|
Thick face and black heart (หน้าด้านใจดำ) นักการเมืองไม่พึงประสงค์ ในทัศนะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ตัวแทนเยาวชน : ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านและเพื่อน ๆ เยาวชนทุกคนครับ ผม ณัฐพล เกศสาครจาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดิฉัน รัศมี องค์สุรชัย จากมหาวิทยาลัยมหิดลค่ะ เป็นตัวแทนของเยาวชนในโครงการเยาวชนรุ่นใหม่ใส่ใจบ้านเมือง ซึ่งมี ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม เป็นผู้ริเริ่มโครงการนี้ขึ้น และท่านได้ให้เกียรติเป็นประธานในโครงการนี้ด้วยค่ะ สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ครับ กิจกรรมของกลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่ใส่ใจบ้านเมืองได้มีการระดมความคิด และคิดปัญหาเกี่ยวกับบ้านเมืองเป็นรัฐบาลเยาวชน ร่วมกันระดมปัญหาวิธีแก้ทั้งหมด สุดท้ายก็มีคำถามที่อยากจะเรียนถามท่านนายกรัฐมนตรีครับ ถือว่างานนี้เป็นโอกาสที่สำคัญของกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุด เพราะได้พบกับท่านนายกรัฐมนตรีจริง ๆ และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา อีกสักครู่เราจะมีตัวแทนเพื่อน ๆ เยาวชนที่ได้ถูกคัดเลือกคำถามจากทุก ๆ คน ณ ที่นี้ ขึ้นมาเรียนถามท่านนายกรัฐมนตรี ลำดับต่อไปขอเชิญ
..
..
..
ตัวแทนเยาวชน : (นางสาวณัฐกานต์ ประสพสายพรกุล นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นางสาวสุภัชชา ปิตินันท์ นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) อยากจะขอเรียนถามท่านนายกรัฐมนตรีว่าสมัยที่ท่านนายกรัฐมนตรียังเป็นเยาวชนอย่างพวกเรา ท่านนายกรัฐมนตรีมองหรือมีทัศนคติเกี่ยวกับการเมืองอย่างไรบ้างคะ และเมื่อท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ทัศนคติทางด้านการเมืองของท่านยังเหมือนเดิมหรือว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างคะ ขอบคุณค่ะ
นายกรัฐมนตรี : คำถามดีครับ คือตอนที่ผมเป็นเด็ก ผมซ้อนจักรยานยนต์ของพ่อผมมาโรงเรียน ผมมักจะมองสองข้างทาง มองไปเรื่อยมองถึงศักยภาพประเทศ และผมเป็นคนที่ชอบใช้ความคิดตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นเรียนอยู่มงฟอร์ด ฯ ก็มองไปแล้วก็มองถึงปัญหาทุ่งหญ้า ทุ่งนา ทำไมเกษตรกรถึงลำบากถึงอะไรต่ออะไร ก็คิดไปเรื่อย คิดแบบเด็ก ๆ คือผมสนใจ ตอนนั้นไม่ได้มีความคิดเรื่องการเมือง คิดแต่เรื่องของการพัฒนาประเทศในภาพรวม และทำไมไม่เป็นอย่างนั้นทำไมไม่เป็นอย่างนี้ ก็จะคิดไปเรื่อย น่าจะเป็นอย่างนั้นน่าจะเป็นอย่างนี้ พอมาเป็นนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ตอนที่เรียนปริญญาตรี ปริญญาโท เริ่มคิดเรื่องของบ้านเมืองปนกับการเมืองไปบ้าง