ก่อนที่ความตึงเครียดในข้อพิพาทระหว่างจีนและประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ จะทวีหนักขึ้น เมื่อจีนได้ประกาศเขตแสดงตนเพื่อการป้องภัยทางอากาศ (ADIZ)  เหนือหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออก

          และในเวลาต่อมา สหรัฐฯ ยังได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-52 ซึ่งไม่ติดอาวุธของสหรัฐฯ บินผ่านเข้าไปในน่านฟ้าในทะเลจีนตะวันออกซึ่งอยู่เหนือบริเวณกลุ่มเกาะที่กำลังเป็นกรณีพิพาทระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ซึ่งจีนได้ประกาศให้เป็นเขตป้องกันตนเองทางอากาศของตนแล้ว อย่างไรก็ตามแม้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นจะยังไม่ทำให้จีนออกมาตอบสนองอย่างรุนแรง แต่เขตป้องกันทางอากาศของจีนก็ยังคงมีอยู่ เช่นเดียวกับความคุกรุ่นทางการเมืองอันสืบเนื่องมาจากกรณีพิพาทดังกล่าว


9. เหตุข่มขืนระบาดในอินเดีย

          ความฮือฮาครั้งใหญ่ในข่าวช็อกโลก จากเหตุคดีรุมโทรมนักศึกษาสาวบนรถเมล์ในกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ในช่วงปลายปี 2555 ได้ส่งผลสืบเนื่องต่อมายังช่วงต้นปี 2556 และนำไปสู่การเดินขบวนประท้วงครั้งใหญ่ในประเทศอินเดีย เพื่อเรียกร้องให้รัฐมีการคุ้มครองต่อสตรีมากขึ้น และเร่งกระบวนการพิพากษาโทษต่อนักโทษที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนั้น จนกระทั่งต่อมา นักโทษ 4 ใน 6 ก็ได้ถูกตัดสินให้ประหารชีวิตในเดือนกันยายน นอกจากนี้คดีข่มขืนเด็กสาววัย 23 ปี ในนครมุมไบ ก็ยังดึงดูดความสนใจของผู้คนทั้งภายในประเทศและทั่วโลก ให้พุ่งตรงไปยังสภาพสังคมอันฉาวโฉ่ของอินเดียที่มีผู้ชายเป็นใหญ่ อย่างไรก็ตาม จากเหตุคดีข่มขืนที่แพร่ระบาดไปทั่วทั้งอินเดีย ก็ได้ก่อให้เกิดการใคร่ครวญถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนของสตรีในประเทศกำลังพัฒนา ที่มีเด็กผู้หญิงอายุไม่ถึง 14 ปี กว่า 2 ล้านคนที่มีการตั้งครรภ์ แห่งนี้อีกครั้ง



10. ซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน

ซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน
ภาพประกอบจาก NOEL CELIS / AFP

เหตุมหันตภัยซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนถล่มฟิลิปปินส์ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานั้น นับได้ว่าเป็นพายุที่สร้างความเสียหายต่อฟิลิปปินส์มากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา และด้วยกระแสลมแรงถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งก่อให้เกิดคลื่นสูง 20 ฟุตถล่มเข้ายังตอนกลางของประเทศ ทำให้แม้ว่าจะมีการเตรียมการอพยพผู้คนเกือบ 800,000 คนไว้ล่วงหน้า แต่ภัยธรรมชาติในครั้งนี้ก็ยังคร่าชีวิตของผู้คนในฟิลิปปินส์ไปไม่ต่ำกว่า 5,000 ราย และกวาดล้างเมืองชายฝั่งของทาโคลบันไปจนสิ้น ทำให้ผู้คนเกือบ 2 ล้านคนไร้ที่อยู่อาศัย

          และจากความเสียหายครั้งใหญ่นี้ ทำให้ประชาคมระหว่างประเทศได้เข้ามามอบความช่วยเหลือแก่ฟิลิปปินส์ ทั้งในเรื่องของเงินและเครื่องยังชีพที่ถูกบริจาคเข้ามา




 

Create Date : 30 ธันวาคม 2556    
Last Update : 30 ธันวาคม 2556 17:38:13 น.
Counter : 1175 Pageviews.  

10 วลีเด็ดคนดัง ประจำปี 2556

10 วลีเด็ดคนดัง ประจำปี 2556

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ในช่วงปี 2556 ที่ผ่านมานี้ จะมีวลีเด็ดจากคนดังคนไหนบ้าง ที่ถูกนับให้เป็น 10 วลีเด็ดแห่งปี 2556 เราไปดูกันเลย

   ที่ผ่านมาในรอบปี 2556 ได้มีเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเกี่ยวกับด้านการเมือง การเรียกร้องสิทธิ หรือแม้แต่การตัดสินใจอันกล้าหาญของคนบางคน ซึ่งจากเหตุการณ์เหล่านั้น ก็ได้ก่อให้เกิดคำพูดวลีเด็ดจากผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ ที่มีความกินใจต่อผู้ที่ได้ฟังหรือมีโอกาสเห็น จนกลายมาเป็นวลีเด็ดแห่งปีนี้ ซึ่งวลีเด็ดจากคนดังคนไหนบ้างที่ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร TIME ให้เป็น 10 วลีเด็ดแห่งปี 2556 เราไปดูกันเลยค่ะ



