ไม่น่าเชื่อนะคะ แม้ว่าจะไม่เห็นหน้ากัน แต่เรารู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่ส่งผ่านมาทางตัวอักษรจริงๆ ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งนะคะ ซึ้งใจจริงๆ
ช่วงนี้ก็อัพเดทชีวิตนิดนึงค่ะ หลังจากคลอดน้องได้สิบวัน แม่ก็พาหมอมาทับหม้อเกลือกับทำกระโจมให้เราเข้าที่บ้าน
จะบอกว่าเกิดมาไม่เคยเห็น ไม่เคยทำเลยค่ะ (แหงซิ !! แกเคยคลอดลูกซะเมื่อไหร่ )
คอร์สนี้เราทำ 5 วัน วันนึงสามชม.ค่ะ เริ่มแรก หมอเค้าจะนวดให้เราก่อน นวดแบบกดแผนโบราณก่อน นวดเป็นชั่วโมงๆเลย
จากนั้นก็นวดแบบนวดน้ำมัน จนเราผ่อนคลาย สบายตัวมากเลยค่ะ
เสร็จแล้วก็ประคบ แบบลูกประคบทั่วๆไปอ่ะ คงจะเคยเห็นกันอยู่แล้วเนอะ
แต่ที่แปลกใหม่สำหรับอิชั้นคือ "ทับหม้อเกลือค่ะ"
บ่องตง ตอนแรกนึกว่ามันคือการที่เราไปนั่งในกระโจม แล้วนั่งคร่อมหม้อเกลือ เลยเป็นที่มาของคำว่าทับหม้อเกลือ
เพิ่งมากระจ่างตอนที่หมอให้เรานอน แล้วเอาผ้ามาปูรองที่พุงไว้
จากนั้นหมอก็ถือหม้อดินเผา (นึกถึงหม้อจิ้มจุ่มยังไงยังงั้นเลย) แล้วก็เอาผ้าห่อๆๆแบบลูกประคบ เตรียมมาวางบนพุงเรา !!
อิชั้นร้องเรียกป๊า มาดูจิ....หนูจะโดนหม้อเกลือทับแว้วว
ทั้งบ้านหัวเราะกันใหญ่ หมอบอว่าเออจริงด้วยเนอะ อย่างนี้น่าจะเรียกว่าโดนหม้อเกลือทับมากกว่า 5555
จากนั้นก็เข้ากระโจมแบบ DIY ที่หมอทำมาเองค่ะ ขอบอกว่าร้อนได้ใจ
จริงๆที่ร้อนมากๆจะเป็นตรงก้นมากกว่า เพราะเนื้อที่ปลิ้นจากการนั่งจะโดนไอน้ำจากหม้อที่เดือดปุดๆๆส่งมา............เย้ยยยยย โคตรร้อนเลย อิชั้นชักขาหลบไปมาตั้งหลายครั้ง กลัวเนื้อพอง
เสร็จแล้วก็อาบน้ำผสมสมุนไพรที่หมอต้มให้เราในกระโจมนั่นแหล่ะค่ะ เป็นอันจบคอร์สของวันนี้ เฮ้อ
ตอนนี้ก็ผ่านมาได้ด้วยดีสามวันแร่ะ เหลืออีกสองวันให้เราผ่านฟันกับความร้อนต่อไป..ทั้งแม่แ่ละทั้งหมอบอกว่า ทำแล้วมดลูกเราจะแข็งแรง เข้าอู่เร็ว มีลูกคนใหม่ได้ง่ายขึ้น....เพราะฉะนั้น สู้โว้ยยยย
นึกถึงเรื่องราวตอนแอดมิดแล้ว จริงๆมันเครียดมากเลยนะ แต่ก็ยังมีอะไรๆที่อิชั้นแอบขำ(ตามประสาคนติงต๊อง)ไม่ได้ มะ...มาฟังกันหน่อย
อันแรกก็คือตอนเช้าเค้าให้อิชั้นไปนอนในห้องรวมพิเศษก่อน ซึ่งห้องรวมนี้จะมีสี่เตียง กั้นโดยใช้ผ้าม่าน อันนี้เราก็รู้ตัวอยู่แต่แรกแล้วว่าต้องนอนแบบนี้ เพราะยังจองห้องพิเศษไม่ได้
ทีนี้ความนอยด์ก็บังเกิดขึ้นกับ...ไม่ใช่ใครที่ไหน แม่เรานี่เอง แกก็กลัวตั้งแต่ยังไม่ได้เข้ามาเลย ว่าอิชั้นจะอยู่ได้ไหม จะนอนห้องรวมไหวหรือเปล่า