ตอนนั้นเริ่มเข้าใจการเมือง ตอนแรก ๆ ก็อาจจะยังไม่เข้าใจว่าการเมืองคืออะไร ตอนหลังมาเป็นนักเรียนเตรียมทหาร พอดีว่าคุณพ่อเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในช่วงที่เป็นนักเรียนเตรียมทหาร ก็เริ่มเข้าใจ เริ่มรู้เรื่องการเมืองบ้าง เริ่มมองครับ ตอนหลังเริ่มรู้ แล้วพ่อจะเล่าให้ฟังและแม่ก็จะบ่นพ่อให้ฟังว่า สตางค์ที่บ้านมีเท่าไรก็หมด เสร็จแล้วพอไปเป็น ส.ส.เงินเดือนพ่อ แม่ไม่เคยเห็น และก็หมดแล้วยังมาเอาเงินที่บ้านตลอดทุกเดือน
การเมืองพัฒนามามากพอสมควร แต่ก็ยังไม่ถึงระดับที่เหมือนที่เราอ่านเจอในตำรา เหมือนที่เราคิดว่าปรัชญาที่ถูกต้องของทฤษฎี Social contract theory หรือเรื่องของประชาธิปไตย เรื่องอะไรต่ออะไรมันยังไม่ค่อยเป็นอย่างที่เราคิด เพราะสังคมไทยเรา คนที่พร้อมคนที่มีความสุขสบายไม่อยากเข้าการเมือง ทุกคนมองว่าการเมืองเป็นเรื่องสกปรก ตอนก่อนที่ผมจะเข้าการเมือง ผู้ที่รักผม ปรารถนาดีต่อผมทั้งนั้นเลยมาห้ามว่าอย่าเข้าการเมือง แต่จริง ๆ แล้วมันผิดต่อประเทศ เพราะว่าคนที่พร้อมไม่เข้าการเมือง การเมืองเลยกลายเป็นว่าเป็นที่อยู่ที่อาศัยของคนทำมาหากิน ของคนไม่พร้อม แล้วเข้ามาแล้วก็ทำการเมืองเสียหาย แล้วคนเล่านี้พูดได้ทุกอย่าง มีผู้แทนอยู่พรรคหนึ่งเขาเล่าให้ผมฟังตอนที่ผมกำลังจะตั้งพรรค ฯ เขาบอกผมว่า ผมไม่ควรจะเข้ามาการเมือง ผมไม่ควรตั้งพรรค เพราะว่าผมสู้เขาไม่ได้หรอก เพราะผมคิดการเมืองไม่เป็น เพราะบางพรรคเขาคิดการเมืองทั้งวันเลย เขาไม่คิดอะไรเลยคิดแต่การเมือง ทุกคนตื่นมาก็โทรหากันเรื่องการเมือง แล้วเขาสอนกันว่าต้องโกหก อย่าไปสนใจเพราะคนรู้จริงในประเทศไทยมีนิดเดียว คนไม่รู้จริงมีจำนวนมาก เพราะฉะนั้นจะพูดอะไรพูดไปเถอะ ขอให้เราได้คะแนน นี่คือสิ่งที่น่าละอาย คือการเมืองจะต้องพัฒนาตัวเอง เพราะฉะนั้นคนที่พร้อมจะเสียสละให้บ้านเมืองไม่จำเป็นต้องรวย แต่หมายความว่าพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ และคิดว่าการจะมาทำภารกิจทางการเมืองแล้วได้เงินเดือนแค่นี้แล้วอยู่ได้ ต้องเข้ามาสู่การเมืองมาก ๆ ถ้าไม่เช่นนั้นเราจะปล่อยการเมืองไว้ให้กับผู้ที่ต้องการยึดการเมืองเป็นอาชีพ แล้วในที่สุดเขาจะรักอาชีพของเขามากกว่ารักประเทศชาติและประชาชน น่ากลัว
วันนี้ผมคิดแล้วว่าถ้าคนอย่างผมไม่กล้าเข้าการเมืองแล้วใครจะเข้า แล้วผมก็บอกว่าผมแพ้ไม่ได้ แพ้ในที่นี้คือพ่ายแพ้ต่อการเมือง ไม่ได้ว่าเพราะต้องเป็นตำแหน่งนั้นต้องเป็นตำแหน่งนี้ ไม่ใช่ ถ้าผมพ่ายแพ้ต่อการเมือง มันจะเป็นสัญญาณที่ผิด ที่จะทำให้คนที่พร้อมน้อยกว่าผมไม่กล้าเข้าการเมือง ซึ่งความจริงคนที่เข้าการเมืองไม่จำเป็นต้องพร้อมเท่าผม อาจจะพร้อมน้อยกว่าผมก็ได้ แต่หมายความว่าพร้อมที่จะเสียสละและพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ และจะทำงานให้ประชาชนและเข้าการเมือง นั่นคือจุดที่สำคัญ เพราะฉะนั้นถ้าน้อง ๆ คิดว่าอีกหน่อยอยากเข้าการเมือง ก่อนอื่น 1.