1. ‘When you are subverting the power of government, that’s a fundamentally dangerous thing to democracy.’ - Edward Snowden
"เมื่อคุณโค่นล้มอำนาจรัฐ นั่นคือสิ่งอันตรายพื้นฐานต่อระบอบประชาธิปไตย"
โดย เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน

เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน กล่าวเพื่ออธิบายเหตุผลที่เขาเปิดเผยข้อมูลลับสู่หนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดี้ยน และหนังสือพิมพ์ เดอะ วอชิงตัน โพสต์ ในเรื่องโปรแกรมการเฝ้าระวังทางดิจิตอล ของสหรัฐฯ ซึ่งดำเนินการโดยหน่วนงาน NSA

เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน
เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน




2. ‘We have not said that we possess chemical weapons, nor have we said that we do not possess them.’ - Bashar Assad
"เราไม่ได้บอกว่าเรามีอาวุธเคมีในครอบครอง แต่เราก็ไม่ได้บอกว่า เราไม่มีอาวุธเคมีในครอบครอง"
โดย ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ผู้นำซีเรีย

          ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ผู้นำซีเรีย กล่าวในรายงานที่ระบุว่ารัฐบาลของซีเรียได้ก้าวข้าม เส้นสีแดง ของสหรัฐฯ ด้วยการใช้อาวุธชีวภาพ


ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด



3. ‘Who am I to judge?’ - Pope Francis
"ฉันเป็นใคร? ถึงจะตัดสินได้" 
โดย สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ผู้นำคริสตจักรคนปัจจุบัน

          สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ตรัสอย่างตรงไปตรงมา ระหว่างการเดินทางกลับมาจากการเดินทางในฐานะพระสันตปาปาเป็นครั้งแรก ในงานวันเยาวชนโลก ที่บราซิล

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส


4. "It was a joyous occasion that was absolutely wiped out." - Mike Schlitt
"มันเป็นโอกาสแห่งความสุขที่ถูกกวาดทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง"
โดย ไมค์ ชลิตต์ สามีของเหยื่อการวางระเบิดในงานมาราธอน ที่บอสตัน สหรัฐฯ

   ไมค์ ชลิตต์ กล่าวถึงช่วงเวลาที่ภรรยาของเขา ซินดี้ ฮิลล์ เพิ่งจะก้าวข้ามเส้นชัย ในขณะที่เกิดเหตุระเบิดในงานมาราธอนที่บอสตัน สหรัฐฯ


5. ‘They were asking for their voices to be heard.
The results speak for themselves.’ - Wendy Davis
"พวกเขาร้องขอให้ใครสักคนได้ยินเสียงของพวกเขา ผลลัพธ์ได้พูดแทนพวกเขาแล้ว"
โดย เวนดี้ เดวิส วุฒิสมาชิกรัฐเทกซัส สหรัฐฯ

เวนดี้ เดวิส วุฒิสมาชิกรัฐเทกซัส สหรัฐฯ กล่าวท่ามกลางฝูงชนในหน่วยงานรัฐ ที่มาร่วมกันสวดมนต์เพื่อขอให้เวลาในการประชุมสภา หมดลงก่อนที่รีพับลิกันจะให้ผ่านร่างกฎหมายการทำแท้ง หลังจากใช้เวลาถึง 11 ชั่วโมง ในความพยายามยับยั้งร่างกฎหมายดังกล่าว

เวนดี้ เดวิส
เวนดี้ เดวิส
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก heavy



6. ‘Trayvon Martin could’ve been me 35 years ago.’ - President Obama
"เทรย์วอน มาร์ติน น่าจะเป็นผมเมื่อ 35 ปีก่อน"  โดย ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ

  ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวหลังจากที่ จอร์จ ซิมเมอร์แมน พ้นผิดจากคดีฆาตกรรมระดับ 2 จากการยิง เทรย์วอน มาร์ติน ซึ่งเป็นคนผิวสี จนเสียชีวิตในรัฐฟลอริดา

ประธานาธิบดี บารัค โอบามา
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก barackobama.com


7. ‘The President should … let them keep what they’ve got.’ - Bill Clinton
"ประธานาธิบดีควรจะ... ปล่อยให้พวกเขาเก็บสิ่งที่พวกเขามีไว้"  โดย บิล คลินตัน

  บิล คลินตัน กล่าวหลังจากที่แผนด้านสุขภาพของชาวอเมริกันหลายล้านคนถูกยกเลิก เพื่อต่อต้านกฎหมายประกันสุขภาพ Affordable Care Act หรือที่รู้จักกันในชื่อ กฎหมายโอบามาแคร์ ของ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งได้เคยให้สัญญาต่อชาวอเมริกันในปี 2009 ว่าจะรักษาแผนในการดำรงชีพของชาวอเมริกันไว้

