W H I T E A M U L E T
Group Blog
 
All blogs
 
[[รีวิวแรกรับใบไม้ร่วง2010@Japan]] ทุ่งKOKIAกลมๆแดงๆรับใบไม้ร่วงในวันฟ้าใสท่ามกลางสัปดาห์แห่งพายุฝน



>> คลิกเพื่อดูภาพต้นฉบับแบบไม่โดนย่อใน OneDrive
>> คลิกเพื่อดูในรูปแบบรีวิวที่ pantip@blueplanet

แหะๆ บล็อคก่อนบรรยายซะยืดยาดยาวเฟื้อยแต่ไม่ได้เริ่มเดินทางเสียที บล็อคนี้มาต่อแล้วกับ one-day trip แรก ที่เป็นออเดิร์ฟของฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ที่(น่าจะ)เป็นใบไม้ร่วงสุดท้ายของ จขบ ในญี่ปุ่นก่อนเรียนจบกลับไทย ส่วนจานหลักของใบไม้เปลี่ยนสีนั้นจะมาเยือนทีหลังแน่นอน (เมื่อมีเวลาทำบล็อคนะ เพราะปีนี้เดินทางเยอะจัด แทบไม่ว่างเลย)

รายละเอียดของสถานที่ที่จะไปและวิธีการเดินทางจากโตเกียวทั้งรถไฟและรถบัสได้บอกไปแล้วใน บล็อคปฐมบทของทริป ก่อนหน้านี้ รวมถึงว่า KOKIA มันคือต้นอะไรยังไงด้วย ดังนั้นจะไม่เขียนซ้ำ บล็อคนี้ขอเน้นๆเฉพาะการเดินทางหนึ่งวันเพื่อไปดูทุ่ง KOKIA สีแดงๆของ จขบ ในนาทีสุดท้ายก่อนมันจะโดนถอนออกทันทีเมื่อเข้าเดือน พย เพื่อเป็นการเคลียร์พื้นที่ไว้ปลูกดอกไม้อื่นเตรียมรับฤดูใบไม้ผลิปีหน้า (กำหนดการในการถอนออกอะไรพวกนี้ แต่ละปีจะไม่เหมือนกัน เช็คจากหน้าเว็บหรือโทรถามทางสวนเค้าเลยชัวร์สุด)

หลังจากที่ตัดสินใจจะไปแล้วในบล็อคก่อนหน้า จขบ ก็นั่งอัพเดตเว็บพยากรณ์อากาศของที่โน่น (URL) อยู่วันละหลายๆรอบ ก็สภาพอากาศช่วงนี้มันไม่ค่อยน่าไว้ใจจริงๆหนิ เห็นฝนตกอยู่ทุกวั๊นทุกวัน มันจะมีวันที่อยู่ๆก็อากาศดีฟ้าใสโผล่ขึ้นมาหนึ่งวันตามพยากรณ์จริงๆเหรอ (แถมวันอังคารก่อนไป พยากรณ์บอกว่าฝนจะไม่ตกก็ดันตกอีก)

แต่แล้วโชคก็เป็นของ จขบ ในที่สุด ตื่นเช้ามาวันที่ไปแดดดีฟ้าใสอย่างไม่น่าเชื่อ(ในขณะที่วันรุ่งขึ้นเป็นวันฝนตกและหนาวที่สุดในรอบ 72 ปีของโตเกียว อย่างที่บอกไปในบล็อคก่อน) แต่งตัวสะพายกล้องแล้วก็รีบมุ่งหน้าไปขึ้นรถด่วนที่สถานีต้นสายที่ 上野 Ueno กันเลย (โชคดีไม่ต้องนั่งรถไปขึ้นที่สถานี Tokyo)


รถด่วนที่ไปนั้นชื่อว่า Hitachi (ญี่ปุ่นอ่านออกเสียงว่า ฮิตาจิ นะ แต่ที่ไทยเรียกว่า ฮิตาชิ จนเคยชิน จริงๆคือสะกดเหมือนกันเลย) แต่ละคันก็มีชื่อเรียกเสริมไปอีก Fresh Hitachi บ้าง Super Hitachi บ้าง ก็ไม่รู้หรอกนะว่าต่างกันยังไงเพราะใช้เวลาวิ่งพอๆกัน รถด่วนอันนี้เรียกชนิดว่าเป็น 特急 Tokkyu เหมือนรถไฟปกติที่วิ่งอยู่ในโตเกียวก็จริง แต่การเก็บเงินจะคล้ายระบบพวก 新幹線 Shinkansen คือ ต่อให้จองแบบ 自由席Unreserved set ก็ต้องเสียเงินเพิ่มอยู่ดีอีก 1300yen (ถ้าพวก reserved ก็แพงขึ้นอีก) ไม่งั้นก็จงไปนั่งรถหวานเย็นเก้าอี้แข็งๆคนเยอะๆธรรมดาๆไป (แถมใช้เวลาวิ่งมากกว่าประมาณหนึ่งชั่วโมงด้วย)


นั่งเก้าอี้ใหญ่ๆ คนโล่งๆ นอนเอนหลังสบายๆไปประมาณ 80 นาทีก็ถึงสถานีจุดหมายปลายทางที่ 勝田 Katsuta แล้ว ออกมาที่ชานชาลาปุ๊บก็เจอป้ายโฆษณาของสวนตั้งเด่นอยู่เลย ภาพในป้ายเป็นอีกช่วงไฮไลท์ของสวนที่กำลังจะไปนี้ในช่วงเดือน พค ที่จะเป็นทุ่งดอก Nemophila สีฟ้าเต็มทุ่ง (ปีนี้ก็มีรุ่นน้องชวนไปอยู่ แต่ตอนนั้น จขบ ดันไม่ไปซะนี่ เพิ่งจะมานึกเสียดาย)


ออกจากสถานีต้องขึ้นรถบัสอีกต่อเพื่อไปยังสวน ทางไปขึ้นรถบัสหาไม่ยาก มีป้ายบอกตลอดทาง แค่รู้ตัวคันจิของชื่อสวนไว้ซะหน่อยก็เดินตามไปได้สบายๆ (ป้ายรถบัสเบอร์ 1)


บรรยากาศที่หน้าสถานีเริ่มเข้าใบไม้ร่วงแล้ว บางต้นก็เริ่มเปลี่ยนสีไปบ้าง (แต่ก็ยังไม่พีค) วันนี้ฟ้าใสจริงๆ จขบ หมายมั่นปั้นมือว่าต้องถ่ายรูปให้อิ่มไปเลย โชคดีอย่างนี้มีกันไม่บ่อย แต่ว่าก็ว่าเห็นฟ้าใสๆแดดดีๆอย่างนี้นี่หนาวน่าดูเลย มือเย็นไปหมด(อากาศหนาวผิดปกตินี้มีเหตุมาจากเจ้าพายุหมายเลข14 ที่บ่นๆไปในบล็อคปฐมบท) แถวนี้ใกล้ทะเลด้วยลมแรงอีก ถ้าไม่มีแดดช่วยเพิ่มความอุ่นให้ร่างกายนี่อาจจะเกิดอาการเผ่นกลับกลางคัน เพราะทนหนาวไม่ไหว


ณ ป้ายรถบัส มีเขียนชื่อสวนไว้ตัวเบ้อเริ่มเลย เห็นบรรดาผู้คนที่ยืนรอรถบัสอยู่แล้วก็ค่อยโล่งใจหน่อย คือ จขบ ลังเลอยู่นานว่าจะแบกขาตั้งกล้องมาด้วยดีมั๊ย เห็นว่า KOKIA carnival ก็หมดแล้วกลัวมาวันธรรมดาแล้วคนจะโล่งโจ้งเหมือนตอนไป 布引ハーブ園 Nunobiki Herb Park ที่ 神戸 Kobe จนหาใครช่วยถ่ายรูปให้ จขบ ไม่ได้ (รายละเอียดทริปนั้นอยู่ใน บล็อคนี้) แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอามาเพราะหนัก แล้วก็โชคดีว่าคนที่เล็งรอจังหวะอากาศดีๆเพื่อมาเที่ยวสวนนี้เหมือน จขบ มีเยอะ เลยพร้อมใจกันมาที่นี่ในวันฟ้าใสเพียงวันเดียวของช่วงนี้ก่อน KOKIA จะถูกถอนออกไปในสัปดาห์หน้า


รถบัสก็เป็นบัสคันใหญ่ธรรมดาๆแบบที่วิ่งในเมือง รถมีมาอยู่เรื่อยๆไม่ต้องรอนานนัก (รายละเอียดรถบัสดูในบล็อคปฐมบท) ตอนขึ้นจาก Katsuta ไม่ต้องหยิบบัตรหรือจ่ายเงินอะไร ไว้จ่ายทีเดียวตอนขาลงเลย (สังเกตมีแต่คุณลุงคุณป้าคนญี่ปุ่นทั้งนั้นเลย ก็อย่างว่าวันธรรมดาหนิคนอื่นเค้าต้องไปทำงานหรือไปโรงเรียนกัน จขบ เองก็โดดทำแล็บมา)


ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็ถึง 国営ひたち海浜公園 Kokuei-hitachi-kaihin-koen ที่ประตูทางเข้าฝั่งตะวันตก 西口 Nishi-guchi แล้ว สนนราคารถบัส 390yen ลงมารถปุ๊บก็เจอกลุ่มเด็กๆกลุ่มใหญ่กำลังเตรียมขึ้นรถบัสกลับโรงเรียนพอดี ท่าทางคุณครูคงพามาเปลี่ยนบรรยากาศนอกสถานที่วันอากาศดีๆ(มั้ง) จริงอยากแอบแคนดิตเหมือนกัน แต่ตอนนั้นติดเลนส์ 15-85 ถ่ายเจาะไม่ได้ แถมคนก็น้อยมี จขบ ยืนเด่นอยู่คนเดียว ไปยืนหันกล้องไปทางเด็กๆนี่ท่าจะไม่เวิร์ค (ที่ญี่ปุ่นจะเห็นได้บ่อยๆ กับการวางกระเป๋าทิ้งไว้ตามพื้นแล้วเดินไปไหนต่อไหนโดยไม่มีคนเฝ้ากระเป๋าอย่างในภาพ)


กดซื้อตั๋วที่เครื่องอัตโนมัติตรงประตูทางเข้า แล้วก็เข้าสวนไปได้เลย ตั๋วผู้ใหญ่ราคา 400yen เป็นตั๋วกระดาษสีขาวเล็กๆเหมือนพวกตั๋วรถไฟ ไม่มีลวดลายอะไรให้น่าเก็บสะสม (ซึ่งก็น่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะตอนจะเข้าประตู เจ้าหน้าที่เค้าก็เก็บตั๋วเราไปเลย) ราคาเข้าก็ถูกๆดูๆไปแล้วเหมือนเป็นสวนสาธารณะ(แบบเสียเงินเล็กน้อย)ประจำจังหวัดมากกว่า (สวนอื่นๆที่จัดออปชั่นให้เที่ยวได้หนักๆนี่ค่าเข้าพันเยนอัพทั้งนั้น)


ผ่านประตูมาปุ๊บก็เจอสวนใหญ่เบ้อเริ่มสุดลูกหูลูกตาดังภาพ (ภาพนี้จริงๆถ่ายตอนขากลับออกจากสวน แสงเริ่มจะหมดแล้ว จุดนี้น่าจะเป็นจุดถ่ายรูปที่ระลึกแต่ไม่เห็นมีใครมาถ่ายรูปสักคนเลยแฮะ) สวนนี้ดูจากแผนที่สวนแล้วกว้างมากๆมีการแบ่งโซนปลูกต้นไม้ดอกไม้ต่างๆสลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปทำให้มีดอกไม้ในสวนให้เข้าชมอยู่ในทุกๆฤดูตลอดทั้งปี ดังนั้นถ้าตั้งใจมาดูอะไรเป็นพิเศษก็ต้องเดินไปให้ถูกที่ถูกทางด้วย (รายละเอียดของต้นไม้ดอกไม้ในแต่ละฤดูของสวนนี้ ลองดูที่ ลิงค์นี้) แต่สำหรับทริปนี้ จขบ เน้นๆแต่ทุ่ง KOKIA ที่กำลังเป็นไฮไลท์ของสวน ไม่ได้แวะไปที่ส่วนอื่นๆเลย (ไว้ค่อยมาใหม่เพื่อดูอย่างอื่นในฤดูอื่น)


มองลงจากบันไดทางเข้าไปก็เห็นขบวนรถยาวๆหน้าตาแบบในภาพจอดอยู่(ชื่อว่า シーサイドトレイン Seaside Train) คนนั่งกันเต็มเลย จขบ ก็เดินเลียบๆเคียงๆไปจากท้ายรถกะจะไปถามคนขับที่หัวรถซะหน่อยว่ามันนั่งฟรีหรือเปล่า แต่ปรากฏว่าเดินอ้อยอิ่งมากไปรถออกไปซะก่อน อดนั่งเลย


พลาดรถไฟแล้วก็ต้องเดินไปเอง จริงๆก็เดินได้สบายล่ะไม่ได้ไกลเท่าไหร่ แต่แบบว่ามันหนาวอ้ะ แถมสวนนี้ก็ติดทะเลลมแร๊งแรง เดินไปสั่นไปเลยทีเดียว จากแผนที่สวนที่หยิบมาจากประตูหน้าจะมีร้านอาหารกระจายตามจุดต่างๆในสวน แต่วันนี้ไม่ได้กะมากินอยู่แล้ว(ประหยัดหน่อย กินมาจากบ้านเรียบร้อย) แถมจากประสบการณ์พวกร้านอาหารในสถานที่ท่องเที่ยวก็มักรสชาติงั้นๆอยู่แล้วด้วย จขบ เองกินอาหารญี่ปุ่นอยู่ทุกวันเลยยิ่งเฉยๆเข้าไปใหญ่


เนื่องด้วยเป็นคนดูแผนที่ไม่เก่ง(ถึงไม่ได้เรื่อง) พลิกไปพลิกมาก็ยังงงๆว่าต้องเดินไปทางไหน ก็เลยเดินๆตามทางไปก่อนตามๆคนอื่นๆเค้าไป ต้นไม้อื่นๆรายทางระหว่างที่เดินไปทุ่ง KOKIA ก็เริ่มเปลี่ยนสีนิดๆกันบ้างแล้ว


เดินสั่นไปไม่นานก็เจอป้ายบอกทางในที่สุด งาน KOKIA carnival (18 SEP ~ 24 OCT, 2010) เพิ่งจะจบไปเมื่อวันอาทิตย์ป้ายก็เลยยังอยู่ เดินตามป้ายไปคราวนี้ไม่หลงชัวร์


เดินตามป้ายมาสักพักก็เจอทางเดินที่จะเข้าทุ่ง KOKIA ในที่สุด ที่ปากทางมี KOKIA เล็กๆสีเขียวสีแดง มาเล่นหูเล่นตาต้อนรับกันในกระถางด้วย (ดูดีๆ ไอ้ที่ครอบหัวตัวขวาอยู่ หน้าตามันเหมือนที่ครอบจมูกครอบปากกันฝุ่นกันเชื้อโรคเลยนะ)


ป้ายโฆษณาของงานคาร์นิวัลจะหน้าตาประมาณนี้ เดี๋ยวมาดูกันว่าของจริงจะสวยเท่าในภาพหรือเปล่า


ณ ตรงนี้หันซ้ายหันขวาได้คุณลุงคุณป้าคู่นึงช่วยถ่ายภาพให้ มองลอดแมกไม้เขียวๆออกไปไกลๆๆๆ ตรงสุดนั้นแหล่ะคือทุ่ง KOKIA สีแดงแล้ว (เจอลมแล้วมือเย็นมากๆ เฮ้อ ถุงมือก็ไม่ได้เอามาอีก)


เดินต่อไปถึงอีกแยก ก็ยังอุตส่าห์มีกั๊กยังไม่เจอทุ่ง KOKIA อีก มีแต่ KOKIA สีเขียวสีแดงเล็กๆมาให้เห็นเป็นน้ำจิ้ม ส่วนดอกไม้สีแดงๆเขียวๆส้มๆข้างล่างมันคืออะไร จขบ ก็ไม่รู้เหมือนกัน


เดินต่อมาอีกนิดเดียว พอสุดหมดทางเดินตะกี้แล้วทุ่ง KOKIA สีแดงก็โผล่มาให้เห็นกว้างขวางสุดสายตาตรงหน้า (ตามข้อมูลในเว็บ //www.hitachikaihin.go.jp/fair/aki/index.htm เห็นว่ามี KOKIA กว่า 3 หมื่นต้นเลยทีเดียว)


ด้วยความครีเอตของสวน(หรือของใครก็ตามแต่) จะให้มีแต่ KOKIA สีแดงล้วนๆอยู่ด้วยกันมันก็อาจดูน่าเบื่อไปนิด ก็เพิ่มทุ่งดอก Cosmos コスモス เข้าไปซะหน่อย ปลูกไว้คู่กัน เข้าช่วงพีคเวลาประมาณเดียวกัน มีไว้ให้ดูคู่กันกับทุ่ง KOKIA ไปเลย (เห็นสวนที่นี่แล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าดอกไม้ในกระถางในมหาลัยที่เดินผ่านอยู่ทุกวี่ทุกวันมันคือดอก Cosmos แสดงว่าช่วงต้นๆใบไม้ร่วงที่อากาศเริ่มเย็นๆนี่เป็นฤดูของดอกนี้จริงๆ ได้ยินคนญี่ปุ่นพูดว่า Cosmos คือ Aki-no-sakura 秋の桜 หรือ Sakura ของฤดูใบไม้ร่วง)


พอเจอทุ่ง KOKIA อยู่ข้างหน้าแล้ว จขบ ที่บ่นหนาวๆ(บ่นกับตัวเอง)อยู่เมื่อตะกี้ก็เปลี่ยนเป็นดี๊ด๊าขึ้นมากะทันหันแทบจะลืมหนาวไปเลย มัวตื่นตาตื่นใจกับทุ่งหญ้าสีแดงพุ่มกลมๆที่ยังคงสวยอยู่(บางส่วนเริ่มเป็นสีน้ำตาลแล้ว แต่โดยรวมถือว่ายังแดงโอเคอยู่นะ) รีบมองซ้ายขวาหามุมเหมาะๆถ่ายรูปทันที


