Group Blog
 
All blogs
 

เผยคดีช็อกโลก เด็กมะกัน 13 ปี ยิงแม่ดับ หลังข่มขืนไม่สำเร็จ

เด็กมะกัน 13 ปี ยิงแม่ตัวเอง หลัง ข่มขืนแม่ ไม่สำเร็จ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก pcgmedia.com

เด็กมะกัน 13 ปี ยิงแม่ตัวเองเสียชีวิต หลังจากข่มขืนไม่สำเร็จ ก่อนโทรแจ้งตำรวจ ด้านทนายของเด็กอ้าง เด็กมีอาการผิดปกติทางจิต

            เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ เปิดเผยคดีฆาตกรรมสุดช็อกของ โนอาห์ ครู้กส์ ปัจจุบันวัย 14 ปี จากรัฐไอโอวา สหรัฐฯ ผู้ก่อเหตุใช้ปืนยิงแม่แท้ ๆ ของตัวเอง หลังจากพยายามข่มขืนเธอไม่สำเร็จ

เหตุฆาตกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นในคืนวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 2012 ขณะที่วิลเลียม ครู้กส์ วัย 41 ปี พ่อของเขาออกไปปาร์ตี้กับที่ทำงาน ปล่อยให้โนอาห์อยู่บ้านกับนางเกรทเชน ครู้กส์ แม่วัย 37 ปี ของเขาอย่างที่เคยเป็นอยู่เสมอ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อโนอาห์ได้ก่อเหตุยิงแม่ของตัวเอง หลังจากพยายามข่มขืนเธอแต่ไม่สำเร็จ และเมื่อเห็นว่านางเกรทเชนเสียชีวิตด้วยน้ำมือของตัวเองแล้ว โนอาห์ก็รีบส่งข้อความไปหาวิลเลียมทันทีว่า "พ่อ นี่โนอาห์ ผมเผลอยิงแม่ตาย และรู้สึกผิดมาก รีบกลับมาบ้านด่วน" ก่อนที่จะโทรแจ้งตำรวจ สารภาพผิดในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปทั้งหมด

            หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มายังที่เกิดเหตุ และพบร่างที่พรุนด้วยลูกกระสุนของเจรทเชนถูกคลุมด้วยเสื้อโค้ท ชุดนอนด้านบนของเธอถูกเลิกขึ้น และเปลือยตั้งแต่เอวลงไป ก่อนที่จะยึดปืน .22 มม. อาวุธสังหารได้จากในครัว ขณะที่โนอาห์นั้นอยู่ในสภาพที่สงบมาก เขาไม่ร้องไห้และไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้นระหว่างถูกควบคุมตัว เนื่องจากยังช็อกต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่

ด้านนายบาร์บ ไมเคิล เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับแจ้งเรื่องจากโนอาห์ ได้เปิดเผยว่า โนอาห์โทรเข้ามาแจ้งตำรวจเพื่อสารภาพความผิดทุกอย่าง เขาบอกว่าเขาได้ลงมือฆ่าแม่ตัวเอง หลังจากพยายามข่มขืนแต่ไม่สำเร็จ เขาไม่รู้ว่าเขาทำแบบนั้นได้ยังไง ก่อนหน้านั้นแม่ของเขาเพิ่งจะทำโดนัทให้เขาทาน แต่ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะฆ่าแม่ได้ เขาได้แต่หวังว่าทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงความฝันที่ตื่นขึ้นมาก็หายไป นอกจากนี้ โนอาห์ยังเล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังอีกว่า แม่เขายึดวิดีโอเกมไป เพราะเกรดเขาตกต่ำมากอีกด้วย

            ขณะที่ในการพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา วิลเลียม ครู้กส์ พ่อของโนอาห์ ได้เผยต่อศาลว่า แม้ว่าโนอาห์กับภรรยาของเขาจะทะเลาะกันบ่อยครั้ง แต่พวกเขาก็รักกันดีและจะกลับมาเล่นด้วยกันเสมอ ส่วนปืน .22 มม. นั้นก็เป็นของขวัญวันเกิดซึ่งภรรยาของเขาเป็นผู้ซื้อให้โนอาห์ในปี ค.ศ. 2010 เอง และที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามใด ๆ และไม่เคยพูดว่าอยากฆ่าแม่ของตัวเองเลย

