www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws

Group Blog
 
All blogs
 

มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๕

หลังจากนั้น เจ้ากุ๊กก็แยกย้ายกับประเวศ แล้วเข้าไปเที่ยวงานวัด เดินไป มองหาเจ้าเปรี้ยวไป หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เอ ก็นัดกันที่ร้านสายไหมนี่หว่า แล้วทำไมยังไม่มาอีกวะ กินสายไหมแก้เซ็งไปก่อนแล้วกัน

"เอาสายไหมอันหนึ่ง เอาสีชมพูนะ" เจ้ากุ๊กร้องสั่ง

"ผู้ชายอะไร กินสายไหมสีชมพู" เสียงปลัดดังมาจากด้านหลัง แต่เสียงเหมือนคำรามหน่อยๆ

ธ่อ โกรธใครมาก็มาลงกับเรา เชอะ กลัวที่ไหน ทำเสียงใหญ่เข้าข่มเลย

"โฮ่ๆๆ เปล่าครับ ผมไม่ได้ชอบกินสีชมพู พอดีผมไม่เคยกินก็อยากลองดู"

"งั้น ชั้นขอลองด้วยสิ" ปลัดไม่ว่าเปล่า ยื่นหน้ามากัดสายไหมสีชมพูในมือเจ้ากุ๊ก เจ้ากุ๊กหลบไม่ทัน ก็ปลัดยื่นหน้ามาทำไม มันใกล้สายไหม แล้วก็ใกล้หน้าเจ้ากุ๊กด้วย

เจ้ากุ๊กหน้าแดง แต่แกล้งโวยกลบเกลื่อน

"เฮ้ย ไรเนี่ย คุณปลัด ไม่ลงทุนเลยอ่ะ เป็นถึงปลัดมาแย่งเด็กกินขนมได้ไง อยากกินนักใช่ไหม อยากกินเอาไปเลย ผมเลี้ยงก็แล้วกัน"

ยื่นสายไหมใส่มือปลัด

"ธ่อ สั่งใหม่ก็ได้ฟ่ะ พ่อค้าเอาสีดำปิ๊ดปี๋เลย เอาแมนๆเลย"

ปลัดได้ยินก็หัวเราะขำ ดวงตาเป็นประกายกรุ้มกริ่ม เจ้ากุ๊กสบตาแล้วเบนหลบ รีบเสกัดสายไหมสีดำเข้าปากคำใหญ่ หันไปอีกที เห็นปลัดทำหน้าบึ้ง....

ปลัดเพิ่งนึกได้ว่าเมื่อกี้เจ้ากุ๊กมันไปทำไรมา โกรธมันอยู่นี่หว่า แหม เมื่อกี้เผลอตัวไปหน่อย ดูๆมันมอง มันมองงงๆ

น่ารัก แต่เสียดาย....

แล้วปลัดก็สะบัดหน้าหนีเจ้ากุ๊ก แล้วเดินหนีไป

เจ้ากุ๊กมองตามอย่างงงๆ


ไกลออกไปอีกนิด ที่ร้านข้าวโพดคั่ว ประเวศยืนมองภาพของทั้งสองคนด้วยความสงสัย

ความขี้สงสัยของเขาส่งผลอีกแล้ว...เมื่อกี้ถ้าดูไม่ผิด เขารู้สึกว่าปลัดจะชอบอลิส และอลิสเองก็ดูคล้ายจะชอบปลัด

เฮ้ย อลิส มันชอบปลัดก็ไม่แปลกหรอก แต่ปลัดนี่สิ

ปลัดเขาไม่รู้นี่ว่าอลิสมันเป็นผู้หญิง

หรือว่าปลัดจะเป็น....แอบ

โธ่ ไม่น่าเลยปลัด ดูท่าทางออกจะแมน คงจะฝืนตัวเองน่าดูเลย....



หลังจากปลัดแยกมาจากเจ้ากุ๊กด้วยความเสียดายก็เดินเที่ยวไปเรื่อยๆ

จนมาเจอ....บ้านผีสิง..

เออ น่าสนุกแหะ บ้านผีสิงในงานวัดมันเป็นไงหว่า ลองเข้าไปดูทีสิ

แล้วปลัดก็ซื้อตั๋วเข้าไปในบ้านผีสิง...

ข้างในมีผีรวมมิตร แต่มองไม่ค่อยเห็นก็มันมืดไปหมด ที่เด่นก็โน่น ผีกระสือลอยวูบวาบๆ มาแต่ไกล ผีกระหังมาพร้อมกระด้งในมือ (เฮ้อ ไม่ลงทุนเลย)

อ้าวๆ แล้วนั่นน่ะ ผีอะไรเนี่ย มาด้อมๆมองๆต้นกล้วยของผีตานี จะว่าขอเลขก็ผิดงานไปหน่อย ดูแปลกๆ

ปลัดเดินเข้าไปดูด้วยความสงสัย เดินเข้าไปเรื่อย...

จนใกล้จะถึงคนนั้นแล้ว...

เจ้ากรรม....เท้าดับไปเหยียบเปลือกกล้วยที่พื้น...

แล้วปลัดก็ลื่น...ล้มไปชนกับคนๆนั้นที่กำลังสำรวจต้นกล้วยอยู่...

ผลก็คือ ทั้งสองล้มกลิ้งไปด้วยกัน 2 ตลบ...

และเมื่อปลัดเงยหน้ามาอีกมาอีกที เขาก็พบว่า...

เขากำลังนอนทับไอ้ผู้ชายคนที่กอดกับเจ้ากุ๊กที่ป่าช้านั่นเอง....

ไอ้ผู้ชายคนนั้น ก็คือ ประเวศ ซึ่งตอนนี้เห็นปลัดกำลังมองตัวเองอยู่ในระยะประชิด

ก็ปลัดนอนทับเขาอยู่ ตัวก็ใหญ่ ประเวศจะขาดใจตายอยู่แล้ว

ปลัดรู้ตัวจึงรีบลุกขึ้น ประเวศลุกตามพลางมองปลัดอย่างระแวง นึกในใจ ซวยแล้วสิเรา นี่ปลัดจะเปลี่ยนใจมาชอบเราหรือเปล่าหว่า เล่นจู่โจมซะขนาดนี้ โธ่ ไม่น่าเลย แมนๆอย่างเรา เกือบมีราคีในบ้านผีสิงแล้วไหมล่ะ

ปลัดนี่ไว้ใจไม่ได้ ห่างๆหน่อยดีกว่า

"เอ่อ นั่น ปลัดจะทำไรผม" ประเวศเสียงสั่น

"เอ๊ะ คุณรู้จักผมด้วยหรอครับ" ปลัดตกใจ ไอ้คนนี้มันรู้จักเราด้วย อ้อ เจ้ากุ๊กคงไปเล่าให้มันฟังล่ะสิ

"คุณปลัดคนใหม่ ผมพอจะเดาได้ครับ ผม ประเวศลูกชายคนโตของเสี่ยมายครับ"

"อ๋อ เสี่ยมายผมรู้จักครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมปลัดขิก เอ้ย ปลัดกฤตย์ครับ"

"ครับ แล้วตกลงเมื่อกี้ ปลัดจะทำไรผม" ประเวศยังเสียวไม่หาย

"ผม...เอ่อ...ผม" ปลัดตะกุกตะกัก จะให้บอกได้ไงว่าเหยียบเปลือกกล้วยแล้วลื่นล้ม เสียฟอร์มแย่

"ผม....เอ่อ.....ผม"

ปลัดตะกุกตะกักอย่างนี้ โครตมีพิรุธเลย มาทางข้างหลังด้วยสิ เกือบไปแล้วเรา ประเวศคิดอย่างสยอง

ปลัดยิ้มเจื่อน ตอบไม่ได้ว่าเมื่อกี้ทำไรลงไป ได้แต่ถามแก้เกื้อ

"คุณประเวศไม่เป็นไรใช่ไหมครับ ผมตัวหนักซะด้วย"

"ครับ แค่หายใจไม่ออก ไม่เป็นไรครับ ผม..เอ่อ..ผมไปก่อนนะครับ" ประเวศจะรีบตีชิ่งหนี

แต่ปลัดยังเรียกไว้อีก ก็เขาอยากรู้เรื่องเจ้ากุ๊กนี่

"คือ โทษนะครับ คือเมื่อเช้าผมเห็นคุณประเวศดูเหมือนจะรู้จักเด็กที่บ้านผม เจ้ากุ๊กน่ะครับ"

ประเวศสะดุ้ง เฮ้ย ปลัดสังเกตด้วยหรอวะ ไม่ได้การแล้ว

"เอ่อ ไม่รู้จักเลยครับ พอดีผมจำคนผิดน่ะครับ ไอ้เด็กที่บ้านปลัดมันคงหน้าโหลน่ะครับ ผม...ไปก่อนนะครับ"

แล้วประเวศก็ชิ่งหนีทันที...........

ปลัดมองตามแล้วคิด ดูมัน กอดกันกลมอย่างนั้นยังมาปฏิเสธกันอีก เหอะ เราต้องรู้ให้ได้ว่า 2 คนนี้เกี่ยวข้องกันยังไง แล้วเจ้ากุ๊กเป็นใคร

ปลัดหมายมั่นปั้นมือ...


ที่หน้าบ้านผีสิง ประเวศรีบวิ่งออกมาแล้วนึกกับตัวเอง

แค่จะไปสำรวจต้นกล้วยแค่นี้ทำไมเราซวยจังว่ะ ขวัญกระเจิงยิ่งกว่าเจอผีอีก อย่างนี้ต้อง...

ไปรดน้ำมนต์โลด....



เอ้า....เร่เข้ามา....เร่เข้ามา....

ชิงช้าสวรรค์สนุกๆมาแล้วคร้าบบบบบบบ รอบละบาทเดียว นั่งหลายรอบเสียหลายบาท นั่งครึ่งรอบไม่เสียตังค์แต่ต้องปืนลงมาเองนะคร้าบบบบบบบบบบบบบ

เร่เข้าม้า....เร่เข้ามา...

เจ้าเปรี้ยวกำลังเดินไปร้านสายไหมตามที่นัดกับเจ้ากุ๊กไว้ แต่ยังไม่ทันถึงก็เถลไถลซะแล้ว.....

ก็ชิงช้าสวรรค์มันน่านั่งออกจะตาย นานๆจะมีสักที ไม่ได้มีบ่อยๆนี่หว่า

เจ้าเปรี้ยวเดินเข้าไปไม่รอช้า โอ้โฮ คนเยอะแยะไปหมด เมื่อไหร่จะได้ขึ้นฟ่ะ จะไปชวนอลิสมาขึ้นด้วย มันก็ดันกลัวความสูงซะอีก เราแอบขึ้นก่อนดีกว่า

เปรี้ยวแถเข้าไปหาคนขายตั๋ว

"เพ่ๆ เมื่อไหร่ได้ขึ้นเนี่ย มารอนานแล้วนะ" ความจริงเพิ่งมาเมื่อกี้นี่เอง

" โธ่น้อง ตามคิวดิ มาก่อนได้ก่อน มาหลังได้หลัง นี่น้องมาหลัง จะขึ้นก่อนได้ไง"

ดูท่าคนขายตั๋วจะต้องเป็นคนต่างถิ่นอย่างไม่ต้องสงสัย จึงไม่รู้จักเปรี้ยว แหม หงุดหงิด

"อ้าว พูดงี้ก็สวยสิพี่ นี่พี่ไม่รู้จักใช่ไหมว่าชั้นเป็นใคร นี่ไอ้เปรี้ยวน้องสาวพี่พาสคุมตลาด หมู่บ้านนี้นะ มาเรียกน้อง เนิ้ง เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว"

เจ้าเปรี้ยวถกแขนเสื้อหรา

"เฮ้อ วางอำนาจอีกแล้ว" เสียงเปรยลอยลมมาเบาๆ เจ้าเปรี้ยวหันขวับไปมองทันที ก็ได้เจอโจทย์เก่า....

บุญออบยืนยิ้มยียวนอยู่ข้างหลัง แถมยักคิ้วให้เปรี้ยวซะด้วย แต่เปรี้ยวไม่ขำ

"เมื่อกี้นายว่าใครวางอำนาจ"

" อ้าว ใครพูดเมื่อกี้ล่ะ คนๆนั้นน่าจะรู้ตัวนะ กล้าทำก็กล้ารับสิ หรือว่าแค่นี้ก้ไม่กล้า"

เอ้าพูดอย่างนี้เหมือนท้า

"นี่ๆเป็นใครที่ไหนมาตัดสินคนอื่น นึกว่าใหญ่นักหรอ ก็แค่อบต. สืบทอด ชาวบ้านเขาไม่ได้เลือกมาสักหน่อย ทำเป็นกร่าง"

"อ้าว นี่พาลนี่หว่า" บุญออบว่าขำๆ

เปรี้ยวขยับปากจะตอบโต้ แต่ไม่ทันคนขายตั๋วที่ทะลุกลางปล้องขึ้นมาทันที

"อ้าว เฮ้ย จะทะเลาะกันอีกนานไหม ถ้านานไปทะเลาะกันที่อื่นเลย เห็นไหมคนรอขึ้นชิงช้าสวรรค์ คิวยาวไปถึงต้นก้ามปูแล้ว แล้วคุณผู้ชายคนนี้น่ะ ตกลงจะขึ้นหรือไม่ขึ้น"

คนขายหันมาทางบุญออบ เปรี้ยวจึงเห็นว่าเขายืนถือตั๋วอยู่แล้ว

บุญออบหันมามองหน้าแล้วยักคิ้วให้

"อยากขึ้นมาก ก็มาขึ้นด้วยกัน"

เปรี้ยวลังเล จะให้ขึ้นชิงช้าสวรรค์กับ เอ่อ อีตาอบต.นี่นะ แต่ว่า ถ้าไม่ขึ้น เขาก็ต้องหาว่ากลัวสิ

เปรี้ยวไม่ต้องคิดนาน เพราะผู้ช่วยคิดช่วยกันตะโกนออกมาพร้อมกัน

"เอ้า อีหนู เขาชวนก็ขึ้นๆไปกับเขาเหอะ ไม่ต้องคิดมากหรอก รับรองขึ้นไปแล้วสนุกนะ"

เอ ฟังดูแปลกๆนะ เปรี้ยวหันไปมองกลุ่มคนที่ต่อแถวอยู่ก็เห็นเชียร์ให้ขึ้นกันใหญ่ ก็ถ้าเปรี้ยวไม่ขึ้น คนอื่นจะขึ้นได้ไงเล่า

เอาก็เอา ขึ้นไปนั่งแปบเดียว คงไม่ตายหรอกมั้ง

เปรี้ยวก้าวขึ้นชิงช้าสวรรค์ท่ามกลางเสียงเชียร์และโล่งอกของคนรอบข้าง..อะไรจะขนาดนั้น

ชิงช้าสูงขึ้นๆ.....

ใจเปรี้ยวก็เต้นแรงขึ้นๆ....

ไอ้ชิงช้าสวรรค์บ้า...ทำไมมันแคบอย่างนี้นะ ตัวเราก็เล็ก คนที่นั่งตรงข้ามก็เล็ก...

แต่ทำไม...นั่งแล้วหัวเข่าชนกันซะอย่างนั้น..

บุญออบมองหน้าเล็กๆ คางเล็กๆ กับดั้งสโลบเล็กๆแล้วเคลิ้ม...

เป็นไรไปเนี่ยเรา....ยายคนนี้นี่ดุอย่างกับเสือเลยนะ

แต่ว่า....ทำไมไม่อยากหนีไม่รู้

ดูๆทำเป็นมองโน่นมองนี่ ไม่ยอมมองเราแฮะ

"ตาเหล่หรอเราน่ะ" เสียงบุญออบดังขึ้นเบาๆ แต่เจ้าเปรี้ยวดันได้ยิน หันขวับมาทำตาเขียว

"จะบ้าหรอ ไม่ได้เหล่สักหน่อย"

"อ้าว ไม่รู้นิ เห็นไม่ยอมมองตรงๆ มองข้างๆตลอด"

"ไม่มองตรง เพราะไม่อยากมอง ไม่มีอะไรให้มอง"

"ก็คนนั่งอยู่ตรงนี้ทั้ัั้งคน ทำไมไม่มอง สงสัยไม่กล้า"

เท่านั้นแหละ ได้เรื่อง เจ้าเปรี้ยวตาเขียวอีกแล้ว

"มาเล่นจ้องตากันดีกว่า ใครหลบตาก่อนแพ้ เอาไหม"

"บ้า เล่นอะไรยังกับเ็้ด็กๆ"

บุญออบคิด ก็คนพูดน่ะ ไม่ได้ดูเป็นผู้ใหญ่ตรงไหนเลย เฮ้อ แต่บุญออบก็มีไม้เด็ด

"ไม่กล้าล่ะสิ"

เท่านี้ก็เรียบร้อย เปรี้ยวตอบตกลงทันที

"คนชนะจะขออะไรจากคนแพ้ก็ได้ ตกลงไหม"

"นึกว่าจะกลัวหรอ ตกลงเลย"

แล้วทั้งสองก็จ้องตากัน......

เป็นเรื่องน่าแปลก ใช้ตาจ้องอย่างเดียว แต่อวัยวะอื่นกลับไม่ทำงานซะงั้น

เช่น หูไม่ได้ยินเสียง มือไม้ก็ไม่มีแรง.....

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังตกอยู่ในภวังค์์ืแห่งความเพลินอยู่นั้นเอง.....

ก็มีเสียงหนึ่งดังแหวกอากาศขึ้นมา.....

"เฮ้ย ชิงช้าค้างเว้ยเฮ้ย"....

ทั้งสองคนสะดุ้ง....

ชิงช้าหมุนวนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดพอดี แล้วก็ค้างเติ่งอยู่อย่างนั้นเอง....

"ชิงช้าค้าง" ทั้งสองพูดพร้อมกัน..

และรู้สึกตัวพร้อมกัน...

แล้วก็ยังละสายตาพร้อมกันอีกด้วยแน่ะ...

บุญออบมองหน้าเปรี้ยวแล้วยิ้ม....

"เอาเป็นว่า ยกนี้ เราเสมอก็แล้วกันนะ" พูดแล้วก็ยิ้มหวานใส่ตาเปรี้ยว

เปรี้ยวเขิน จึงโวยเก็บอาการ

"แหงอยู่แล้ว ถ้าช้าอีกนิดเดียว เราชนะไปแล้ว"

บุญออบยิ้มไม่พูดอะไร ยอม อ่ะ ยอม

แล้วบุญออบก็ร้องขึ้นมา "ดูนั่น...ดาวตก"

มีดวงดาวดวงหนึ่งตกมาจากท้องฟ้า ใกล้ๆกับชิงช้าสวรรค์มากจนเห็นเป็นแสงสว่างวาบ......