ไปหาประสบการณ์ชีวิต ให้ตัวเองมีความแข็งแกร่งในชีวิต แล้วก็มั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองมีหรือสิ่งที่พ่อแม่มอบให้ไว้นั้นพอใจ และพร้อมที่จะเข้ามาการเมือง เข้ามาการเมืองนั้นขาดทุนทุกอย่าง กำไรอย่างเดียวคือว่าได้ทำงานในสิ่งที่ท้าทายความสามารถของเรา และถ้าเราทำสำเร็จ เราภูมิใจ เรามีความรู้สึกว่าเราได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ได้ทำให้ประเทศชาติ นั่นคือสิ่งที่เป็นกำไร แต่ขาดทุนแน่นอนคือขาดทุนภาพพจน์ ขาดทุนชื่อเสียง ขาดทุนสตางค์แน่นอน ถ้าเราพร้อมจะเข้ามาแบบนั้นก็เข้ามา แล้วเราจะมีความสุขที่ได้ทำให้บ้านเมือง แต่ต้องยอมรับว่าผมเองก่อนที่จะมาเป็นนักการเมือง นักการเมืองด้วยกันเขาชื่นชมผมว่าเป็นนักธุรกิจที่มีความสามารถ ประสบผลสำเร็จ แต่พอผมมาเป็นนักการเมืองเหมือนเขา เขาจะบอกว่าผมเป็นคนเลวเหลือเกิน เลวทุกอย่าง ซึ่งบางทีประวัติศาสตร์ใหม่ ๆ ก็ถูกเขียนขึ้นโดยที่เราไม่รู้ นั่นก็เป็นเรื่องปกติของการเมือง เพราะฉะนั้นน้อง ๆ ไปหาประสบการณ์ให้ดี พร้อมแล้วเข้า ไม่พร้อมไปทำประโยชน์ให้ประเทศชาติในทางอื่นได้ แต่ถ้าพร้อมแล้วอย่างที่ผมพูดคำว่าพร้อมก็คือ พร้อมที่จะเสียสละให้บ้านเมืองและท้าทายความสามารถของตัวเองที่ได้ทำงานให้บ้านเมือง
.
.
.
.
ตัวแทนเยาวชน : (นายสุรชัย รุจิจินดาวรรณ นักศึกษาคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) ท่านครับ จากการที่รัฐธรรมนูญฉบับ ปี พ.ศ.2540 มีเจตนรมณ์ที่จะให้มีการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น และทราบว่ารัฐบาลได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะแล้ว แต่ดูเหมือนว่างานการกระจายอำนาจยังไม่คืบหน้านัก อยากสอบถามว่านอกจากความไม่พร้อมของท้องถิ่นเองแล้ว รัฐบาลมีปัญหาอะไรในเรื่องนี้และก็มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไรครับ
นายกรัฐมนตรี : ตั้งคำถามกันเก่ง ๆ นะ เรียนคณะอะไรครับ เรื่องมี 2 - 3 ส่วน ส่วนที่ 1 คือเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ คือต้องการให้เห็นระบบราชการของส่วนกลางนี้เล็กลง โดยมีความเข้าใจและเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องว่าส่วนกลางจะไม่รู้ความต้องการของท้องถิ่นได้ดีเท่าส่วนท้องถิ่นรู้ตัวเอง นั่นคือหลักการณ์ที่ถูกต้อง แต่การลดขนาดของส่วนกลางแล้วไปเพิ่มขนาดของส่วนท้องถิ่นนั้นหมายความว่า ต้องเอาไปทั้งงานทั้งคน ทั้งเงิน แต่ปรากฏว่าสิ่งที่เป็นปัญหาก็คือข้าราชการไม่ยอมโอนไปอยู่ท้องถิ่น