** คือ...จริงๆก็ไม่ใช่ลูกท่านหลานเธอจากไหนที่นอนห้องรวมไม่ได้เนอะ แต่ด้วยความที่รามาเป็นรพ.รัฐบาล และบ้านเราก็ทำประกันชีวิตทุกคน เวลาเข้าก็เข้าเอกชนเพราะเบิกได้ (ยิ่งอิชั้นทำงานในรพ.เอกชลด้วย ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ค่อยใช้บริการนอกรพ.ตัวเองเลย) คุณแม่ก็กลั๊วกลัว อิชั้นจะนอนไม่ได้ ถามว่าจะย้ายไปบำรุงราษฎร์ได้ไหม แต่อันนี้ป๊ารีบบอกแม่ว่าอย่าไปเลย กลัวจะต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่
แต่พอถึงเวลาเข้าจริง เราว่าวอร์ดสูติที่นี่โอเคกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ห้องก็ใหม่ด้วย พยาบาลก็พูดจาดีมากๆ สุภาพดีทีเดียวเลยค่ะ ก็เลยไม่น่าหวั่นวิตกเท่าไหร่
ตอนที่เรานอนบนเตียง แบบพอนอนเฉยๆไม่มีอะไรทำ เราก็มองไปฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นเตียงคนอื่น ตอนแรกยังว่างอยู่ แต่พักนึงก็มีคนเข็นคนไข้หญิงคนนึงมา เจ้าหน้าที่ติดตามมาด้วยเป็นสิบคน คนไข้ก็มีติดที่วัด Vital sign กันแบบจัดเต็มสุดๆอ่ะ (น่าจะเพิ่งออกจากห้องผ่าตัด)
อ้อ...เค้าหลับมาด้วยค่ะ แต่น่าจะหลับด้วยยาสลบมากกว่า เพราะอิชั้นเห็นเค้าหลับเป็นตายเลย ไม่กินข้าวกินปลา ไม่พูดไม่จากับแฟนที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงเลย
อิชั้นแอบนึกสงสารเค้า....ระหว่างที่ตักข้าวเที่ยงใส่ปาก จะว่าไป เรายังดีเนอะ ไม่ได้นอนนิ่งน่ากลัวขนาดนั้น ไม่ต้องติดเครื่องวัด Vital sign ยังกินได้ตามปกติ
กินข้าวเสร็จ หมอกะพยาบาลมาขอสอดยา dose แรก หลังจากสอดไปสักสามชม. นรกก็เริ่มมาเยืยนอิชั้นแร่ะ ทั้งท้องเสีย ถ่ายเป็นสิบๆรอบ จนมีแต่น้ำก็ยังไม่หยุดถ่าย ทั้งอาเจียน ทั้งปวดท้องน้อย ไข้ขึ้น หนาวสั่นกระตุกๆ
อิชั้นเจอผลข้างเคียงเยอะมาก จนพี่พยาบาลเอ่ยปากว่าอิชั้นไวกับยามากกว่าคนอื่นที่เค้าเคยเห็น แล้วเค้าก็ต้องเทียวไล้เทียวขื่อมาดูหลายหน (เป็นถึงขั้นฉีด Pethidine ไม่หายอ่ะ คิดดู๊)
แต่ก็มีบางระยะที่ความปวดทุเลาลงบ้าง อิชั้นมองไปที่เตียงตรงข้าม ที่อิชั้นว่าเค้าอาการหนัก ตอนนี้เค้ายังนอนนิ่ง....สบายตัวอยู่เลยค่ะ
จากนั้นอิชั้นจึงสำเหนียกตนได้ว่า ตรูนี่แหล่ะ อาการหนักที่สุดในวอร์ด ฮือๆๆๆ (เมริงไม่ต้องสงสารใครเลย สงสารตัวเองดีที่สุด )
จากที่เล่าว่า วอร์ดเค้าดูดี ดูใหม่มาก ห่างจากอิมเมจของห้องรวมรพ.รัฐบาลที่อิชั้นคิดไว้ลิบลับ
แต่ด้วยความที่เหน็บยาแล้วอิชั้นหนาวสั่นมาก ปานประหนึ่งไข้จับสั่น แถมยังถ่ายเหลวแบบสุดๆด้วย อิชั้นจึงแอบระเห็ดตัวเอง ไปนอนที่โซฟาหน้าห้องน้ำ (เค้าทำไว้ประมาณเป็นห้องพักพยาบาลกับที่เก็บของแม่บ้าน)