บุญออบหันมาบอกเปรี้ยว

"เอ้า อธิษฐานสิ"

เปรี้ยวงง "อธิษฐานทำไม"

"ก็เวลาดาวตกเขาให้อธิษฐาน แล้วสิ่งที่ขอจะสมหวัง"

เปรี้ยวขำ "นี่เชื่อด้วยหรอเนี่ย เชื่ออะไรเป็นเด็กๆไปได้"

"เอ้า ไม่เชื่อก็ตามใจ เขาเอาของดีมาบอก ไม่รับก็ช่วยไม่ได้" บุญออบว่าพลางประสานมือแล้วหลับตา

เปรี้ยวมองบุญออบแล้วค่อยๆๆประสานมือ หลับตาตาม แหม ทำมั่งดีกว่า เดี่ยวพลาดของดี เดี๋ยวเรารีบลืมตาก่อน อีตาอบตไม่รู้หรอกว่าเราทำตาม...

"หลับตาแล้วอธิษฐานนะ" นั่น เสียงบุญออบบอกมาเบาๆ แน่ะ รู้ได้ไงว่าเราทำตาม ตาบ้านี่

ช่างเหอะ อธิษฐานดีกว่า เอ จะอธิษฐานว่าไรดีนะ อ้อ ขอให้คนที่เปรี้ยวรักทุกคนมีความสุข...

แล้วเปรี้ยวก็รีบลืมตาขึ้นมาทันที เห็นบุญออบยังนั่งหลับตาอยู่สักครู่ก็ลืมขึ้นมายิ้มให้

บอกเบา "แหม มีความสุขจังเลย"

เปรี้ยวเมินไป........

"เมื่อกี้อธิษฐานว่าไร" บุญออบถามยิ้มๆ

"ไม่บอก"

"งั้นอยากรู้ของผมไหม"

"ไม่อยาก"

บุญออบทำหน้าเสียดาย "ก็อยากบอกอ่ะ ไม่ฟังก็ทำหูทวนลมไปแล้วกัน เมื่อกี้ผมอธิษฐานว่า.....

ว่า...ขอให้ลืมตาขึ้นมาแล้วเจอเนื้อคู่อยู่ตรงหน้า..." ฮิ้วววววววววววว




 

Create Date : 29 ธันวาคม 2548    
Last Update : 5 มีนาคม 2549 8:09:13 น.
Counter : 205 Pageviews.  

มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๖

บาร์รำวง...

ชิ่งๆโป้งๆชิ่งๆ....ชิ่งๆโป้งๆชิ่ง...ปะโล้งปะโล้งปะโล้งโป้งชิ่ง.....

อายุสิบห้าได้มาเป็นสาวรำวง......มาใส่กระโปรงวับๆแวมๆ....

แสงสีตระการตา เชิญเร่เข้ามาที่....บาร์รำวง....

เอ้า รอบละบาทๆๆๆๆ เต้นหลายรอบ เสียหลายบาท เต้นแล้วไม่จ่ายจะโดนหลายบาทคร้าบ...

มาแล้วๆพี่ผู้ใหญ่รูปหล่อ แต่งตัวเท่เป็นช่างฟิต สวมหมวกคาวบอย โอ้ว เห็นแล้วเคลิ้ม....

นั่น พยาบาลพัดชาสลัดคราบชุดพยาบาลแต่งตัวสวยเดินมาใกล้ๆ ผู้ใหญ่หันมาเห็นก็ยิ้มหวาน

"อ้าว พัดมาด้วยหรือครับ แหม วันนี้แต่งตัวสวยจัง"

พยาบาลพัดชาตัวบิดไปหนึ่งรอบด้วยความเขิน

"แหม พี่ผู้ใหญ่นี่ บ้าจัง มาชมกันซึ่งๆหน้าเลย"

ว่าแล้วก็ยื่นถุงคุ๊กกี้ถุงใหญ่ให้

"นี่คุ๊กกี้ ร้านแม่เนิกค่ะ เขามาเปิดขายที่หน้าศาลาวัดนี่เอง พัดซื้อมาฝากพี่ผู้ใหญ่ ของเค้าดีจริงๆนะคะ"

ผู้ใหญ่รับถุงคุกกี้มาเปิด แล้วหยิบมากินอันหนึ่ง แล้วก็ค่อยๆเคี้ยว หลับตาพริ้ม.....

"อืม...ไม่ได้กินคุกกี้อร่อยๆๆอย่างนี้มานานแล้ว...ของเค้าดีจริงๆด้วยครับ"

ว่าแล้วก็หยิบขึ้นมาอีกหนึ่งชิ้น ยื่นให้

"พัดลองสิครับ ของเค้าดีจริงๆ"

พยาบาลพัดชาจะเอื้อมมือหยิบ แต่ผู้ใหญ่กลับป้อนให้ พยาบาลพัดชากินอย่างอายๆ แต่ไม่วายบอกว่า

"อร่อยค่ะ" อุ้ย เขิน ทำเป็นเสมองไปบนเวทีรำวง เห็นนักร้องร้องเพลงแล้วก็นิ่วหน้า

"ทำไม เขาร้องเพี้ยนโน๊ตอย่างนั้นล่ะคะ ดูสิ เข้าจังหวะผิดด้วย แล้วเสียงเฮดโทนก็ไม่ได้เรื่องเลย"

ผู้ใหญ่มองตาม "จริงด้วยสิ พี่ว่าพัดร้องเพราะกว่านี้ตั้งเยอะนะ"

"แหม พี่ผู้ใหญ่ก็"

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่จัดการเอง"

ว่าแล้ว ผู้ใหญ่ก็กระโดดขึ้นไปบนเวทีรำวง เข้าไปหาหัวหน้าวง กระซิบกระซาบอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินมาหาพัดชา

"พัดขึ้นไปร้องเพลงแทนนักร้องคนนั้นได้เลย พี่เจรจาเรียบร้อยแล้ว คนเขาจะได้รู้กันสักทีว่า ร้องเพลงเพราะน่ะ เขาร้องกันยังไง"

พยาบาลพัดชาเขิน "จะดีหรือคะ พัดจะไปทำให้วงเขาเสียหรือเปล่า"

"เสียได้ไงล่ะครับ รับรอง วงเขาจะดีขึ้นทันตาเห็นเลย เชื่อพี่เถอะ"

พยาบาลพัดชามองตาหวานของผู้ใหญ่แล้วใจอ่อน ขึ้นเวทีไปร้องเพลงด้วยเสียงโซปราโน่ แรกๆ คนเต้นงงจังหวะเล็กน้อย แต่เมื่อได้ฟังเสียงอันทรงพลังของพยาบาลพัดชาแล้ว ก็ค่อยๆปรับการเต้นจนเข้าได้ในที่สุด.....

ผู้ใหญ่เดินลงจากเวทีมาคอยให้กำลังใจอยู่ข้าง มองคนร้องไป ยิ้มหวานไป

สักพักก็ได้ยินเสียงห้าวๆดังมาจากด้านหลัง

"อร่อยไหม คุ๊กกี้อ่ะ" ผู้ใหญ่หันไปก็เห็นประพาสยืนทำหน้ากวนอยู่ข้างหลัง

ผู้ใหญ่ยิ้มแล้วยื่นให้

"อร่อยสิ ก็ของเค้าดีจริงๆนี่....เอ้า ลองไหม"

"ของเค้าเอามาให้พี่ผู้ใหญ่ ไม่ได้ให้พาส ก็เก็บไว้กินคนเดียวเหอะ"

ประพาสทำหน้าอะไรไม่รู้ แต่รู้ว่าไม่ใช่ค้อนแน่ ประพาสค้อนไม่เป็นพอๆ กับเปรี้ยว พอกันทั้งสองพี่น้อง

ผู้ใหญ่หัวเราะ หึๆ หยิบคุกกี้ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง

"เอ้า กินไปเหอะ ไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอก หรือว่าจะต้องให้ป้อน"

"เหอะ ป้อนคนอื่นแล้ว ไม่ต้องมาป้อนพาส" ประพาสปัดมือ

ผู้ใหญ่เห็นแล้วหมั่นเขี้ยวจับคุกกี้ทั้งอันยัดปากประพาสเลย

"ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า" ยังมีแก่ใจหัวเราะเยาะอีก พี่ผู้ใหญ่

ประพาสกลืนคุ๊กกี้คำใหญ่ที่ผู้ใหญ่จับยัดปากเมื่อกี้อย่างลำบาก ก่อนจะชี้หน้า

"ไอ้พี่ผู้ใหญ่บ้า เดี๋ยวเหอะ" ได้แต่ชี้นิ้ว แต่ไม่รู้จะทำไง หนอย....

"เอ้า ไปเช็ดปาก ไป โตจนป่านนี้แล้วกินของเลอะปากได้ไง เสียชื่อนักเลงคุมตลาดหมด"

ผู้ใหญ่ว่าแล้วหัวเราะลงลูกคอเอิ้กอ้าก ก่อนจะหันไปมองพยาบาลพัดชาร้องเพลงต่อไป.....



แล่นแตร....แล่นแตร....แล้ แล้ แลแล แล่นแตร.....

ฮู้ เย้....

เสียงเป่าแคนของนักดนตรีเปิดหมวกลอยลมมาจากมุมๆหนึ่งของงานวัด

นั่นปฎลกำลังเก่าแคนไพเราะเพราะพริ้งสลับเสียงกีต้าร์กับโอริโอ๋ ท่าทางทั้งคู่ดูมีความสุขมากทีเดียว.......

มีคนล้อมฟังอยู่กลุ่มหนึ่ง ต่างคนต่างวางเงินใส่ในกระเป๋ากีต้าร์ของโอริโอ๋

เมื่อเพลงจบ ทุกคนปรบมือๆ ปฎลและโอริโอ๋ยิ้มกว้าง

"แทงกิ้วค๊า"

"ขอบคุณมากครับ นั่นน้องริน กับน้องอิ่ม ขอบคุณนะครับที่มาฟังพี่"

ยิ้มหวานเมื่อหันไปเห็นแม่รินแม่ค้าปลาทูกับแม่อิ่มแม่ค้าปลาเค็ม

ทั้งสองยิ้มให้พร้อมกัน ก่อนจะหันมาเขม่นกันเอง

"แหม แม่ริน ตามมาฟังพ่อดลเป่าแคนถึงนี่เชียวนะ แต่ดูสิ ไม่ค่อยลงทุนเลย เอาปลาทูมาฝากเขาอีกแล้ว" แม่อิ่มพูดแล้วมองไปที่ปลาทู 2 ตัวในเข่ง วางนิ่งอยู่ในกระเป๋ากีต้าร์

"เชอะ แล้วหล่อนล่ะ เอาปลาเค็มมาฝากพ่อดลนี่นะ ลงทุนแย่เลย เหม็นเปล่าๆ" ตาชำเลืองมองปลาเค็มสองตัวที่วางอยู่ข้างๆปลาทู

"อ้าว พูดอย่างนี้ก็สวยสิ"

ทั้งสองตั้งท่าตะลุมบอนกัน แต่ก็มีคนมาห้ามไว้ซะก่อน ประเวศนั่นเอง เขารีบมาปกป้องชาวโลกอีกแล้ว นี่ถ้าใครบอกว่าเขาเป็นไอ้แมงมุมปลอมตัวมา ก็น่าจะเชื่อได้

"เดี๋ยวครับๆอย่าเพิ่งทะเลาะกัน นี่งานวัดครับ น้องๆ ทะเลาะไปเดี๋ยวไม่ได้บุญไม่รู้ด้วยนะ"

หันไปทางปฎลและโอริโอ๋ พยักหน้าให้เริ่มเพลงต่อไป

"เอ้า น้องๆมาฟังดลเขาเป่าแคนต่อดีกว่า เดี๋ยวดลเขาจะเป่าแคนเพลง แอบรักแม่ค้า จะขายอะไรก็ไปต่อกันเองแล้วกันนะครับ"

แล้วปฎลก็เริ่มบรรเลงเพลงต่อโดยมีโอริโอ๋ขับขานเพลงคลอ ทั้งสองสบตากันเป็นระยะๆ โลกนี้มีแต่เราสองคน ทิ้งแม่ค้าปลาทั้งสองยืนเขม่นกันไปซะงั้น....


ประเวศเดินเล่นมาเรื่อยๆ ตาก็มองระแวงๆไปด้วย ก็กลัวปลัดจะโผล่มาอีก เมื่อกี้เขายังเสียวไม่หาย นี่ขนาดไปรดน้ำมนต์มาแล้วนะ

ประเวศคิดยังไม่ทันจบ ก็เดินมาเจอกับประพาสที่ทำหน้าบูดอยู่

"อ้าว พาสเป็นไรอ่ะ ทำหน้าบูดเชียว"

ประพาสตอบเมินๆ

"ไม่รู้ว่ะ หมั่นใส้คน"

"ใครอ่ะ"

"เปล่าๆไม่มีไรหรอก ว่าแต่คุณเวศมาคนเดียวหรอ"

"อือๆ มาคนเดียว ป๊าไม่ได้มาด้วย ส่วนดลเขาก็มากับโอริโอ๋ เล่นดนตรีเปิดหมวกอยู่นั่นไง"

"งั้น ไปเล่นยิงปืนกันไหม คุณเวศ แก้เซ็ง"

"เออ ดีเหมือนกัน เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน" ขึ้นชื่อว่าประเวศแล้ว เขารักและห่วงใยชาวโลกเสมอ ใครขอให้ทำอะไร เขาไม่เคยขัด

ทั้งสองจึงเดินกันมาที่ร้านยิงปืน

"เอ้า เร่เข้าม้า เร่เข้ามา ยิงปืนแลกตุ๊กตาคร้าบบบบบบ"

"เฮ้ย นั่น" ประพาสตาลุกวาว เมื่อเห็นตุ๊กตาโดเรมอนตัวใหญ่

"อะไรหรอ พาส"

"โดเรมอน คุณเวศ พาสอยากได้อ่ะ เดี๋ยวจะยิงให้ได้เลย"

ประพาสหมายมั่นปั้นมือ ซื้อลูกกระสุนมาเพียบ แล้วตั้งหน้าตั้งตายิง เจ้ากรรม ยิงเท่าไหร่ก็ไม่ถูกโดเรมอนสักที

"เอ้า เอ้อ ทำไมไม่ถูกซะที"พาสบ่นเซ็ง ประเวสจึงหยิบมายิงดูบ้าง

เปรี้ยงเดียว ก็ถูกโดเรมอนทันที ประพาสมองด้วยความตกตะลึงปนทึ่ง

คุณเวศนี่....เจ๋งเหมือนกันนี่หว่า

ประเวศยิงโดเรมอนมาได้แล้วก็เอามายื่นให้ประพาส

"อ๊ะ ให้"

ประพาสรับโดเรมอนมากอดอย่างถูกใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่นึกขึ้นได้ว่า บุญคุณต้องทดแทน (เอามาจากที่ดีเจภูธรเขาเปิดหนังกำลังภายใน)

"คุณเวศ อยากได้อะไรอ่ะ เดี๋ยวพาสยิงให้มั่ง แลกกันไง"

ประเวศมองไปรอบๆแล้วก็ส่ายหน้า

"คงไม่ล่ะพาส เก็บของใว้ให้เด็กคนอื่นๆเถอะ เดี๋ยวเขามาเล่นแล้วจะไม่มีของให้เขา"

โถๆ พ่อเวศคนดี

"ไม่ได้ คุณเวศ บุณคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ เอาน่า เดี๋ยวจัดให้"

ประพาสไม่ยอม หยิบกระสุนมาใส่ เล็งไปที่เป้าหมาย ไหนหว่า.....

พอดีกับที่พลุจุดดัง....เปรี้ยง...

ประพาสตกใจหันไปทางเสียงพลุ เจ้ากรรมดันปล่อยกระสุนออกไปทางนั้นพอดี....

"โอ้ย........"

โดนคนด้วย ประพาสรีบวิ่งไปดูทันที

อ้าว นั่นคนที่ยืนกุมหัวอยู่นั่น...พยาบาลพัดชานี่นา...

ประพาสรีบเข้าไปดูอาการพยาบาลพัดชาทันที

พยาบาลพัดชาท่าทางจะเจ็บปวดไม่น้อย ทำท่าทุรนทุราย ปากก็ร้อง

"โฮกฮาก....โฮกฮาก"

ประพาสยืนทำอะไรไม่ถูก หันไปสั่งประเวศที่วิ่งตามมา

"คุณเวศ ไปตามหมอมาที" สั่งไปแล้วก็นึกได้ ก็พยาบาลอยู่นี่ทั้งคนนี่หว่า...

แต่ประเวศไปแล้ว เขาพร้อมแล้วที่จะช่วยเหลือชาวโลกอีกครา.....แม้จะไม่รู้ว่า...หมออยู่ที่ใด.....

ประเวศถลาไปด้วยความเร็วสูง ฮ่า ฮ่า อนาคตชาวโลกอยู่ในมือเขา สุขใจจริงๆ ในการปฏิบัติภารกิจ....

แต่ประเวศท่าจะสุขใจมากไปหน่อยเลยลืมมองข้างทาง นั่นๆจนได้....

ไปชนกับตาหลักคนขายล็อตตารี่เข้าจนได้...

ตาหลักล้มลุกคลุกคลาน ล้มไปทั้งคนและแผงล็อตตารี่ก็แกแก่แล้วนี่ ไปชนแกอย่างนั้นน่ะ

ประเวศตกใจ ลงไปช่วยพยุงตาหลักขึ้นมา...

"อ้าว ตาหลัก ผมขอโทษ ไม่ทันมอง เป็นอะไรมากไหมครับ"

ตาหลักน้ำตาคลอเบ้า "โถ คุณเวศของหลัก ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ผมแก่แล้ว กระดูกกระเดี้ยวมันไม่ค่อยดีอย่างนี้เอง"

ตาหลักพูดแล้วล้มแผละลงไปอีก ประเวศรีบเขาไปหิ้วปีกตาหลักทันที เขาไม่รอช้าที่จะช่วยเหลือชาวโลกอยู่แล้ว

"มานี่ดีกว่า ตาหลักเดี๋ยวผมพยุงไปที่แผงขายนะ เดินเองกว่าจะถึงก็อีกนานแหละ"

ประเวศหิ้วปีกตาหลักไป ทำให้ความเร็วในการไปตามหมอของเขาลดลง

หิ้วปีกตาหลักมาได้สักครู่ ก็มาเจอสับเหร่อป๋อเข้าอีก

ตาป๋อถลาเข้าไปหาทันที.....

"คุณเวศ มีอะไรหรือเปล่าครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ"

"คือ ผมมาตามหมอครับ"

"อ้าว งั้นก็ไปกันเลยสิครับ" ตาป่อเข้าใจผิด ว่าประเวศมาหาแก ก็บอกมาตามหมอ ก็แกก็เป็นหมอผีอยู่นี่ แกพร้อมจะช่วยคุณเวศของแกอยู่แล้ว

ประเวศลืมนึกไป ว่าตาป๋อเป็นหมอผี เห็นมาอาสาก็ดีใจจะได้ไปช่วยคนเจ็บเร็วๆ รีบเข้าไปหิ้วปีกตาป๋ออีกคนหนึ่ง

คนผ่านไปผ่านมาจึงได้เห็นว่าประเวศหิ้วปีกตาหลักข้างหนึ่ง ตาป๋อข้างหนึ่ง พากันวิ่งทุลักทุเลไป พะรุงพะรังเชียว

คนหนึ่งก็แผงล็อตตารี่ร่อนอีกคนก็ย่ามปลิว....

