ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

เม้าท์แซ่ด! "ไอซ์ ปรีชญา" โมยกเครื่อง! สวยผิดหูผิดตา!!

"ไอซ์ ปรีชญา" ยันไม่ได้ทำศัลยกรรม แจงแค่ผอมลง หลังโดนเม้าท์หนักอัพหน้าจนสวยผิดหูผิดตา

เรียกว่ากระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องหน้าตาของสาว "ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร" กำลังมาแรงพอๆกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุด "ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้" เลยทีเดียว โดยเมื่อถูกนำใบหน้าสาวไอซ์มาเปรียบเทียบกับตอนแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก "ATM เออรัก เออเร่อ" หลายคนก็มีการลงความเห็นว่าเธอดูสวยขึ้น เป๊ะขึ้น ผิดหูผิดตา เลยไม่พ้นถูกทักว่าไปอัพหน้าใหม่มาหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวก็ยืนยันมาว่าไม่ได้ทำศัลยกรรมใดๆมาทั้งสิ้น แต่แค่ผอมลงเท่านั้นเองจ้า!

"ไม่ทราบเหมือนกันนะคะ แต่ว่าไม่ได้ทำอะไร ดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นไหมก็เหมือนเดิมค่ะ แต่พยายามนอนให้เยอะๆ เพราะว่าเราต้องทำงานหนัก ไม่ได้แอนตี้เรื่องศัลยกรรมอยู่แล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้คิดว่าอยากทำอะไร ผอมลงไหมคือช่วงนี้เป็นช่วงที่ขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวผอมเดี๋ยวอ้วน บางครั้งก็ทานน้อย บางครั้งก็ทานมาก คนเราก็เปลี่ยนไปอยู่แล้ว"

ภาพจาก celebbeforeandafter





 

Create Date : 12 ธันวาคม 2557    
Last Update : 12 ธันวาคม 2557 21:45:43 น.
Counter : 1510 Pageviews.  

เทรนด์แต่งตาสวยเด่นเป็นประกาย

ช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงหน้าหนาว ถึงแม้อากาศจะไม่ได้หนาวจับใจ แต่ก็มีลมเย็นๆ มาสัมผัสตัวให้เราพอรับรู้ได้ สิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงอย่างเรานอกจากการบำรุงผิวแล้ว หลายคนยังคงกำลังมองหาเทรนด์การแต่งหน้าหน้าหนาวกันอยู่ใช่ไหมล่ะคะ

วันนี้ Sanook! Women จึงขอนำขั้นตอนการแต่งดวงตาให้สวยเด่นเป็นประกาย ให้คุณสาวๆ ได้สวยชิครับลมหนาวพร้อมกับแต่งสวยไปเที่ยววันหยุดยาวในช่วงปีใหม่ด้วยค่ะ

- สีแรกที่เราจะทาไปที่เปลือกตาควรจะเป็นสีอ่อนอย่างสีเบจ หรือสีขาวครีมที่ไม่มีประกายวิ้งหรือชิมเมอร์ใดๆ เพราะถ้าคุณเลือกทาอายแชโดว์ที่เป็นประกายมากไป ตาจะดูบวมเหมือนคนร้องไห้มาทั้งคืน

- สีที่สองใช้สีชมพูอ่อนๆ ที่ไม่มีชิมเมอร์เหมือนกัน โดนเน้นการทาที่หัวตาไปจนถึงกึ่งกลางของดวงตา

- เมื่อได้สีพื้นของเปลือกตาให้ดูสว่างขึ้นแล้ว ใช้สีเทาอ่อนคัดเบ้าเบาๆ พอให้เป็นแนวในการทาสีต่อไป

- ใช้สีน้ำตาลคัดเบ้าให้เป็นวีเชฟ โดยทาให้สูงกว่าสีเทาที่เราทาเป็นแนวไว้ในขึ้นตอนก่อนหน้านี้

- เพื่อดวงตาของคุณดูมีมิติ ใช้อายแชโดว์สีชมพูประกายชิมเมอร์ทาที่บริเวณกึ่งกลางของดวงตา

- ยังไม่จบแค่นั้นค่ะ ถ้าคุณอยากมีหัวตาที่ดูแบ๊วๆ อ่อนวัย ใช้แปรงหัวเล็กทาอายแชโดวืสีขาวประกายชิมเมอร์ที่หัวตาทั้งด้านบนและล่าง