ก็แหม ตรงนั้นมันอุ่นสบายอ่ะ เค้าไม่ได้ติดแอร์ แค่เปิดพัดลมเฉยๆ มันก็ไม่หนาวมาก ยิ่งอิชั้นแอบจกผ้าห่มมาจากเตียงด้วย โอ๊ยย นอนสบายเลย อิชั้นหลับตาพริ้มมม อยากหลับตรงนี้ที่สุดเบยยย
คนเดินไปเดินมา เข้าห้องน้ำก็มองอิชั้นเป็นตาเดียว ตอนนั้นสภาพคงใกล้เคียงผู้ป่วยอนาถาเต็มที่แร่ะ (ดีที่เค้าไม่บริจาคตังค์ให้ แฮ่ๆ)
แต่นอนได้สักพักเค้าก็มาตามอิชั้นกลับเตียง บอกว่าอย่านอนตรงนี้เลยค่ะ เป็นอะไรไปไม่มีใครเห็น อิชั้นมีการต่อรอง....ไม่กลับอ่ะ หนาว น้องรีบบอก...เดี๋ยวหนูปิดแอร์ให้ค่ะ เลยเป็นที่มาของการปิดแอร์ห้องรวม เหอๆๆๆ (เกรงใจชาวบ้านเหมือนกันนะ เพราะอิชั้นคนเดียว ชาวบ้านร้อนกันไปทั่ว)
.........................................
อ้อ...ลืมเล่าว่าคืนนั้นโชคดีที่ได้ย้ายเข้าห้องพิเศษอ่ะ แต่กว่าจะได้เข้าก็ปาเข้าไปตั้งสามทุ่ม ซึ่งก็ยังถือว่าโชคดี เพราะตีสามน้องก็ออกมา ตอนที่อิชั้นคลอดเค้า อิชั้นร้องดังมากก ด้วยความตกใจ (ก็คนมันไม่เคยอ่ะ) ถ้าขืนนอนห้องรวมคืนนั้นไม่มีใครได้นอนแน่ๆค่ะ สงสารเพื่อนร่วมห้อง เอิ๊กๆ
V
V
คุณสามีมาถึงก็เซลฟี่เลย ไม่ถงไม่ถามสุขภาพ (หนังหน้า) ภรรยาซ้ากคำ
คุณสามีบอกให้ชูสองนิ้วค่ะ สู้ๆ
ทำไปได้เนอะ
V
V
วันนั้นมานั่งนึกๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา
อิชั้นว่าบนความโชคร้าย ยังมีความโชคดีหลายอย่าง
- วันนั้นคือจริงๆหมอจะไม่อัลตร้าซาวน์แล้ว เพราะนัดไว้ว่าอาทิตย์นึงที่ผลนิฟตี้ออกให้มาหา เค้าก็คงจะซาวน์วันนั้นเลย แต่เหมือนมีอะไรดลใจอิชั้น บอกหมอว่าขอซาวน์ได้มั้ย แพ้เยอะ กินอะไรไม่ค่อยลง กลัวน้องน้ำหนักน้อย
แล้วก็โป๊ะเช๊ะกับความผิดปกติที่หัวใจแบบว่าใหญ่เบิ้มที่หมอเค้าเห็น โชคดีที่คุณหมอรู้สึกได้ และรีบให้อิชั้นมารพ.ในกรุงเทพด่วน ทำให้เรารู้ความผิดปกติได้ไว
คือแบบว่ายังไงอ่ะ เสียใจมันก็ต้องเสียใจอยู่แล้ว แต่รู้ช้าหรือเร็วมันก็แตกต่างกัน เพราะความที่รู้เร็ว ทำให้เรายุติการตั้งครรภ์ได้เร็ว ซึ่งถามว่าเป็นผลดีมั้ย มันก็เป็นผลดี ในกรณีที่เราอยากจะพักฟื้นร่างกายให้แข็งแรงเร็วๆ เพื่อเตรียมรับการมีน้องอีกครั้งหนึ่ง
และอีกอย่าง การ terminate ที่อายุครรภ์น้อยๆ มันง่ายกว่าตอนที่เราอายุครรภ์เยอะๆนะ อย่างสี่เดือนกว่านี่ เค้าว่าเราสัมผัสได้ถึงลูกดิ้นแล้ว ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นเราคงเสียใจมากกว่านี้อีก (แค่นี้ยังแทบจะแย่)