โถ พ่อประเวศ ถึงแม้จะมีจิตใจดี แต่งานนี้เห็นจะพึ่งไม่ได้แล้ว....


ข้างฝ่ายประพาสและพยาบาลพัดชา.....

"คุณพยาบาล เป็นอะไรมากหรือเปล่า เจ็บตรงไหน" ประพาสถามด้วยความห่วงใย

"พี่พาสเรียกพัดเฉยๆก็ได้ค่ะ ไม่ต้องคุณหรอก เราก็เล่นกันมาแต่เด็กๆ"

พัดชาหยุดทุรนทุรายแล้ว ความจริงปืนอัดลมก็ไม่ได้เจ็บเท่าไหร่ เมื่อกี้ทุรนทุรายเพราะถุงคุ๊กกี้ที่ถือมาตกพื้นต่างหาก

"ก็พัดไปเรียนในเมือง เป็นถึงพยาบาล พี่เป็นแค่คนคุมตลาด..."

ประพาสว่าแล้วเงียบไป

"โธ่ พี่พาส พี่พาสน่ะจบพลศึกษามาเหมือนกันนะ ทำไมพูดยังกับเราห่างกันอย่างนี้ละ"

พัดชายิ้มให้ ประพาสจึงยิ้มตอบ พลางก้มลงมองหน้าผากพัดชาที่โดนกระสุนยาง

"ไหน มาให้พี่ดูสิ เจ็บตรงไหน"

"ตรงนี้คะ" พัดชาชี้ที่แผลเป็นรอยแดงๆหน่อยเดียว

"เอ้า เป่าให้แล้ว เพี้ยง หายนะ" ประพาสเป่าหน้าผากเบาๆแล้วก็ว่า

"เออ พี่ลืมไป พัดเป็นพยาบาลนี่นา เอามะพร้าวห้าวมาขายสวนซะแล้ว"

พัดชาเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วว่ายิ้มๆ

"แต่พยาบาลรักษาตัวเองไม่ได้นี่คะ เหมือนคนมีผงเข้าตาน่ะแหละ เขี่ยให้ตัวเองไม่ออกหรอก"

ประพาสยิ้ม "อือ จริงด้วยสิ แล้วพัดหายเจ็บหรือยัง"

"หายแล้วค่ะ...แต่...." ตอบแล้วตามองไปที่ถุงคุ๊กกี้ที่ตกอยู่ที่พื้น

ประพาสมองตามสายตาไปก็เข้าใจ หยิบขึ้นมาปัดฝุ่นแล้วยื่นให้

"ยังไม่ได้แกะ ไม่เปื้อนหรอก"

พัดชารับมาแล้วยื่นให้พี่ประพาสต่อ (แล้วเมื่อกี้รับมาทำไมฟ่ะ)

"พัดให้พี่พาส คุ๊กกี้ของแม่เนิกร้านหน้าศาลา ของเค้าดีจริงๆค่ะ"

"จะดีหรอ พัดก็ชอบนี่"

"ของที่เราชอบก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้กับตัวคนเดียวนี่พี่พาส พัดไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวสักหน่อย แค่คุ๊กกี้แค่นี้ แบ่งกันกินก็ได้"

แล้วประพาสก็แกะถุงคุ๊กกี้หยิบมาแบ่งให้พัดชา ทั้งสองแบ่งคุ๊กกี้กันกินอย่างเอร็ดอร่อย

สักครู่ประพาสก็เอ่ยขึ้น

"เห็นพัดเอาคุกกี้ไปให้พี่ผู้ใหญ่ รายนั้นน่ะ ชมแล้วชมอีก ว่าของเค้าดีจริงๆ"

"พี่ผู้ใหญ่ใจดีกับพัดนี่คะ จะว่าไป ก็ใจดีกับทุกคน นี่ถ้าใครได้พี่ผู้ใหญ่ไปเป็นแฟนละก็ โชคดีตายเลย พี่พาสว่าไหม"

หันไปมองตาประพาส

ประพาสเคี้ยวคุ๊กกี้กลืนลงคอแล้วว่า

"อืม ว่าสิ"



สักพัก...ประเวสก็หิ้วปีกตาหลักกับตาป๋อชุลมุนชุลเกเข้ามา เฮ้อ กว่าจะถึง ประพาสกับพัดชาก็กินคุ๊กกี้หมดถุงพากันเดินไปที่อื่นแล้ว

ไปไหนกันหมดเนี่ย....ประเวศรำพึง...อ้าว.....นี่เราอุตส่าห์พาหมอ(ผี) มา ทำไมทำกับเวศได้....ฮึ....



...บาทเดียวดูเพลินอะไรไม่เกินเมียงู....ลูบได้คลำได้ ....เอ้า ลูบได้คลำได้.....เอ้า ลูบได้คลำได้....เอ้า ลูบได้คลำได้.....แต่อย่าเอาไม้แหย่รู............

“เอ้า เร่เข้าม้า เร่เข้ามา บาทเดียวคร้าบ บาทเดียว ดูเพลินๆๆ ดูชิวๆ จะดูเล่น ดูจริง ดูได้หมด เมียงูมาแล้วคร้าบบบบบ"

นั่นๆซุ้มเมียงูตรงโน้น คนท่าจะเยอะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หนึ่งในนั้น จะมี อบต. บุญปลั่งรวมอยู่ด้วย

งานนี้ อบต. บุญปลั่งแกอาบน้ำแต่งตัวแต่หัววัน ยอมทิ้งเกริลลี่ เบอร์รี่ ที่แกต้องต้องดูทุกคืนมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ..

แกมาถึงแล้ว...และนี่คือ....ซุ้มเมียงู...

ตีตั๋วเร็วๆ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า อบต.นึกบอกคนตีตั๋วในใจ แต่ก็ไม่ได้อย่างใจ ก็คนรอคิวเยอะเหลือเกินนี่นา กว่าจะถึงคิวแก

นั่นประไร ยังไม่ถึงคิวแกเลย....

ก็มีเสียงหนึ่งดังแหวกอากาศ (อีกแล้ว)มาซะก่อน...

“ต้ายๆๆๆๆตายๆๆๆๆ นั่นอบต. บุญปลั่งใช่ไหมเนี่ย”

เสร็จกันๆ เจอใครไม่เจอ ดันมาเจอเจ๊เป็ดเข้าจนได้ แหม หลบไม่ทันแล้ววุ้ย

อบต. บุญปลั่งทำเป็นเนียนเดินออกมาจากแถว (ทั้งๆที่เสียดายโครตๆ อีกคนเดียวก็จะถึงแล้ว)

เจ๊เป้ดแกมากับคุณหนูลูกตาล ซึ่งกำลังยืนมองโน่นนี่ด้วยความตื่นตาตื่นใจ วันนี้มาในชุดชมพูทั้งชุด ปล่อยผมยาวสลวย เมื่อเห็นอบต. บุญปลั่งก็ยกมือไหว้ด้วย 2 รอบด้วยความเคยชิน เล่นเอาอบต.รับไหว้แทบไม่ทัน

“ อ้าว เจ๊เป็ดมาเก็บแชร์หรอครับ”

“แหม อบต.ก็ เก็บเกิบอะไรล่ะคะ เป็ดไม่ได้งกขนาดนั้นซะหน่อย วันนี้พาหนูลูกตาลเขามาเที่ยวงานวัดนะค่ะ ตั้งแต่ไปซัมเมอร์ที่นิวซีแลนด์กลับมา หนูลูกตาลแกยังไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย”

“แล้ว..เอ่อ..น้องหมวยนกไม่มาด้วยหรือครับ” อบต. กระลิ้มกระเหลี่ย ทำเอาเจ๊เป็ดค้อนควับ

“แหม ไม่มาได้ไงละคะ รายนั้นน่ะ เตรียมตัวตั้งแต่เย็นแล้ว ป่านนี้มิไปอยู่เวทีรำวงแล้วหรอ แหม น้องสาวคนนี้นี่จริงๆเลย ไม่เรียบร้อยเป็นกุลสตรีอย่างพี่บ้างเลยนะคะ” อ้าว ชมตัวเองซะงั้น

เจ๊เป็ดเม้าท์อย่างเมามัน ตรงข้ามกับ อบต. บุญปลั่งที่กระสับกระส่าย เมื่อไหร่จะไปสักทีวะ

“ แล้วนี่ อบต. มาทำอะไรตรงนี้คะ หรือว่า จะมาดู..เมียงู”

“ใช่ครับ เอ้ย” นั่นไงเล่า คนมันคิดอะไรในใจอยู่ ดันพูดออกมา “ไม่ใช่ครับ พอดีผ่านมาเฉยๆ”

เจ๊เป็ดหัวเราะมีเลศนัย “แหม ผ่านมาซะใกล้เชียวนะคะ อบต. เดินขยับอีกนิดเดียวเนี่ยก็เข้าประตูได้แล้วนะคะ”

“ครับ ก็อีกแค่คนเดียวก็จะเข้าได้แล้ว อุ๊บ” เอาอีกแล้ว อย่าพูดอย่างที่คิดสิ อบต. “ไม่ใช่ครับ คือ ผมไปดูลาดเลาเผื่อจะมีพวกอันธพาลมาป่วนน่ะครับ” เออ แก้ตัวไปได้นะ

“ก็ไอ้บัตรก็ถูกจับตัวได้แล้วนี่คะ คงไม่มีอันธพาลคนไหนมาแถวนี้อีกหรอกคะ แหม ตรงโน้น โฆษกดุ๊กประกาศว่าจะมีพระมารดน้ำมนต์ เราไปรับน้ำมนต์กันไหมคะ อบต. “

อ้าว ซะงั้น แทนที่จะไปไม่ไปเปล่า ดันมาชวนเราไปรดน้ำมนต์อีก

“เอ่อ....คือ.....”

“ยังไงค่ะ อบต. หรือว่า อยากเข้าเมียงู”

“อยากมากครับ เอ้ย” เอ้า เอาเข้าไป “ไม่อยากครับ ผมไปกับเจ๊เป้ดก็ได้ครับ”

เซ็งจริงๆเลยเรา อบต.บุญปลั่งบ่นพึมขณะเดินตามเจ๊เป้ดไปรดน้ำมนต์....


เดินไปได้สักพัก คุณหนูลูกตาลก็สะกิดเจ๊เป้ด

“หม่ามี้ๆ” พร้อมกับยกมือไหว้อีกครั้ง

“อะไรคะลูก”

“นั่นอะไรคะ” ชี้มือไปที่ซุ้มสาวน้อยตกน้ำ แหม น่าสนุกจัง

“อ๋อ นั่น สาวน้อยตกน้ำค่ะ”

คุณหนูลูกตาลเอียงคอ ผมเผ้าปิดหน้าตาไปหมด ร้องว่า

“เอ๋” เอียงคอมากขึ้นอีก “สาวน้อยตกน้ำ หรอคะ แหม แปลกดี ที่โอ็คแลนด์ไม่มีแบบนี้”

หันไปมองอย่างสนใจมากขึ้น “ลูกตาลขอไปดูได้ไหมคะ”

“อ้าว แล้วหนูจะไปยังไง ไม่ไปรดน้ำมนต์หรอ”

“ลูกตาลไปได้ โธ่ หม่ามี้ลูกตาลไปเรียนซัมเมอร์มาคนเดียวนะ ทำยังกับเป็นเด็กไปได้ เนี่ย วันนี้ก็อีก ให้ลูกตาลใส่สีชมพูอีกแล้ว ก็บอกแล้วว่า ไม่ชอบๆ สีชมพูน่ะ”

เอาแล้วคุณหนูลูกตาลผู้เรียบร้อยเปลี่ยนภาคใหม่ เป็นภาควีนแตก อบต.บุญปลั่งทำหน้างง แต่เจ๊เป็ดเก็บอาการได้ดี

“เอาๆก็ได้ อยากไปดูก็ได้ แต่อยากไปนานนะคะลูก ดูแล้วตามแม่ไปที่ศาลาเลยนะ” ไม่ทันเจ๊เป็ดพูดจบหรอก คุณหนูลูกตาลก็ถลาไปแล้ว แต่ก่อนไปยังไม่ลืมไหว้เจ๊เป็ดและอบต. อีกคนละ 2 รอบ ตามความเคยชิน


....วิ้ว สาวน้อยตกน้ำ....

เอ้า เร่เข้าม้า เร่เข้ามา....เข้ามาอีก.....มาดูสาวน้อยตกน้ำกัน....ลูกบอลลูกละบาทเดียวคร้าบบ.....

ซุ้มสาวน้อยตกน้ำ ครึกครื้นจริงๆ ดูๆ คนมืดฟ้ามัวดิน เสียงน้ำกระจายดังไปทั่ว คุณหนูลูกตาลเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ นั่นแน่ะ เสียงน้ำกระจายเป็นระยะสลับเสียงหัวเราะครื้นเครง

น่าสนุกจังเลย อยากลองเล่นมั่ง คิดได้ดังนั้นก็ไปซื้อลูกบอลมา จะปาเป้าหนึ่งที่เล็งไว้ แต่...

เอ้า ใครนั่นตัวใหญ่ยังกับยักษ์มายืนบังซะงั้น ลูกบอลที่ตั้งใจปาสุดแรงเลยไปโดนหลังคนๆนั้นแทน

“โอ้ย” คนๆนั้นหันหน้ามา ดูรูปร่างอันใหญ่โตแล้ว จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากปลัดขิก เอ้ย ปลัดกฤตย์ นี่เอง

คุณหนูลูกตาลตกใจ รีบเข้าไปไหว้ 2 รอบ

“อุ้ย ขอโทษคะ เป็นไรมากหรือเปล่าคะ”

ปลัดยิ้มเท่ห์ ก่อนจะบอกว่า “ โอ้ ไม่ครับ ผมผิดเอง ที่ขวางทางคุณ “

แล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะแนะนำตัวดื้อๆ

“ผม ปลัดขิก เอ้ย ปลัดกฤตย์ครับ คุณ เอ่อ”

คุณหนูลูกตาลไหว้อีกรอบก่อนจะตอบว่า

“สวัสดีค่ะ ลูกตาลค่ะ เป็นลูกสาวแม่เป็ด รู้จักไหมคะ”

“อ๋อ เจ๊เป็ด ผมรู้จักครับ ผมเพิ่งมาอยู่ใหม่รู้จักคนไม่กี่คน รู้สึกว่าผมจะไม่เคยเห็นหน้าคุณนะ”

“พอดี ลูกตาลไปซัมเมอร์ที่นิวซีแลนด์เพิ่งกลับมาค่ะ”

“คุณลูกตาลอยากเล่นหรือครับ” เขาพูดแล้วตามองไปด้านหลัง เห็นเจ้ากุ๊กมันเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้คุณหนูลูกตาลอีกนิด

“ถ้าไม่เคยเล่น เดี๋ยวผมสอนให้เอาไหมครับ”

คุณหนูลูกตาลไหว้ทันที ตาเป็นประกาย

“จริงหรือคะ แหม ดีจัง”

ปลัดเห็นเจ้ากุ๊กมองอยู่ ก็หยิบลูกบอลมายืนใกล้ๆคุณหนูลูกตาล แล้วสอน

“นี่นะครับ เล็งให้ดี แล้ว....ปาเลย”

ลูกบอลออกจากมือปลัดไปด้วยความเร็วสูง เฉียดหัวสาวน้อยคนหนึ่งไปนิดเดียว นอกนั้นไม่โดนอะไรเลย

ปรากฏว่า...ปลัดปาไม่ถูก...จ๋อยสนิท....

ปลัดยิ้มเจื่อนหันไปแก้ตัวกับคุณหนูลูกตาลว่า

“ แหม ลูกบอลนี่มันเบามากนะครับ ปายากจังเลย ผมเองก็ไม่ได้ปามานานแล้วด้วย”

“งั้นเดี๋ยว ขอลองปามั่งนะคะ”

“แหม ปายากนะครับเนี่ย กลัวลองแล้วเสียเปล่าๆน่ะครับ ยิ่งไม่เคยอยู่ด้วย”

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอลองหน่อย”

“เอ้า ก็ได้ครับ ปาไม่โดนอย่าเสียใจนะครับ คนเรามันพลาดกันได้” นี่ปลอบใครฟ่ะ

คุณหนูลุกตาลคว้าลูกบอลมาปา....

.....เปรี้ยง.....ตรงเป้าเหมาะเหม็ง....

สาวน้อยคนนั้นตกน้ำกระจาย.....

ปลัดเห็นแล้วอายๆ...

คุณหนูลูกตาลหัวเราะชอบใจหันมาทางปลัดที่ยิ้มเจื่อนๆ ไหว้อีกรอบ

“แหม สนุกจริงๆค่ะ คุณปลัด เดี๋ยวลูกตาลคงต้องไปก่อนนะคะ หม่ามี้รออยู่ที่ศาลา วันหลังเจอกันใหม่นะคะ”

แล้วคุณหนูลูกตาลก็ไหว้อีกรอบหนึ่งก่อนจะเดินออกไป ปลัดจะเรียกไว้ก็ไม่ทัน

หันไปมองทางเจ้ากุ๊กก็เห็นมันเดินหัวเราะเยาะมาแต่ไกล

เจ้ากุ๊กน่ะหมั่นหน้ามาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน....

เห็นปลัดไปก้อร้อก้อติกกับคุณหนูคนนั้นแล้วมันรู้สึกแปลกๆ

ไม่อยากจะมอง แต่ก็อดอยากรู้ไม่ได้

แล้วก็เห็นภาพที่.....เชอะ....ทำเป็นใกล้เขา...

เดี๋ยวแฟนเขามาตื้บเอา....สาบานได้ว่าเจ้ากุ๊กคนนี้ก็ไม่เข้าไปช่วยหรอก

แต่คุณหนูคนนั้นเขาก็ดูดีเชียว สวยก็สวย ขาวก็ขาว ผมยาวสลวยๆ ไม่ได้ใส่แต่หมวกแก๊บเหมือนเรา

เจ้ากุ๊กมองตัวเองแล้วถอนใจ ก็เรามันเด็กผู้ชายนี่หว่า

แต่ก็หมั่นหน้าอยู่ดีแหละ..เฮอะ...เข้าไปเยาะเย้ยดีกว่า

แล้วเจ้ากุ๊กก็เดินลากเท้าเข้าไป

“โฮ่ๆๆ แหม เมื่อกี้ผมไปดูหนังกลางแปลงมา ตัวตลกเนี่ย ตลกจาง” ทำหน้ายียวน

“ตลกยังไง” ปลัดยังตามมุขไม่ทัน

“ก็ตัวตลกตัวหนึ่ง พยายามจะทำตัวเป็นพระเอกให้นางเอกสนใจ แต่ทำไปก็ไม่ขึ้น ก็ตลกเหมือนเดิม โฮ่ๆๆ”

อ้าว อย่างนี้ เดี๋ยวๆ

“แล้วรู้ไหม ตัวตลกคนนั้นทำไง” ทำหน้ากรุ้มกริ่ม ยิ้มนิดๆ

“ทำไงอ่ะ” คราวนี้เป็นเจ้ากุ๊กงงมั่ง

“ตัวตลกคนนั้นก็หนีนางเอก ไปหาตัวตลกอีกคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆน่ะสิ”

.....เอ้า มาช่วยกันฮาตัวตลก 2 ตัวหน่อย.....