- หลังจากนั้นกรีดอายไลเนอร์สีดำให้ชิดโคนขนตามากที่สุด ดัดขนตา ปัดมาสคาร่า ถ้าสาวๆ คนไหนที่ชอบติดขนตาปลอมแนะนำให้เลือกขนตาที่เน้นให้ดวงตากลมโตแบบธรรมชาติจะเข้ากับลุคนี้มากกว่าขนตาแบบอื่นๆ 

Tip : สีลิปสติกที่เกรดดี้อยากแนะนำ ลองเหลือลิปสติกสีชมพูอ่อนที่ไม่นู้ดจนดูป่วยหรือสดจนแย่งซีนดวงตานะคะ สีชมพูอ่อนๆ จะช่วยให้คุณดูเด็กและเข้ากับบรรยายกาศหนาวลมเย็นๆมากเลยค่ะ

ภาพจาก //www.pinterest.com/




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2557    
Last Update : 12 ธันวาคม 2557 7:35:38 น.
Counter : 1531 Pageviews.  

บอกลาสิว ฝ้า กระและจุดด่างดำง่ายๆ ด้วยสมุนไพรไทย

เพราะผิวหน้าเป็นส่วนที่มีปัญหาสารพัดไม่ว่าจะเป็นสิว ฝ้า กระและจุดด่างดำ หากใบหน้าสาวคนไหนที่กำลังเผชิญกับปัญหาดังกล่าว ก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณจะอายแทบจะอยากเอาปี๊ปคลุมหน้าเดินด้วยซ้ำ

เพราะสาวๆ เรายุคใหม่ปี 2014 นี้ล้วนหันมาใส่ใจดูแลผิวหน้าให้ขาวใสสวยปิ๊งกันไม่น้อย แต่หากคุณไม่อยากลงทุนเสียเงินแพงๆ เพื่อเข้าคอร์สปรนนิบัติผิวขาวใส เรามาบอกลาปัญหาผิวดังกล่าวด้วยสมุนไพรไทยที่หาได้รอบตัวดังนี้กันเถอะ

บอกลาสิว ฝ้า กระและจุดด่างดำง่ายๆ ด้วยสมุนไพรไทย

บอกลาสิว ฝ้า กระและจุดด่างดำง่ายๆ ด้วยสมุนไพรไทย

ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้สุดยอดสมุนไพรไทยที่ไม่ว่าบ้านไหนก็ควรมีปลูกในกระถางไว้อย่างยิ่ง เพราะมันมากด้วยสรรพคุณบำรุงและเยียวยาปัญหาผิวได้อย่างสารพัด ไม่ว่าจะบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ช่วยป้องกันและแก้ปัญหาสิว ฝ้า กระและจุดด่างดำ สำหรับใครที่เป็นสิวเพียงนำวุ้นสดของมันมาทาหน้าเช้า-เย็นแบบไม่ต้องล้างออก ภายในเวลาไม่นานปัญหาสิวก็จะลดลง สภาพผิวหน้าก็จะค่อยๆ ดีขึ้น แถมยังเนียนนุ่มชุ่มชื้นและช่วยลดเลือนทั้งฝ้า กระและจุดด่างดำให้จางลงได้ด้วย

บอกลาสิว ฝ้า กระและจุดด่างดำง่ายๆ ด้วยสมุนไพรไทย

บอกลาสิว ฝ้า กระและจุดด่างดำง่ายๆ ด้วยสมุนไพรไทย

น้ำมะนาวและหัวไชเท้า
สำหรับสาวที่ใบหน้ามีฝ้า กระและจุดด่างดำโดยเฉพาะ ให้คุณปอกเปลือกหัวไชเท้าออกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ อาจจะสับหรือปั่นให้ละเอียดก็ได้ จากนั้นผสมน้ำมะนาว 1 ซีกแล้วคนให้เข้ากัน นำมาพอกหน้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง รับรองปัญหาฝ้า กระและจุดด่างดำก็จะค่อยๆ จางลง แถมยังช่วยเผยผิวหน้าที่ขาวใสขึ้นได้อีกด้วย

