• ข่าวเด่นประเด็นดังทั่วไทย
• ข่าวเด่นประเด็นดังทั่วไทย 2
• ข่าวเด่นประเด็นดังต่างประเทศ
• เรื่องจริง,อุทาหรณ์
• ข่าวกีฬาทั่วไป
• ข่าวอาเซนอล
• ข่าวบาซ่า
• ข่าวบันเทิง,ดารา,นักร้อง,คนดัง,ละคร
• ข่าวดารา,บันเทิง,นักร้อง,คนดัง,ละคร 2
• ข่าวดารา,บันเทิง,คนดัง,นักร้อง,ละคร 3
• ข่าวสารภาพยนตร์
• ดูดวง,ทำนาย,แบบทดสอบ
• ข่าวสารท่องเที่ยวทั่วไทย
• ข่าวสาร,แนะนำที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
• ความรู้ทั่วไป,ความรู้รอบตัว
• ข่าวสารครอบครัว,ความรัก,เพื่อน
• ข่าวสารสุขภาพ
• ข่าวสารแฟชั่น,ความงาม
• สัตว์ทั่วไป,สัตว์เลี้ยงสุนัข,แมว
• สูตรอาหาร,ขนม
• แนะนำร้านอาหาร
• เรื่องแปลก,ลึกลับ,ผี
• เรื่องตลก,ขำขัน
• ข่าวสารแนะนำเกม
• ต้นไม้,ดอกไม้
• ข่าวสารยานยนต์
• ข่าวสารดำเนินกิจการงาน,อาชีพ
• ข่าวสารเทคโนโลยี,คอมพิวเตอร์,อินเตอร์เน็ต,อุปกรณ์สื่อสารทั่วไป
• ศาสนา,ธรรมะ,คติ,ปรัชญาสอนใจ
• กิจกรรม,ศูนย์รวมเรื่องต่างๆที่ ช่วยเหลือสังคม
• บล็อกส่วนตัวจ้า

สาวอังกฤษโดนตราว่าสวยเกินไป เพื่อนอิจฉาจนหางานทำไม่ได้ เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก shows.stv.tv             โดยปกติแล้ว คนทั่วไปมักจะมองว่า ความสวยเปรียบดังพรจากสวรรค์ แต่สำหรับบางคนแล้ว ความสวยเปรียบเสมือนคำสาป เฉกเช่นเดียวกับลอร่า เฟอรนีย์ สาวอังกฤษที่มีความสวยเป็นเอกลักษณ์ และหน้าตาของเธอก็โดดเด่น เสียจนส่งผลให้เธอต้องออกจากงาน เนื่องจากเพื่อนร่วมงานต่างอิจฉาในความสวยของเธอ แม้ว่าเธอนั้น จะจบถึงชั้นปริญญาเอกก็ตาม เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ รายงานว่า นางสาวลอร่า เฟอรนีย์ วัย 33 ปี ซึ่งเรียนจบปริญญาเอกทางด้านวิทยาศาสตร์ แต่กลับเป็นคนตกงานเนื่องจากรูปร่างหน้าที่สวยเกินไป โดยลอร่า กล่าวว่า รูปร่างที่ผอมบางและใบหน้าที่สวยใสของเธอนั้น ดึงดูดความสนใจของเพศชายเป็นอย่างมาก จนทำให้เธอเป็นที่รังเกียจของเพื่อนสาวในที่ทำงาน เพราะผู้หญิงเหล่านั้นต่างอิจฉาเธอ ทำให้เธอต้องออกจากงาน อันเป็นงานที่เกี่ยวกับการวิจัยวิทยาศาสตร์ ซึ่งงานนี้ สร้างรายได้ให้กับเธอกว่าเดือนละ 30,000 ปอนด์ หรือประมาณ 1.3 ล้านบาท ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน จนตอนนี้ เธอเองต้องไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่             ลอร่า เฟอรนีย์ กล่าวถึงพิษภัยของความสวยว่า รูปร่างลักษณะที่สวยโดดเด่นของเธอนั้น ยังทำให้เธอถูกข่มขู่และถูกทำร้ายอยู่บ่อย ๆ เธอเองไม่ใช่คนขี้เกียจ และไม่ใช่พวกสวยแต่โง่ ความสวยสร้างปัญหาให้เธอเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องงาน ดังนั้น เธอจึงคิดว่า การทำงานเป็นลูกจ้างอาจจะไม่เหมาะกับเธอในตอนนี้ นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ เธอช่วยไม่ได้จริง ๆ ที่เกิดมาหน้าตาแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อนผู้ชายเองก็เอาแต่สนใจเรื่องความสวยของเธอ เธออยากให้พวกเขาจดจำความสำเร็จและความเป็นมืออาชีพของเธอมากกว่า แต่ที่พวกนั้นเห็นก็คือ หน้าตาและรูปร่างเท่านั้น นอกจากนี้ นางสาวลอร่า เฟอรนีย์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ชายยังเอาของขวัญสุดโรแมนติกมาวางไว้บนโต๊ะ และเธอก็ถูกชวนให้ไปออกเดทอยู่ร่ำไป ซึ่งเธอคิดว่า มันค่อนข้างจะขัดกับความรู้สึกพอสมควร แม้กระทั่งเวลาที่เธออยู่ในห้องทดลองโดยที่ไม่แต่งหน้า ผู้ชายก็ยังเข้ามาทักทายพูดคุยด้วยบ่อย ๆ อันเป็นสาเหตุจากแรงดึงดูดทางธรรมชาติของเธอ ไม่มีหนทางใดเลยที่เธอจะหยุดพฤติกรรมเหล่านี้ได้             ก่อนหน้านี้ นางสาวลอร่า เฟอรนีย์ ได้เรียนทางด้านวิทยาศาตร์และการวิจัยทางการแพทย์ ในระดับปริญญาเอก และทำงานในห้องทดลองตั้งแต่ปี 2008 แต่หลังจากที่ทำงานไปได้ 3 ปี เธอก็ถูกบังคับให้ออกจากงาน เนื่องจากการคุกคามจากเพื่อนร่วมงาน โดยนางสาวเฟอร์นีย์ กล่าวว่า คนอื่น ๆ คิดไปเองว่า เพราะเธอสวย เธอจึงเป็นพวกโง่ ผู้หญิงเหล่านั้นไม่ได้จริงใจกับเธอเลย เนื่องจากพวกเขารู้สึกอิจฉาในรูปร่างหน้าตาของเธอ หลังจากนั้น พวกเขาก็รู้ว่าเธอทำงานได้ดี และบางทีก็อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ และยิ่งจะทำให้ผู้หญิงเหล่านั้น เกลียดเธอหนักกว่าเดิม ส่วนด้านนางแคทเธอรีน วัย 65 ปี และนายอลัน วัย 70 ปี พ่อแม่ของนางสาวเฟอร์นีย์ ได้รับมรดกมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า และตอนนี้ พวกเขาก็ทำหน้าที่ดูแลลอร่า พวกเขาต้องจ่ายเงินกว่า 2,000 ปอนด์ หรือประมาณ 90,000 บาท สำหรับค่าเช่าและบิลต่าง ๆ ในแฟลตที่ย่านน็อตติ้งฮิลล์ กรุงลอนดอน อีกทั้งยังเป็นคนจ่ายค่าบัตรเครดิตให้ลอร่าอีกด้วย และยังไม่พอ ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น เงินอีก 1,500 ปอนด์ หรือประมาณ 6.7หมื่นบาท สำหรับค่าเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ในแต่ละเดือน และจ่ายเงินอีกเดือนละ 700 ปอนด์ หรือประมาณ 3.1 หมื่นบาท สำหรับค่าทำผม เงินอีก 80 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 3,600 บาท สำหรับค่าฟิตเนสในยิม และเงินอีกกว่า 1,000 ปอนด์ หรือประมาณ 4.5 หมื่นบาทสำหรับค่าออกงานสังคมอีกด้วย //women.kapook.com/view62910.html   Create Date : 21 พฤษภาคม 2556     Last Update : 21 พฤษภาคม 2556 18:28:58 น. Counter : 1196 Pageviews.   0 comment Share Tweet