..........................................................
- เราได้มาตรวจที่รามาเร็วมาก เพราะน้องสาวเรารู้จักอาจารย์หมอที่นี่ และท่านช่วยประสานแพทย์อัลตร้าซาวน์ให้ตรวจเราเป็นการส่วนตัว ซึ่งจริงๆเราก็เกรงใจพวกท่านมาก อย่างหมออัลตร้าซาวน์นี่เราไม่เคยมาหาเค้าเลย ก็ยังนึก...เค้าจะตรวจให้เราไหมว้าาา มาแบบ walk in ดุ่มๆ ไม่มีใบส่งตัว เค้าจะไล่ตรูกลับรพ.ไหมเนี่ย
ตอนนั้นเราร้อนรนสุดหัวใจ อยากได้หมอที่เก่งที่สุดมาตรวจน้องว่าผิดปกติเหมือนที่หมอคนแรกสงสัยไหม มันก็เหมือนคนหลงทางในอุโมงค์มืดๆ ทำอะไรไม่ถูก ไม่เห็นแม้แต่มือตัวเองเลย
การที่คุณหมอตรวจ แม้ว่าสุดท้ายจะพบว่าน้องผิดปกติ ต้องเอาออก แต่คำแนะนำของท่านก็เหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ค่ะ อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเราควรทำยังไงต่อไป
หากไม่ได้ท่านชี้แนะ เราคงยังเดินวนในอุโมงค์มืดๆแบบนั้นอีกนาน ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตต่อไป
.....................................................
อ้อ...อาจารย์หมอที่น้องสาวเราขอความช่วยเหลือไปในครั้งแรก ท่านก็ดีกับเรามากค่ะ คือบอกตรงๆว่าเราไม่รู้จักท่านหรอก แต่ท่านสนิทกับน้องสาวเราเหมือนเป็นน้องคนหนึ่ง
พอท่านทราบผลการตรวจ ท่านก็ช่วยปรึกษากับอาจารย์อัลตร้าซาวน์ แล้วก็โทรมาหาน้องสาว บอกว่าอยากเจอบ้านเราก่อนที่จะกลับชลบุรี คือจริงๆท่านก็มีความเห็นเหมือนหมอทุกท่านแหล่ะว่าเราควรเอาน้องออก แต่ท่านก็ยังอยากคุยกับบ้านเรา อยากแสดงความเสียใจ และให้กำลังใจก่อนเราจะกลับ
(ตอนแรกท่านมีแอบกลัว และลังเลว่าจะเจอพวกเราดีไหม กลัวว่าบ้านเราจะต่อว่าท่านที่แนะนำหมอที่ให้เราเอาน้องออกมาให้เรา)
เราบอก...โห จะโกรธได้ไง นี่ก็ต้องขอบคุณท่านมากที่อุตส่าห์ช่วยเหลือจนเราได้ตรวจกับอาจารย์อัลตร้าซาวน์ที่เก่งติดอันดับหนึ่งในห้าเมืองไทย แล้วไม่ได้เจอท่านคนเดียวด้วย มีอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญช่วยกันดูหลายคน จนเรามั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน
คือถามว่าเสียใจมั้ย มันก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา แต่มันเกิดขึ้นมาแล้ว เราก็ต้องยอมรับ และสิ่งที่ครอบครัวเราต้องการคืออยากให้เราอยู่ในมือแพทย์ที่เก่งและเชี่ยวชาญที่สุด ซึ่งตรงนี้เท่าที่เราได้ก็เกินความคาดหวังมาเยอะแล้วค่ะ
.............................................