งานนี้เจอแดดดีต้องรีบถ่ายไม่งั้นแดดจะหมดซะก่อน เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้วประมาทไม่ได้แดดหมดไวสุดๆ ห้าโมงเย็นที่สวนปิดนี่ไม่ต้องพูดถึง แสงไม่มีเหลือฟ้ามืดสีน้ำเงินแล้ว) ประกอบกับฟ้าใสๆแดดดีๆอย่างนี้ที่ญี่่ปุ่น(ช่วงนอกฤดูร้อน)ก็ใช่จะมาเวลาที่อยากให้มากันบ่อยๆนี่นะ งานนี้ จขบ โชคดีสุดๆไปเลยจริงๆ (คนที่ จขบ ดู FB มาเค้ามาวันที่ฝนไม่ตกแต่ไม่มีแดดฟ้าเลยขาวๆดูขมุกขมัว กลายเป็นว่า จขบ มากะทันหันตอนนาทีสุดท้ายแต่ได้จังหวะเหมาะเจาะยิ่งกว่าซะงั้น )

ภาพทุ่ง KOKIA ถูกปลูกสลับกับทุ่ง Cosmos อีกภาพ (และจะมีอีกหลายๆภาพในบล็อคนี้) คนจัดสวนเค้าก็เข้าใจคิดนะ ปลูก KOKIA สีแดงๆไว้ฝั่งนึง ปลูก Cosmos สีขาวๆชมพูๆไว้อีกฝั่งนึง แล้วก็มีเหลือพื้นที่เป็นเนินทุ่งหญ้าสีเขียวขจีไว้อีกด้วย เล่นสีสันของธรรมชาติได้เก่งและเหมาะเจาะดี ขอคารวะจากใจจริง


ทางเดินเพื่อชมทุ่งจะเป็นลักษณะที่คดเคี้ยวค่อยๆขึ้นเนิน(ไม่ค่อยชันนะ)ไปทีละจุดทีละจุด และมีจุดพักมีเก้าอี้ให้นั่งพักอยู่เป็นระยะๆ ภาพด้านล่างเป็นจุดพักแรกที่ จขบ เจอ เพิ่งเดินมานิดเดียวยังไม่ทันจะเหนื่อยหรอกแต่หยุดตรงนี้เพื่อเล็งหาคนช่วยถ่ายรูปให้ จขบ ซะหน่อยได้มาแล้วหนึ่งภาพกับทุ่ง KOKIA และทุ่ง Cosmos


จริงๆดูพยากรณ์ก็เตรียมตัวหนาวมาแล้วล่ะ ข้างใต้เสื้อคอเต่าสีเทา เป็นคอเต่าแขนยาวรัดรูป HeatTech ของ Uniqlo ใส่ซ้อนกันหลายชั้นจะเก็บกักความอุ่นได้ดีกว่าใส่หนาชั้นเดียว แต่แล้วก็ตกม้าตายเพราะมันหนาวที่มือที่โผล่พ้นเสื้อมานี่ล่ะ ส่วนกระเป๋าที่หิ้วในภาพบน เห็นเล็กๆแต่หนักพอตัวนะ เพราะใส่เลนส์ขาวผอมIS ตัวล่าสุดที่เพิ่งบิดมือสองสภาพกิ๊งจาก Yahoo Japan Auction มาลองออกสนามเป็นครั้งแรกที่นี่ด้วย

ไหนๆเวลาก็เหลือเฟือทุ่ง KOKIA ก็มีอยู่แค่รอบๆที่ตรงนี้ จขบ ก็เลยจัดการเปลี่ยนเลนส์ขาวผอมมาเสียบกล้องลองส่องวิวจากจุดพักจุดนี้ด้วยเลนส์เทเลกะเค้าบ้างเป็นครั้งแรก (ไม่เคยใช้เลนส์ช่วงนี้มาก่อนเลยเนี่ย) พอเสียบปุ๊บมองไม่เห็นคนใกล้ๆทันที เห็นถ่ายไปโน่นนนนนนนเลย ไกลๆไปเลย จะยืนส่องนานแค่ไหนคนโดนส่องก็ไม่มีทางรู้ตัว อยู่ห่างกันซะขนาดนี้ ปกติเป็นคนไม่เคยเปลี่ยนเลนส์ระหว่างทริปซะด้วย นี่ลองครั้งแรกเลย ตะกุกตะกักพิกลกลัวทำเลนส์หลุดมือกลิ้งลงเนินไป

ภาพด้านล่างมีใครสังเกตไหมว่าตรงพุ่ม KOKIA ส่วนล่างสุดในภาพมีคนอยู่ด้วย ใส่เสื้อสีแดงเลยกลืนกับ KOKIA ไปเลย สำหรับ จขบ นั้นคำนวนมาอย่างดีว่า KOKIA สีแดงดังนั้นต้องไม่ใส่อะไรที่สีกลืนกันไปมาเด็ดขาดเดี๋ยวจะถ่ายรูปแล้วไม่สวยไม่เด่น(ในภาพ)


หมุนๆเลนส์ให้ซูมไปไกลๆยิ่งขึ้น ได้ KOKIA กลมๆมาเต็มๆภาพแบบไม่ต้องมีการคร๊อป ดูเผินๆเหมือนกองทัพมนุษย์เห็ดบุกโลก


ส่องแต่ KOKIA เดี๋ยว Cosmos จะน้อยใจเลยส่องทุ่ง Cosmos แบบเต็มๆเฟรมมาบ้าง แต่เนื่องจาก Cosmos มันดอกเล็กๆถ้าไม่ถ่ายใกล้ๆแนว closeup/macro ตัวดอกมันก็ดูไม่โดดเด่นในภาพเท่ากับพุ่ม KOKIA น่ะนะ แล้วช่วงเวลานี้ KOKIA ก็เป็นไฮไลท์หลักที่สวนเค้าโปรโมทด้วย เหมือนว่า Cosmos เป็นแค่ส่วนเสริมเข้ามามากกว่า (แต่ถ้าไม่เสริมเข้ามาสวนตรงนี้ก็อาจไม่สวยเท่านี้ก็ได้ สรุปว่ามีไว้ทั้งคู่แหล่ะดีแล้ว)


เค้าว่ากันว่าเทเลนี่เหมาะเอาไว้แคนดิต ก็ลองซะหน่อยแคนดิตชาวญี่ปุ่นที่มาเที่ยวสวนกันจากที่ไกลไกล๊ไกล ซูมสุดกระบอกกันไปเล้ยย


จากการเดินมาหนึ่งวันเจอคนที่มาเที่ยวอยู่หลายจำพวก เรียงตามลำดับที่เจอมากสุดไปถึงที่เจอน้อยสุดได้ประมาณนี้ (จขบ กะๆเอาเองนะ)

  1. คุณลุงคุณป้าชาวญี่ปุ่นมากันเป็นคู่ๆ และส่วนใหญ่มักมาพร้อมน้องหมาด้วย(น่ารักจริงๆ ทั้งคู่รักสูงวัยและน้องหมาเลย ^_^)
  2. กลุ่มผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นมากับเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน(แปลกว่าเป็นเหล่าคุณป้ามากกว่าคุณลุง)
  3. ครอบครัวคุณพ่อคุณแม่ยังสาวพร้อมลูกตัวเล็กๆน่ารัก
  4. คู่รักวัยหนุ่มสาวมาเดทกัน
  5. ตากล้องผู้ชายชาวญี่ปุ่นพร้อมขาตั้งกล้องและอุปกรณ์ครบชุด(มักเป็นคุณลุงซะมาก)

ส่วน จขบ นั้นถือเป็นเคสหายากในวันนั้น ผู้หญิงต่างชาติมาคนเดียว แถมถือกล้องติดเลนส์ตัวเบ้อเริ่ม(ถือว่าใหญ่สำหรับคนอื่นๆน่ะนะ แต่ก็ยังเล็กกว่าเลนส์เทพตัวอื่นๆ)

ลงรูปเยอะเดี๋ยวจะเอียนกัน(แค่เท่าที่ลงก็เยอะจะแย่แล้ว) ต่อไปจะพยายามเอาแต่ที่มุมไม่ซ้ำมาลง ส่วนรูปที่เหลือ(อีกเพียบ)ตามไปดูได้ที่อัลบั้มใน multiply ตามลิงค์ที่หัวบล็อคและท้ายบล็อคเลยค่า ว่าแล้วก็เปลี่ยนเลนส์กลับเป็น 15-85 และเดินไปจุดต่อไปซะที (ยืนถ่ายอยู่ซะน๊านนาน คุณป้าคนญี่ปุ่นที่นั่งพักอยู่แถวนั้นคงแอบนึกในใจว่ายายนี่จะถ่ายอะไรนักหนา คนอื่นๆเค้าหันถ่ายสองสามทีก็เดินต่อไปดูที่อื่นๆกันแล้ว)