ชิงช้าสวรรค์ค้างอยู่บนฟ้าตั้งนานสองนานกว่าจะเคลื่อนตัวอีกทีหนึ่ง....

ส่วนคนที่อยู่บนชิงช้าก็....ละลายไปแล้ว...

มองตากันไปมาจนตาแฉะนั่นแหละ....

พอลงมาถึงพื้นดินได้ เจ้าเปรี้ยวรีบจ้ำอ้าวใหญ่ มีบุญออบตามไปไม่ลดละ เจ้าเปรี้ยวเดินเร็วขึ้น บุญออบก็เดินตามเร็วขึ้น

ไปทันกันที่ซุ้มสอยดาว......

บุญออบวิ่งมาดักหน้าเปรี้ยวไว้.....

“วิ่งหนีทำไม” พูดแล้วส่งตาหวานให้ เจ้าเปรี้ยวเมินหน้า

“ไม่ได้หนี”

“ก็เห็นอยู่เนี่ยว่าหนี จะเถียงอีก” บุญออบดุ

“ไม่ได้หนี ก็” หันหน้าไปที่ซุ้มสอยดาว “ จะรีบมาสอยดาวเดี๋ยวของรางวัลหมด” เจ้าเปรี้ยวแก้ตัวเอาดื้อๆ

“เอ้า สอยดาวก็สอยดาว งั้นสอยด้วยนะ” บุญออบตามติด เจ้าเปรี้ยวหันมาแยกเขี้ยวใส่

“ก็ตามใจสิ ไม่ได้ล่ามโซ่ไว้นี่ อยากทำอะไรก็ทำ”

“อยากทำอะไร แล้วจะให้ทำจริงหรอ” อ้าว บุญออบคิดอะไรเนี่ย

เจ้าเปรี้ยวหน้าแดง เดินหนีเข้าไปในซุ้มสอยดาวดีกว่า

เจ้าเปรี้ยวสนุกสนานกับการสอยดาวใหญ่ โดยทำเป็นไม่สนใจคนที่เดินตามประกบอยู่ข้างๆ

แต่ดูสิ เปรี้ยวดวงไม่ดี ได้อะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย อย่างหลักๆ เลยก็ ยำยำ (คุ้นๆ เหมือนเคยกินบ่อยๆ)
แล้วก็ดินสอ ไม้ขีดไฟ ของเล็กๆน้อยๆทั้งนั้น ทำเอาเจ้าเปรี้ยวเซ็ง

“ว้า ดวงไม่ค่อยดีเลยนะ เรา ก็อย่างว่าแหละ ถ้าดวงความรักดีแล้ว ดวงอื่นๆมันก็ไม่ค่อยดีละนะ ” เสียงบุญออบดังอยู่ข้างหลัง เปรี้ยวหันไปมอง บ้า พูดมาได้

บุญออบก็หอบของมาเต็มมือเหมือนกัน ดูๆแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรมีค่า มีราคาสักอย่าง ก็พอๆกับเราแหละ

“ไม่เห็นจะมีอะไรดีเลย ก็เหมือนกันแหละ”

“ทำไมจะไม่ดี มีดีเยอะแยะไป” ว่าแล้วก็หยิบของจากห่อมาส่งให้ เปรี้ยวรับไปอย่างงงๆ

“อันนี้ อมยิ้ม เอาไปอมแล้วยิ้มนะ ยิ้มสวยๆ“

หยิบอีกอย่างหนึ่งมาส่งให้

“อันนี้(ยาสีฟัน)ใกล้ชิด เอาไปแปรง แปรงด้วยกัน เราจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นๆ” เอิ้ก คิดได้ไง

“แล้วอันนี้” พูดพลางหยิบสบู่ขึ้นมาก้อนหนึ่ง ส่งให้

“อะไร” เปรี้ยวถามเบาๆ

“ก็นี่ไง” ชี้ไปที่ฉลากสบู่ “นี่ยี่ห้อ รัก (ลักซ์)ไง ”

อุ้ย คุณอบต....เล่นงี้เลยกรอ

เจ้าเปรี้ยวตีหน้าไม่ถูก ยืนถือของเก้ๆกังๆ บุญออบจึงว่า

“เอาไปใช้นะ คนละก้อน เราจะได้รักกันๆ”

...เอิ้ก....มุขบ้านนอกโครตเลย (สงสัยคนเขียนบ้านนอกชัวร์)...




 

Create Date : 29 ธันวาคม 2548    
Last Update : 5 มีนาคม 2549 8:08:37 น.
Counter : 244 Pageviews.  

มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๔

บ้านปลัด...........ในเวลาค่ำคืน........

เสียงหรีดหริ่งเรไรร่ำร้อง......

เสียงหมาหอนโหยหวน.....

เจ้ากุ๊กนอนคลุมโปงอยู่บนเตียง

"โอ้ย ไอ้หมาบ้า เมื่อไหร่จะเลิกหอนสักทีนะ"

เสียงหมาหอนหยุดไป ราวกับรู้ว่าเจ้ากุ๊กไม่ชอบ เจ้ากุ๊กค่อยๆ โผล่หัวออกมาจากโปงผ้าห่ม

....ฉับพลันหมาเจ้ากรรมก็ร้องโหยหวนขึ้นมาอีก คราวนี้มันดังใกล้ๆ หน้าต่างห้องเจ้ากุ๊กด้วย

เจ้ากุ๊กสะดุ้งโหยงตกใจกระโดดลงจากเตียง แต่ขาไปแล้ว หัวยังไม่ไป ผลสุดท้ายก็คือ

"โครมมมมมมม"

หัวเจ้ากุ๊กไปกระแทกกับแง่เตียงอย่างจัง

"โอ้ยยยยยย" เจ้ากุ๊กร้องโหยหวน ได้ยินกันไปสามบ้านแปดบ้าน

เสียงเคาะประตูดังถี่ๆ ขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงของปลัดกฤตย์ที่แสดงถึงความตกใจ

"เจ้ากุ๊ก เป็นไรไป ร้องยังกับแมวถูกเชือด มาเปิดประตูให้ชั้นเข้าไปหน่อย....."

"โอ้ย ปลัดมาทำไงดีๆ"

เสียงเคาะประตูดังขึ้นๆ ถี่ขึ้นๆ

"เจ้ากุ๊ก นั่นตายหรือยังละ" ทักดีจริงๆนะปลัด

“ โฮ่ๆๆ ไม่เป็นไรฮะ” เจ้ากุ๊กนึกอะไรไม่ออก ทำเสียงใหญ่ไว้ก่อน

“ไม่เป็นไรได้ไง ร้องซะขนาดนั้นน่ะ มาเปิดประตูให้ชั้นเข้าไปเดี๋ยวนี้”

เสียงปลัดกฤตย์เฉียบขาดอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

เจ้ากุ๊กจะทำอะไรได้ ค่อยๆ เดินกุมหัวไปเปิดประตูให้ปลัดแต่โดยดี

.....ให้ตาย.... เจ้ากุ๊กลืมใส่หมวกแก๊บ.....

ปลัดกฤตย์เห็นเจ้ากุ๊กแล้วตกตะลึง ยิ้มนิดๆ คิดกับตัวเองเบาๆ ว่า

.....ดูสิดู จะปลอมตัวเป็นผู้ชายก็ลืมใส่หมวก ดันปล่อยผมออกมาหมดเลย สงสัยจะลืมตัว......

...น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย เจ้ากุ๊ก สงสัยคงดูละครมากไปหน่อย นี่คงคิดว่าเราไม่รู้ล่ะสิ ...เอา อยากให้ไม่รู้ ไม่รู้ก็ได้........

ปลัดกฤตย์มองหน้าแล้วเอ่ยขรึมๆ

“ไปโดนอะไรเข้าล่ะ”

เจ้ากุ๊กส่ายหัวทันที...

“เอ้า ก็ยืนกุมหัวอยู่เนี่ย จะบอกไม่เป็นไรได้ไง อยู่ดีๆ หัวจะแตกเองได้ไหม ฮึ” ปลัดกฤตย์ดุเล็กๆ

เจ้ากุ๊กพยายามทำเสียงใหญ่เข้าสู้ แต่ฟังอ่อยๆ

“โฮ่ๆ คือว่า หัวโขกเตียงฮะ”

ปลัดกฤตย์ขำ คิดในใจ เออ เสียงเอ็งใหญ่จัดเลยนะ...นั่นน่ะ ทำเสียงเป็นซานตาครอสไปได้

“เออ ดีนะ อยู่ดีๆ เอาหัวไปโขกเตียงเล่น คงสนุกมากละสิ ไหนๆ มาขอดูหน่อย”

เจ้ากุ๊กรีบเบนหลบทันที แต่ปลัดกฤตย์ไม่ยอม เอามืออันใหญ่โตราวกับมือคิงคองออกมาจับหัวเจ้ากุ๊กไว้แล้วก้มไปดูจนใกล้

เอ่อ.......ใกล้เกินไปหรือเปล่าเนี่ย.............

เจ้ากุ๊กใจเต้นแรงขึ้นมาไม่มีเหตุผล แม้ความเจ็บเมื่อครู่ก็ไม่รู้สึก...

ปลัดกฤตย์พินิจพิเคราะห์อยู่นานจนเจ้ากุ๊กอดรนทนไม่ไหว ไม่รู้จะทำยังไงจึงโพล่งออกไป

“โฮ่ๆๆๆ.......”

ได้ผล ปลัดกฤตย์ผงะทันที ตกใจน่ะสิ เอ้อ กำลังดูซึ้งๆเลย ได้สติแล้วก็เอ่ยขรึมๆ ยิ้มมุมปากนิดๆ

“เดี๋ยวจะพาไปโรงพยาบาล ไปหาหมอดูหน่อย”

“อะไรนะ ผมไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย ไปโรง'บาลทำไมอ่ะ”

เจ้ากุ๊กร้องค้านเสียงหลง แต่ปลัดไม่สนใจ มองหน้ากวนๆ

“ รู้ได้ไงว่าไม่เป็นไร เป็นหมอหรือไงเราน่ะ”

แป่ววววววว.............

“ถ้าไม่ได้เป็นหมอ ก็ไม่ต้องมาเถียง เดี๋ยวชั้นออกไปรอข้างนอก แต่งตัวให้เรียบร้อย ให้ไวด้วย”

ปลัดกฤตย์ว่าแล้วเดินออกจากห้องไป...

เจ้ากุ๊กจะทำอะไรได้ โชคดีที่แต่งชุดผู้ชายอยู่แล้ว เพียงแต่หยิบหมวกแก๊บมาสวมก็เรียบร้อย แต่เจ้ากุ๊กคงลืมไปว่า เมื่อกี้ที่ปลัดเข้ามานั้น......มันไม่ได้สวมหมวกแก๊บ.....

เจ้ากุ๊กออกมาก็เห็นปลัดนั่งรออยู่ สงสัยอาการกำเริบหรืออะไรไม่รู้ เจ้ากุ๊กเข่าอ่อนลงดื้อๆ ปลัดเห็นดังนั้นทำท่าจะเข้ามารับ แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ ยืนยิ้มมองเฉย

“เอ้าๆ เป็นไร เมื่อยหรอ นั่งพับเพียบเรียบร้อยเชียว”

เจ้ากุ๊กเงยหน้ามาจะค้อน แต่นึกขึ้นได้ว่า ผู้ชายเขาไม่ค้อนกัน จึงเม้มปากบอกเสียงใหญ่ๆ

“โฮ่ๆๆ ผมเป็นไรไม่รู้ ไม่มีแรง เจ็บแผลด้วยฮะ”

“นั่นไง แล้วเมื่อกี้บอกไม่เป็นไรทำไม ทำเป็นเก่งไปได้ มา” ปลัดกฤตย์ว่าแล้วตรงเข้ามา...........

....อุ้มเจ้ากุ๊กออกไปขึ้นรถ เจ้ากุ๊กดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนปลัด แต่ไม่มีทางหลุดไปได้ ไม่ขยับเขยื้อนด้วยซ้ำ ก็โธ่ รูปร่างมันผิดกันขนาดนั้นนี่

ระหว่างที่อุ้มกันไปที่รถ ถ้าใครอยู่แถวนั้นอาจได้ยินเสียงประหลาดมันดังขึ้นเรื่อย ๆ....

เสียงอะไร......อ้อ......เสียงเต้นของหัวใจนี่เอง




โรงพยาบาล.............

ปลัดกฤตย์อุ้มเจ้ากุ๊กลงจากรถมา แล้วพาเดินไปที่ห้องคนไข้ เอ ไปห้องไหนนะ เราไม่เคยมาซะด้วย

อ้าว...เจ้ากุ๊กดิ้นอีกแล้ว ปลัดกฤตย์จึงดุ

“ดิ้นทำไม”

เจ้ากุ๊กหลบสายตาปลัดกฤตย์แล้วว่าอ่อยๆ

“คือ ผมเดินเองได้แล้วฮะ”

ปลัดกฤตย์มองหน้าแล้วปล่อยมือทันที ดีเหมือนกัน เมื่อยแล้วด้วย

เจ้ากุ๊กลงเดินเองแล้วพาปลัดกฤตย์ไปห้องคนไข้

“ห้องนี้ครับ”

“เออๆ เอ็งเข้าไป”

ปลัดกฤตย์รุนหลังเจ้ากุ๊กเข้าไปนั่ง ตัวปลัดเองเข้าไปถามที่เคาน์เตอร์ที่มีพยาบาลสาวนั่งทำอะไรอยู่น่ะ

“โด โด เร มี ฟา ซอล ลา ที ที โด๊ โด๊”

พยาบาลพัดชาห่อรูปปากให้ถูกต้อง แล้วเปล่งเสียงออกมาอีกอย่างสบายอารมณ์

“กิ๊ซซี่ กิ๊ซซี่ ยา ยา ย่ะ อู้ว ” เอ้า นั่น คนมายืนมองอยู่แล้วนั่นน่ะ หันมองหน่อย

พัดชาหันมามองคนที่ยืนตัวโตอยู่หน้าเคาน์เตอร์ เมื่อทั้งสองได้พบหน้ากัน พลันปลัดกฤตย์ก็นึกครึ้ม ร้องออกมาว่า

“พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด”

ต่อด้วยเสียงหวานๆ ของพัดชา

“ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจ ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ”

เอ้า เอาเข้าไป ยิ้มกรุ่มกริ่มใหญ่เชียวนะพ่อปลัด

ทั้งสองร้องเพลงกันต่อไปจนจบ แล้วก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นด้านหลัง....

“ร้องเพราะจางเลย”

นั่น เจ้ากุ๊กลืมตัวอีกแล้ว ได้ฟังเพลงเพราะๆเข้าหน่อย เป็นงี้ทุกที ครั้นรู้สึกตัวก็รีบตีหน้าใหม่

“โฮ่ๆๆๆ” มันยังพยายามทำเสียงใหญ่ต่อไป

พัดชายิ้มหวานให้ปลัดกฤตย์ กล่าวว่า

“พาคนไข้มาตรวจหรือค่ะ คุณเอ่อ”

ปลัดกฤตย์ทำเสียงนุ่ม “ผมเอ่อ ปลัดขิก เอ้ย ไม่ใช่ ปลัดกฤตครับ เพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่”

ุ”อ้อ คุณปลัดนี่เอง ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว พาใครมาตรวจหรอคะ”

พัดชาถามพลางมองเลยไปที่เจ้ากุ๊กที่นั่งอยู่ ปลัดกฤตย์มองตามสายตาไปแล้วเอ่ยขึ้นเหมือนไม่สนใจนัก

“อ้อ เด็กที่บ้านมันเล่นซนน่ะครับ หัวเหอแตกหมด"

“งั้นเดี๋ยวพาไปหาหมอใหญ่ให้ตรวจเลยนะคะ เชิญค่ะ”

แล้วพัดชาก็พาเจ้ากุ๊กไปให้หมอใหญ่ตรวจที่ห้องตรวจ เสร็จแล้วกลับมาประจำที่เคาน์เตอร์ต่อ เห็นปลัดกฤตย์ยืนอยู่แถวนั้นไม่ไปไหน จึงเข้าไปชวนคุย...

“คุณปลัดขิก เอ้ย ปลัดกฤตร้องเพลงเพราะดีนะคะ”

“ขอบคุณครับ พอดีผมชอบร้องเพลงน่ะครับ คุณพยาบาลก็ร้องเพราะเหมือนกันนี่ครับ”

“ เรียกพัดก็ได้ค่ะ พอดีพัดเรียนดนตรีบำบัดด้วย เวลาคนไข้ปวดหัว พัดจะร้องโอเปร่าให้คนไข้ฟัง ได้ผลชะงัดเลยค่ะ”

“จริงหรอครับ แหม ผมชักอยากฟังแล้วสิ”

“อยากฟังหรือค่ะ ได้เลย”

ว่าแล้ว พยาบาลพัดชาผู้น่ารักก็เริ่มบรรเลง แฟนท่อม ออฟ ดิ โอเปร่า โอ้ว สูงส่งยิ่งนัก...............

จนจบเพลงหันกลับมา พบปลัดทำหน้าปั้นยาก

“อ้าว นั่นคุณปลัด เป็นอะไรไปค่ะ”

“เอ่อ ผม เอ่อ...............ผมปวดหัวแล้วครับ”

.......แป่วววว...........


เช้าวันรุ่งขึ้น...............................

ณ ตลาดบ้านโคกสารินที่เดิมๆ.......................

ที่ร้านอาโกชา ร้านเดิมๆ.................

