ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 
ธรรมะหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เรื่อง โลกกับธรรมสัมพันธ์


ธรรมะ


ธรรมะ เรื่อง โลกกับธรรมสัมพันธ์
โดยพระราชนิโรธรังสี (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)

พอท่านจับหนังสือเล่มนี้ยกขึ้นมาดูหน้าปกก็จะทายในใจได้ทันทีว่า บทความเบื้องต้นนี้ผู้เขียนจะพูดถึงเรื่องอะไร พอเปิดต่อไปหลังจากหน้าคำนำแล้ว ก็จะเข้าใจได้ทันทีว่า อ๋อ ท่านพูดถึงเรื่อง โลกมันเกี่ยวข้องด้วย ธรรม นี่ แน่นอนทีเดียว ไม่มีใครจะปฏิเสธได้สักคนเลยว่า คนเราที่เกิดมานี้จะไม่เอาวัตถุอันมีอยู่ในโลกนี้ มาประกอบเป็นโครงสร้างตัวตนเป็นไม่มี (ธาตุทั้งสี่นี้แหละคือธรรม) แม้แต่สัตว์แลพืชติณชาติที่เกิดอยู่บนแผ่นดินนี้ทั้งหมด ก็ไม่พ้นเอาวัตถุของโลกนี้มาประกอบ จึงจะเกิดแลงอกงามขึ้นมาได้

ฉะนั้น โลกอันนี้จึงเป็นพื้นฐานที่รับรองของสรรพสิ่งทั้งหลาย ผู้หรือสิ่งอันจะต้องเกิดขึ้น ทั้งของที่วิญญาณครอง และหาวิญญาณครองมิได้ เมื่ออุบัติหรือเกิดปรากฏเป็นรูปร่างขึ้นมาแล้ว (ที่เรียกว่าสังขาร) ก็จะต้องอาศัยโลกนี้อยู่ต่อไปอีก ขณะเดียวกัน ก็จะต้องขุดค้นคุ้ยเขี่ยแทะเอาสะเก็ดเปลือกผิวของโลกนี้แหละ มาเป็นเครื่องบำรุงหล่อเลี้ยง จึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ชั่วระยะหนึ่ง

หากเรือนร่างหรือวัตถุโลกที่เขาเหล่านั้นนำมาใช้อยู่นั้นวิปริตแปรปรวนไม่ สามารถจะรับภาระได้แล้ว มันก็จะต้องแตกดับสลาย แปรสภาพเข้าไปเป็นสภาพเดิมของมัน (คือธาตุทั้งสี่) สัตว์ผู้ยังมีหนี้สินติดพัวพันอยู่กับโลกนี้ (คือบุญ-กรรม) ตายไปแล้วจะต้องกลับมาชดใช้หนี้สินโลกนี้อีก (คือมาเอาวัตถุโลกนี้มาประกอบ แล้วมาบริโภควัตถุโลกนี้สืบต่อไป)

ตกลง ว่าวัตถุของโลกนี้เป็นของกลาง มิใช่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ใครจะถือเอาเป็นกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียวไม่ได้ ถึงจะถือเอาก็ไม่เป็นของตนได้แต่ผู้เดียว ใครมาเกิดก่อนเอาไปใช้ก่อน แลบริโภคชั่วระยะที่ยังดำรงอยู่นี้ เวลาแตกดับแล้วสละทิ้งไว้ในโลกนี้ตามเดิม คนทีหลังเกิดมาก็จะต้องเอาของเขาทิ้งไว้นั้นมาประกอบเกิดแลบริโภคต่อไป

อนึ่ง ของที่บริโภคนำมาหล่อเลี้ยงในขณะที่ยังดำรงอยู่นั้น เมื่อถ่ายออกมาก็จะถ่ายลงไปถมพื้นแผ่นดินนี้อีก กลายเป็นปุ๋ยหล่อเลี้ยงผักหญ้าแลลูกไม้ ผลไม้ต่างๆ ผู้เกิดมาทีหลังก็จะต้องอาศัยของเก่าเขาเหล่านั้น บริโภคหล่อเลี้ยงให้เขาได้ทรงอยู่ต่อไป ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันใช้บริโภควัตถุของโลกอยู่อย่างนี้ตลอดไปไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้เกิดก่อนเกิดหลัง แลใครบริโภคของใครกันแน่

ฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่าโลกนี้กลม แต่พระองค์มิได้หมายความว่ากลมอย่างลูกมะพร้าว กลมเพราะไม่มีต้นมีปลาย ไม่ทราบว่าใครเกิดก่อนใคร ใครตายก่อนใคร และใครกินของใคร ใครกินก่อนกินหลัง ตกลงเรากิน เราถ่าย แล้วนำมากินอีก เราตายแตกดับสละทอดทิ้งไว้แล้ว คนหลังนำเอามาประกอบเกิดอีก แต่มันมาตรงตามความเป็นจริง คือโลกเป็นของกลม
ข้อมูลจาก dhammajak.net


Create Date : 29 ตุลาคม 2557
Last Update : 29 ตุลาคม 2557 9:00:55 น. 0 comments
Counter : 1308 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.