สาวมะกันนับพันกางแขนปกป้องมือระเบิดบอสตัน เพราะหล่อ?? เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Dzhokhar Tsarnaev is innocent หญิงอเมริกันนับพัน ปลื้มมือระเบิดบอสตันสุดหล่อ จนออกมาทวงความยุติธรรมให้ เพราะเชื่อว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ พร้อมหาสารพัดหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ของมือระเบิด           เป็นเรื่องที่สร้างความงุนงงจนหลายคนถึงกับรับไม่ได้ เมื่อหญิงสาวชาวอเมริกันหลายพันคนต่างก็หลงใหลได้ปลื้มกับหน้าตาอันหล่อเหล่าของ นายโซการ์ ซาร์เนียฟ วัย 19 ปี มือวางระเบิดงานวิ่งมาราธอนในเมืองบอสตัน สหรัฐฯ ที่ถูกจับกุมไปเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา จนพวกเธอต่างพากันออกมาเรียกร้องทวงความยุติธรรมคืนให้แก่เขาอย่างออกนอกหน้า เพราะเชื่อว่านายโซการ์เป็นผู้บริสุทธิ์           โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เว็บไวต์เดลี่เมล ของอังกฤษ มีรายงานว่า หญิงสาวกลุ่มนี้ถึงกับจัดตั้งแฟนเพจ "โซการ์ ซาร์เนียฟ เป็นผู้บริสุทธิ์" ขึ้นบนเว็บไซต์เฟซบุ๊กตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556 และตั้งเป้าหมายรวบรวมสมาชิกแฟนเพจให้ได้ครบถึง 25,000 คน แม้ว่าจนถึงตอนนี้พวกเธอจะยังมีสมาชิกแฟนเพจเพียง 2,000 กว่าคนก็ตาม และบนแฟนเพจดังกล่าว ก็ได้มีการแสดงความคิดเห็นมากมายจากกลุ่มสาว ๆ ที่เชื่อในตัวนายโซการ์ รวมทั้งเผยแพร่ข้อมูลภาพหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ของนายโซการ์ ผ่านบนหน้าแฟนเพจของพวกเธอ ซึ่งบางภาพก็ระบุว่า กระเป๋าใส่ระเบิดที่นายโซการ์นำไปวางไว้บริเวณเส้นชัยในการแข่งวิ่งมาราธอนที่บอสตันนั้น ที่จริงแล้วไม่ใช่กระเป๋าของนายโซการ์ ดังจะเห็นได้จากรูปของกล้องวงจรปิดที่ถ่ายภาพกระเป๋าของเขา ซึ่งเป็นคนละใบกับกระเป๋าเละ ๆ ในที่เกิดเหตุ            ขณะที่คนบางกลุ่มก็ยังเชื่อว่า นายเจฟฟ์ บัวแมน เหยื่อเหตุการณ์ระเบิดที่มีภาพของเขาในสภาพขาขาด นั่งอยู่บนรถเข็นนั้น แท้ที่จริงแล้วก็คือ นายนิก วอจท์ ทหารที่รอดชีวิตจากสงครามอัฟกานิสถานเมื่อไม่กี่ปีก่อน ซึ่งเข้ามารับบทเป็นผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดนี้ พร้อมกับเลือดปลอม ที่ดูน้อยเกินกว่าจะเป็นเลือดที่ไหลออกมาจากขาที่ขาดทั้ง 2 ข้าง ทั้งยังมีรูปของเขาอีกบางรูปที่นอนอยู่บนพื้นเพื่อแกล้งทำเป็นว่าตัวเองบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากมีกระแสข่าวนี้เกิดขึ้น ทั้งนิกและครอบครัว ต่างก็ยังไม่มีการตอบรับใด ๆ ต่อข้อสังเกตดังกล่าว รวมทั้งไม่มีการตอบสนองใด ๆ จากกองกำลังสหรัฐฯ เอฟบีไอ หรือกระทรวงรักษาความมั่นคงเหตุมาตุภูมิเลย นอกจากนี้ ยังมีคนอีกบางกลุ่มที่เชื่อว่า ทั้งนายโซการ์ และนายทาเมอร์ลัน ซาร์เนียฟ พี่ชายของนายโซการ์ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญไปนั้น ล้วนแล้วแต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น แต่เป็นการจัดฉากโดยบริษัท คราฟ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือบริษัททหารรับจ้างเอกชนที่ก่อตั้งขึ้นโดยอดีตนาวิกโยธิน ซึ่งให้การสนับสนุนรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่สาว ๆ บางคนยังคิดไปไกลว่า นายทาเมอร์ลัน ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวไปขังตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ในสภาพเปลือกกายและถูกล่ามกุญแจมือ           ด้านตัวแทนของรัฐบาลในกรุงวอชิงตัน ดีซี ได้ออกมาเผยถึงความคิดของหญิงสาวกลุ่มนี้ว่า "มันเป็นความคิดที่งี่เง่าอย่างไม่น่าเชื่อ และคนปัญญาอ่อนเหล่านี้ก็จะทำให้ประเทศฟื้นฟูสถานการณ์ได้ยากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นสาว ๆ กลุ่มนี้ก็ยังเป็นเพียงกลุ่มคนเล็ก ๆ เท่านั้น และทางเจ้าหน้าที่เองก็มีหลักฐานที่ชัดเจนในการเอาผิดนายโซการ์ ซึ่งมีส่วนรู้เห็นกับพี่ชายในการวางระเบิดที่บอสตัน" //hilight.kapook.com/view/85990   Create Date : 14 พฤษภาคม 2556     Last Update : 14 พฤษภาคม 2556 17:55:41 น. Counter : 929 Pageviews.   0 comment Share Tweet

ปาฏิหาริย์! กู้ภัยบังกลาเทศช่วยชีวิต หญิงติดในซากตึก นาน 17 วัน สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม ภาพประกอบโดย STRDEL / AFP ปาฏิหาริย์! กู้ภัยบังกลาเทศช่วยชีวิตผู้หญิงรายหนึ่ง ที่ติดอยู่ในซากตึกถล่ม นานถึง 17 วัน สำเร็จ ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตทะลุเกินหลักพันแล้ว คาดยังเหลือศพฝังอยู่ด้านล่างอีกมาก           เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นที่ประเทศบังกลาเทศ เมื่อทหารและเจ้าหน้าที่กู้ภัยของบังกลาเทศ พบผู้รอดชีวิตติดอยู่ใต้ซากอาคารรานาพลาซา ที่พังถล่มลงมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 เมษายน และสามารถช่วยชีวิตผู้เคราะห์ร้ายขึ้นมาได้สำเร็จ ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังตัดเหล็กรื้อซากอาคารอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นมาจากใต้ซากชั้นสองของอาคารรานาพลาซา โดย โมฮัมหมัด รูเบล รานา เจ้าหน้าที่กู้ภัยกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ส ว่า "ผมได้ยินเสียงร้องแผ่วเบาว่า ช่วยด้วย ช่วยด้วย" ก่อนที่จะช่วยกันตัดเศษเหล็กเศษปูน ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตซึ่งเป็นผู้หญิงออกมาได้สร้างความดีใจให้กับญาติ ๆ และผู้มาคอยสังเกตการณ์กู้ชีวิตในครั้งนี้เป็นอย่างมาก           อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าสตรีรายนี้เป็นคนงานด้วยหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็รีบให้ออกซิเจน น้ำ และบิสกิตแก่เธอ โดยขณะที่เธอถูกนำตัวลงเปลหามขึ้นรถพยาบาลไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลทหาร เธอยังสามารถยิ้มให้ฝูงชนนับพันที่ร่วมกันโห่ร้องแสดงความยินดีได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยคาดเดาว่า เธอน่าจะรอดชีวิตได้เพราะดื่มน้ำที่ขังอยู่ด้านใน เมื่อครั้งเจ้าหน้าที่ฉีดน้ำดับเพลิงที่ลุกไหม้อาคาร "เธออยู่ตรงช่องว่างระหว่างเสากับคาน เธอชื่อเรศมี