บุรุษหนุ่มผิวคล้ำเดินด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าร้าน ตาฉิวที่นั่งเล่นหมากรุกอยู่กับตาขิ่นที่เดิม เห็นเข้าก็ร้องทัก

“อ้าว พ่อเวศ ทำอะไรล่ะนั่นน่ะ”

ประเวศหันมายิ้มยิงฟันขาว กล่าวตอบไปว่า

“เมื่อวานนี้ตอนที่ชุลมุนจับไอ้บัตรกันน่ะครับ ผมเห็นหมามันโดนลูกหลงนอนอยู่ตรงนี้ ว่าจะพามันไปหาหมอสักหน่อย เอ หายไปไหนนะ”

ประเวศมองหาตามซอกตามซอย แล้วก็เห็นเจ้าด่างนอนร้องหงิงๆอยู่ เขาตรงเข้าไปอุ้มมันอย่างทนุถนอม พามานั่งที่ร้านกาแฟอาโกชา

..พลันก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้น

..เสียงเจ้ากุ๊กนี่เอง ตอนนี้มันกำลังเถียงกับปลัดหน้าดำหน้าแดง

“โฮ่ๆๆ คุณปลัดเรื่องมากจังเลย ก็ผมไม่สบายอยู่เนี่ย จะกินไข่เจียวก็ไม่ได้ อยากจะกินปลาดุกย่างซะอย่างงั้นแหละ ดูสิ เห็นไหม มันลำบากผม”

ปลัดกฤตย์ส่ายหัวแล้วเอานิ้วจิ้มหน้าเจ้ากุ๊กอย่างหัวเสีย

“ก็เอ็งแหละ เมื่อคืนบอกไม่เป็นไรไง ไม่เป็นไรจริง ก็ต้องซื้อปลาดุกย่างให้ข้าได้สิวะ รีบๆไปเลยให้ไว จะรออยู่ที่ร้านอาโกชานี่แหละ”

เจ้ากุ๊กสะบัดหน้าพรืด ทำเสียงใหญ่ๆ

“โฮ่ๆๆ นึกว่ากลัวหรอ....กลัวที่ไหนเล่า..........แล้วตังค์อ่ะอยู่ไหนเล่า” มันแบมือหรา ปลัดกฤตย์ส่ายหน้าด้วยความระอาแล้วส่งเงินให้

เจ้ากุ๊กสะบัดหน้าอีกครั้ง กำลังจะเดินไปร้านปลาดุกอยู่แล้ว สายตาก็ไปปะทะเข้ากับประเวศที่กำลังอุ้มหมาอยู่

“เฮ้ย อะะะะะะ...” ประเวศพูดไม่ทันจบประโยค เจ้ากุ๊กรีบกระโดดเข้าไปปิดปากทันที (แหม แทบปิดไม่มิดแน่ะ ตรงส่วนที่ห้อยน่ะ อุ๊บ ขออภัย)

เจ้ากุ๊กกระซิบกระซาบพอได้ยินกัน 2 คน

“พี่เวศ อย่าเพิ่งมาทักลิสตอนนี้ได้ไหม มีอะไรเดี๋ยวเราไปคุยกันที่วัดโคกสารินตอนเที่ยงนะ อ้อ แล้วอย่าทำเป็นรู้จักลิศตอนนี้ ขอร้องล่ะ”

“อ้าว อลิส ทำไมอ่ะ แล้วนี่เป็นอะไร พันหัวทำไม” ประเวสยังงง

“น่า พี่ อย่าเพิ่งถามไรเลย นะ เดี๋ยวเที่ยงนี้เจอกันที่วัดแล้วกัน” แล้วเจ้ากุ๊กก็เดินไป ปล่อยให้ประเวศงงอยู่คนเดียว เออ เดี๋ยวไปถามที่วัดก็ได้วะ

ข้างฝ่ายปลัดมองเห็นภาพความใกล้ชิดที่ทั้งคู่กระซิบกระซาบกันแล้ว ก็ต้องหรี่ตา นิ่งอึ้งไปอย่างใช้ความคิด...


คืนนี้ที่วัดโคกสารินมีงานวัดครึกครื้น...

แต่มุมๆหนึ่งของป่าช้าข้างเมรุ

ประเวศเดินเมียงๆมองๆ ไปรอบๆ ดูสิ เสียงหมาหอนโหยหอนเชียว บรรยากาศก็เงียบสงัด น่ากลัว เสียงนกแสกร้องแควกๆ

ประเวศสะดุ้ง

"เฮ้ย เสียงนกอะไรฟ่ะ ร้องแควกๆ ร้องน่ากลัวแบบนี้มันน่าจะเป็นนกกลางคืน สายพันธ์อะไรหว่า เอ น่าจะเป็นสายพันธ์จากปากัวนิวกีนีนะ อ๋อ มันคือ นกแสกนั่นเอง"

ประเวศดีดนิ้วเปาะเมื่อคิดออก

"แล้วทำไม อลีสมันต้องนัดมาที่ป่าช้าด้วยว่ะ ที่อื่นมีให้นัดก็ไม่นัด เอ้อ" ประเวศบ่นไป สำรวจสัตว์อื่นที่ผ่านมาในสายตาไปเรื่อยๆ

สักพักหนึ่งก็มีเงาดำๆ เคลื่อนตัวใกล้เข้ามา เข้ามา...

ประเวศตัวเย็นวาบ หลับตานับหนึ่งสองสาม แล้วเหวี่ยงหมัดเข้าเป้าหมายทันที

แต่เป้าหมายนั้นหลบทันหวุดหวิด ประเวสจึงลืมตาขึ้นแล้วก็เห็นว่า นั่นมัน อลิสนี่นา แล้วดูแต่งตัวแปลกๆ ยังกับเด็กผู้ชาย สวมหมวกแก๊บซะด้วย แต่ดูยังไงก็ดูออกอยู่ดีว่าเป็นผู้หญิง

"พี่เวศ มานานหรือยัง" อลิศกระซิบกระซาบ

"แกจะกระซิบทำไม อลิส มีใครอยู่แถวนี้ที่ไหนเล่า เล่นนัดมาป่าช้ายังงี้ คนคงไม่มีหรอก แต่จะมีอย่างอื่นแทน"

"เฮ้ย พี่" อลิสสะดุ้งโหยง "จะพูดทำไม ลิสยิ่งกลัวๆอยู่ โธ่ แค่หมาหอน ลิสก็แย่แล้ว" อลิสพูดพลางนึกไปถึงคืนหมาหอน วันนั้น วันที่...เอ่อ หัวโขกเตียงไง

"แล้ววันนี้นัดเที่ยง ทำไมไม่มา ให้เปรี้ยวมาเลื่อนนัดเนี่ย"

"เฮ้อ ก็วันนี้มีงานสวดภาณยักษ์ ลิสก็นึกว่าจะแวบมาได้มั่งสิ ที่ไหนได้ ตาปลัดเกิดอยากจะกินผัดเผ็ดหมูป่า ลิสต้องห้อไปซื้อมาให้ที่ตลาด กลับมาต้องทำงานบ้านอีก เลยไม่ได้มาตอนกลางวัน ต้องให้เปรี้ยวมาเลื่อนนัดนี่แหละ"

"อ้าว แล้วนี่มาได้แล้วหรอ เออ แล้วเราไปเกี่ยวอะไรกับปลัดล่ะ"

"ฮึ เรื่องมันยาวน่ะ ยาวมาก พี่เวศจะฟังจริงๆหรอ"

"อือ ก็เล่ามาสิ ยาวมากไหมล่ะ ไม่บอกก่อนนี่หว่าว่ายาว จะได้เตรียมที่นอนหมอนมุ้งมานอนรอฟัง"

"แหม พี่ มันก็ไม่ยาวขนาดนั้นหรอก คือว่า"

"อะไรล่ะ" ประเวศเงี่ยหูฟังเต็มที่

"คือ ลิสถูกพ่อจับหมั้นกับคุณสนธยาน่ะ ก็เลยหนีมาปลอมตัวเป็นผู้ชายทำงานบ้านปลัด"

"อ๋อ.............แค่นี้หรอ"

"แค่นี้แหละ" ไหนว่ายาวไงฟ่ะ

"เพราะฉะนั้นนะพี่เวศบอกใครไม่ได้เด็ดขาดว่าเราเรียนมหาลัยเดียวกัน ทางที่ดีเราไม่รู้จักกันเลยดีกว่า โอเคป่าว"

"อือๆ ก็ได้ แล้วจะอยู่อีกนานไหมเนี่ย"

"ก็ อีกพักนึงน่ะพี่ ตอนนี้ได้ข่าวว่าพ่อลิสตามหาทั่วจังหวัดแล้วมั้ง"

"เออ พี่สงสัยอีกอย่างนะ พี่ถามจริงๆเหอะ ปลัดเขาดูไม่ออกหรอว่าแกเป็นผู้หญิงน่ะ"

อลิสอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้

"โฮ่ๆๆ ก็ใช่สิพี่ ปลัดเขานึกว่าลิสเป็นผู้ชาย ปลัดนี่ซื่อบื้อเนอะ จริงๆ อย่างที่เปรี้ยวมันว่าเลย โฮ่ๆๆ"

"เปรี้ยวมันว่าอะไรหรอ"

"โฮ่ๆๆ ก็เปรี้ยวมันบอกว่า ถ้าแต่งตัวอย่างนี้แล้วสวมหมวกแก๊บ ผู้ชายเขาก็มองกันไม่ออกแล้ว จริงๆ ด้วยนะพี่ นี่แสดงว่าพี่เวศนี่ ฉลาดไม่เบาเลยนะ เจ๋งจริงๆๆ โฮ่ๆๆ"

อลิสยกนิ้วโป้งให้ประเวศอย่างนับถือ แต่ประเวศส่ายหน้า พลางนึกในใจ นี่ยังมีผู้ชายในโลกนี้อีกหรือว่ะ ที่ดูไม่ออกน่ะ เฮ้อ

ขณะนั้นเอง... ทั้งสองก็ได้ยินเสียงใบไม้กรอบแกรบจากด้านหลัง อลิสหยุดหัวเราะมองหน้ากับประเวศ ต่างค่อยๆหันไปมอง

นั่น...ใครน่ะ.....ผมขาวโพลน ผอมกระหร่อง ยืนโงนเงนอยู่หน้าเมรุ

นั่นมัน....สัปเหร่อป๋อนี่นา....

สัปเหร่อป๋อหัวเราะแหะๆ ค่อยๆเดินโงนเงนเข้ามาหาทั้งสอง ใครๆในหมู่บ้านก็รู้จักสัปเหร่อป๋อดีทั้งนั้น ไม่ว่าลูกเด็กเล็กแดงหรือคนแก่เฒ่า

ไม่มีใครรู้ว่าตาป๋อนั้นอายุเท่าไหร่กันแน่ เพราะไม่ว่าก่อนหน้านี้สัก 10 ปีหรือต่อจากนี้อีก 10 ปี ตาป๋อก็คงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากนี้

จนเขาลือกันว่า ตาป๋อเป็น...ผีดิบ...

"เอ่อ นั่นคุณเวศนี่ครับ แล้วนั่น" หันมามองอลิส

"อ๋อ ลูกน้องป๊าน่ะ พอดีมันมาวิ่งเล่นแถวนี้ ป๊าให้ผมมาตาม ตาป๋อสบายดีหรอ"

"สบายดีครับ คุณเวศ พ่อคุณของป๋อ มีแต่คุณเวศคนเดียวเท่านั้นที่มีน้ำใจกับผม"สัปเหร่อป๋อน้ำตาคลอเบ้าด้วยความซึ้งใจกับบุรุษหนุ่มผิวคล้ำคนนี้ นอกจากเขาจะมีน้ำใจกับคน สัตว์ สิ่งของแล้วยังมีน้ำใจกับผีดิบอย่างแกด้วย

แล้วตาป๋อทำท่าเงี่ยหูฟังเสียงบางอย่าง

"นั่น กุมารทองเรียกผมแล้ว ผมต้องไปก่อนนะครับ วันหลังผมจะเอารักยมมาฝากคุณเวศ รับรองคุณเวศจะต้องเอ็นดูแน่ๆ"

แล้วสัปเหร่อป๋อก็เดินโงนเงนออกไป

"แหม พี่เวศเนี่ย เป็นที่รักของทุกคนจริงๆ" อลิสว่าพลางโหนกิ่งลั่นทมข้างๆเล่น

"แกน่าสงสารออกนะ ไม่มีใครคบ เขาว่าปากแกไม่ค่อยดีน่ะ" ประเวศหัวเราะแก้เขินที่ถูกชมซึ่งๆหน้า

"โอ้ยยยย"อลิสทำหน้าแหย แต่มือยังโหนกิ่งลั่นทมอยู่

"อ้าว เป็นไร ร้องทำไม ปล่อยมือสิ"

"ลิสปล่อยไม่ได้ แมงมุมมันใต่มือลิส พี่เวศ" อลิสทำท่าจะร้องให้เมื่อแมงมุมตัวหนึ่งกำลังไต่มาที่มือที่โหนกิ่งลั่นทม

"พี่เวศช่วยลิสด้วย" อลิสร้องให้จริงๆ แล้วด้วยความกลัวแมงมุม

ประเวศหันรีหันขวางไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตัดสินใจเข้าไปรับตัวอลิสไว้ แต่เจ้าอลิสมันดิ้น...

ดิ้นไปดิ้นมาก็ล้มลงไปกองทั้งคู่.....

ขณะที่ทั้งสองชุลมุนชุลเกกันอยู่นั้น ไกลออกไปที่พุ่มไม้พุ่มหนึ่ง (พุ่มใหญ่หน่อย เดี๋ยวบังไม่มิด) ปลัดกฤตย์ยืนอยู่ในมุมมืด

เขาเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดเพราะเขาตามเจ้ากุ๊กมาตั้งแต่มันออกจากบ้านแล้ว หนอยมาบอกเขาว่าจะไปเที่ยวงานวัด ดอดมาหาผู้ชายซะได้

เขาสังเกตตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วว่า เจ้ากุ๊กมันดูสนิทสนมกับผู้ชายคนนั้นมาก เสียดายจริงๆที่เราอยู่ไกลเกินไปไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกัน

เฮ้ย....นั่น....เจ้ากุ๊กกับผู้ชายคนนั้น

มันลงไปนอนกอดกันแล้ว......

เฮ้ยยยยยยย....

ทนไม่ไหวแล้วโว้ย......ตาร้อนผ่าวๆ

เราเป็นอะไรไป....ปลัดชะงักพลางคิด...





 

Create Date : 29 ธันวาคม 2548    
Last Update : 5 มีนาคม 2549 8:05:20 น.
Counter : 246 Pageviews.  

มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๕

หลังจากนั้น เจ้ากุ๊กก็แยกย้ายกับประเวศ แล้วเข้าไปเที่ยวงานวัด เดินไป มองหาเจ้าเปรี้ยวไป หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เอ ก็นัดกันที่ร้านสายไหมนี่หว่า แล้วทำไมยังไม่มาอีกวะ กินสายไหมแก้เซ็งไปก่อนแล้วกัน

"เอาสายไหมอันหนึ่ง เอาสีชมพูนะ" เจ้ากุ๊กร้องสั่ง

"ผู้ชายอะไร กินสายไหมสีชมพู" เสียงปลัดดังมาจากด้านหลัง แต่เสียงเหมือนคำรามหน่อยๆ

ธ่อ โกรธใครมาก็มาลงกับเรา เชอะ กลัวที่ไหน ทำเสียงใหญ่เข้าข่มเลย

"โฮ่ๆๆ เปล่าครับ ผมไม่ได้ชอบกินสีชมพู พอดีผมไม่เคยกินก็อยากลองดู"

"งั้น ชั้นขอลองด้วยสิ" ปลัดไม่ว่าเปล่า ยื่นหน้ามากัดสายไหมสีชมพูในมือเจ้ากุ๊ก เจ้ากุ๊กหลบไม่ทัน ก็ปลัดยื่นหน้ามาทำไม มันใกล้สายไหม แล้วก็ใกล้หน้าเจ้ากุ๊กด้วย

เจ้ากุ๊กหน้าแดง แต่แกล้งโวยกลบเกลื่อน

"เฮ้ย ไรเนี่ย คุณปลัด ไม่ลงทุนเลยอ่ะ เป็นถึงปลัดมาแย่งเด็กกินขนมได้ไง อยากกินนักใช่ไหม อยากกินเอาไปเลย ผมเลี้ยงก็แล้วกัน"

ยื่นสายไหมใส่มือปลัด

"ธ่อ สั่งใหม่ก็ได้ฟ่ะ พ่อค้าเอาสีดำปิ๊ดปี๋เลย เอาแมนๆเลย"

ปลัดได้ยินก็หัวเราะขำ ดวงตาเป็นประกายกรุ้มกริ่ม เจ้ากุ๊กสบตาแล้วเบนหลบ รีบเสกัดสายไหมสีดำเข้าปากคำใหญ่ หันไปอีกที เห็นปลัดทำหน้าบึ้ง....

ปลัดเพิ่งนึกได้ว่าเมื่อกี้เจ้ากุ๊กมันไปทำไรมา โกรธมันอยู่นี่หว่า แหม เมื่อกี้เผลอตัวไปหน่อย ดูๆมันมอง มันมองงงๆ

น่ารัก แต่เสียดาย....

แล้วปลัดก็สะบัดหน้าหนีเจ้ากุ๊ก แล้วเดินหนีไป

เจ้ากุ๊กมองตามอย่างงงๆ


ไกลออกไปอีกนิด ที่ร้านข้าวโพดคั่ว ประเวศยืนมองภาพของทั้งสองคนด้วยความสงสัย

ความขี้สงสัยของเขาส่งผลอีกแล้ว...เมื่อกี้ถ้าดูไม่ผิด เขารู้สึกว่าปลัดจะชอบอลิส และอลิสเองก็ดูคล้ายจะชอบปลัด

เฮ้ย อลิส มันชอบปลัดก็ไม่แปลกหรอก แต่ปลัดนี่สิ

ปลัดเขาไม่รู้นี่ว่าอลิสมันเป็นผู้หญิง

หรือว่าปลัดจะเป็น....แอบ

โธ่ ไม่น่าเลยปลัด ดูท่าทางออกจะแมน คงจะฝืนตัวเองน่าดูเลย....



หลังจากปลัดแยกมาจากเจ้ากุ๊กด้วยความเสียดายก็เดินเที่ยวไปเรื่อยๆ

จนมาเจอ....บ้านผีสิง..

เออ น่าสนุกแหะ บ้านผีสิงในงานวัดมันเป็นไงหว่า ลองเข้าไปดูทีสิ

แล้วปลัดก็ซื้อตั๋วเข้าไปในบ้านผีสิง...

ข้างในมีผีรวมมิตร แต่มองไม่ค่อยเห็นก็มันมืดไปหมด ที่เด่นก็โน่น ผีกระสือลอยวูบวาบๆ มาแต่ไกล ผีกระหังมาพร้อมกระด้งในมือ (เฮ้อ ไม่ลงทุนเลย)

อ้าวๆ แล้วนั่นน่ะ ผีอะไรเนี่ย มาด้อมๆมองๆต้นกล้วยของผีตานี จะว่าขอเลขก็ผิดงานไปหน่อย ดูแปลกๆ

ปลัดเดินเข้าไปดูด้วยความสงสัย เดินเข้าไปเรื่อย...

จนใกล้จะถึงคนนั้นแล้ว...

เจ้ากรรม....เท้าดับไปเหยียบเปลือกกล้วยที่พื้น...

แล้วปลัดก็ลื่น...ล้มไปชนกับคนๆนั้นที่กำลังสำรวจต้นกล้วยอยู่...

ผลก็คือ ทั้งสองล้มกลิ้งไปด้วยกัน 2 ตลบ...

และเมื่อปลัดเงยหน้ามาอีกมาอีกที เขาก็พบว่า...

เขากำลังนอนทับไอ้ผู้ชายคนที่กอดกับเจ้ากุ๊กที่ป่าช้านั่นเอง....