ส่วนทางด้านทนายความของโนอาห์ ไม่ได้ปฏิเสธว่าลูกความของเขาฆาตกรรมแม่ของตัวเอง แต่ได้อ้างว่าเด็กชายมีอาการป่วยทางจิต ซึ่งทำให้เขาเกิดคลั่งขึ้นในช่วงเวลาที่ลงมือแต่อย่างไรก็ดี คณะลูกขุนและทนายความเห็นพ้องกันว่า ต้องรอการยืนยันจากจิตแพทย์ก่อนว่าเด็กชายมีอาการป่วยด้วยโรคที่ทำให้ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมรุนแรง และความก้าวร้าวของตัวเองได้จริงหรือไม่

            ทั้งนี้ คดีฆาตกรรม เจรทเชน ครู้กส์ ได้กลายมาเป็นคดีฆาตกรรมรายแรกของเมืองโอเซจ ของไอโอว่า นับตั้งแต่ ค.ศ. 1898 เป็นต้นมา ซึ่งได้สร้างความสะเทือนให้กับหลาย ๆ คนอย่างมาก 




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2556 19:20:03 น.
Counter : 918 Pageviews.  

ซาอุฯ เผย เหยื่อไวรัสคล้ายซาร์สเพิ่มเป็น 18 ศพทั่วโลก

ซาอุฯ เผย เหยื่อไวรัสคล้ายซาร์ส

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

ซาอุฯ เผยพบเหยื่อไวรัสคล้ายซาร์สเพิ่มอีก 2 ราย ดันยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกพุ่ง 18 ศพ เบื้องต้นยังสรุปไม่ได้ว่าเชื้อแพร่สู่คนได้หรือไม่

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2556 สำนักข่าวเอพี รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้ออกมาเปิดเผยว่า พบผู้เสียชีวิตจากเชื้อโคโรนา ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ของโลก ที่มีลักษณะทางพันธุกรรมคล้ายโรคซาร์ส เพิ่มเติมอีก 2 ราย ทำให้ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อดังกล่าวทั่วโลกเพิ่มเป็นอย่างน้อย 18 รายแล้ว

รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่พบผู้ติดเชื้อดังกล่าวเพิ่ม 3 รายที่จังหวัดอัลอะห์ซา ทางภาคตะวันออกของประเทศ แต่ขณะนี้ผู้ติดเชื้อจำนวน 2 ใน 3 รายได้เสียชีวิตแล้ว ขณะที่ผู้ติดเชื้ออีกรายยังคงมีอาการทรงตัว

  ทั้งนี้ สำหรับข่าวการพบผู้เสียชีวิตเพราะเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มเป็นอย่างน้อย 18 รายแล้ว ซึ่งในจำนวนนี้มี 11 รายที่เสียชีวิตในซาอุดีอาระเบีย ส่วนผู้เสียชีวิตรายที่เหลืออาศัยอยู่ในจอร์แดน เยอรมนี และสหราชอาณาจักร

  สำหรับเชื้อไวรัสคล้ายซาร์สตัวนี้ ถูกค้นพบเมื่อปีก่อนในประเทศแถบตะวันออกกลาง โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ล้วนเคยเดินทางไปยังประเทศกาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย จอร์แดน และปากีสถาน หรือไม่ก็มีคนใกล้ชิดที่เคยเดินทางไปยังประเทศตะวันออกกลางเหล่านี้ ขณะที่แพทย์ยังไม่อาจสรุปได้ว่า เชื้อไวรัสนี้แพร่เชื้อจากคนสู่คนได้หรือไม่ ขณะที่องค์การอนามัยโลกได้ออกประกาศเตือนทั่วโลกให้เฝ้าระวังเชื้อไวรัสมรณะสายพันธุ์ใหม่ตัวนี้แล้ว เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2556 14:58:03 น.
Counter : 609 Pageviews.  