เธออาจมีน้ำสำรองหรือดื่มน้ำที่เราปั๊มใส่อาคาร" เจ้าหน้าที่ชื่ออาเหม็ด อาลี กล่าวกับเอเอฟพี           ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกคนกล่าวต่อทีวีท้องถิ่นโดยไม่เผยนามว่า เธอมีอาหารประทังชีวิตในวันแรก ๆ อย่างพวกอาหารแห้ง บิสกิต แต่อาหารเพิ่งมาหมดเมื่อ 2 วันก่อน เธอบอกด้วยว่า เธออยู่ที่ในจุดที่ปลอดภัย ซึ่งมีอากาศถ่ายเทและมีแสงส่องถึงด้วย ด้านคณะค้นหาเปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันถึงขณะนี้เพิ่มเป็น 1,045 รายแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บมีกว่า 2,400 ราย โดย พลจัตวาซิดดิกุล อาลัม หนึ่งในหัวหน้าคณะกล่าวว่า ศพจำนวนมากแทบจะเหลือแค่โครงกระดูก และกลิ่นเน่าเหม็นจากใต้ซากบ่องบอกว่ายังมีศพเหลืออยู่อีกมาก           "เราเจอศพจำนวนมากบริเวณโถงบันไดและใต้บันได เมื่ออาคารเริ่มพังถล่ม คนงานคงคิดว่าไปหลบอยู่ใต้บันไดน่าจะปลอดภัย ทุกครั้งที่เคลื่อนย้ายแผ่นคอนกรีต เราจะพบศพกองอยู่" นายทหารผู้นี้ กล่าว ขณะที่การสอบสวนเบื้องต้นของรัฐบาลบังกลาเทศระบุสาเหตุที่ตึกถล่มว่า เกิดจากแรงสั่นสะเทือนของเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ 4 ตัวที่ชั้นบนของอาคาร ซึ่งเปิดพร้อมกันขณะไฟฟ้าดับโดยโศกนาฏกรรมนี้กลายเป็นหนึ่งในครั้งเลวร้ายที่สุดของโลก และได้สะท้อนให้เห็นปัญหาความปลอดภัยของโรงงานอุตสาหกรรมในบังกลาเทศ ซึ่งเป็นผู้ผลิตสิ่งทอรายใหญ่อันดับสองของโลก นอกจากนี้ คนงานที่นี่ได้ค่าจ้างเดือนละไม่ถึง 40 ดอลลาร์ (ไม่ถึง 1,200 บาท) แลกกับการผลิตสินค้าแบรนด์เนมให้ชาติตะวันตก เช่น เบนาต็องของอิตาลี, ไพรมาร์กของอังกฤษ และแมงโกของสเปน //hilight.kapook.com/view/85858 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก   Create Date : 11 พฤษภาคม 2556     Last Update : 11 พฤษภาคม 2556 17:18:47 น. Counter : 759 Pageviews.   0 comment Share Tweet

ภาพสะเทือนใจ คู่รักกอดกันตายในซากตึกบังกลาเทศ เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Taslima Akhter ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในหน้าสื่ออยู่อย่างต่อเนื่อง สำหรับเหตุการณ์ตึกถล่มในบังกลาเทศ ที่แม้ว่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา แต่การค้นหาศพที่ติดอยู่ในซากตึก ก็ยังคงดำเนินไปไม่สิ้นสุดจนถึงวันนี้ และล่าสุด ดูเหมือนว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้คนทั่วโลกยิ่งสลดใจมากขึ้น เมื่อภาพคู่รักคู่หนึ่ง ที่กอดกันตายในซากตึก ถูกเผยแพร่และแชร์กันไปว่อนเน็ต ภาพถ่ายดังกล่าว ถูกถ่ายได้จากซากตึก 8 ชั้นในบังกลาเทศ ที่ถล่มลงมาเมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา นับเป็นภาพที่สะเทือนใจผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก เพราะเห็นได้ชัดว่า คู่รักคู่นี้ กำลังกอดกันแน่น เหมือนพยายามจะปกป้องกันและกันขณะเกิดภัยอันตราย