ไอ้ผู้ชายคนนั้น ก็คือ ประเวศ ซึ่งตอนนี้เห็นปลัดกำลังมองตัวเองอยู่ในระยะประชิด

ก็ปลัดนอนทับเขาอยู่ ตัวก็ใหญ่ ประเวศจะขาดใจตายอยู่แล้ว

ปลัดรู้ตัวจึงรีบลุกขึ้น ประเวศลุกตามพลางมองปลัดอย่างระแวง นึกในใจ ซวยแล้วสิเรา นี่ปลัดจะเปลี่ยนใจมาชอบเราหรือเปล่าหว่า เล่นจู่โจมซะขนาดนี้ โธ่ ไม่น่าเลย แมนๆอย่างเรา เกือบมีราคีในบ้านผีสิงแล้วไหมล่ะ

ปลัดนี่ไว้ใจไม่ได้ ห่างๆหน่อยดีกว่า

"เอ่อ นั่น ปลัดจะทำไรผม" ประเวศเสียงสั่น

"เอ๊ะ คุณรู้จักผมด้วยหรอครับ" ปลัดตกใจ ไอ้คนนี้มันรู้จักเราด้วย อ้อ เจ้ากุ๊กคงไปเล่าให้มันฟังล่ะสิ

"คุณปลัดคนใหม่ ผมพอจะเดาได้ครับ ผม ประเวศลูกชายคนโตของเสี่ยมายครับ"

"อ๋อ เสี่ยมายผมรู้จักครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมปลัดขิก เอ้ย ปลัดกฤตย์ครับ"

"ครับ แล้วตกลงเมื่อกี้ ปลัดจะทำไรผม" ประเวศยังเสียวไม่หาย

"ผม...เอ่อ...ผม" ปลัดตะกุกตะกัก จะให้บอกได้ไงว่าเหยียบเปลือกกล้วยแล้วลื่นล้ม เสียฟอร์มแย่

"ผม....เอ่อ.....ผม"

ปลัดตะกุกตะกักอย่างนี้ โครตมีพิรุธเลย มาทางข้างหลังด้วยสิ เกือบไปแล้วเรา ประเวศคิดอย่างสยอง

ปลัดยิ้มเจื่อน ตอบไม่ได้ว่าเมื่อกี้ทำไรลงไป ได้แต่ถามแก้เกื้อ

"คุณประเวศไม่เป็นไรใช่ไหมครับ ผมตัวหนักซะด้วย"

"ครับ แค่หายใจไม่ออก ไม่เป็นไรครับ ผม..เอ่อ..ผมไปก่อนนะครับ" ประเวศจะรีบตีชิ่งหนี

แต่ปลัดยังเรียกไว้อีก ก็เขาอยากรู้เรื่องเจ้ากุ๊กนี่

"คือ โทษนะครับ คือเมื่อเช้าผมเห็นคุณประเวศดูเหมือนจะรู้จักเด็กที่บ้านผม เจ้ากุ๊กน่ะครับ"

ประเวศสะดุ้ง เฮ้ย ปลัดสังเกตด้วยหรอวะ ไม่ได้การแล้ว

"เอ่อ ไม่รู้จักเลยครับ พอดีผมจำคนผิดน่ะครับ ไอ้เด็กที่บ้านปลัดมันคงหน้าโหลน่ะครับ ผม...ไปก่อนนะครับ"

แล้วประเวศก็ชิ่งหนีทันที...........

ปลัดมองตามแล้วคิด ดูมัน กอดกันกลมอย่างนั้นยังมาปฏิเสธกันอีก เหอะ เราต้องรู้ให้ได้ว่า 2 คนนี้เกี่ยวข้องกันยังไง แล้วเจ้ากุ๊กเป็นใคร

ปลัดหมายมั่นปั้นมือ...


ที่หน้าบ้านผีสิง ประเวศรีบวิ่งออกมาแล้วนึกกับตัวเอง

แค่จะไปสำรวจต้นกล้วยแค่นี้ทำไมเราซวยจังว่ะ ขวัญกระเจิงยิ่งกว่าเจอผีอีก อย่างนี้ต้อง...

ไปรดน้ำมนต์โลด....



เอ้า....เร่เข้ามา....เร่เข้ามา....

ชิงช้าสวรรค์สนุกๆมาแล้วคร้าบบบบบบบ รอบละบาทเดียว นั่งหลายรอบเสียหลายบาท นั่งครึ่งรอบไม่เสียตังค์แต่ต้องปืนลงมาเองนะคร้าบบบบบบบบบบบบบ

เร่เข้าม้า....เร่เข้ามา...

เจ้าเปรี้ยวกำลังเดินไปร้านสายไหมตามที่นัดกับเจ้ากุ๊กไว้ แต่ยังไม่ทันถึงก็เถลไถลซะแล้ว.....

ก็ชิงช้าสวรรค์มันน่านั่งออกจะตาย นานๆจะมีสักที ไม่ได้มีบ่อยๆนี่หว่า

เจ้าเปรี้ยวเดินเข้าไปไม่รอช้า โอ้โฮ คนเยอะแยะไปหมด เมื่อไหร่จะได้ขึ้นฟ่ะ จะไปชวนอลิสมาขึ้นด้วย มันก็ดันกลัวความสูงซะอีก เราแอบขึ้นก่อนดีกว่า

เปรี้ยวแถเข้าไปหาคนขายตั๋ว

"เพ่ๆ เมื่อไหร่ได้ขึ้นเนี่ย มารอนานแล้วนะ" ความจริงเพิ่งมาเมื่อกี้นี่เอง

" โธ่น้อง ตามคิวดิ มาก่อนได้ก่อน มาหลังได้หลัง นี่น้องมาหลัง จะขึ้นก่อนได้ไง"

ดูท่าคนขายตั๋วจะต้องเป็นคนต่างถิ่นอย่างไม่ต้องสงสัย จึงไม่รู้จักเปรี้ยว แหม หงุดหงิด

"อ้าว พูดงี้ก็สวยสิพี่ นี่พี่ไม่รู้จักใช่ไหมว่าชั้นเป็นใคร นี่ไอ้เปรี้ยวน้องสาวพี่พาสคุมตลาด หมู่บ้านนี้นะ มาเรียกน้อง เนิ้ง เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว"

เจ้าเปรี้ยวถกแขนเสื้อหรา

"เฮ้อ วางอำนาจอีกแล้ว" เสียงเปรยลอยลมมาเบาๆ เจ้าเปรี้ยวหันขวับไปมองทันที ก็ได้เจอโจทย์เก่า....

บุญออบยืนยิ้มยียวนอยู่ข้างหลัง แถมยักคิ้วให้เปรี้ยวซะด้วย แต่เปรี้ยวไม่ขำ

"เมื่อกี้นายว่าใครวางอำนาจ"

" อ้าว ใครพูดเมื่อกี้ล่ะ คนๆนั้นน่าจะรู้ตัวนะ กล้าทำก็กล้ารับสิ หรือว่าแค่นี้ก้ไม่กล้า"

เอ้าพูดอย่างนี้เหมือนท้า

"นี่ๆเป็นใครที่ไหนมาตัดสินคนอื่น นึกว่าใหญ่นักหรอ ก็แค่อบต. สืบทอด ชาวบ้านเขาไม่ได้เลือกมาสักหน่อย ทำเป็นกร่าง"

"อ้าว นี่พาลนี่หว่า" บุญออบว่าขำๆ

เปรี้ยวขยับปากจะตอบโต้ แต่ไม่ทันคนขายตั๋วที่ทะลุกลางปล้องขึ้นมาทันที

"อ้าว เฮ้ย จะทะเลาะกันอีกนานไหม ถ้านานไปทะเลาะกันที่อื่นเลย เห็นไหมคนรอขึ้นชิงช้าสวรรค์ คิวยาวไปถึงต้นก้ามปูแล้ว แล้วคุณผู้ชายคนนี้น่ะ ตกลงจะขึ้นหรือไม่ขึ้น"

คนขายหันมาทางบุญออบ เปรี้ยวจึงเห็นว่าเขายืนถือตั๋วอยู่แล้ว

บุญออบหันมามองหน้าแล้วยักคิ้วให้

"อยากขึ้นมาก ก็มาขึ้นด้วยกัน"

เปรี้ยวลังเล จะให้ขึ้นชิงช้าสวรรค์กับ เอ่อ อีตาอบต.นี่นะ แต่ว่า ถ้าไม่ขึ้น เขาก็ต้องหาว่ากลัวสิ

เปรี้ยวไม่ต้องคิดนาน เพราะผู้ช่วยคิดช่วยกันตะโกนออกมาพร้อมกัน

"เอ้า อีหนู เขาชวนก็ขึ้นๆไปกับเขาเหอะ ไม่ต้องคิดมากหรอก รับรองขึ้นไปแล้วสนุกนะ"

เอ ฟังดูแปลกๆนะ เปรี้ยวหันไปมองกลุ่มคนที่ต่อแถวอยู่ก็เห็นเชียร์ให้ขึ้นกันใหญ่ ก็ถ้าเปรี้ยวไม่ขึ้น คนอื่นจะขึ้นได้ไงเล่า

เอาก็เอา ขึ้นไปนั่งแปบเดียว คงไม่ตายหรอกมั้ง

เปรี้ยวก้าวขึ้นชิงช้าสวรรค์ท่ามกลางเสียงเชียร์และโล่งอกของคนรอบข้าง..อะไรจะขนาดนั้น

ชิงช้าสูงขึ้นๆ.....

ใจเปรี้ยวก็เต้นแรงขึ้นๆ....

ไอ้ชิงช้าสวรรค์บ้า...ทำไมมันแคบอย่างนี้นะ ตัวเราก็เล็ก คนที่นั่งตรงข้ามก็เล็ก...

แต่ทำไม...นั่งแล้วหัวเข่าชนกันซะอย่างนั้น..

บุญออบมองหน้าเล็กๆ คางเล็กๆ กับดั้งสโลบเล็กๆแล้วเคลิ้ม...

เป็นไรไปเนี่ยเรา....ยายคนนี้นี่ดุอย่างกับเสือเลยนะ

แต่ว่า....ทำไมไม่อยากหนีไม่รู้

ดูๆทำเป็นมองโน่นมองนี่ ไม่ยอมมองเราแฮะ

"ตาเหล่หรอเราน่ะ" เสียงบุญออบดังขึ้นเบาๆ แต่เจ้าเปรี้ยวดันได้ยิน หันขวับมาทำตาเขียว

"จะบ้าหรอ ไม่ได้เหล่สักหน่อย"

"อ้าว ไม่รู้นิ เห็นไม่ยอมมองตรงๆ มองข้างๆตลอด"

"ไม่มองตรง เพราะไม่อยากมอง ไม่มีอะไรให้มอง"

"ก็คนนั่งอยู่ตรงนี้ทั้ัั้งคน ทำไมไม่มอง สงสัยไม่กล้า"

เท่านั้นแหละ ได้เรื่อง เจ้าเปรี้ยวตาเขียวอีกแล้ว

"มาเล่นจ้องตากันดีกว่า ใครหลบตาก่อนแพ้ เอาไหม"

"บ้า เล่นอะไรยังกับเ็้ด็กๆ"

บุญออบคิด ก็คนพูดน่ะ ไม่ได้ดูเป็นผู้ใหญ่ตรงไหนเลย เฮ้อ แต่บุญออบก็มีไม้เด็ด

"ไม่กล้าล่ะสิ"

เท่านี้ก็เรียบร้อย เปรี้ยวตอบตกลงทันที

"คนชนะจะขออะไรจากคนแพ้ก็ได้ ตกลงไหม"

"นึกว่าจะกลัวหรอ ตกลงเลย"

แล้วทั้งสองก็จ้องตากัน......

เป็นเรื่องน่าแปลก ใช้ตาจ้องอย่างเดียว แต่อวัยวะอื่นกลับไม่ทำงานซะงั้น

เช่น หูไม่ได้ยินเสียง มือไม้ก็ไม่มีแรง.....

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังตกอยู่ในภวังค์์ืแห่งความเพลินอยู่นั้นเอง.....

ก็มีเสียงหนึ่งดังแหวกอากาศขึ้นมา.....

"เฮ้ย ชิงช้าค้างเว้ยเฮ้ย"....

ทั้งสองคนสะดุ้ง....

ชิงช้าหมุนวนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดพอดี แล้วก็ค้างเติ่งอยู่อย่างนั้นเอง....

"ชิงช้าค้าง" ทั้งสองพูดพร้อมกัน..

และรู้สึกตัวพร้อมกัน...

แล้วก็ยังละสายตาพร้อมกันอีกด้วยแน่ะ...

บุญออบมองหน้าเปรี้ยวแล้วยิ้ม....

"เอาเป็นว่า ยกนี้ เราเสมอก็แล้วกันนะ" พูดแล้วก็ยิ้มหวานใส่ตาเปรี้ยว

เปรี้ยวเขิน จึงโวยเก็บอาการ

"แหงอยู่แล้ว ถ้าช้าอีกนิดเดียว เราชนะไปแล้ว"

บุญออบยิ้มไม่พูดอะไร ยอม อ่ะ ยอม

แล้วบุญออบก็ร้องขึ้นมา "ดูนั่น...ดาวตก"

มีดวงดาวดวงหนึ่งตกมาจากท้องฟ้า ใกล้ๆกับชิงช้าสวรรค์มากจนเห็นเป็นแสงสว่างวาบ......

บุญออบหันมาบอกเปรี้ยว

"เอ้า อธิษฐานสิ"

เปรี้ยวงง "อธิษฐานทำไม"

"ก็เวลาดาวตกเขาให้อธิษฐาน แล้วสิ่งที่ขอจะสมหวัง"

เปรี้ยวขำ "นี่เชื่อด้วยหรอเนี่ย เชื่ออะไรเป็นเด็กๆไปได้"

"เอ้า ไม่เชื่อก็ตามใจ เขาเอาของดีมาบอก ไม่รับก็ช่วยไม่ได้" บุญออบว่าพลางประสานมือแล้วหลับตา

เปรี้ยวมองบุญออบแล้วค่อยๆๆประสานมือ หลับตาตาม แหม ทำมั่งดีกว่า เดี่ยวพลาดของดี เดี๋ยวเรารีบลืมตาก่อน อีตาอบตไม่รู้หรอกว่าเราทำตาม...

"หลับตาแล้วอธิษฐานนะ" นั่น เสียงบุญออบบอกมาเบาๆ แน่ะ รู้ได้ไงว่าเราทำตาม ตาบ้านี่

ช่างเหอะ อธิษฐานดีกว่า เอ จะอธิษฐานว่าไรดีนะ อ้อ ขอให้คนที่เปรี้ยวรักทุกคนมีความสุข...

แล้วเปรี้ยวก็รีบลืมตาขึ้นมาทันที เห็นบุญออบยังนั่งหลับตาอยู่สักครู่ก็ลืมขึ้นมายิ้มให้

บอกเบา "แหม มีความสุขจังเลย"

เปรี้ยวเมินไป........

"เมื่อกี้อธิษฐานว่าไร" บุญออบถามยิ้มๆ

"ไม่บอก"

"งั้นอยากรู้ของผมไหม"

"ไม่อยาก"

บุญออบทำหน้าเสียดาย "ก็อยากบอกอ่ะ ไม่ฟังก็ทำหูทวนลมไปแล้วกัน เมื่อกี้ผมอธิษฐานว่า.....

ว่า...ขอให้ลืมตาขึ้นมาแล้วเจอเนื้อคู่อยู่ตรงหน้า..." ฮิ้วววววววววววว




 

Create Date : 29 ธันวาคม 2548    
Last Update : 5 มีนาคม 2549 8:09:13 น.
Counter : 219 Pageviews.  

มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๖

บาร์รำวง...

ชิ่งๆโป้งๆชิ่งๆ....ชิ่งๆโป้งๆชิ่ง...ปะโล้งปะโล้งปะโล้งโป้งชิ่ง.....

อายุสิบห้าได้มาเป็นสาวรำวง......มาใส่กระโปรงวับๆแวมๆ....

แสงสีตระการตา เชิญเร่เข้ามาที่....บาร์รำวง....

เอ้า รอบละบาทๆๆๆๆ เต้นหลายรอบ เสียหลายบาท เต้นแล้วไม่จ่ายจะโดนหลายบาทคร้าบ...

มาแล้วๆพี่ผู้ใหญ่รูปหล่อ แต่งตัวเท่เป็นช่างฟิต สวมหมวกคาวบอย โอ้ว เห็นแล้วเคลิ้ม....

นั่น พยาบาลพัดชาสลัดคราบชุดพยาบาลแต่งตัวสวยเดินมาใกล้ๆ ผู้ใหญ่หันมาเห็นก็ยิ้มหวาน

"อ้าว พัดมาด้วยหรือครับ แหม วันนี้แต่งตัวสวยจัง"

พยาบาลพัดชาตัวบิดไปหนึ่งรอบด้วยความเขิน

"แหม พี่ผู้ใหญ่นี่ บ้าจัง มาชมกันซึ่งๆหน้าเลย"

ว่าแล้วก็ยื่นถุงคุ๊กกี้ถุงใหญ่ให้

"นี่คุ๊กกี้ ร้านแม่เนิกค่ะ เขามาเปิดขายที่หน้าศาลาวัดนี่เอง พัดซื้อมาฝากพี่ผู้ใหญ่ ของเค้าดีจริงๆนะคะ"

ผู้ใหญ่รับถุงคุกกี้มาเปิด แล้วหยิบมากินอันหนึ่ง แล้วก็ค่อยๆเคี้ยว หลับตาพริ้ม.....

"อืม...ไม่ได้กินคุกกี้อร่อยๆๆอย่างนี้มานานแล้ว...ของเค้าดีจริงๆด้วยครับ"

ว่าแล้วก็หยิบขึ้นมาอีกหนึ่งชิ้น ยื่นให้

"พัดลองสิครับ ของเค้าดีจริงๆ"

พยาบาลพัดชาจะเอื้อมมือหยิบ แต่ผู้ใหญ่กลับป้อนให้ พยาบาลพัดชากินอย่างอายๆ แต่ไม่วายบอกว่า

"อร่อยค่ะ" อุ้ย เขิน ทำเป็นเสมองไปบนเวทีรำวง เห็นนักร้องร้องเพลงแล้วก็นิ่วหน้า

"ทำไม เขาร้องเพี้ยนโน๊ตอย่างนั้นล่ะคะ ดูสิ เข้าจังหวะผิดด้วย แล้วเสียงเฮดโทนก็ไม่ได้เรื่องเลย"

ผู้ใหญ่มองตาม "จริงด้วยสิ พี่ว่าพัดร้องเพราะกว่านี้ตั้งเยอะนะ"

"แหม พี่ผู้ใหญ่ก็"

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่จัดการเอง"

ว่าแล้ว ผู้ใหญ่ก็กระโดดขึ้นไปบนเวทีรำวง เข้าไปหาหัวหน้าวง กระซิบกระซาบอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินมาหาพัดชา

"พัดขึ้นไปร้องเพลงแทนนักร้องคนนั้นได้เลย พี่เจรจาเรียบร้อยแล้ว คนเขาจะได้รู้กันสักทีว่า ร้องเพลงเพราะน่ะ เขาร้องกันยังไง"

พยาบาลพัดชาเขิน "จะดีหรือคะ พัดจะไปทำให้วงเขาเสียหรือเปล่า"

"เสียได้ไงล่ะครับ รับรอง วงเขาจะดีขึ้นทันตาเห็นเลย เชื่อพี่เถอะ"

พยาบาลพัดชามองตาหวานของผู้ใหญ่แล้วใจอ่อน ขึ้นเวทีไปร้องเพลงด้วยเสียงโซปราโน่ แรกๆ คนเต้นงงจังหวะเล็กน้อย แต่เมื่อได้ฟังเสียงอันทรงพลังของพยาบาลพัดชาแล้ว ก็ค่อยๆปรับการเต้นจนเข้าได้ในที่สุด.....