ชาวเน็ตจีนวิจารณ์แซ่ด! บริษัทสั่งให้พนักงานคลานรอบ ๆ อนุสาวรีย์

ชาวเน็ตจีนวิจารณ์แซ่ด! บริษัทสั่งให้พนักงานคลานรอบ ๆ อนุสาวรีย์


ขอขอบคุณภาพประกอบจาก hugchina.com

ชาวเน็ตจีนวิจารณ์แซด หลังบริษัทเครื่องสำอางในเมืองฉงชิ่งของจีน สั่งให้พนักงานคลานไปรอบ ๆ อนุสาวรีย์ของเมืองท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย เพื่อเป็นการฝึกฝนการรับมือต่อความกดดันในการทำงาน 

          วานนี้ (4 พฤษภาคม) เว็บไซต์ฮักไชน่า รายงานว่า เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโซเชียลมีเดียของจีน เมื่อบริษัทเครื่องสำอางแห่งหนึ่งในเมืองฉงชิ่ง ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ได้สั่งให้พนักงานในชุดยูนิฟอร์มก้มคลานไปรอบ ๆ อนุสาวรีย์ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านดาวน์เทาน์ของเมือง พร้อมตะโกนว่า "ไป! ไปกันเลย!" ท่ามกลางความแตกตื่นและเสียงวิจารณ์ของชาวเมือง ซึ่งนี่ก็คือ 1 ในกิจกรรมของหลักสูตรฝึกอบรมพนักงานของบริษัท ที่มีเป้าหมายให้พนักงานยกระดับความสามารถในการรับมือต่อความกดดันที่สูงในการทำงาน

          และในเวลาต่อมา สำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะก็ได้รายงานเรื่องดังกล่าวลงในบัญชีเว่ยป๋อ หรือทวิตเตอร์เวอร์ชันจีน พร้อมทั้งระบุว่า หลังจากกิจกรรมดำเนินไปได้ไม่นาน ตำรวจของฉงชิ่งก็ได้เข้ามาสั่งให้พวกเขายกเลิกกิจกรรมนั้น 

   อย่างไรก็ตามกิจกรรมดังกล่าวได้ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์จากคนจำนวนมากว่าเป็นกิจกรรมที่ละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนของพนักงานอย่างรุนแรง เพราะนอกจากจะเป็นการเหยียดหยามพนักงานและยังทำให้พนักงานได้รับความอัปยศอย่างมาก อีกด้วย โดยกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต่างบางคนได้วิจารณ์ว่า บริษัทแห่งนั้นไม่ได้แสดงออกถึงความเคารพในตัวพนักงานแม้แต่น้อย และยังมีผู้ใช้อีกบางคนที่กล่าวว่า กิจกรรมการคลานในที่สาธารณะนั้นเป็นสิ่งที่งี่เง่าอย่างมาก และก็น่าหัวเราะเหลือเกินที่พนักงานทุกคนต่างก็ยอมทำตามคำสั่งนั้นแต่โดยดี 

          ขณะที่ผู้ใช้คนหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นว่า มันเป็นเรื่องง่ายที่หลาย ๆ คนจะกล่าววิจารณ์พนักงานเหล่านั้น แต่พวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องพยายามเอาตัวรอดในการทำงานด้วยการทำตามคำสั่งนั้นอย่างไม่มีทางเลือก









 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 5 พฤษภาคม 2556 14:48:50 น.
Counter : 1149 Pageviews.  

สลด! 2 เด็กจีนฆ่าตัวตาย แค่ทำการบ้านไม่เสร็จ

เด็กจีนฆ่าตัวตาย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก epochtimes.com

2 เด็กจีนตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง หลังทำการบ้านช่วงวันหยุดยาว 3 วันไม่เสร็จ ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ! ระบบการศึกษาจีน ทำให้เด็กเครียดเกินไป

          เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุน่าสลดขึ้นในวงการศึกษาของจีน เมื่อพบเด็กนักเรียน 2 คน ในเมืองนานกิง มณฑลเจียงซู ฆ่าตัวตายในเวลาไล่เลี่ยกัน ด้วยสาเหตุเดียวกันคือ ทำการบ้านไม่เสร็จ

เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นเมื่อเวลา 6 โมงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม เมื่อมีผู้พบเด็กนักเรียนชายชั้น ป.6 ของโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในเขตหลีสุ่ย วัย 13 ปี ผูกคอตายภายในบ้าน