บอกลาสิว ฝ้า กระและจุดด่างดำง่ายๆ ด้วยสมุนไพรไทย

บอกลาสิว ฝ้า กระและจุดด่างดำง่ายๆ ด้วยสมุนไพรไทย

ขมิ้นชัน
อีกหนึ่งสมุนไพรเพื่อผิวพรรณผุดผ่อง โดยมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งและฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง ทั้งยังช่วยสมานผิวแก้ปัญหาผดผื่นคันได้ด้วย สำหรับขมิ้นนั้นเหมาะสำหรับคนที่มีสิว โดยนำมาผสมกับปูนแดงและน้ำมะนาวเล็กน้อย คนให้เข้ากันแล้วใช้แต้มสิวให้ยุบลง นอกจากนี้ ยังสามารถนำมาผสมกับดินสอพองและมะขามเปียกเพื่อพอกหน้า พอกผิวกายให้ไร้ปัญหาผิวด่างดำได้อีกด้วยค่ะ ใบหน้าที่เคยหมองคล้ำก็จะค่อยกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ

บอกลาสิว ฝ้า กระและจุดด่างดำง่ายๆ ด้วยสมุนไพรไทย

บอกลาสิว ฝ้า กระและจุดด่างดำง่ายๆ ด้วยสมุนไพรไทย

หอมแดง
สูตรนี้ใช้สำหรับรักษาสิวและลดเลือนรอยดำจากสิวโดยเฉพาะค่ะ ให้นำหอมแดงมาหั่นแว่นจากนั้นนำมาทาสิวเป็นประจำจนกว่าสิวจะแห้ง เมื่อสะเก็ดสิวหลุดหายไปหากยังทิ้งรอยดำๆ อยู่ก็สามารถใช้หอมแดงทารอยสิวเป็นประจำทุกวันได้เช่นเดียวกัน รอยสิวก็จะค่อยๆ จางหายอย่างเป็นธรรมชาติ

Tip นอกเหนือจากหอมแดงแล้ว สำหรับผิวหน้าสาวๆ ที่มีปัญหารอยสิว ฝ้า กระและจุดด่างดำมากก็สามารถผสมน้ำเปล่ากับน้ำมะนาวให้เจือจางกันแล้วทาหน้าสัก 5-10 ที อาจจะทำสัปดาห์ละ 3 ครั้งก็ได้

เพียงเท่านี้ผิวหน้าก็จะกระจ่างใสและลดเลือนทุกปัญหาผิวดังกล่าวได้แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมทาครีมกันแดดอยู่เสมอนะคะจะได้ช่วยปกป้องฝ้าและกระไม่ให้มากวนใจมากยิ่งขึ้น




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2557    
Last Update : 11 ธันวาคม 2557 7:38:16 น.
Counter : 1704 Pageviews.  

นมผึ้ง Royal jelly บำรุงร่างกายและผิวพรรณ คงความสาว


นมผึ้ง Royal jelly บำรุงร่างกายและผิวพรรณ คงความสาว


ปัจจุบันมีการนำสารสกัดจากธรรมชาติที่มีประโยชน์มาใช้เป็นอาหารเสริมความงามของผิวพรรณกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น  ซึ่ง “นมผึ้ง” เองก็ เป็นหนึ่งในอาหารเสริมที่เชื่อกันว่า มีสรรพคุณในการช่วยคงความอ่อนเยาว์ให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น ทำให้ได้รับความนิยมจากคุณสาวๆ อย่างมากทีเดียว

สำหรับในวันนี้ ขอพาคุณสาวๆ ไปเจาะลึกถึงเจ้านมผึ้งนี้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร มีประโยชน์ในการบำรุงร่างกาย และคงความสาวเอาไว้ได้อย่างยาวนานจริงหรือไม่?