วิวเนินเขากับท้องฟ้าประมาณในภาพนี้คล้าย wallpaper อันนึงของ windows เลย แต่อันนั้นเป็นเนินเขาสีเขียวธรรมดาไป อันนี้สิเนินเขาสีแดงหายากกว่า


มองไปไกลๆลิบๆจะเห็นมีชิงช้าสวรรค์ด้วยนะแต่อยู่ในสวนคนละส่วนกันไม่เกี่ยวกับ KOKIA จขบ เลยไม่ได้เดินไปดูใกล้ๆแต่ไหนๆแล้วก็กะจะขอถ่ายรูปคู่ซะหน่อย จากกระทู้แนะนำห้องกล้องก่อนหน้านี้ว่าด้วยเรื่อง perspective ถ้าอยากถ่ายให้ของที่อยู่ไกลๆดูเด่นๆชัดๆพร้อมกับคนในภาพควรใช้เลนส์เทเลซูมเยอะๆแล้วส่องเอาจากไกลๆทั้งคนทั้งของเลย โดย perspective ของเลนส์เทเลจะเป็นตัวทำให้วัตถุไกลๆที่ว่าดูใหญ่ขึ้น ใกล้ขึ้น โดดเด่นขึ้นมาเอง ไม่ได้เป็นแค่จุดเล็กจิ๋วอยู่ในภาพ


ทฤษฏีอ่านมาซะแน่นแต่ถึงเวลาปฏิบัติ มาคนเดียวอย่างนี้ทำได้ซะที่ไหน แค่รบกวนคนอื่นที่เดินผ่านไปมาก็เกรงใจจะแย่แล้ว จะให้ไปขอว่า >> ช่วยถ่ายรูปให้หน่อยนะคะ(พร้อมยื่นกล้องและเลนส์ตัวยาวยืดใหั) เดี๋ยวยืนรออยู่ตรงนี้นะคะ เราจะวิ่งไปที่ตรงโน้นนนนน แล้วช่วยรอจังหวะไม่มีคนเดินผ่านขวางเลนส์ช่วยถ่ายรูปให้เห็นชัดๆทั้งคนทั้งชิงช้าสวรรค์ที่อยู่ลิบๆนั่นเลยนะคะ (ถ่ายเสร็จต้องรอเราวิ่งกลับมาเอากล้องอีก) << อย่างเนี้ยอ่ะ ใครมันจะไปกล้าขอถ้าไม่ใช่คนที่มาด้วยกัน สรุปก็ได้ภาพคู่กับชิงช้าสวรรค์มาตามมีตามเกิดเท่านี้


เดินถ่ายรูปมาจนเกือบจะถึงเนินที่สูงที่สุดข้างหน้าแล้ว ตรงนี้เป็นจุดพักอีกจุดหนึ่ง ซึ่งเท่าที่ดูๆน่าจะเป็นจุดที่ใหญ่สุดและวิวสวยที่สุด เพราะสามารถเห็นวิวทุ่ง KOKIA และ Cosmos ได้ทั้งหมดอย่างใกล้ชิด อีกฝั่งก็เป็นวิวทะเลด้วย (KOKIA แถวๆนี้หลายต้นกลายเป็นสีน้ำตาลเรียบร้อยแล้ว)


ว่าแล้วก็งัดเอาเลนส์ขาวผอมมาติดกล้องอีกครั้งแอบส่องคนรอบข้างไปเรื่อย (จะงัดเลนส์ออกมาเปลี่ยนเฉพาะที่ๆมีจุดปลอดภัยๆให้ค่อยๆเปลี่ยนเลนส์เท่านั้นล่ะ ยังไม่กล้าเสี่ยงทำเลนส์ตก) ภาพนี้เป็นทางเดินต่อขึ้นไปเนินสูงสุด เดี๋ยวเสร็จจากตรงนี้ จขบ ก็จะไปเหมือนกัน แถวๆกลางภาพจะเห็นซุ้มเหล็กโค้งๆอยู่ อันนั้นเป็นที่แขวนระฆัง มีไว้ทำไมก็ไม่รู้แต่เห็นใครเดินผ่านก็ไปเคาะระฆังกันทุกคน ถ่ายรูปอยู่แถวนั้นได้ยินเสียงอยู่ตลอดเลย


ขยับมุมถ่ายรูปมาอีกนิดนึงแล้วก็ซูมเข้าไปอีกหน่อย ก็เห็นคนตัวเท่ามดยืนอยู่บนเนินหญ้าสูงสุดอยู่ในภาพแล้ว วิวตรงนี้นอกจาก KOKIA, Cosmos, เนินหญ้าสีเขียว แล้วก็มีดอกอะไรไม่รู้สีเหลืองๆมาแซมแต่งแต้มสีสันเพิ่มให้ภาพด้วย


หมุนรอบตัว 360 องศาเพื่อแอบถ่ายชาวบ้านให้ครบ วันนี้เห็นคุณลุงคุณป้ามากันเป็นคู่ๆเยอะมาก ดูแล้วน่าอิจฉาน่าเอ็นดูดีจริงๆ วิถีชีวิตที่ญี่ปุ่นต่างกับที่ไทยมากจริงๆ ที่นี่นี่ถ้าแต่งงานแยกครอบครัวไปแล้วก็มักจะแยกบ้านอยู่กันไปเป็นครอบครัวใหม่ไปเลย โดยเฉพาะในโตเกียวไม่ค่อยจะเคยได้ยินเคสที่แต่งงานแล้วยังอยู่บ้านเดิมกับคุณพ่อคุณแม่เท่าไหร่


แต่จะว่าไปผู้สูงอายุที่นี่ก็ไม่เหมือนที่ไทยอีกนั่นล่ะ เดินเยอะมาตลอดชีวิตแถมอากาศก็ดี ถึงอายุมากแล้วก็ยังแข็งแรงชนิดที่ว่าคนต่างชาติอายุน้อยกว่าเป็นรอบๆอย่าง จขบ ยังอาย(ไปวัดทีไรขึ้นบันไดแพ้คุณลุงคุณป้าประจำ เหนื่อยก่อนเค้าทุกที ) และถึงจะอยู่แยกกับลูกหลานนานๆเจอกันทีก็มีความสุขกันได้ประสาตายายและประสาเพื่อนฝูงรุ่นเดียวกัน ถือเป็นเวลาทองของชีวิตที่ได้คืนกำไรจากการต้องทำงานหนักมาตลอดในวัยยังหนุ่มยังสาว ได้มาพักผ่อนท่องเที่ยวกันตามสบายแบบไม่มีภาระในที่สุด เรื่องเงินก็มีเงินที่ได้จากรัฐบาลคืนกลับมาจากการที่ต้องจ่ายภาษีมาทั้งชีวิต เลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องง้อใคร ไม่ต้องกลัวว่าแก่ไปแล้วจะไม่มีใครเลี้ยง

นอกจากจะแคนดิตคนแล้ว น้องหมาเองก็ไม่โดนยกเว้น เห็นบรรดาคุณลุงคุณป้าพาน้องหมามาเดินเล่นโชว์ตัวกันเยอะแยะมากมายหลายพันธ์ น่ารักๆทั้งนั้นเลย จขบ อยากจะหาเวลามาถ่ายแคนดิตน้องหมาที่ญี่ปุ่นมานานแล้ว เพิ่งจะได้ทำก็วันนี้เอง เสียดายว่าไม่ทันได้ภาพน้องหมาพันธ์ชิบะหรืออาคิตะที่ จขบ ชอบมากมาเลยสักใบ (ถ้าจะต้องเกิดเป็นน้องหมา ขอเกิดในญี่ปุ่นนะ เห็นแต่ละคนดูแลน้องหมากันดี๊ดี (โดยส่วนใหญ่ที่เห็นน่ะนะ ไม่มีอะไร 100% หรอก) )


ซูมวิวของสวนตรงส่วนที่ติดชายทะเลเข้ามาอีกหน่อย บรรยากาศติดทะเลแบบนี้ถึงมาหน้าร้อนก็น่าจะยังสดชื่นใช้ได้อยู่นะเนี่ย หน้าร้อนปีหน้าอาจได้แว่บมาหาสูดลมทะเลเย็นๆดูทุ่งดอกไม้ คลายร้อนจากตัวเมืองโตเกียวบ้างก็ได้


เล็งอยู่นานกว่าจะหาคนเหมาะๆเข้าไปขอให้ช่วยถ่ายรูปที่ระลึกให้ จขบ ได้ ยังไงไม่รู้ตรงจุดพักนี้ดูแต่ละกลุ่ม แต่ละคู่จะคุยกันเองสนุกสนาน ดูโลกส่วนตัวมากๆ จขบ ไม่กล้าแทรกเข้าไปขัดจังหวะสนทนาของเค้าเลย เห็นรูปแล้วก็อย่าเพิ่งเบื่อไป(แต่ จขบ ดูเองก็เบื่อล่ะ)ว่าไม่มีโพสท่าอะไรน่าสนใจเล้ยยย ยืนทื่อตลอดทุกรูป ก็แหม ไปคนเดียวอ้ะ ถึงอยากจะโพสก็ยังใจไม่กล้าพอและไม่ด้านพออยู่ดี ถ้ามีคนไปด้วยกันโพสเป็นเพื่อนกัน หรือ คนกันเองถ่ายให้นี่ค่อยยังชั่วกล้าโพสขึ้นหน่อย