ทำให้เมื่อตึกถล่มลงมาทับร่างของทั้งคู่ ศพจึงอยู่ในท่า "กอดครั้งสุดท้าย" อยู่อย่างนั้น            ทั้งนี้ สำหรับยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุตึกถล่มในบังกลาเทศ ตอนนี้มีรายงานว่าอยู่ที่ 1,006 คนแต่ถึงกระนั้น ทางการเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นมากกว่านี้อีก เพราะปฏิบัติการค้นหาผู้เสียชีวิตยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ซึ่งนี่นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของบังกลาเทศเลยทีเดียว //hilight.kapook.com/view/85815   Create Date : 10 พฤษภาคม 2556     Last Update : 10 พฤษภาคม 2556 17:28:45 น. Counter : 1373 Pageviews.   0 comment Share Tweet

คดีช็อก! เด็กหญิงจีน 13 ปี ฆ่าหั่นศพเพื่อน แค้นเพื่อนสวยกว่า เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานคดีสุดสลดที่เกิดขึ้นในมณฑลกวางสี เมื่อเด็กหญิงอายุยังไม่ถึง 13 ปี ก่อเหตุฆาตกรรม ฆ่าหั่นศพเพื่อนร่วมห้อง เพียงเพราะไม่พอใจที่เพื่อนน่ารักกว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555 ที่เมืองเหอฉี มณฑลกวางสีของจีน เด็กหญิงฉิน ซึ่งอายุยังไม่ทันจะครบ 13 ปี และเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้ชวนเด็กหญิงโจวไปเล่นที่บ้าน ซึ่งอยู่บนถนนสายเดียวกันกับบ้านของโจว ห่างกันไม่ถึง 150 เมตร และเมื่อไปถึงบ้านฉินแล้ว ทั้งคู่ก็ได้เปิดทีวีดูด้วยกัน แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อฉินได้คว้าเก้าอี้ไม้ฟาดลงไปที่ศีรษะของโจวอย่างแรง ขณะที่โจวกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ ทำให้โจวหมดสติทันที           ด้วยความหวาดกลัวว่าโจวจะไปฟ้องครู หรือฟ้องพ่อแม่ ฉินจึงไปหยิบของมีคมที่พอจะหาได้ในบ้านออกมา ไม่ว่าจะเป็นมีดทำครัว ขวดเบียร์ มีดคัตเตอร์ กรรไกร จากนั้นก็จัดการฆ่าและหั่นศพของโจว และนำชิ้นส่วนทั้งหมดใส่ถุงพลาสติก ก่อนจะทำลายหลักฐานด้วยการล้างเลือดในบ้าน จากการสอบสวนพบว่า ก่อนหน้านี้ฉินและโจวเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาโดยตลอด และค่อนข้างจะสนิทกันเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน แต่ด้วยความน่ารักของโจว ทำให้ฉินเริ่มอิจฉา และเริ่มเกลียดโจวหลังจากเห็นเพื่อน ๆ ในห้องชอบเล่นกับโจว แถมยังเคยบอกฉินว่า เธออ้วน และไม่น่ารักเหมือนโจวเลย จนนำมาซึ่งการหลอกเพื่อนไปฆ่านั่นเอง อย่างไรก็ดี จากการไต่สวนในชั้นศาลล่าสุด ฉินยอมรับว่าเธอได้ลงมือฆ่าเพื่อนจริง แต่ด้วยความที่เธอก่อเหตุตอนที่อายุยังไม่ถึง 14 ปี จึงไม่ต้องรับโทษอาญาทางกฎหมาย แต่ก็ต้องส่งเข้ารับการฟื้นฟูพฤติกรรมนาน 3 ปี //hilight.kapook.com/view/85810   Create Date : 10 พฤษภาคม 2556     Last Update : 10 พฤษภาคม 2556 17:27:01 น. Counter : 1364 Pageviews.   0 comment Share Tweet