          โดยด็กชายคนดังกล่าวแซ่เซี๊ยะ ได้ลุกขึ้นมาทำการบ้านและรายงานที่ครูมอบมอบหมายให้สำหรับวันหยุดราชการต่อเนื่อง 3 วัน ตั้งแต่ตี 4 แต่ทำไม่เสร็จ จึงตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง แต่ก่อนเขาจะผูกคอตายนั้น เขาได้เขียนจดหมายบอกรัก และอำลาพ่อแม่ พร้อมด้วยลงท้ายว่าให้นำดอกลิลลี่สีขาวไปวางบนหลุมศพของเขาด้วย

ขณะที่เหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันเดียวกัน เมื่อมีผู้พบเด็กชายวัย 15 ปี นักศึกษาชั้น ม.3 ของไฮสคูลแห่งหนึ่ง กระโดดลงมาจากตึกในเมืองนานกิงเนื่องจากทำการบ้านที่ครูมอบหมายให้ในช่วงหยุดยาววันแรงงานไม่เสร็จ ซึ่งก่อนหน้านี้ พ่อแม่ได้บอกกับลูกชายว่าให้อยู่ทำการบ้านที่บ้านจนเสร็จ หากไม่เสร็จก็ไม่ต้องไปโรงเรียน

          ทั้งนี้ จากสองเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ชาวเน็ตจีนวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักว่า ระบบการศึกษาปัจจุบันกำลังทำให้เด็กเครียดเกินไปหรือไม่ เพราะการที่จีนพยายามยกมาตรการระบบการศึกษาแบบก้าวกระโดด ทำให้เด็กต้องเข้าสู่สนามสอบถี่ขึ้น และต้องทำการบ้านมากขึ้นในทุก ๆ วัน




 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2556 17:33:53 น.
Counter : 1385 Pageviews.  

สาวมะกันเหยื่อน้ำกรดได้หน้าใหม่ หลังผ่านศัลยกรรมกว่า 50 ครั้ง

คาร์เมน ทาร์เลตัน เหยื่อน้ำกรด ได้หน้าใหม่ หลัง ศัลยกรรม กว่า 50 ครั้ง

คาร์เมน ทาร์เลตัน เหยื่อน้ำกรด ได้หน้าใหม่ หลัง ศัลยกรรม กว่า 50 ครั้ง


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก cas.sk

คาร์เมน ทาร์เลตัน เข้ารับการศัลยกรรมใบหน้าที่เสียโฉมกว่า 50 ครั้ง หลังถูกอดีตสามีนำสารอันตรายมาสาดใส่ ในที่สุดก็ได้หน้าใหม่ พร้อมก้าวต่อไปอย่างแข็งแกร่ง

วานนี้ (1 พฤษภาคม) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น มีรายงานว่า หลังจากที่ คาร์เมน ทาร์เลตัน วัย 44 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในเวอร์มอนท์ สหรัฐฯ ต้องเสียโฉมจากการที่ถูกอดีตสามีของเธอนำสารอันตรายมาสาดใส่เธอเมื่อ ค.ศ. 2007 ในที่สุดในตอนนี้คาร์เมนก็ได้แสดงใบหน้าใหม่ของเธอในงานแถลงข่าวหลังจากที่เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อปลูกถ่ายใบหน้า กว่า 50 ครั้ง จากทีมศัลยแพทย์แห่งโรงพยาบาลบริจแฮมแอนด์วูเมน ในกรุงบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐฯ

              โดย ดร.โบห์ดาน โฟมาแฮค ผู้อำนวยการของแผนกแผลไฟไหม้ของโรงพยาบาลบริจแฮมแอนด์วูเมน ได้เผยว่า เขาและลูกทีมล้วนไม่เคยพบคนไข้ที่มีอาการเช่นเดียวกับคาร์เมนมาก่อน ในครั้งแรกที่เธอถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลนั้น คาร์เมนอยู่ในอาการโคม่าและมีบาดแผลเผาไหม้ลึกทะลุผิวหนัง กินพื้นที่กว่า 80% ของร่างกาย

