ก่อนอื่นรีบวิ่งไปปิดพัดลมดูดอากาศกันไว้ซะก่อน แล้วตัดสินใจโทรสายตรงเข้ามือถืออาจารย์เลย (ไม่เคยกล้าโทรเข้ามือถืออาจารย์มาก่อนเลยนะเนี่ย) ทีแรกอาจารย์ยังพูดเหมือนว่าไม่มีอะไรผิดปกติหนิ วันนี้เค้าก็ไปมหาลัยอยู่ แต่ถ้าเรากังวลก็วันนี้ที่นัดไว้ยกเลิกไปก็ได้ ไว้วันหลังค่อยมาคุยกันเพราะเค้าไปมหาลัยอยู่แล้วล่ะ (เดาว่าเมื่อวานอาจารย์ก็ไปทำงานแน่เลย สมเป็นคนญี่ปุ่น The life must go on หน้าที่ของตัวเอง ยังไงก็ต้องทำต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น)
นั่งผ่าน Tokyo Sky Tree ที่กำลังก่อสร้างด้วย เพิ่งเคยมาเห็นใกล้ๆก็หนนี้เองปกติมองไกลๆจากตึกที่แล็บ อ้อ! แล้วที่เคยมีข่าวลือว่าจะย้าย Tokyo Tower ไปที่อื่น คุณลุงคนขับเค้าบอกว่าไม่จริงนะ ต่อให้ Sky Tree เสร็จก็ไม่มีผลอะไรกับ Tokyo Tower ก็มีไว้เป็นสัญลักษณ์ของโตเกียวทั้งสองแห่งนั่นล่ะ
คำตอบของคุณลุงเค้าก็คือ>> ก็ตกใจนะ แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้วหนิ (หรือในอีกนัยก็คือว่า เรื่องที่เกิดไปแล้วมันทำอะไรไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่ตกใจ แต่ life must go on ชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นต้องทำหน้าที่ตัวเองต่อไป) << คำตอบสั้นๆแต่ฟังแล้วซึ้งเลย แล้วก็พลอยรู้สึกห่อเหี่ยวใจอีกรอบไปด้วยที่เราไม่สามารถจะยืนหยัดกับสถานการณ์ไปได้ตลอดรอดฝั่งอย่างที่เคยตั้งใจไว้ก่อนหน้านี้
ทั้งหมดถ่ายด้วย Sony NEX-5 + Sony Alpha E 18-55 OSS โหมด P โลด ค่า ISO, WB ทุกอย่างจัด auto ไปให้หมด ถือกล้องมือเดียวแล้วกดทุกภาพ (รู้สึกว่ามือไม่นิ่งเอาซะเลย ภาพหาความคมแทบไม่ได้) ย่อเอาง่ายๆด้วย photoscape
ยังไงผมว่าสถานการณ์ที่ญี่ปุ่นน่าจะค่อยๆทรงตัวและดีขึ้นในที่สุดเองครับ ^ ^