ผู้ใหญ่เดินลงจากเวทีมาคอยให้กำลังใจอยู่ข้าง มองคนร้องไป ยิ้มหวานไป

สักพักก็ได้ยินเสียงห้าวๆดังมาจากด้านหลัง

"อร่อยไหม คุ๊กกี้อ่ะ" ผู้ใหญ่หันไปก็เห็นประพาสยืนทำหน้ากวนอยู่ข้างหลัง

ผู้ใหญ่ยิ้มแล้วยื่นให้

"อร่อยสิ ก็ของเค้าดีจริงๆนี่....เอ้า ลองไหม"

"ของเค้าเอามาให้พี่ผู้ใหญ่ ไม่ได้ให้พาส ก็เก็บไว้กินคนเดียวเหอะ"

ประพาสทำหน้าอะไรไม่รู้ แต่รู้ว่าไม่ใช่ค้อนแน่ ประพาสค้อนไม่เป็นพอๆ กับเปรี้ยว พอกันทั้งสองพี่น้อง

ผู้ใหญ่หัวเราะ หึๆ หยิบคุกกี้ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง

"เอ้า กินไปเหอะ ไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอก หรือว่าจะต้องให้ป้อน"

"เหอะ ป้อนคนอื่นแล้ว ไม่ต้องมาป้อนพาส" ประพาสปัดมือ

ผู้ใหญ่เห็นแล้วหมั่นเขี้ยวจับคุกกี้ทั้งอันยัดปากประพาสเลย

"ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า" ยังมีแก่ใจหัวเราะเยาะอีก พี่ผู้ใหญ่

ประพาสกลืนคุ๊กกี้คำใหญ่ที่ผู้ใหญ่จับยัดปากเมื่อกี้อย่างลำบาก ก่อนจะชี้หน้า

"ไอ้พี่ผู้ใหญ่บ้า เดี๋ยวเหอะ" ได้แต่ชี้นิ้ว แต่ไม่รู้จะทำไง หนอย....

"เอ้า ไปเช็ดปาก ไป โตจนป่านนี้แล้วกินของเลอะปากได้ไง เสียชื่อนักเลงคุมตลาดหมด"

ผู้ใหญ่ว่าแล้วหัวเราะลงลูกคอเอิ้กอ้าก ก่อนจะหันไปมองพยาบาลพัดชาร้องเพลงต่อไป.....



แล่นแตร....แล่นแตร....แล้ แล้ แลแล แล่นแตร.....

ฮู้ เย้....

เสียงเป่าแคนของนักดนตรีเปิดหมวกลอยลมมาจากมุมๆหนึ่งของงานวัด

นั่นปฎลกำลังเก่าแคนไพเราะเพราะพริ้งสลับเสียงกีต้าร์กับโอริโอ๋ ท่าทางทั้งคู่ดูมีความสุขมากทีเดียว.......

มีคนล้อมฟังอยู่กลุ่มหนึ่ง ต่างคนต่างวางเงินใส่ในกระเป๋ากีต้าร์ของโอริโอ๋

เมื่อเพลงจบ ทุกคนปรบมือๆ ปฎลและโอริโอ๋ยิ้มกว้าง

"แทงกิ้วค๊า"

"ขอบคุณมากครับ นั่นน้องริน กับน้องอิ่ม ขอบคุณนะครับที่มาฟังพี่"

ยิ้มหวานเมื่อหันไปเห็นแม่รินแม่ค้าปลาทูกับแม่อิ่มแม่ค้าปลาเค็ม

ทั้งสองยิ้มให้พร้อมกัน ก่อนจะหันมาเขม่นกันเอง

"แหม แม่ริน ตามมาฟังพ่อดลเป่าแคนถึงนี่เชียวนะ แต่ดูสิ ไม่ค่อยลงทุนเลย เอาปลาทูมาฝากเขาอีกแล้ว" แม่อิ่มพูดแล้วมองไปที่ปลาทู 2 ตัวในเข่ง วางนิ่งอยู่ในกระเป๋ากีต้าร์

"เชอะ แล้วหล่อนล่ะ เอาปลาเค็มมาฝากพ่อดลนี่นะ ลงทุนแย่เลย เหม็นเปล่าๆ" ตาชำเลืองมองปลาเค็มสองตัวที่วางอยู่ข้างๆปลาทู

"อ้าว พูดอย่างนี้ก็สวยสิ"

ทั้งสองตั้งท่าตะลุมบอนกัน แต่ก็มีคนมาห้ามไว้ซะก่อน ประเวศนั่นเอง เขารีบมาปกป้องชาวโลกอีกแล้ว นี่ถ้าใครบอกว่าเขาเป็นไอ้แมงมุมปลอมตัวมา ก็น่าจะเชื่อได้

"เดี๋ยวครับๆอย่าเพิ่งทะเลาะกัน นี่งานวัดครับ น้องๆ ทะเลาะไปเดี๋ยวไม่ได้บุญไม่รู้ด้วยนะ"

หันไปทางปฎลและโอริโอ๋ พยักหน้าให้เริ่มเพลงต่อไป

"เอ้า น้องๆมาฟังดลเขาเป่าแคนต่อดีกว่า เดี๋ยวดลเขาจะเป่าแคนเพลง แอบรักแม่ค้า จะขายอะไรก็ไปต่อกันเองแล้วกันนะครับ"

แล้วปฎลก็เริ่มบรรเลงเพลงต่อโดยมีโอริโอ๋ขับขานเพลงคลอ ทั้งสองสบตากันเป็นระยะๆ โลกนี้มีแต่เราสองคน ทิ้งแม่ค้าปลาทั้งสองยืนเขม่นกันไปซะงั้น....


ประเวศเดินเล่นมาเรื่อยๆ ตาก็มองระแวงๆไปด้วย ก็กลัวปลัดจะโผล่มาอีก เมื่อกี้เขายังเสียวไม่หาย นี่ขนาดไปรดน้ำมนต์มาแล้วนะ

ประเวศคิดยังไม่ทันจบ ก็เดินมาเจอกับประพาสที่ทำหน้าบูดอยู่

"อ้าว พาสเป็นไรอ่ะ ทำหน้าบูดเชียว"

ประพาสตอบเมินๆ

"ไม่รู้ว่ะ หมั่นใส้คน"

"ใครอ่ะ"

"เปล่าๆไม่มีไรหรอก ว่าแต่คุณเวศมาคนเดียวหรอ"

"อือๆ มาคนเดียว ป๊าไม่ได้มาด้วย ส่วนดลเขาก็มากับโอริโอ๋ เล่นดนตรีเปิดหมวกอยู่นั่นไง"

"งั้น ไปเล่นยิงปืนกันไหม คุณเวศ แก้เซ็ง"

"เออ ดีเหมือนกัน เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน" ขึ้นชื่อว่าประเวศแล้ว เขารักและห่วงใยชาวโลกเสมอ ใครขอให้ทำอะไร เขาไม่เคยขัด

ทั้งสองจึงเดินกันมาที่ร้านยิงปืน

"เอ้า เร่เข้าม้า เร่เข้ามา ยิงปืนแลกตุ๊กตาคร้าบบบบบบ"

"เฮ้ย นั่น" ประพาสตาลุกวาว เมื่อเห็นตุ๊กตาโดเรมอนตัวใหญ่

"อะไรหรอ พาส"

"โดเรมอน คุณเวศ พาสอยากได้อ่ะ เดี๋ยวจะยิงให้ได้เลย"

ประพาสหมายมั่นปั้นมือ ซื้อลูกกระสุนมาเพียบ แล้วตั้งหน้าตั้งตายิง เจ้ากรรม ยิงเท่าไหร่ก็ไม่ถูกโดเรมอนสักที

"เอ้า เอ้อ ทำไมไม่ถูกซะที"พาสบ่นเซ็ง ประเวสจึงหยิบมายิงดูบ้าง

เปรี้ยงเดียว ก็ถูกโดเรมอนทันที ประพาสมองด้วยความตกตะลึงปนทึ่ง

คุณเวศนี่....เจ๋งเหมือนกันนี่หว่า

ประเวศยิงโดเรมอนมาได้แล้วก็เอามายื่นให้ประพาส

"อ๊ะ ให้"

ประพาสรับโดเรมอนมากอดอย่างถูกใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่นึกขึ้นได้ว่า บุญคุณต้องทดแทน (เอามาจากที่ดีเจภูธรเขาเปิดหนังกำลังภายใน)

"คุณเวศ อยากได้อะไรอ่ะ เดี๋ยวพาสยิงให้มั่ง แลกกันไง"

ประเวศมองไปรอบๆแล้วก็ส่ายหน้า

"คงไม่ล่ะพาส เก็บของใว้ให้เด็กคนอื่นๆเถอะ เดี๋ยวเขามาเล่นแล้วจะไม่มีของให้เขา"

โถๆ พ่อเวศคนดี

"ไม่ได้ คุณเวศ บุณคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ เอาน่า เดี๋ยวจัดให้"

ประพาสไม่ยอม หยิบกระสุนมาใส่ เล็งไปที่เป้าหมาย ไหนหว่า.....

พอดีกับที่พลุจุดดัง....เปรี้ยง...

ประพาสตกใจหันไปทางเสียงพลุ เจ้ากรรมดันปล่อยกระสุนออกไปทางนั้นพอดี....

"โอ้ย........"

โดนคนด้วย ประพาสรีบวิ่งไปดูทันที

อ้าว นั่นคนที่ยืนกุมหัวอยู่นั่น...พยาบาลพัดชานี่นา...

ประพาสรีบเข้าไปดูอาการพยาบาลพัดชาทันที

พยาบาลพัดชาท่าทางจะเจ็บปวดไม่น้อย ทำท่าทุรนทุราย ปากก็ร้อง

"โฮกฮาก....โฮกฮาก"

ประพาสยืนทำอะไรไม่ถูก หันไปสั่งประเวศที่วิ่งตามมา

"คุณเวศ ไปตามหมอมาที" สั่งไปแล้วก็นึกได้ ก็พยาบาลอยู่นี่ทั้งคนนี่หว่า...

แต่ประเวศไปแล้ว เขาพร้อมแล้วที่จะช่วยเหลือชาวโลกอีกครา.....แม้จะไม่รู้ว่า...หมออยู่ที่ใด.....

ประเวศถลาไปด้วยความเร็วสูง ฮ่า ฮ่า อนาคตชาวโลกอยู่ในมือเขา สุขใจจริงๆ ในการปฏิบัติภารกิจ....

แต่ประเวศท่าจะสุขใจมากไปหน่อยเลยลืมมองข้างทาง นั่นๆจนได้....

ไปชนกับตาหลักคนขายล็อตตารี่เข้าจนได้...

ตาหลักล้มลุกคลุกคลาน ล้มไปทั้งคนและแผงล็อตตารี่ก็แกแก่แล้วนี่ ไปชนแกอย่างนั้นน่ะ

ประเวศตกใจ ลงไปช่วยพยุงตาหลักขึ้นมา...

"อ้าว ตาหลัก ผมขอโทษ ไม่ทันมอง เป็นอะไรมากไหมครับ"

ตาหลักน้ำตาคลอเบ้า "โถ คุณเวศของหลัก ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ผมแก่แล้ว กระดูกกระเดี้ยวมันไม่ค่อยดีอย่างนี้เอง"

ตาหลักพูดแล้วล้มแผละลงไปอีก ประเวศรีบเขาไปหิ้วปีกตาหลักทันที เขาไม่รอช้าที่จะช่วยเหลือชาวโลกอยู่แล้ว

"มานี่ดีกว่า ตาหลักเดี๋ยวผมพยุงไปที่แผงขายนะ เดินเองกว่าจะถึงก็อีกนานแหละ"

ประเวศหิ้วปีกตาหลักไป ทำให้ความเร็วในการไปตามหมอของเขาลดลง

หิ้วปีกตาหลักมาได้สักครู่ ก็มาเจอสับเหร่อป๋อเข้าอีก

ตาป๋อถลาเข้าไปหาทันที.....

"คุณเวศ มีอะไรหรือเปล่าครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ"

"คือ ผมมาตามหมอครับ"

"อ้าว งั้นก็ไปกันเลยสิครับ" ตาป่อเข้าใจผิด ว่าประเวศมาหาแก ก็บอกมาตามหมอ ก็แกก็เป็นหมอผีอยู่นี่ แกพร้อมจะช่วยคุณเวศของแกอยู่แล้ว

ประเวศลืมนึกไป ว่าตาป๋อเป็นหมอผี เห็นมาอาสาก็ดีใจจะได้ไปช่วยคนเจ็บเร็วๆ รีบเข้าไปหิ้วปีกตาป๋ออีกคนหนึ่ง

คนผ่านไปผ่านมาจึงได้เห็นว่าประเวศหิ้วปีกตาหลักข้างหนึ่ง ตาป๋อข้างหนึ่ง พากันวิ่งทุลักทุเลไป พะรุงพะรังเชียว

คนหนึ่งก็แผงล็อตตารี่ร่อนอีกคนก็ย่ามปลิว....

โถ พ่อประเวศ ถึงแม้จะมีจิตใจดี แต่งานนี้เห็นจะพึ่งไม่ได้แล้ว....


ข้างฝ่ายประพาสและพยาบาลพัดชา.....

"คุณพยาบาล เป็นอะไรมากหรือเปล่า เจ็บตรงไหน" ประพาสถามด้วยความห่วงใย

"พี่พาสเรียกพัดเฉยๆก็ได้ค่ะ ไม่ต้องคุณหรอก เราก็เล่นกันมาแต่เด็กๆ"

พัดชาหยุดทุรนทุรายแล้ว ความจริงปืนอัดลมก็ไม่ได้เจ็บเท่าไหร่ เมื่อกี้ทุรนทุรายเพราะถุงคุ๊กกี้ที่ถือมาตกพื้นต่างหาก

"ก็พัดไปเรียนในเมือง เป็นถึงพยาบาล พี่เป็นแค่คนคุมตลาด..."

ประพาสว่าแล้วเงียบไป

"โธ่ พี่พาส พี่พาสน่ะจบพลศึกษามาเหมือนกันนะ ทำไมพูดยังกับเราห่างกันอย่างนี้ละ"

พัดชายิ้มให้ ประพาสจึงยิ้มตอบ พลางก้มลงมองหน้าผากพัดชาที่โดนกระสุนยาง

"ไหน มาให้พี่ดูสิ เจ็บตรงไหน"

"ตรงนี้คะ" พัดชาชี้ที่แผลเป็นรอยแดงๆหน่อยเดียว

"เอ้า เป่าให้แล้ว เพี้ยง หายนะ" ประพาสเป่าหน้าผากเบาๆแล้วก็ว่า

"เออ พี่ลืมไป พัดเป็นพยาบาลนี่นา เอามะพร้าวห้าวมาขายสวนซะแล้ว"

พัดชาเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วว่ายิ้มๆ

"แต่พยาบาลรักษาตัวเองไม่ได้นี่คะ เหมือนคนมีผงเข้าตาน่ะแหละ เขี่ยให้ตัวเองไม่ออกหรอก"

ประพาสยิ้ม "อือ จริงด้วยสิ แล้วพัดหายเจ็บหรือยัง"

"หายแล้วค่ะ...แต่...." ตอบแล้วตามองไปที่ถุงคุ๊กกี้ที่ตกอยู่ที่พื้น

ประพาสมองตามสายตาไปก็เข้าใจ หยิบขึ้นมาปัดฝุ่นแล้วยื่นให้

"ยังไม่ได้แกะ ไม่เปื้อนหรอก"

พัดชารับมาแล้วยื่นให้พี่ประพาสต่อ (แล้วเมื่อกี้รับมาทำไมฟ่ะ)

"พัดให้พี่พาส คุ๊กกี้ของแม่เนิกร้านหน้าศาลา ของเค้าดีจริงๆค่ะ"

"จะดีหรอ พัดก็ชอบนี่"

"ของที่เราชอบก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้กับตัวคนเดียวนี่พี่พาส พัดไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวสักหน่อย แค่คุ๊กกี้แค่นี้ แบ่งกันกินก็ได้"

แล้วประพาสก็แกะถุงคุ๊กกี้หยิบมาแบ่งให้พัดชา ทั้งสองแบ่งคุ๊กกี้กันกินอย่างเอร็ดอร่อย

สักครู่ประพาสก็เอ่ยขึ้น

"เห็นพัดเอาคุกกี้ไปให้พี่ผู้ใหญ่ รายนั้นน่ะ ชมแล้วชมอีก ว่าของเค้าดีจริงๆ"

"พี่ผู้ใหญ่ใจดีกับพัดนี่คะ จะว่าไป ก็ใจดีกับทุกคน นี่ถ้าใครได้พี่ผู้ใหญ่ไปเป็นแฟนละก็ โชคดีตายเลย พี่พาสว่าไหม"

หันไปมองตาประพาส

ประพาสเคี้ยวคุ๊กกี้กลืนลงคอแล้วว่า

"อืม ว่าสิ"



สักพัก...ประเวสก็หิ้วปีกตาหลักกับตาป๋อชุลมุนชุลเกเข้ามา เฮ้อ กว่าจะถึง ประพาสกับพัดชาก็กินคุ๊กกี้หมดถุงพากันเดินไปที่อื่นแล้ว

ไปไหนกันหมดเนี่ย....ประเวศรำพึง...อ้าว.....นี่เราอุตส่าห์พาหมอ(ผี) มา ทำไมทำกับเวศได้....ฮึ....



...บาทเดียวดูเพลินอะไรไม่เกินเมียงู....ลูบได้คลำได้ ....เอ้า ลูบได้คลำได้.....เอ้า ลูบได้คลำได้....เอ้า ลูบได้คลำได้.....แต่อย่าเอาไม้แหย่รู............

“เอ้า เร่เข้าม้า เร่เข้ามา บาทเดียวคร้าบ บาทเดียว ดูเพลินๆๆ ดูชิวๆ จะดูเล่น ดูจริง ดูได้หมด เมียงูมาแล้วคร้าบบบบบ"

นั่นๆซุ้มเมียงูตรงโน้น คนท่าจะเยอะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หนึ่งในนั้น จะมี อบต. บุญปลั่งรวมอยู่ด้วย

งานนี้ อบต. บุญปลั่งแกอาบน้ำแต่งตัวแต่หัววัน ยอมทิ้งเกริลลี่ เบอร์รี่ ที่แกต้องต้องดูทุกคืนมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ..

แกมาถึงแล้ว...และนี่คือ....ซุ้มเมียงู...

ตีตั๋วเร็วๆ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า อบต.นึกบอกคนตีตั๋วในใจ แต่ก็ไม่ได้อย่างใจ ก็คนรอคิวเยอะเหลือเกินนี่นา กว่าจะถึงคิวแก

นั่นประไร ยังไม่ถึงคิวแกเลย....

ก็มีเสียงหนึ่งดังแหวกอากาศ (อีกแล้ว)มาซะก่อน...