นมผึ้งคืออะไร


นมผึ้ง (royal jelly) จากธรรมชาติแท้ๆ จะมีรสชาติเปรี้ยว และเผ็ดในลำคอ เป็นอาหารของตัวอ่อนผึ้ง ซึ่งถูกผลิตขึ้นจากต่อมบริเวณส่วนหัวของผึ้ง นมผึ้งนั้นมีคุณค่าทางสารอาหารที่สูงมาก ถ้าหากตัวอ่อนตัวไหนได้รับการป้อนนมผึ้งเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอจะกลายมาเป็นผึ้งนางพญาในที่สุด และนางพญาผึ้งมีอายุยืนยาวมากกว่าผึ้งงานธรรมดาถึง 10 เท่า  

Dr.Yoshinabu จากประเทศญี่ปุ่น ได้รายงานผลวิจัยเอาไว้ในหนังสือ “พลานามัยและอายุยืนด้วยนมผึ้ง” ว่า นมผึ้งมีประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์มาก โดยช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีพลานามัยดี การเจริญเติบโตเป็นไปตามวัยและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ระบบการทำงานส่วนต่างๆของร่างกายดีขึ้น และยังช่วยชะลอความแก่ได้อีกด้วย



สาร 10-HAD ในน้ำนมผึ้งคืออะไร และสำคัญอย่างไร

สาร 10-HAD (10-Hydroxy-2-Drcenoid Acid) เป็นสารที่สามารถพบได้ในนมผึ้งเท่านั้น มีคุณสมบัติในการช่วยระบบต้านทานโรคในร่างกายของมนุษย์ ป้องกันอาการเจ็บป่วย และเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย

นอกจากนี้ จากผลวิจัยทางการแพทย์ยังพบว่า การได้รับสาร 10-HAD อย่างเหมาะสม ยังช่วยปรับพฤติกรรมของเซลล์ให้แข็งแรง ซึ่งส่งผลให้เซลล์ผิวมีอายุที่ยืนยาวได้มากยิ่งขึ้น และยังช่วยฟื้นฟูประสิทธิภาพของสองที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมของเซลล์ เช่น โรคสมองฝ่อ เป็นต้น รวมไปถึงการฟื้นฟูการเสื่อมของเซลล์ในอวัยวะส่วนต่างๆได้อีกด้วย

ประโยชน์ของนมผึ้งในการบำรุงร่างกาย
เชื่อกันว่าหากรับประทานนมผึ้งเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอแล้ว จะทำให้อายุยืนยาวมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงร่างกาย ดังต่อไปนี้
  1. ช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นไม่อ่อนเพลีย
  2. ช่วยในการบำรุงเส้นผม
  3. เพิ่มอัตราการดูดซึมอาหาร และช่วยให้มีการนำออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีขึ้น
  4. เพิ่มอัตราการขับของเสียของร่างกาย และคาบอนไดออกไซต์
  5. ช่วยเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ให้มากยิ่งขึ้น
  6. ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก ทั้งในของเด็กและผู้สูงอายุให้มากยิ่งขึ้น
  7. ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงให้มีจำนวนมากยิ่งขึ้น และควบคุมแร่ธาตุ รวมไปถึงอิเลคโตไลท์ในเลือดให้มีความสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
  8. ช่วยบรรเทารักษาอาการนอนไม่หลับ ด้วยส่วนประกอบของกรดสำคัญที่ชื่อ Decenonic Acid ซึ่งเป็นกรดจากธรรมชาติ ซึ่งช่วยในการคลายเครียด และทำให้ประสาทมีการผ่อนคลาย
  9. ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
  10. ช่วยทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นเมื่อรับประทาน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยและผู้สูงอายุ
  11. ช่วยในการป้องกันการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และบรรเทาอาการเรื้อรังของมะเร็งได้อีกหลายชนิด
  12. ช่วยลดน้ำตาลในเลือด โดยในนมผึ้งจะมีสาร Peptide ที่ออกฤทธิ์คล้ายกับอินซูลิน จึงสามารถช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดลงได้
  13. ช่วยในการลดการอักเสบของข้อต่อ และเนื้อเยื่อ เนื่องจากในนมผึ้งมีสารที่ส่งผลเหมือนกับสเตียลอยด์ แต่ไม่มีอันตรายและผลข้างเคียง นอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟูสมรภาพของเนื้อเยื่อต่างๆ หลังจากจากเจ็บป่วยให้มีสุขภาพแข็งแรงได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
  14. ช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้น โดยการช่วยสร้างเม็ดเลือดขาว จึงสามารถช่วยในการขจัดพิษและต้านทานกสนแผ่กัมตภาพรังสี
  15. ช่วยเพิ่มพัฒนาการของเด็ก ทำให้เด็กมีการเจริญเติบโต ทั้งทางร่างกาย สติปัญญา ความเจริญอาหาร และเพิ่มส่วนสูง
  16. ช่วยเพิ่มสมรภาพทางเพศให้กับเพศชาย ให้คงอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น
  17. ช่วยในการปรับความดันโลหิต ความดันสูงให้ลดลงอยู่ในระดับปกติ
  18. ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง ด้วยส่วนผสมของกรดโฟลิค และวิตามินบี