- การยุติการตั้งครรภ์เป็นอะไรที่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ต้องผ่านกระบวนการตรวจและตัดสินอยู่นาน กว่าแพทย์คนนึงจะตัดสินใจเช่นนี้
แต่ในเคสของเรา คุณหมออำนวยความสะดวกให้เราอย่างมาก ทั้งการแนะนำให้รีบทำให้เร็วที่สุด และการดำเนินการตรวจสอบโครโมโซมน้องหลังจากนี้
เราได้คิวทำในเวลาที่รวดเร็วมาก (จนตัวเองแทบจะตั้งตัวไม่ติด) แต่ทั้งนี้ การตัดสินใจนี้เป็นประโยชน์กับเราในเวลาต่อมาจริงๆค่ะ คนเราพอเจ็บเร็วมันก็จะหายเร็วเนอะ
นอกจากนี้ คุณหมอมัชชุพรซึ่งเป็นหมอที่ดูแลภาวะมีบุตรยากให้เรา ก็บังเอิญเป็นอาจารย์แพทย์ที่รามาด้วยเช่นกัน แม้ว่าคุณหมอจะลาพักร้อนอยู่ที่ต่างจังหวัด คุณหมอก็ยังกรุณาโทรมาประสานเรื่องการตรวจโครโมโซมให้เรา นอกจากนี้ คุณหมอยังให้กำลังใจเราอย่างดีมาก ทั้งโทรคุย และส่งข้อความมาหาตลอดที่แอดมิท การที่หมอที่ดูแลเราทราบประวัติการรักษาของเราโดยละเอียด ทำให้เราอุ่นใจค่ะ ว่าเมื่อเราพร้อม เราจะกลับเริ่มต้นใหม่ได้ไม่ยาก
...................................................
- เราเคยมานั่งคิดนะ ว่าตอนที่เราใส่ตัวอ่อนช่วงสิงหา ถ้าครั้งนั้นไม่ติด เราจะใส่ตอนปีใหม่ แต่มันติดไง เราก็เลยปล่อยมายาวๆๆ แล้วก็มาปรากฏว่าต้องมาเอาน้องออก แล้วก็ใส่ตัวอ่อนไม่ทันปีใหม่แบบนี้ มันน่าเสียใจกว่าไหม หรือตอนแรกไม่ติดซะยังจะดีกว่า จะได้ใส่ทันปีใหม่ ซึ่งมีวันหยุดยาวติดกันเยอะ
แต่เราก็คิดว่า เราไม่เสียใจนะ การที่เราท้องได้ทำให้เราดีใจมากกว่า ว่าอย่างน้อยคนอย่างเราก็ท้องได้ และสามารถประคองการตั้งครรภ์มาได้ไกลจนผ่านไตรมาสแรกได้ โดยไม่มีอาการแท้งคุกคาม หรือเลือดออกใดๆเลย แม้ว่าตัวอ่อนเราจะไม่ผ่านบททดสอบชีวิต จนต้องจากเราไปทีละตัวทีละตัว แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เรามีความหวังว่าปีหน้า ถ้าเราดูแลร่างกายดีๆ ก็น่าจะสำเร็จได้ไม่ยาก (ก็เค้าบอกว่าคนเคยท้องแล้วจะท้องอีกง่ายไง)
ปีหน้าจะเป็นยังไงไม่รู้ แต่รู้ว่าแค่ยังมีความหวัง เท่านี้เราก็ happy แล้ว
..........................................................