ส่วนราชการหลายส่วนไม่ยอมให้ตัดไปอยู่ส่วนท้องถิ่น เตรียมจะเดินขบวนกันอย่างเดียว 2. คือ ส่วนท้องถิ่นเองก็ไม่ค่อยพร้อมจะรับคน ไม่พร้อมจะรับงาน แต่พร้อมจะรับเงิน ถ้าหากว่าเราให้แต่เงิน แล้วมีกฎหมายลูกออกมาอีกฉบับหนึ่ง บอกว่ารัฐบาลจะต้องกระจายเงินให้กับส่วนท้องถิ่นเพิ่มขึ้น 35 % ภายในกี่ปี ซึ่งตรงนั้นถ้าหากไปแต่เงิน งานและคนไม่ไป ค่าใช้จ่ายยังอยู่ส่วนกลาง แต่เงินไปอยู่ส่วนท้องถิ่น อันนั้นธนาคารรับเลยนะ เพราะว่าข้อเท็จจริงแล้ววันนี้ประเทศไทยเราตั้งงบประมาณขาดดุล ขาดดุลหมายความว่าเงินส่วนที่ขาดนั้นต้องกู้เขามา ทั้ง ๆ ที่วันนี้ประเทศไทยเรามีหนี้จำนวนมากแล้ว สูงมาก แล้วยังตั้งงบประมาณขาดดุลอีก อันตราย ตั้งขาดดุลนี้ตั้งนานไม่ได้ อันตราย เพราะฉะนั้นผมจะพยายามดึงงบประมาณลงมาสมดุลให้เร็วที่สุด เป็นสิ่งที่เราจะต้องคำนึงถึงตรงนี้ เมื่อคำนึงถึงตรงนี้แล้วปรากฏว่าค่าใช้จ่าย งบประจำของส่วนราชการสูงมาก ซึ่งผมกำลังบีบให้ลดอยู่ แต่ว่าขณะเดียวกันนั้นข้าราชการก็เงินเดือนน้อย มีจำนวนข้าราชการมาก ผมเชื่อว่ามากเกินความจำเป็น แต่ว่าต้องมีมากเพราะมีมาแล้ว เพราะฉะนั้นเงินเดือนก็น้อย ระบบราชการต้องปฏิรูปทั้งหมด แต่ว่าขณะเดียวกันจะโอนไปอยู่ส่วนท้องถิ่นไม่ได้ แต่ต้องโอนเงินไป ถ้าโอน 35% เมื่อไรก็แสดงว่ารัฐบาลจะต้องกู้เงินมาเพื่อให้ท้องถิ่น นั่นคือโอกาสที่ค่าเงินบาทจะอยู่ไม่ได้ เพราะเราเป็นหนี้เขามาก โอกาสความน่าเชื่อถือประเทศจะเสียหายลงไปสูงมาก ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่เราจะต้องระมัดระวัง จึงต้องมีการพูดคุยกัน
ผมทำ 3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรกคือ ไปดูว่าการกระจายอำนาจสู่ส่วนท้องถิ่นทั้งหลายเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขององค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด แต่กฎหมายแต่ละฉบับออกมาทีละครั้ง ๆ ออกมาไม่พร้อมกัน เมื่อออกไม่พร้อมกันก็จะมีการซ้าซ้อนกันบ้างอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นจึงมีกรรมการชุดหนึ่งเข้ามาดูทั้งหมดว่าเราจะจัดสรรอำนาจเขตพื้นที่รับผิดชอบให้แก่องค์กรท้องถิ่นอย่างไร ขั้นตอนที่ 2 ก็มาดูว่าส่วนราชการไหนที่จะโอนให้กับส่วนท้องถิ่น แล้วส่วนราชการไหนจากส่วนกลางจะโอนให้ส่วนภูมิภาค เรามีส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น