ในที่สุด จขบ ก็เดินขึ้นมาถึงเนินเขาสูงสุดจนได้ (คือ มันไม่ได้เดินไกลหรอกนะ แต่ช้าเพราะมัวหยุดถ่ายรูปอ้อยอิ่งรายทางนี่ล่ะ) ข้างบนนี้มองเห็นวิวได้รอบๆเลย แต่เนื่องจากเป็นแค่เนินหญ้าธรรมดาไม่มีต้นไม้หรือดอกไม้อะไรประดับอยู่ข้างบนนี้ ผู้คนก็เลยมาเดินวนๆชมวิวมุมสูงกันแป๊บๆก็ลงไปกันแล้ว มี จขบ นี่ล่ะนั่งอยู่ตรงนี้นานมากเพราะแถวนี้คนไม่เยอะดี ระยะห่างกำลังพอเหมาะ มีโอกาสจะได้ลองใช้เจ้าขาวผอมถ่ายรูปตัวเองจากไกลๆหน่อย รออยู่นานกว่าจะหาคนเหมาะๆขอให้ช่วยถ่ายรูปให้ได้ คร๊อปจัดองค์ประกอบนิดนึงก็โอเคนะวิวมุมสูงก็สวยดีหลังเบลอๆ แต่เสียดายว่าเค้าไม่ได้เล็งมุมให้ติดชิงช้าสวรรค์มาให้ด้วย


ระหว่างที่รอถ่ายรูปข้างบนอยู่ จขบ ก็งัดเอาเจ้าขาวผอมมาแคนดิตคนอื่นไปเรื่อย เจอคุณลุงคุณป้าอีกคู่ท่าทางสนิทรักกันดี พร้อมน้องหมาที่แสนจะน่าอิจฉานั่งชมวิวมาในตะกร้ารถเข็นตากลมเย็นๆ(หนาวๆ)สบายเลย ไม่ต้องเดินเอง


รอร๊อรอไปเรื่อยๆก็ส่องผู้คนที่สวนด้านล่างไปพลางๆ ในภาพนี้บังเอิญมาก คุณลุงคุณป้าและน้องหมาในตะกร้าภาพบนมาโผล่ในภาพนี้ด้วย คิดดูว่า จขบ นั่งแช่อยู่นานแค่ไหน คนอื่นเค้าขึ้นมาจนลงไปถึงไหนกันหมดแล้ว


ต่อไปจะเป็นภาพขาที่วกกลับลงไปด้านล่างแล้ว เนินหญ้าในภาพคือ ที่ๆไปนั่งแช่รอเมื่อตะกี้ ภาพนี้เหมือน wallpaper ของ windows เวอร์ชั่น remix กับต้น KOKIA เลยนะเนี่ย


เล่ามาตั้งนานยังไม่มีรูป KOKIA เดี่ยวๆชัดๆเลยสักใบ จัดไปข้างล่างหนึ่งรูป แต่เป็นเวอร์ชั่นที่ต้นไม่อ้วนท้วนสมบูรณ์เท่าไหร่นัก แหว่งไปได้ไงไม่รู้ตั้งครึ่งต้น จขบ มีลองจับๆดูนิดหน่อยเหมือนกัน(ก็ป้ายงานเค้าบอกว่าให้ลองจับได้หนิ) ที่เห็นเหมือนเป็นกิ่งเล็กๆนึกว่าจะแข็งๆเหมือนกิ่งไม้ แต่เอาจริงๆไม่แข็งเลยออกนิ่มๆด้วย หรือว่าที่เห็นเหมือนกิ่งเล็กๆจริงๆเป็นใบของมันกันนะ?? อาจมีการวิวัฒนาการบางอย่างทำให้ใบเล็กลงเพื่อลดการคายน้ำอะไรทำนองนี้เหมือนต้นกระบองเพชรก็เป็นได้ (จขบ คิดเอาเองนะ ขี้เกียจไปค้นข้อมูลมายืนยัน)


โคลสอัพ Cosmos สักภาพ พอสักเกือบๆบ่ายสามนี่ก็เห็นแล้วว่าแสงเริ่มน้อยลงและหายไปเป็นระยะๆ แถมยังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองๆอุ่นๆเป็นสัญญาณว่านี่คือแสงสุดท้ายของวันแล้ว ดังนั้นใครจะมาเที่ยวหน้าใบไม้ร่วง(และหน้าหนาว)แนะนำว่าอย่าตื่นสายเด็ดขาด เข้านอนแต่หัวค่ำไปเลยก็ได้ แต่ควรตื่นให้เช้าๆเพื่อให้ทันก่อนช่วงฟ้ามืด ช่วงประมาณสัก 8:00-16:00 น่าจะเหมาะสุดที่แสงยังโอเคพอถ่ายรูปสวยๆได้อยู่ (ยกเว้นถ้าวันนั้นไม่มีแดดอยู่แล้ว ตื่นกี่โมงก็แห้ว)


Cosmos แบบ silhouette มั่ง(สะกดยากจริงคำนี้) จริงๆไม่ได้มืดขนาดนี้หรอกแต่ถ่ายย้อนแสงดอกเลยมืดๆ เอามาปรับเป็น silhouette ใน photoshop แทนซะเลย


ขออีกสองภาพสุดท้ายของทุ่ง KOKIA และ Cosmos แล้วจะเลิกแปะวิวตรงนี้แล้ว พอดีว่าสองภาพนี้ จขบ ชอบมากๆ วิวสวย ฟ้าสวย แสงดี แทบไม่ต้องรีทัชอะไรให้เลย(เร่งสีฟ้าของท้องฟ้าให้จิ๊ดนึง) ภาพแรกเน้นๆ KOKIA และ Cosmos ตัดกับท้องฟ้าและเมฆอลังการข้างบน


ภาพที่สองแบบบรรยากาศสวนรวมๆ ให้เห็นแนวการปลูก KOKIA และ Cosmos สลับแทรกกันอยู่ซะหน่อย ซ้ายมือคือทุ่ง Cosmos ทั้งทุ่ง ขวามือก็ทุ่ง KOKIA ทั้งทุ่งเช่นกัน สองภาพนี้ต้องชูกล้องเหนือหัวสุดแขนเพื่อให้ได้มุมก้มแบบนี้มา เนื่องด้วยความสูงของ จขบ มีจำกัดเลยทำได้เท่านี้เอง (แดดก็ส่องมอง Live view ไม่เห็นเลย กะๆแล้วกดๆมาเอา)


จนจะออกจากสวนอยู่แล้วเพิ่งจะได้ภาพ Cosmos ที่ถูกใจเอาตอนสุดท้ายนี่เอง ตรงนี้แสงอุ่นๆลงพอดี แต่พยายามถ่ายยังไง๊ยังไงลมก็พัดเอา Cosmos หันหน้าหนีกล้องอยู่ตลอดเวลา ได้ภาพมาแบบคนโดน Cosmos เมินหน้าหนีทั้งกลุ่ม แต่แล้วกลับถูกใจซะงั้น


ดู Cosmos มุมนี้ก็สวยดีเหมือนกันนะ แสงอุ่นๆสีเหลืองทำให้เห็นก้านดอกบางๆสีเขียวๆ(ที่มีส่วนผสมของสีเหลืองอยู่ด้วย)โดดเด่นขึ้นมา ดูเน้นความเป็นดอกไม้ที่บอบบ๊างบอบบางและน่าทะนุุถนอมจริงๆ


และแล้วก็ได้เวลาออกจากทุ่ง KOKIA จนได้ ทำไปได้เดินวนรอบเดียวใช้เวลาไปตั้งเกือบสี่ชั่วโมง ข้าวปลา(ขอเป็นปลาดิบด้วยก็ดี )น้ำเนิ้มไม่ได้ตกถึงกระเพาะ ท้องร้องจ๊อกๆเลยตอนที่เดินออกมา (อากาศหนาวจะทำให้หิวเร็วขึ้น และต่อให้ห่วงอ้วนก็ต้องกินมากขึ้นไปโดยปริยายเพื่อให้มีพลังงานต่อสู้กับความหนาว ไม่งั้นไม่ไหวจริงๆถึงขนาดแสบท้องกันเลย)


วันนี้เจอน้องหมามามากมายก็จริง แต่ไม่มีตัวไหนจะเด่นเท่าน้องหมาตัวนี้อีกแล้ว เด่นมาแต่ไกลเลยเพราะทุกๆคนพร้อมใจกันเหลียวหลังหันกลับมามองกันหมดรวมถึง จขบ ด้วย น้องหมาตัวโตมากขนฟู๊ฟูน่ารักเชียว