ประโยชน์ของนมผึ้งในการบำรุงผิวพรรณ
นมผึ้ง มีส่วนประกอบที่เต็มไปด้วยคุณค่าในการช่วยบำรุงผิวพรรณ ดังต่อไปนี้
  • อุดมด้วยวิตามินบีรวม (บี1 บี2 บี3 บี6 บี12)
  • ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ โดยมีส่วนประกอบของ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอส จึงช่วยสร้างเสริมการเกิดใหม่ของเซลล์ ซึ่งตามปกติแล้วยิ่งอายุมากขึ้นร่างกายก็จะยิ่งมีการสร้างเซลล์ลดน้อยลง นมผึ้ง มีคุณสมบัติในการช่วยสร้างเสริมการเกิดใหม่ของเซลล์ ส่งผลให้เกิดการชะลอความแก่ลง
  • ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศหญิง และเพศชาย ทำให้สามารถคงความหนุ่มสาวได้เป็นระยะเวลายาวนานมากขึ้นถึง 20 %
  • ช่วยในการบำรุงผิว ยังยั้งรอยเหี่ยวย่น ฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย และลดอาการอักเสบของผิวหน้า ด้วยส่วนประกอบของเจลลาติน โปรตีน และกรดอะมิโน

การใช้นมผึ้งในการเสริมความงามด้วยตัวเอง

ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ใช้นมผึ้ง หรือแม้แต่พิษผึ้ง เป็นส่วนประกอบออกมาหลากหลายรูปแบบ อาทิเช่น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับรับประทาน ครีมทาผิว เป็นต้น ซึ่งนมผึ้งยังสามารถนำใช้ในการบำรุงผิวพรรณ ด้วยการประยุกต์ใช้ด้วยตนเอง โดยมีวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้

1. การพอกหน้าด้วยนมผึ้ง นำน้ำนมผึ้งมาทาลงผิวหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด
2. การชงดื่ม สามารถดื่มน้ำนมผึ้งได้เลยโดยตรง หรือผสมนมผึ้งกับน้ำผึ้ง ในอัตรา 1 ต่อ 3 ส่วน จากนั้นให้ทำการดื่มได้เลย หรือจะนำไปผสมกับเครื่องดื่มชนิดอื่นๆได้ตามต้องการ
3. การอมนมผึ้ง โดยการอมนมผึ้งปริมาณประมาณ 1 ช้อนชา อมไว้ใต้ลิ้นหรืออมเอาไว้ในปากประมาณ 3-5 นาที เมื่อนมผึ้งละลายในปากจนหมดแล้ว จึงค่อยทำการกลืนลงไป


วิธีการเก็บรักษานมผึ้งที่ถูกต้อง

ควรทำการเก็บนมผึ้งเอาไว้ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิต่ำๆ หากทำการเก็บรักษาโดยการแช่แข็ง จะสามรถเก็บเอาไว้ได้นานถึง 3 ปี แต่ถ้าหากนมผึ้งที่เก็บเอาไว้เป็นระยะเวลานานๆ เริ่มมีสีที่ไม่แวววาว เปลี่ยนเป็นสีเทา มีกลิ่นคล้ายเหล้า กลิ่นแก็ซ หรือกลิ่นเน่า แสดงว่านมผึ้งดั่งกล่าวหมดอายุแล้ว ไม่ควรนำมาทำการรับประทานโดยเด็ดขาด

ข้อควรระวังในการใช้นมผึ้งเพื่อบำรุงร่างกาย

โดยส่วนใหญ่แล้วนมผึ้งจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่สำหรับบางคนที่ทานนมผึ้งอาจจะเกิดอาการแพ้ในช่วงแรก ซึ่งจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร แต่เมื่อผ่านไปซักระยะเวลาหนึ่งร่างกายจะมีการปรับตัว