วันนี้ข้อเท็จจริงแล้วทั้งหมดเราต้องการอย่างไร เราต้องการให้ข้าราชการทั้งหมดกลับไปอยู่ในพื้นที่เพื่อรับใช้ประชาชน จะไปอยู่ส่วนท้องที่ใน 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นส่วนภูมิภาคอีกส่วนหนึ่งเป็นส่วนท้องถิ่น ถ้าเราปาดให้ส่วนท้องถิ่นได้มากเท่าไร การกระจายเงิน เงินต้องเป็นไปตามงานและคนด้วย เพราะฉะนั้นตรงนี้ 3 ขั้นตอนกำลังทบทวนทั้งหมด กำลังเร่งทบทวน เพราะไม่เช่นนั้นเดี๋ยวส่วนท้องถิ่นก็จะเรียกหาขอเงินเพิ่ม ถ้าส่วนท้องถิ่นไม่พร้อม อันนี้ก็ต้องย้อนกลับมาเมื่อสักครู่คำถามของหนู 2 คน เรื่องของคนที่เข้าสู่การเมือง ถ้าหากว่าคนระดับชาติยังหาคุณภาพได้ระดับหนึ่ง แล้วคนส่วนท้องถิ่นอีก อันนี้ปัญหาคือบุคลากรทางการเมือง ไม่ว่าจะส่วนท้องถิ่นหรือระดับชาติจะต้องเป็นบุคลากรที่ไม่ใช่เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์จากการเมือง ไม่เข้าไปยึดการเมืองเป็นอาชีพ ต้องเข้าไปพร้อมที่จะเสียสละและเป็นตัวแทนประชาชนตามทฤษฎี Social Contract Theory คือต้องอาสาที่เข้าไปเป็นตัวแทนทำงานแทนเขา ไม่ใช่เข้าไปเพื่อไปใช้งบประมาณเพื่อประโยชน์ของตัวเอง อันนี้คือสิ่งที่จะต้องเรียกร้องและต้องส่งเสริมให้ระบบการเมืองนั้นดีขึ้น ระบบสาดโคลนลดน้อยลง คนถึงจะกล้าเข้ามา บางคนคนไทยเรา ภาษิตไทยก็ทำให้คนไม่อยากเข้าการเมือง คือบางคนก็ไม่อยาก อยู่เฉย ๆ ดีกว่า คล้ายว่าไม่อยากไปยุ่ง ไม่อยากไปเกี่ยว ไม่อยากอะไร ก็เลยทำให้คนที่ Thick face and black heart (หน้าด้านใจดำ) ได้เปรียบสังคม พวกนี้อันตราย เพราะฉะนั้นการเมืองจะต้องสำคัญคือเราจะต้องพยายาม Recruit (คัดสรร) สังคมต้องช่วย Recruit (คัดสรร) คนดี ๆ เข้าการเมืองให้มากทุกระดับ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง
ตัวแทนเยาวชน : เนื่องด้วยเวลาจำกัด ณ โอกาสนี้ขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี ที่ได้ให้เกียรติมาร่วมตอบคำถามของเพื่อน ๆ เยาวชน และสิ่งหนึ่งที่เชื่อมั่นได้เลยว่าเกิดขึ้นกับเพื่อน ๆ เยาวชน ณ ที่นี้แน่นอนคือ ทุกคนคงจะมีแรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นที่จะใส่ใจและห่วงใยหรือทำอะไรดี ๆ เพื่อบ้านเมืองในอนาคตต่อไปครับ
ที่มา: พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามตัวแทนเยาวชน ในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ เยาวชนรุ่นใหม่ ใส่ใจบ้านเมือง และบรรยายพิเศษเรื่อง จากใจนายกรัฐมนตรี ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน 2545 เวลา 09.30 น. ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก เวปไซต์ //www.thaigov.go.th/news/speech/thaksin/sp03jun45-2.htm
(ตัวจุดไข่ปลา คือ คำถามและคำตอบเกี่ยวกับการศึกษา ซึ่งเจ้าของบล็อกตัดออกไป และส่วนเน้นข้อความนั้นทำโดยเจ้าของบล็อก)
posted by a_somjai on March 25, 2006
Create Date : 25 มีนาคม 2549 |
Last Update : 25 มีนาคม 2549 19:39:10 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1727 Pageviews. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 25 มีนาคม 2549 เวลา:22:42:28 น. |
|
|
|
| |
|
|
หุหุ