แม้คนจะมองน้องหมาตัวนี้กันเยอะ แต่ที่ใจกล้าหน้าด้านเข้าไปขอคุณลุงคุณป้าเจ้าของน้องหมาถ่ายรูปน้องหมา แถมยังขอถ่ายรูปคู่ด้วยอย่างภาพบนก็เห็นแต่ จขบ นี่ล่ะ ซึ่งคุณลุงคุณป้าก็โอเคและให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี แต่เสียดายว่าน้องหมาซากุระ (ชื่อของน้องหมาตัวนี้) ตื่นคนแปลกหน้ามาก เข้าไปใกล้มีแต่จะวิ่งหนีอย่างเดียว ขนาดย่องไปยืนข้างหลังอย่างห่างๆก็ยังไม่วายรู้ตัวจะหนีลูกเดียว เลยได้รูปมาแค่ข้างบนนี้เอง ภาพนี้คุณลุงช่วยถ่ายให้ ในขณะที่คุณป้าช่วยจับเชือกจูงน้องหมาให้อยู่ข้างๆ

จริงๆอยากไปถ่ายคู่ใกล้ๆน้องหมาซากุระขนฟูอยู่นะ แต่มัน impossible จริงๆ คุณป้ามีลองให้ จขบ ถือสายจูงน้องหมาเองแล้ว ขนาดถืออยู่แค่ปลายสายเพื่อทิ้งระยะห่างให้มากที่สุดก็ยังไม่ไหว น้องหมาจะวิ่งหนีลูกเดียวแล้วน้องหมาตัวโตอ่ะ แรงฉุดดึงเอาจน จขบ ลุกวิ่งตามแทบไม่ทันเลย (เพิ่งเข้าใจอารมณ์ที่โดนน้องหมาตัวโตๆลาก ที่เคยอ่านในการ์ตูนก็วันนี้เอง)

ประมาณสามโมงนิดๆ (สวนปิดห้าโมงในช่วงเดือนนี้) จขบ ก็ออกมาถึงประตูด้านหน้าสุดแล้ว มัวแต่ถ่ายรูปขนมที่ระลึกพลาดรถบัสกลับสถานีไปเลย ต้องรอตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาอีกคัน (ในภาพเป็นแค่ของตัวอย่าง ขนมของจริงต้องไปซื้อที่เคาเตอร์ใกล้ๆ)


จริงๆ จขบ ชอบมาสคอต KOKIA นี้มาก ก็กะจะว่าซื้อพวกพวงกุญแจที่ระลึกซะหน่อย เดาว่าน่าจะกลมๆฟูๆ แต่ไม่เห็นเจอร้านขายเลยอ่ะ ไม่รู้ว่าไม่ทำขาย หรือ หมด หรือ หาไม่เจอเองกันแน่ ได้มาแค่ภาพบนป้ายผ้าที่ถูกลมพัดโบกสะบัดไม่หยุด ถ่ายตั้งเยอะไม่ได้แบบหน้าตรงๆไม่เบี้ยวมาเลยสักใบ


แทนที่จะนั่งรอรถบัสเฉยๆตากลมแรงๆหนาวๆก็เดินไปที่ด้านหน้าสุดของสวนถ่ายป้ายที่ติดถนนใหญ่มาซะหน่อย (ขามารถบัสจะเข้าไปจอดที่ด้านในเลยไม่ทันได้ถ่ายภาพป้ายนี้มา)


นี่แหล่ะที่เค้าเรียกว่าฟ้าใสก่อนพายุจะมา วันนั้นฟ้าใสแบบไม่น่าเชื่อเลยจริงๆว่าวันก่อนหน้าฝนตกไม่มีเว้นสักวัน และวันรุ่งขึ้นรวมถึงวันถัดๆไปก็ฝนตกลมแรงพายุพัดกระหน่ำติดต่อกัน เรียกว่าเป็นวันฟ้าใสเพียงวันเดียวท่ามกลางสัปดาห์แห่งพายุฝนจริงๆ แอบมหัศจรรย์ใจเป็นการส่วนตัวว่าวันฟ้าใสนี้มันโผล่ทะลุปล้องมาได้ยังไง


ที่ทางเดินจากป้ายหน้าสวนด้านบนถึงป้ายรถบัสมีต้นแปะก๊วยปลูกเรียงราย(แต่ไม่เยอะเท่าที่โตไดหรอก ) แถมหลายต้นก็ใบเหลืองแล้วซะด้วย แสงตอนเย็นสาดมากำลังเหมาะเข้าทาง จขบ เลยได้ภาพใบแปะก๊วยสีเหลืองทองภาพแรกของปีนี้มาแล้ว (ภาพใบแปะก๊วยทั้งหมดนี้ไม่ได้รีทัชใดๆเลย ย่ออย่างเดียวจบ ของมันสวยด้วยตัวเองอยู่แล้ว แถมทำรูปเยอะเหนื่อยแล้วด้วยเนี่ย)


ได้ภาพ KOKIA กับ Cosmos สวยๆแล้ว ยังได้ของแถมเป็นใบแปะก๊วยกับแสงงามๆอีก เล่นเอา จขบ ปลื้มใจหายเหนื่อยไปเลย(งานนี้เหนื่อยแบบไม่มีเหงื่อสักหยด ก็หนาวซะขนาดนั้น) เสียค่าเดินทางมาไม่เสียดายเงินเลยสักนิดเดียว


นอกจากใบเหลืองๆแล้วก็มีแบบใบเขียวๆด้วย จริงๆ จขบ ก็กะจะไปถ่ายตอนใบเขียวๆที่มหาลัยอยู่นะ แต่ช่วงนี้หาวันอากาศดีไม่ค่อยได้ แถม จขบ ก็พวกนกฮูกนกเค้าแมวตื่นเที่ยงวันนอนเกือบเช้า ออกจากบ้านมาไม่ค่อยทันแสงสวยๆเท่าไหร่


รถบัสขากลับนั้นเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย เห็นรถคันล่างนี้มา คันเล็กกว่าขามา สีสันตกแต่งซะน่ารัก ก็ไม่คิดอะไรโดดขึ้นไปเลย(พร้อมกับคนญี่ปุ่นอีกหลายคน) พอออกรถคนขับเพิ่งจะบอกว่าคันนี้จะช้าหน่อยนะเพราะต้องแวะหลายจุดมากกว่าอีกคัน สรุปใช้เวลาประมาณ 40 นาทีแน่ะกว่าจะถึง 勝田駅 Katsuta-eki (Katsuta station) แต่ราคาก็ถูกกว่าด้วยนะแค่ 100yen เอง


ขากลับ จขบ ซื้อบัตรนั่งแบบหวานเย็นธรรมดา JR Joban Line ซึ่งถือเป็นความผิดพลาดมากๆ มาครั้งหน้าไม่เอาอีกแล้วขอไปนั่ง 高速バス Kosoku-bus กลับหรือจ่ายเพิ่มอีกพันเยนนั่งรถด่วนกลับดีกว่า เข็ดจริงๆ

จขบ กับ JR Joban Line จริงๆเคยคุ้นเคยกันมาก่อนหน้านี้แล้ว สมัยที่แล็บอยู่คาบสองแคมปัสฮงโกะและคาชิวะก็เคยใช้บริการ Joban Line มาก่อน สมัยนั้นก็รู้แค่ว่าจาก 上野 Ueno มาถึง 柏 Kashiwa ก็ซัดไป 30 นาทีแล้ว(ต้องนั่งบัสต่อไปแคมปัสอีกกว่า 30 นาที) ไอ้สถานีปลายทางรถไฟที่บอกว่าสุดที่ 我孫子 Abiko หรือ 取手 Toride นี่มันไกลแค่ไหนนะ มาวันนี้ได้รู้แล้ว นั่งจาก Katsuta มานี่ผ่านครบเลย หวานเย็นมาเรื่อยๆจาก 茨城県 Ibaraki เข้ามา 千葉県 Chiba กว่าจะเข้าเขต 東京都 Tokyo มาได้

แถมรถไฟนี้มันเป็นรถไฟธรรมดาๆเหมือนที่นั่งกันในเมือง พูดอีกอย่างคือเก้าอี้แข็งๆแคบๆ พนักเก้าอี้ตั้งๆไม่มีปรับเอน จอดถี๊ถี่แถมจอดทีก็เปิดประตูอ้าซ่าลมหนาวพัดเข้ามาให้ขนลุกกันเป็นระยะๆ ต้องนั่งเมื่อยๆลุกหนีหรือขยับยืดเส้นยืดสายก็ไม่ได้ไปเป็นเวลากว่าสองชั่วโมงครึ่ง (เวลาโรงเรียนเลิก บริษัทเลิก ขืนลุกก็อาจไม่ได้นั่งอีก) บอกได้คำเดียวว่าครั้งนี้ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายจริงๆ เมื่อยตัวเมื่อยก้นมากๆ

และแล้วก็กลับมาถึงสถานี Ueno ซึ่งก็เหมือนว่ากลับมาถึงบ้านแล้วนั่นแหล่ะ จขบ อยู่แถวนี้มาตั้งสี่ปีกว่าแล้ว ตอนขามามัวรีบวิ่งขึ้นรถไฟเลยไม่ทันเห็น เพิ่งเห็้นขากลับนี่เองว่ามีประดับอะไรอยู่ด้วย น่ากลัวจะมีงานแห่หรือเทศกาลอะไรในช่วงๆนี้มั้งเนี่ย (ลายเพ๊นต์ด้านหลังก็นะ เพิ่งสังเกต มีผู้หญิงเปลือยด้วยล่ะ )