และหลังจากที่เธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับความเจ็บปวด ต่อความจริงที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ ในที่สุดเดือนธันวาคม ค.ศ. 2011 โบห์ดานก็ได้เสนอวิธีการผ่าตัดปลูกถ่ายใบหน้าใหม่ทั้งหมดให้แก่คาร์เมน และแม้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องแปลกสำหรับใครหลายคนที่จะต้องใช้ชีวิตที่เหลือด้วยใบหน้าของคนอื่น แต่คาร์เมนก็ตอบตกลงต่อวิธีการผ่าตัดนั้นในทันที ซึ่งจากนั้นทีมแพทย์ก็ต้องใช้เวลาเพื่อหาผู้บริจาคใบหน้าให้เธอนานถึง 14 เดือน เพราะเป็นเรื่องยากที่จะหาใบหน้าที่สามารถเข้ากันได้กับร่างกายของคาร์เมนที่มีการสร้างแอนติบอดี้ขึ้นมา จากการถ่ายเลือดและการผ่าตัดหลายครั้งก่อนหน้านั้น

คาร์เมน ทาร์เลตัน เหยื่อน้ำกรด ได้หน้าใหม่ หลัง ศัลยกรรม กว่า 50 ครั้ง

              ในที่สุด คาร์เมนก็เข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายใบหน้านานถึง 15 ชั่วโมง ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และกลายมาเป็นผู้ป่วยรายที่ 6 ในสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายใบหน้าทั้งหน้า ซึ่งจากวิดีโอแอนิเมชั่นที่จัดทำโดยโรงพยาบาลก็ได้แสดงให้เห็นกระบวนการการผ่าตัดย้ายผิวหนัง กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และเส้นประสาทบนใบหน้าของเธอออกไป ก่อนจะแทนที่มันด้วยใบหน้าจากผู้บริจาค

อย่างไรก็ดี ในตอนแรกนั้นร่างกายของคาร์เมนเกิดปฏิกิริยาต่อต้านใบหน้าใหม่ที่ถูกปลูกถ่ายลงไป จนทีมแพทย์ต่างก็กลัวว่าการปลูกถ่ายนั้นจะล้มเหลว และทำให้พวกเขาถึงกับนอนไม่หลับเป็นเวลาหลายวัน แต่หลังจากที่แพทย์ได้ให้ยาปฏิชีวนะแก่เธอ ในที่สุดปฏิกิริยาต่อต้านนั้นก็หยุดลง นั่นหมายถึงการปลูกถ่ายใบหน้าของคาร์เมนประสบความสำเร็จด้วยดี

แม้ว่าคาร์เมนจะไม่ทราบชื่อของผู้เสียชีวิตที่บริจาคใบหน้าให้แก่เธอ แต่เธอก็รู้สึกขอบคุณผู้ที่บริจาคคนนั้นในทุก ๆ วัน และก็พร้อมที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า พร้อมกับคุณครูสอนเปียโนซึ่งสามารถมองเห็นตัวตนของเธอทะลุรอยแผลบนใบหน้า และตกหลุมรักเธอตั้งแต่ก่อนที่เธอจะเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายใบหน้า ทั้งยังคอยอยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลาตั้งแต่ตอนที่เธอเข้ารับการผ่าตัด จนถึงจนช่วงที่เธอพักฟื้น และแน่นอนว่าเธอได้ให้อภัยอดีตสามีผู้ทำร้ายเธอแล้ว

ในตอนนี้คาร์เมนสามารถที่จะยิ้มได้เล็กน้อยแล้วด้วยใบหน้าใหม่ อีกทั้งแพทย์ก็ยังกล่าวว่าเมื่อเวลาผ่านไป ใบหน้าของเธอจะมีขนคิ้วงอกขึ้นมาและสามารถแสดงออกทางสีหน้าอื่น ๆ ได้ ซึ่งคาร์เมนก็ได้กล่าวว่า แม้ตอนนี้เธอจะยังไม่สามารถแสดงความรู้สึกทางใบหน้าได้ แต่เธอยังคงมองไปในวันข้างหน้า ที่เธอรู้ว่ามันจะต้องมาถึงแน่ ๆ








 

Create Date : 03 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 3 พฤษภาคม 2556 16:48:32 น.
Counter : 802 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  

jureeporn
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




src='http://roomsite.freeserverhost.com/blogproject/toolbar.js'>
FC Barcelona


Google
จำนวนผู้ชมบล็อกทั้งหมด คน




















[Add jureeporn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.