สำหรับคนที่เกิดอาหารดังกล่าวและยังต้องการทานมผึ้งต่อ ขอแนะนำให้ค่อยๆ รับประทานน้ำนมผึ้งในปริมาณเล็กน้อยร่วมกับเครื่องดื่มที่ชอบ แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณให้มากขึ้น ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ และโรคหอบหืด ต้องระวังในการบริโภคนมผึ้ง ถ้าจะให้ดีควรทำการปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
ข้อมูลจาก : //www.kondoodee.com/

นมผึ้ง Royal jelly บำรุงร่างกายและผิวพรรณ คงความสาว, นมผึ้ง Royal jelly บำรุงร่างกายและผิวพรรณ คงความสาว หมายถึง, นมผึ้ง Royal jelly บำรุงร่างกายและผิวพรรณ คงความสาว คือ, นมผึ้ง Royal jelly บำรุงร่างกายและผิวพรรณ คงความสาว ความหมาย, นมผึ้ง Royal jelly บำรุงร่างกายและผิวพรรณ คงความสาว คืออะไร




 

Create Date : 10 ธันวาคม 2557    
Last Update : 10 ธันวาคม 2557 9:07:35 น.
Counter : 1667 Pageviews.  

สูตรพอกสครับผิวจาก “กล้วย”

ในนั้นอุดมไปด้วยวิตามินหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก โพแทสเซียม สังกะสี ไนอะซิน รวมไปถึงวิตามิน A, B1, B2, B6, B12, C, E และเบต้าแคโรทีน เป็นต้น ซึ่งแต่ละตัวล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ต่อผิวทั้งนั้น ว่าแล้ว เราก็ไปดูกันดีกว่าว่า สูตรพอกสครับด้วยกล้วยนั้นมีอะไรบ้าง

สูตรหนึ่ง – นำกล้วยสุกมาผสมให้เข้ากับไข่แดง คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกสครับหน้าทิ้งไว้สักประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น หรือจะใส่น้ำผึ้งเพิ่มเข้าไปอีก 1 ช้อนชาก็จะช่วยให้ผิวพรรณดูเรียบเนียนนุ่ม

สูตรสอง – นำกล้วยสุกครึ่งลูกบดเข้ากับไข่แดง แล้วเติมน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอกลงไป คนให้เข้ากันแล้วนำมาพอกสครับทั่วไปหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะช่วยให้ผิวหน้าที่แห้งกลับมาชุ่มชื้นเต่งตึงขึ้น

สูตรสาม – นำกล้วยสุก 1 ลูก บดเข้ากับน้ำมะนาว หรือจะเติมน้ำผึ้งไปด้วยก้ได้ คนให้เข้ากัน แล้วพอกสครับหน้าทิ้งไว้ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น คนที่มีปัญหาหน้ามันจะลดน้อยลง

สูตรสี่ – นำกล้วยสุกหนึ่งลูก บดเข้ากับนมหรือโยเกิร์ต แล้วพอกสครับหน้าทิ้งไว้ 10-20 นาที ก่อนล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะช่วยให้คนที่ผิวที่ดูหยาบกร้าน กระด่างดำ ดูเนียบเนียนสดใสขึ้น

สูตรห้า – นำกล้วยสุกมาผสมกับดินสอพองในอัตราส่วนเท่ากัน บดละเอียดรวมกัน เติมน้ำเล็กน้อยหากติดเป็นก้อน แล้วบีบมะนาวและบดรวมกันให้ละเอียดอีกครั้ง นำมาพอกสครับทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีหรือจนกว่าจะแห้งแล้วล้างออก ผิวจะดูขาวใส นุ่มกระชับขึ้น

ติดตามเรื่องราวของผู้หญิง ได้ทาง WomanPlus Magazine
ติดตามอ่านแบบออนไลน์ได้ที่ WomanPlus Magazine Online
หรือ ติดตามอ่านฉบับ Mobile App รายละเอียดได้ที่ //www.womanplusmagazine.com/e-magazine

เนื้อหาโดย นิตยสาร Woman Plus

woman-plus




 

Create Date : 09 ธันวาคม 2557    
Last Update : 9 ธันวาคม 2557 7:52:19 น.
Counter : 1565 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.