- ที่สุด ของที่สุด......เรายังโชคดีที่มีป๊าแม่ และครอบครัวให้กำลังใจเราอย่างดียิ่ง ถึงแม้ว่าช่วงแรก เราจะมีภาวะซึมเศร้านิดๆจากฮอร์โมนที่แปรปรวน (แถมน้ำนมก็ไหล ยิ่งชวนเศร้าเข้าไปอีก)
แต่พอเวลาที่กลับบ้านมาเพื่อรักษาตัว พอเห็นแม่ดูแลเราอย่างดี เค้าถึงกับรื้อทำความสะอาดระเบียงห้องนอนของเรา เพื่อทำเป็นที่กินข้าวของเรา ให้เราไม่เบื่อกับการจับเจ่าอยู่แต่ห้องนอน (ตอนนี้เราอยู่ไฟ แม่ไม่อยากให้ขึ้น-ลงบันไดเยอะค่ะ)
กับข้าวคนอยู่ไฟ น่าทานมั้ยค่ะ
เราซึ้งอ่ะ ไม่คิดว่าแม่จะทำให้ถึงขนาดนี้ รู้สึกเลยว่าแม่รักเรามากๆ แล้วหลังจากนั้นมาสามมื้ออาหารแม่ทำให้กินโดยตลอด แม่เน้นเมนูเพื่อบำรุงสุขภาพเราเต็มที่ ทั้งกระเพาะหมู ไก่บ้าน ยาจีน โสม ผลไม้
ไหนจะเตรียมน้ำต้มสุก ที่เรากินได้อย่างเดียว แม่ก็คอยต้มและเติมใส่กาให้ตลอด ไม่ให้พร่องเลย
เราเบื่อข้าวอยากกินขนม แม่ก็ให้หลานทำขนมปัง ทำพิซซ่าให้เรากิน
คือแบบว่า...เท่าที่ผ่านมาก็รู้สึกว่าแม่ทำให้เราเยอะแล้ว แต่นี่คือเค้าทำให้เราได้อีกนะ....มันตื้นตันมากๆ
V
V
V
ลืมเล่าๆๆๆ วันพุธนี้วันเกิดแม่เค้าด้วย เค้าจะไปทำบุญที่บ้านเด็กกำพร้าบางละมุง ตัวเรายังไปไม่ได้เพราะยังอยู่ไฟอยู่ แต่ฝากตังค์เค้าไปซื้อของบริจาคด้วย
คุณนายแม่จัดเต็ม.....ทั้งของใช้ ขนมนมเนย
ขนมดีๆทั้งน้าน ทั้งป๊อกกี้ โคอาล่ามาร์ช โอรีโอ้ โคลอน ทินนี่ ดูๆไปอยากแย่งเด็กกินมั่งอ่ะ 555
สารพัดนม หลากหลายยี่ห้อ
ปกติแม่ก็ชอบทำบุญทุกวันเกิดอยู่แล้ว แต่ปีนี้ที่เลือกทำสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า เพราะอยากทำบุญเกี่ยวกับเด็กให้เยอะขึ้น เพื่ออุทิศผลบุญให้ลูกของเรา
อนุโมทนาบุญกับบ้านเราด้วยนะคะ ขอให้ทุกท่านได้รับผลบุญทั่วหน้ากัน อย่าเจ็บ อย่าจน เพี้ยงๆๆๆ
เราก้อเป็นคนไข้อ.มัธชุพรเหมือนกัน ตอนนี้รอใส่ตัวอ่อน 2 ตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ กะว่าจะทำรอบเดือนมค-กพ.58
ถ้ามีโอกาสได้เจอกันที่รพ.รามา จะทักทายนะคะ เพราะจำหน้าได้แล้ว ^___^