บิล คลินตัน
บิล คลินตัน
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก วิกิพีเดีย


8. ‘I made a strong choice that in no way diminishes my femininity.’ - Angelina Jolie
"ฉันได้เลือกในสิ่งที่เข้มแข็ง ซึ่งจะไม่มีวันบั่นทอนความเป็นผู้หญิงของฉันได้"
โดย แองเจลินา โจลี นักแสดงชื่อดัง

   แองเจลินา โจลี นักแสดงสาวผู้กล้าหาญ ได้เขียนถึงการผ่าตัดเต้านมทั้ง 2 ข้างของเธอ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านม

 แองเจลินา โจลี
แองเจลินา โจลี
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก justjared


9. ‘I will tell the truth in the face of the sweet talk and the onslaught of smiles.’ - Benjamin Netanyahu
"ผมจะพูดความจริง ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาแสนอ่อนหวานและการโจมตีด้วยรอยยิ้ม"
โดย นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล

   นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ตะวันออกกลาง ได้อ้างถึงความเต็มใจของอิหร่านในการเจรจาด้านนโยบายอาวุธนิวเคลียร์ ว่าอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่จริงใจ

 นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู


10. ‘I want every girl, every child, to be educated.’ - Malala Yousafzai
"ฉันต้องการให้เด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายทุก ๆ คน ได้รับการศึกษา"
โดย มาลาลา ยูซาฟไซ นักเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิสตรีและการศึกษา

    มาลาลา ยูซาฟไซ เด็กหญิงชาวปากีสถาน วัย 15 ปี กล่าวในการแถลงการณ์ออกสื่อเป็นครั้งแรก นับจากที่เธอถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายตอลีบานในปากีสถานลอบยิงที่ศีรษะ หลังจากที่เธอออกมาพูดเพื่อเรียกร้องด้านการศึกษาของสตรี

 มาลาลา ยูซาฟไซ
มาลาลา ยูซาฟไซ
ภาพประกอบจาก Andrew Burton / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / AFP

//hilight.kapook.com/view/94766

ชายจีนสุดทนแฟนสาวช้อปไม่เลิก ดิ่งห้างชั้น 7 ดับอนาถ



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก news.cnool.net

          ชายจีนสุดทนแฟนสาวช้อปไม่เลิก กระโดดจากห้างชั้น 7 ลงมาเบื้องล่างดับ หลังมีปากเสียงรุนแรง


       เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 เว็บไซต์ไชน่าเดลี่ เปิดเผยเหตุสุดอึ้งที่เกิดขึ้นในจีน เมื่อชายรายหนึ่งสุดทนแฟนสาวช้อปไม่เลิก กระโดดจากชั้น 7 ของห้างสรรพสินค้าลงมาเบื้องล่างเสียชีวิต

  เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่ห้างสรรพสินค้าจินอิงเผิงเฉิง เมืองสีโจว มณฑลเจียงซูของจีน นายเต๋า ฮาเซียว วัย 38 ปี ได้มีปากเสียงกับแฟนสาวของเขาอย่างรุนแรง หลังจากที่แฟนสาวช้อปปิ้งไม่เลิก เดินเข้าออกร้านเสื้อผ้าตลอด 5 ชั่วโมง นายเต๋าจึงชวนกลับบ้านและบอกให้เธอหยุดซื้อเสื้อผ้าได้แล้ว แต่แฟนสาวก็ไม่ยอม ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจกระโดดลงมาจากชั้น 7 ของห้างลงมาเบื้องล่างเสียชีวิต

          จากคำให้การของผู้เห็นเหตุการณ์ ระบุว่า ก่อนที่เหตุสลดนี้จะเกิดขึ้น แฟนสาวได้ขอนายเต๋าซื้อรองเท้าคู่ใหม่เพราะกำลังอยู่ในช่วงเซลล์รับเทศกาลคริสต์มาส นายเต๋าได้บอกแฟนสาวว่า เธอมีรองเท้าหลายคู่จนใส่ได้ทั้งชีวิตแล้ว มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องซื้อคู่ใหม่ จากนั้นแฟนสาวก็เริ่มโมโหและตะโกนใส่หน้าเขาว่าเขาขี้เหนียว ก่อนที่ทั้งคู่จะมีปากเสียงรุนแรงขึ้น และนายเต๋าก็น็อตหลุด กระโดดลงมาเบื้องล่าง

          อย่างไรก็ดี หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยรีบเข้าช่วยเหลือนายเต๋าอย่างเร็วที่สุด แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้ ขณะที่จุดที่นายเต๋ากระโดดลงมาซึ่งอยู่ที่ชั้น 7 นั้น มีระเบียงกั้นสูงประมาณ 1.5 เมตร ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของจีน















 

Create Date : 11 ธันวาคม 2556    
Last Update : 11 ธันวาคม 2556 19:18:52 น.
Counter : 665 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  

jureeporn
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




src='http://roomsite.freeserverhost.com/blogproject/toolbar.js'>
FC Barcelona


Google
จำนวนผู้ชมบล็อกทั้งหมด คน




















[Add jureeporn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.