ตะลอนๆมาทั้งวันไม่ได้กินดื่มอะไรเลยนอกจากมื้อเช้าที่บ้านตั้งแต่แปดโมงเช้าโน่น หิวๆอย่างนี้อยากเข้าไปกินยากินิคุ(กินคนเดียว)ให้เต็มคราบซะหน่อย แต่ไม่อยากหัวเหม็นเลยเปลี่ยนมากิน 天丼 Tendon แทน ร้านชื่อ 天丼てんや Tendon-tenya อยู่เยื้องไปทางขวานิดนึงของ 南口 South Exit สถานีรถไฟ 御徒町駅 Okachimachi ร้านนี้คุณพี่ชายเจอตอนมาเที่ยว กินแล้วอร่อยถูกใจเลยกลายเป็นร้านประจำอีกร้านไป ใครมาเที่ยวแถวอาเมโยโกะถ้าไม่ทานปลาดิบก็ลองพิจารณาร้านนี้เป็นอีกทางเลือกได้


เมนูร้านนี้แน่นอนว่าก็ต้องเป็นเทมปุระไส้ต่างๆล้วนๆ ในแต่ละฤดูก็จะมีเมนูพิเศษเข้ามาเป็นระยะๆตามปกติญี่ปุ่น สำหรับหน้าใบไม้ร่วงตอนนี้มี カキフライ Kaki-furai หรือ หอยนางรมทอด เป็นของประจำฤดู เดี๋ยวอีกสักพักก็คงมีเห็ดมัทสิทาเกะ 松茸 (เห็ดสน) เข้ามา(ปีก่อนเคยกินมาแล้ว) แล้วไว้จะมากินอีก(หลาย)ทีนะ

มื้อเย็นวันนี้เป็นเซ็ตที่มีหอยนางรมด้วย ในภาพประกอบด้วย กุ้งหนึ่งตัว หอยนางรมสองตัว ถั่วฝักยาวหนึ่งอัน สาหร่ายทอดแบบเทมปุระหนึ่งแผ่น ส่วนที่เหลือจำไม่ได้แล้วว่ามีอะไรอีกบ้าง สรุปว่าอร่อยละกัน ร้านโปรด จขบ อยู่แล้ว(ใกล้บ้านด้วย)แถมคนหิวๆมาด้วย


ปิดท้ายบล็อคด้วยภาพน้องหมี Rilakkuma ในตู้เครนเกมส์ตรง Ameyoko ชอบน้องหมีตัวนี้เวลาทำตาหยีๆมากๆ (เคยเห่ออยากได้มากๆอยู่พักนึงใน บล็อคนี้) แต่ไม่มีฝีมือในเกมส์นี้เลยจริงๆ แค่ตัวเล็กๆจิ๋วๆยังไม่เคยหยิบได้เลย มีแต่เกือบ เกือบ เกือบ อยู่นั่นล่ะจนหมดไปพันกว่าเยนแล้วก็ยังได้แค่ เกือบ อยู่เหมือนเดิม


และแล้วก็จบบล็อคนี้ในที่สุด ยาวและรูปเยอะมากกกกกก ขนาดไปแค่วันเดียวแท้ๆ ก็แบบว่ารูปทริปนี้มันชอบไปซะทุกรูปเลยอ่ะ รักพี่เสียดายน้องตัดใจทิ้งรูปไหนไม่ค่อยลงเลยมาแบบชุดใหญ่เลย ในบล็อคนี่ตัดจากอัลบั้มเต็มใน multiply ออกไปเยอะแล้ว และใน multiply ก็ยังตัดจากจำนวนที่ถ่ายมาจริงๆไปอีกเพียบ

สุดท้ายนี้ก็อยากจะขอขอบคุณชาวญี่ปุ่นทุกๆท่านที่เจอในวันนี้ไว้ ณ ที่นี้ด้วย ทั้งคุณลุง คุณป้า คุณพี่ คุณน้อง ที่ช่วยเหลือให้ จขบ มีรูปที่ระลึกของตัวเองกลับมา ไม่ว่า จขบ จะไปเที่ยวที่ไหน ในหรือนอกญี่ปุ่น ก็ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะถูกคนญี่ปุ่นปฏิเสธไม่ช่วยหรือพูดว่าไม่สะดวกจะช่วยถ่ายรูปให้ (แต่คุณลุงบางท่านจะดูดุๆ น่ากลัวหน่อย) ตรงนี้นี่เป็นอะไรที่ซึ้งใจมากๆ คนญี่ปุ่นทุกคนที่เจอมา(เยอะด้วย เพราะหลังๆ จขบ เดินทางคนเดียวประจำ กล้องนี้ถูกใครต่อใครจับถ่ายมานับไม่ถ้วน)ตอบรับและช่วยถ่ายรูปให้ จขบ อย่างเต็มที่กันทุกคนเลยจริงๆ แม้ว่าส่วนใหญ่จะทำท่าตกใจกับขนาดกล้องและเลนส์ที่ยื่นให้ก็ตาม

สำหรับหนนี้ก็จำได้ติดตาอยู่คุณลุงท่านนึง แบกกล้อง Canon ตัวใหญ่มากๆสองตัว (Full frame แหงๆ) พร้อมเลนส์ตัวเบ้งๆ และ ขาตั้งกล้อง อีก พอ จขบ เข้าไปขอให้ช่วยถ่ายรูปให้ คุณลุงก็อุตส่าห์ไขกล้องตัวเองออกจากขาตั้งและเอากล้องของ จขบ ไปใส่ขาตั้งให้แทน เล็งแล้วเล็งอีก ปรับแล้วปรับอีกเพื่อให้ถ่ายออกมาตรง ในระหว่างนั้นอุปกรณ์ทุกอย่างของคุณลุงก็ถูกวางแหม่ะอยู่เก้าอี้หินด้านหลัง จน จขบ แอบเป็นห่วงแทนต้องคอยชะเง้อยืดคอเฝ้าของให้ เพราะกลัวของแพงๆจะเป็นอะไรไประหว่างช่วยถ่ายรูปให้ จขบ

ทีแรกก็งงๆว่าทำไมคุณลุงต้องลำบากเอากล้อง จขบ ขึ้นขาตั้งกล้องด้วยทั้งๆที่แดดก็ออกจะแรง แต่แล้วก็เห็นว่าคุณลุงเค้ามีอาการที่มือจะสั่น(อย่างเห็นได้ชัด)อยู่ตลอดเวลา ทำให้ต้องใช้ขาตั้งกล้องตลอดเวลาที่ถ่ายรูปไม่งั้นภาพก็ไม่นิ่ง ใช้เวลานานพอดูเลยสำหรับภาพเพียงสองภาพซึ่งองค์ประกอบธรรมดาๆแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆที่ได้เห็นคุณลุงเค้าเต็มที่ที่จะช่วยคนแปลกหน้าอย่าง จขบ เล่นเอา จขบ รู้สึกเกรงใจม๊ากมาก โค้งแล้วโค้งอีกเพื่อขอบคุณ และรอจนคุณลุงประกอบอุปกรณ์ของตัวเองจนเสร็จแล้วค่อยโค้งขอบคุณอีกรอบก่อนแยกไป

จากนี้จะเริ่มเข้าช่วงเดินทางยุ่งๆแล้ว จขบ แทบไม่ได้อยู่ติดโตเกียวอยู่ติดญี่ปุ่นเลย ถ้ามีเวลาอาจแว่บมาอัพบล็อคหน้าร้อนที่ค้างอยู่ต่อบ้าง แต่บล็อคใบไม้เปลี่ยนสีชุดใหญ่ที่กำลังแพลนจะไปถ่ายในเร็วๆนี้ คงต้องดองไปถึงสิ้นปีโน่น(เป็นอย่างน้อย)เลย

----------------------------------------------------------------------

ภาพทุกภาพถ่ายด้วย Canon EOS Kiss X3 + EF-S 15-85mm f/3.5-5.6 IS USM เป็นหลัก นานๆทีมีลองใส่ EF 70-200mm f4L IS ตัวใหม่ส่องจากไกลๆดูบ้าง ถ่ายมาเป็น RAW ทั้งหมด(เริ่มติดใจ) ช่วงแรกๆมีใส่ Marumi DHG Super Circular P.L.D 72mm เพื่อลดแสงลงและหมุนฟ้าเข้มบ้าง