“ต้ายๆๆๆๆตายๆๆๆๆ นั่นอบต. บุญปลั่งใช่ไหมเนี่ย”

เสร็จกันๆ เจอใครไม่เจอ ดันมาเจอเจ๊เป็ดเข้าจนได้ แหม หลบไม่ทันแล้ววุ้ย

อบต. บุญปลั่งทำเป็นเนียนเดินออกมาจากแถว (ทั้งๆที่เสียดายโครตๆ อีกคนเดียวก็จะถึงแล้ว)

เจ๊เป้ดแกมากับคุณหนูลูกตาล ซึ่งกำลังยืนมองโน่นนี่ด้วยความตื่นตาตื่นใจ วันนี้มาในชุดชมพูทั้งชุด ปล่อยผมยาวสลวย เมื่อเห็นอบต. บุญปลั่งก็ยกมือไหว้ด้วย 2 รอบด้วยความเคยชิน เล่นเอาอบต.รับไหว้แทบไม่ทัน

“ อ้าว เจ๊เป็ดมาเก็บแชร์หรอครับ”

“แหม อบต.ก็ เก็บเกิบอะไรล่ะคะ เป็ดไม่ได้งกขนาดนั้นซะหน่อย วันนี้พาหนูลูกตาลเขามาเที่ยวงานวัดนะค่ะ ตั้งแต่ไปซัมเมอร์ที่นิวซีแลนด์กลับมา หนูลูกตาลแกยังไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย”

“แล้ว..เอ่อ..น้องหมวยนกไม่มาด้วยหรือครับ” อบต. กระลิ้มกระเหลี่ย ทำเอาเจ๊เป็ดค้อนควับ

“แหม ไม่มาได้ไงละคะ รายนั้นน่ะ เตรียมตัวตั้งแต่เย็นแล้ว ป่านนี้มิไปอยู่เวทีรำวงแล้วหรอ แหม น้องสาวคนนี้นี่จริงๆเลย ไม่เรียบร้อยเป็นกุลสตรีอย่างพี่บ้างเลยนะคะ” อ้าว ชมตัวเองซะงั้น

เจ๊เป็ดเม้าท์อย่างเมามัน ตรงข้ามกับ อบต. บุญปลั่งที่กระสับกระส่าย เมื่อไหร่จะไปสักทีวะ

“ แล้วนี่ อบต. มาทำอะไรตรงนี้คะ หรือว่า จะมาดู..เมียงู”

“ใช่ครับ เอ้ย” นั่นไงเล่า คนมันคิดอะไรในใจอยู่ ดันพูดออกมา “ไม่ใช่ครับ พอดีผ่านมาเฉยๆ”

เจ๊เป็ดหัวเราะมีเลศนัย “แหม ผ่านมาซะใกล้เชียวนะคะ อบต. เดินขยับอีกนิดเดียวเนี่ยก็เข้าประตูได้แล้วนะคะ”

“ครับ ก็อีกแค่คนเดียวก็จะเข้าได้แล้ว อุ๊บ” เอาอีกแล้ว อย่าพูดอย่างที่คิดสิ อบต. “ไม่ใช่ครับ คือ ผมไปดูลาดเลาเผื่อจะมีพวกอันธพาลมาป่วนน่ะครับ” เออ แก้ตัวไปได้นะ

“ก็ไอ้บัตรก็ถูกจับตัวได้แล้วนี่คะ คงไม่มีอันธพาลคนไหนมาแถวนี้อีกหรอกคะ แหม ตรงโน้น โฆษกดุ๊กประกาศว่าจะมีพระมารดน้ำมนต์ เราไปรับน้ำมนต์กันไหมคะ อบต. “

อ้าว ซะงั้น แทนที่จะไปไม่ไปเปล่า ดันมาชวนเราไปรดน้ำมนต์อีก

“เอ่อ....คือ.....”

“ยังไงค่ะ อบต. หรือว่า อยากเข้าเมียงู”

“อยากมากครับ เอ้ย” เอ้า เอาเข้าไป “ไม่อยากครับ ผมไปกับเจ๊เป้ดก็ได้ครับ”

เซ็งจริงๆเลยเรา อบต.บุญปลั่งบ่นพึมขณะเดินตามเจ๊เป้ดไปรดน้ำมนต์....


เดินไปได้สักพัก คุณหนูลูกตาลก็สะกิดเจ๊เป้ด

“หม่ามี้ๆ” พร้อมกับยกมือไหว้อีกครั้ง

“อะไรคะลูก”

“นั่นอะไรคะ” ชี้มือไปที่ซุ้มสาวน้อยตกน้ำ แหม น่าสนุกจัง

“อ๋อ นั่น สาวน้อยตกน้ำค่ะ”

คุณหนูลูกตาลเอียงคอ ผมเผ้าปิดหน้าตาไปหมด ร้องว่า

“เอ๋” เอียงคอมากขึ้นอีก “สาวน้อยตกน้ำ หรอคะ แหม แปลกดี ที่โอ็คแลนด์ไม่มีแบบนี้”

หันไปมองอย่างสนใจมากขึ้น “ลูกตาลขอไปดูได้ไหมคะ”

“อ้าว แล้วหนูจะไปยังไง ไม่ไปรดน้ำมนต์หรอ”

“ลูกตาลไปได้ โธ่ หม่ามี้ลูกตาลไปเรียนซัมเมอร์มาคนเดียวนะ ทำยังกับเป็นเด็กไปได้ เนี่ย วันนี้ก็อีก ให้ลูกตาลใส่สีชมพูอีกแล้ว ก็บอกแล้วว่า ไม่ชอบๆ สีชมพูน่ะ”

เอาแล้วคุณหนูลูกตาลผู้เรียบร้อยเปลี่ยนภาคใหม่ เป็นภาควีนแตก อบต.บุญปลั่งทำหน้างง แต่เจ๊เป็ดเก็บอาการได้ดี

“เอาๆก็ได้ อยากไปดูก็ได้ แต่อยากไปนานนะคะลูก ดูแล้วตามแม่ไปที่ศาลาเลยนะ” ไม่ทันเจ๊เป็ดพูดจบหรอก คุณหนูลูกตาลก็ถลาไปแล้ว แต่ก่อนไปยังไม่ลืมไหว้เจ๊เป็ดและอบต. อีกคนละ 2 รอบ ตามความเคยชิน


....วิ้ว สาวน้อยตกน้ำ....

เอ้า เร่เข้าม้า เร่เข้ามา....เข้ามาอีก.....มาดูสาวน้อยตกน้ำกัน....ลูกบอลลูกละบาทเดียวคร้าบบ.....

ซุ้มสาวน้อยตกน้ำ ครึกครื้นจริงๆ ดูๆ คนมืดฟ้ามัวดิน เสียงน้ำกระจายดังไปทั่ว คุณหนูลูกตาลเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ นั่นแน่ะ เสียงน้ำกระจายเป็นระยะสลับเสียงหัวเราะครื้นเครง

น่าสนุกจังเลย อยากลองเล่นมั่ง คิดได้ดังนั้นก็ไปซื้อลูกบอลมา จะปาเป้าหนึ่งที่เล็งไว้ แต่...

เอ้า ใครนั่นตัวใหญ่ยังกับยักษ์มายืนบังซะงั้น ลูกบอลที่ตั้งใจปาสุดแรงเลยไปโดนหลังคนๆนั้นแทน

“โอ้ย” คนๆนั้นหันหน้ามา ดูรูปร่างอันใหญ่โตแล้ว จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากปลัดขิก เอ้ย ปลัดกฤตย์ นี่เอง

คุณหนูลูกตาลตกใจ รีบเข้าไปไหว้ 2 รอบ

“อุ้ย ขอโทษคะ เป็นไรมากหรือเปล่าคะ”

ปลัดยิ้มเท่ห์ ก่อนจะบอกว่า “ โอ้ ไม่ครับ ผมผิดเอง ที่ขวางทางคุณ “

แล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะแนะนำตัวดื้อๆ

“ผม ปลัดขิก เอ้ย ปลัดกฤตย์ครับ คุณ เอ่อ”

คุณหนูลูกตาลไหว้อีกรอบก่อนจะตอบว่า

“สวัสดีค่ะ ลูกตาลค่ะ เป็นลูกสาวแม่เป็ด รู้จักไหมคะ”

“อ๋อ เจ๊เป็ด ผมรู้จักครับ ผมเพิ่งมาอยู่ใหม่รู้จักคนไม่กี่คน รู้สึกว่าผมจะไม่เคยเห็นหน้าคุณนะ”

“พอดี ลูกตาลไปซัมเมอร์ที่นิวซีแลนด์เพิ่งกลับมาค่ะ”

“คุณลูกตาลอยากเล่นหรือครับ” เขาพูดแล้วตามองไปด้านหลัง เห็นเจ้ากุ๊กมันเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้คุณหนูลูกตาลอีกนิด

“ถ้าไม่เคยเล่น เดี๋ยวผมสอนให้เอาไหมครับ”

คุณหนูลูกตาลไหว้ทันที ตาเป็นประกาย

“จริงหรือคะ แหม ดีจัง”

ปลัดเห็นเจ้ากุ๊กมองอยู่ ก็หยิบลูกบอลมายืนใกล้ๆคุณหนูลูกตาล แล้วสอน

“นี่นะครับ เล็งให้ดี แล้ว....ปาเลย”

ลูกบอลออกจากมือปลัดไปด้วยความเร็วสูง เฉียดหัวสาวน้อยคนหนึ่งไปนิดเดียว นอกนั้นไม่โดนอะไรเลย

ปรากฏว่า...ปลัดปาไม่ถูก...จ๋อยสนิท....

ปลัดยิ้มเจื่อนหันไปแก้ตัวกับคุณหนูลูกตาลว่า

“ แหม ลูกบอลนี่มันเบามากนะครับ ปายากจังเลย ผมเองก็ไม่ได้ปามานานแล้วด้วย”

“งั้นเดี๋ยว ขอลองปามั่งนะคะ”

“แหม ปายากนะครับเนี่ย กลัวลองแล้วเสียเปล่าๆน่ะครับ ยิ่งไม่เคยอยู่ด้วย”

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอลองหน่อย”

“เอ้า ก็ได้ครับ ปาไม่โดนอย่าเสียใจนะครับ คนเรามันพลาดกันได้” นี่ปลอบใครฟ่ะ

คุณหนูลุกตาลคว้าลูกบอลมาปา....

.....เปรี้ยง.....ตรงเป้าเหมาะเหม็ง....

สาวน้อยคนนั้นตกน้ำกระจาย.....

ปลัดเห็นแล้วอายๆ...

คุณหนูลูกตาลหัวเราะชอบใจหันมาทางปลัดที่ยิ้มเจื่อนๆ ไหว้อีกรอบ

“แหม สนุกจริงๆค่ะ คุณปลัด เดี๋ยวลูกตาลคงต้องไปก่อนนะคะ หม่ามี้รออยู่ที่ศาลา วันหลังเจอกันใหม่นะคะ”

แล้วคุณหนูลูกตาลก็ไหว้อีกรอบหนึ่งก่อนจะเดินออกไป ปลัดจะเรียกไว้ก็ไม่ทัน

หันไปมองทางเจ้ากุ๊กก็เห็นมันเดินหัวเราะเยาะมาแต่ไกล

เจ้ากุ๊กน่ะหมั่นหน้ามาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน....

เห็นปลัดไปก้อร้อก้อติกกับคุณหนูคนนั้นแล้วมันรู้สึกแปลกๆ

ไม่อยากจะมอง แต่ก็อดอยากรู้ไม่ได้

แล้วก็เห็นภาพที่.....เชอะ....ทำเป็นใกล้เขา...

เดี๋ยวแฟนเขามาตื้บเอา....สาบานได้ว่าเจ้ากุ๊กคนนี้ก็ไม่เข้าไปช่วยหรอก

แต่คุณหนูคนนั้นเขาก็ดูดีเชียว สวยก็สวย ขาวก็ขาว ผมยาวสลวยๆ ไม่ได้ใส่แต่หมวกแก๊บเหมือนเรา

เจ้ากุ๊กมองตัวเองแล้วถอนใจ ก็เรามันเด็กผู้ชายนี่หว่า

แต่ก็หมั่นหน้าอยู่ดีแหละ..เฮอะ...เข้าไปเยาะเย้ยดีกว่า

แล้วเจ้ากุ๊กก็เดินลากเท้าเข้าไป

“โฮ่ๆๆ แหม เมื่อกี้ผมไปดูหนังกลางแปลงมา ตัวตลกเนี่ย ตลกจาง” ทำหน้ายียวน

“ตลกยังไง” ปลัดยังตามมุขไม่ทัน

“ก็ตัวตลกตัวหนึ่ง พยายามจะทำตัวเป็นพระเอกให้นางเอกสนใจ แต่ทำไปก็ไม่ขึ้น ก็ตลกเหมือนเดิม โฮ่ๆๆ”

อ้าว อย่างนี้ เดี๋ยวๆ

“แล้วรู้ไหม ตัวตลกคนนั้นทำไง” ทำหน้ากรุ้มกริ่ม ยิ้มนิดๆ

“ทำไงอ่ะ” คราวนี้เป็นเจ้ากุ๊กงงมั่ง

“ตัวตลกคนนั้นก็หนีนางเอก ไปหาตัวตลกอีกคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆน่ะสิ”

.....เอ้า มาช่วยกันฮาตัวตลก 2 ตัวหน่อย.....


ชิงช้าสวรรค์ค้างอยู่บนฟ้าตั้งนานสองนานกว่าจะเคลื่อนตัวอีกทีหนึ่ง....

ส่วนคนที่อยู่บนชิงช้าก็....ละลายไปแล้ว...

มองตากันไปมาจนตาแฉะนั่นแหละ....

พอลงมาถึงพื้นดินได้ เจ้าเปรี้ยวรีบจ้ำอ้าวใหญ่ มีบุญออบตามไปไม่ลดละ เจ้าเปรี้ยวเดินเร็วขึ้น บุญออบก็เดินตามเร็วขึ้น

ไปทันกันที่ซุ้มสอยดาว......

บุญออบวิ่งมาดักหน้าเปรี้ยวไว้.....

“วิ่งหนีทำไม” พูดแล้วส่งตาหวานให้ เจ้าเปรี้ยวเมินหน้า

“ไม่ได้หนี”

“ก็เห็นอยู่เนี่ยว่าหนี จะเถียงอีก” บุญออบดุ

“ไม่ได้หนี ก็” หันหน้าไปที่ซุ้มสอยดาว “ จะรีบมาสอยดาวเดี๋ยวของรางวัลหมด” เจ้าเปรี้ยวแก้ตัวเอาดื้อๆ

“เอ้า สอยดาวก็สอยดาว งั้นสอยด้วยนะ” บุญออบตามติด เจ้าเปรี้ยวหันมาแยกเขี้ยวใส่

“ก็ตามใจสิ ไม่ได้ล่ามโซ่ไว้นี่ อยากทำอะไรก็ทำ”

“อยากทำอะไร แล้วจะให้ทำจริงหรอ” อ้าว บุญออบคิดอะไรเนี่ย

เจ้าเปรี้ยวหน้าแดง เดินหนีเข้าไปในซุ้มสอยดาวดีกว่า

เจ้าเปรี้ยวสนุกสนานกับการสอยดาวใหญ่ โดยทำเป็นไม่สนใจคนที่เดินตามประกบอยู่ข้างๆ

แต่ดูสิ เปรี้ยวดวงไม่ดี ได้อะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย อย่างหลักๆ เลยก็ ยำยำ (คุ้นๆ เหมือนเคยกินบ่อยๆ)
แล้วก็ดินสอ ไม้ขีดไฟ ของเล็กๆน้อยๆทั้งนั้น ทำเอาเจ้าเปรี้ยวเซ็ง

“ว้า ดวงไม่ค่อยดีเลยนะ เรา ก็อย่างว่าแหละ ถ้าดวงความรักดีแล้ว ดวงอื่นๆมันก็ไม่ค่อยดีละนะ ” เสียงบุญออบดังอยู่ข้างหลัง เปรี้ยวหันไปมอง บ้า พูดมาได้

บุญออบก็หอบของมาเต็มมือเหมือนกัน ดูๆแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรมีค่า มีราคาสักอย่าง ก็พอๆกับเราแหละ

“ไม่เห็นจะมีอะไรดีเลย ก็เหมือนกันแหละ”

“ทำไมจะไม่ดี มีดีเยอะแยะไป” ว่าแล้วก็หยิบของจากห่อมาส่งให้ เปรี้ยวรับไปอย่างงงๆ

“อันนี้ อมยิ้ม เอาไปอมแล้วยิ้มนะ ยิ้มสวยๆ“

หยิบอีกอย่างหนึ่งมาส่งให้

“อันนี้(ยาสีฟัน)ใกล้ชิด เอาไปแปรง แปรงด้วยกัน เราจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นๆ” เอิ้ก คิดได้ไง

“แล้วอันนี้” พูดพลางหยิบสบู่ขึ้นมาก้อนหนึ่ง ส่งให้

“อะไร” เปรี้ยวถามเบาๆ

“ก็นี่ไง” ชี้ไปที่ฉลากสบู่ “นี่ยี่ห้อ รัก (ลักซ์)ไง ”

อุ้ย คุณอบต....เล่นงี้เลยกรอ

เจ้าเปรี้ยวตีหน้าไม่ถูก ยืนถือของเก้ๆกังๆ บุญออบจึงว่า

“เอาไปใช้นะ คนละก้อน เราจะได้รักกันๆ”

...เอิ้ก....มุขบ้านนอกโครตเลย (สงสัยคนเขียนบ้านนอกชัวร์)...




 

Create Date : 29 ธันวาคม 2548    
Last Update : 5 มีนาคม 2549 8:08:37 น.
Counter : 218 Pageviews.  

1  2  

ชมเช้า
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ชมเช้า..มาจาก ชมเช้า ชมสาย ชมบ่าย ชมเย็น ชมค่ำ ทุกกาลเวลาช่างน่าชื่นชม จะเวลาไหนก็เลือกชมเอาตามสะดวก..

...เวลาเช้า เป็นเวลาที่รู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา ดูสดใส จอมแก่นแสนซน ที่ไหนได้ ใครๆ เห็นชื่อแล้วบอกว่า 40 ขึ้นแน่ๆ บ้างก็ว่าป้า..เอ่อ เป็นงั้นไป...ขอบอกว่ายังห่างค่ะ ห่างมาก อิอิ...

ตอนนี้มีภารกิจเพื่อชาติให้ปฏิบัติค่ะ รู้สึกภูมิใจจังเลย (โบกมือแบบนางงาม) ดิฉันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ เอาใจช่วยด้วยนะคะ อิอิ...

คุณที่เข้ามาอย่าเพิ่งงงค่ะ ภารกิจอะไรขอเก็บไว้เป็นความลับ(ว่าแต่ ไม่ได้มีใครเขาอยากรู้สักหน่อย ^^") แต่ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามานะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ อ้อ อีกอย่าง เป็นแฟนหงส์ค่ะ (เกี่ยวไหมเนี่ย อิอิ)

Friends' blogs
[Add ชมเช้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.