ภาพส่วนใหญ่ผ่าน Photoshop ตามสมควร ส่วนใหญ่ภาพที่ท้องฟ้าสีเข้มจัดอยู่แล้วมักไม่ต้องทำอะไรมากนอกจากปรับแสงนิดหน่อย แต่ภาพที่ท้องฟ้าสีออกฟ้าจางๆเป็นภาพที่ไม่ได้มุม polarize เลยต้องมาจัดการลดแสงส่วนท้องฟ้าและปรับ saturation ขึ้นนิดนึงเพื่อให้เห็นรายละเอียดก้อนเมฆบ้าง (ซึ่งเวลาปรับต้องแยกเลเยอร์ปรับกับส่วนที่เป็นทุ่งต้นไม้ดอกไม้ เพราะสีแดงอยู่ในโทนมืดปกติต้องปรับให้โอเวอร์นิดนึงถึงจะดูสว่างพอดี กลับกันกับท้องฟ้าที่ปกติต้องปรับให้อันเดอร์นิดนึงเพื่อให้เห็นรายละเอียด)

ภาพทั้งหมดแชร์ลิงค์มาจากอัลบั้มใน multiply ภาพเต็มๆมีเยอะแยะมากมายมาก แบบว่ามันชอบไปซะหมดเลยเลือกไม่ถูก ถ้าสนใจภาพขนาดเต็มที่ไม่โดนย่ออย่างในบล็อคจนดูมัวๆนัวๆ รบกวนคลิกลิงค์ด้านล่างและตามไปที่บ้านใน multiply ได้เลยค่า

----------------------------------------------------------------------

รวมบล็อคทั้งหมดของทริป

1. [[รีวิวแรกรับใบไม้ร่วง2010@Japan]] ปฐมบทก่อนเดินทาง: สัปดาห์แห่งพายุ+อะไรเอ่ยสีแดงๆแต่ไม่ใช่ใบไม้แดง
2. [[รีวิวแรกรับใบไม้ร่วง2010@Japan]] ทุ่งKOKIAกลมๆแดงๆรับใบไม้ร่วงในวันฟ้าใสท่ามกลางสัปดาห์แห่งพายุฝน

----------------------------------------------------------------------

>> คลิกเพื่อดูภาพต้นฉบับแบบไม่โดนย่อใน OneDrive
>> คลิกเพื่อดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด



Create Date : 30 ตุลาคม 2553
Last Update : 31 ธันวาคม 2557 2:44:15 น. 11 comments
Counter : 15282 Pageviews.

 
สวยมากกกกค่ะ
เห็นว่าเป็นทุ่งดอก Nemophila สีฟ้าเต็มทุ่งช่วงพค.ด้วย ไม่ทราบว่าถ้าไปกลางเมษาจะเห็นไหมคะ
ใช้JRได้ไหมคะ
แล้วที่โตไกนี่ คนทั่วไปสามารถเข้าไปเดินชมได้ไหมคะ
ถามซะเยอะเลย ขอบคุณนะคะ


โดย: PandaSatoshi IP: 27.55.188.252 วันที่: 31 ตุลาคม 2553 เวลา:10:43:34 น.  

 
^
^
คือ เราก็ยังไม่เคยไปตอนช่วงนั้นนะคะเลยตอบไม่ค่อยได้ แต่ช่วงที่เค้าระบุในเว็บว่ามีงาน Nemophilia Harmony คือ ต้นถึงกลางเดือน พค ค่ะ

ถ้าไปก่อนหน้าดอกไม้ก็น่าจะมีแล้วเพียงแต่ว่าบานไปแค่ไหนแล้วเท่านั้นเองน่ะค่ะ แต่ถ้าไปทีหลังก็อาจต้องระวังว่าเค้าอาจจะถอนออกไปแล้วเพื่อเตรียมปลูกอย่างอื่นค่ะ

แนะนำว่าโทรไปถามทางสวนเค้าเพื่อความชัวร์ก่อนไปน่าจะดีที่สุดนะคะ ตอนเราไปดู KOKIA นี่ก็โทรไปถามเค้าก่อนเหมือนกันค่ะว่า KOKIA ยังอยู่ชัวร์มั๊ยเพราะไปนอกช่วงเทศกาลค่ะ

เบอร์โทรสอบถาม 029-265-9001 ค่ะ


โดย: White Amulet วันที่: 31 ตุลาคม 2553 เวลา:14:34:02 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะ


โดย: PandaSatoshi IP: 27.55.188.252 วันที่: 31 ตุลาคม 2553 เวลา:15:44:34 น.  

 
ตามมาจากห้อง BP ครับ ^^

เห็น Review ต้น Kokia แล้วอยากไปมากๆ เป็นอะไรไม่รู้ พอเห็นภาพที่คุณ White Amulet โพสไว้ตั้งแต่รูปแรก ก็รู้สึกหลงรักเจ้าต้นนี้ ขึ้นมาเลย

จะไป Tokyo 15-23 พฤศจิกานี้แหละครับ แต่คาดว่า คงไม่ทันได้เห็นเจ้าต้นฝุ่นนี้แน่ๆ (ขอเรียกต้นฝุ่น เพราะมันเหมือนกับตัวฝุ่นในเรื่อง Totoro มากๆ ^^)

ปล. Blog น่ารักมากๆ ครับ


โดย: CharliePapa IP: 183.89.10.36 วันที่: 31 ตุลาคม 2553 เวลา:22:20:50 น.  

 
^
^
แสดงว่าเราสเป็คเหมือนกันค่ะ เราเห็นต้นนี้ในรีวิวปีก่อนครั้งแรกก็หมายมั่นปั้นมือเลยว่าจะไปดูให้ได้ แต่ผ่านไปปีนึงดันลืมซะงั้น

ถ้าไม่บังเอิญเห็นภาพจากใน FB ของเพื่อนที่ญี่ปุ่นก็คงแห้วเหมือนกันค่ะ เพราะวันพรุ่งนี้มันกำลังจะโดนถอนออกไปแล้ววววว (เราเพิ่งไปสวนนั้นมาเมื่อวันพุธที่ผ่านมานี่ล่ะค่ะ จวนเจียนสุดๆ แต่ลงท้ายก็แค่เกือบจะแห้ว=ไม่แห้ว ค่ะ )


โดย: White Amulet วันที่: 1 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:17:27 น.  

 
^
^
แปลว่า ความหวังที่ผมจะเห็นมันในทริปญี่ปุ่นครั้งนี้ของผม =0 ใช่มั้ยครับ


โดย: CharliePapa (CharliePapa ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:19:33 น.  

 
^
^
แหะๆ ถ้าที่สวนนี้ก็คงจะเป็นงั้นล่ะค่ะ เพราะก่อนเราไปก็โทรไปถามที่สวนเค้าอยู่ เค้าก็บอกว่า KOKIA จะมีถึงแค่สิ้นเดือนนี้( ตค ) ค่ะ ที่หน้าเว็บเค้าก็บอกอย่างเดียวกันเลยค่ะ


โดย: White Amulet วันที่: 1 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:51:45 น.  

 
ไม่เป็นไรครับ +__+

ยังไงก็ขอบคุณคุณ White Amulet มากนะครับสำหรับการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใหม่

ขออนุญาต Add คุณเป็นเพื่อน ใน Web Blog นะครับ เผื่อโอกาสหน้า ไปญี่ปุ่นตรงกับช่วงดอก Kokia อีก จะได้เข้ามาหาข้อมูลครับ ^^


โดย: CharliePapa IP: 183.89.108.77 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:03:45 น.  

 
ชื่นชมในความอึดและความอดมากครับ

(ข้าว-น้ำไม่กินตั้งหลายชั่วโมง )



...พวกเครนเกมธรรมดาถ้าหยอดเยอะๆแล้วยังไม่ได้ พนง จะมาจัดตุ๊กตาให้หนีบง่ายๆนี่ครับ?


โดย: kirofsky วันที่: 2 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:42:08 น.  

 
^
^
นั่นล่ะค่ะ เห็นดูเหมือนจะหล่นง่าย แต่เจอไร้ฝีมืออย่างเรา ยังไงมันก็ไม่ยอมหล่นเสียที

ปล เรารู้สึกว่าผู้หญิงทนหิวได้ดีกว่าผู้ชายนะคะ(คิดในแง่ดีว่าฝึกไดเอต) เห็นคุณแฟนเรานี่โมโหหิวประจำ เรานี่หิวก็จริงแต่ทนได้เฉยๆ ไม่มีผลกับอารมณ์อ่ะค่ะ


โดย: White Amulet วันที่: 3 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:40:48 น.  

 
ต้น KOKIA แปลกดีจัง กลมๆน่ารักดีเหมือนกันแฮะ
อ่านบล็อคนี้แล้วกระตุ้นความอยากทุกที รูปสวยตลอด


โดย: bublebii IP: 58.8.103.229 วันที่: 6 ธันวาคม 2553 เวลา:3:32:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

White Amulet
Location :
Bangkok Thailand / Tokyo Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




บล็อคนี้ถึงไม่ค่อยมีอะไรแต่ถ้าจะก๊อปปี้ข้อความหรือรูปอะไรไปโพสที่อื่น ก็รบกวนช่วยใส่เครดิตลิงค์บล็อคนี้ไว้ด้วยนะคะ

เราไม่สงวนลิขสิทธิ์การนำภาพและข้อความในบล็อคไปเผยแพร่(ในแบบที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์)แต่สงวนลิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของภาพถ่ายและเนื้อหาค่ะ

ค้นหาทุกสิ่งอย่างในบล็อคนี้

New Comments
Friends' blogs
[Add White Amulet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.