กะทันหันทริป :: Mumbai-Pune, India :: Part III (เที่ยวมุมไบ-1)
ความเดิมตอนที่แล้ว
ออกจากเครื่องบินแล้วก็มุ่งหน้าหา "ห้องน้ำ" ก่อนเลย ... แม้ว่าจะหวั่นๆ เรื่องความสะอาด แต่ก็ต้องเข้าแหละ ไม่งั้นไม่ไหว ห้องน้ำในสนามบิน โอเคดี ที่เคยได้ยินได้ฟังมาว่า สนามบินนี้สกปรก คงไม่ใช่
รอดจากห้องน้ำแล้วก็เดินตามป้ายบอกทาง มุ่งหน้าไปตม.ซะก่อน เราว่า สนามบินดูใหม่ และทันสมัยมากเลย มีทั้งทางเลื่อน ปูพรมนุ่มเท้า แอร์เย็นฉ่ำ และมีงานศิลปะตกแต่งระหว่างทาง
อยากหยุดถ่ายภาพให้ชัดๆ แต่ก็กลัวจะเสียเวลามากไป เพราะตอนนี้ "เจ้านายชาวญีปุ่นของพี่สาว" มาถึงสนามบินเมื่อเที่ยวบินก่อนหน้า และรอรับพวกเราอยู่แล้ว
ผ่านต.ม. มาโดยสะดวก เรียบร้อย ไม่มีปัญหาใดๆ ไม่ถามไถ่ให้มากความ ก็พากันมารอรับกระเป๋า ผู้คนมากมายยืนจับจ้องตามสายพาน รอการเดินทางของกระเป๋า คนแล้วคนเล่า ครอบครัวแล้วครอบครัวเล่า หยิบ ยก แล้วก็เดินจากไป แต่เราสองคน ยังคงรอกันต่อไป
จากที่ยืนรอ คุณพี่อิฉันก็นั่งรอแล้ว คุยกับครอบครัวข้างๆ ที่พากันไปเที่ยวเมืองไทย พวกเขาสนุกและชอบเมืองไทยมาก และหอบหิ้วของฝากมาเต็มกระเป่าเลยด้วย 1 ชั่วโมงผ่านไป เสียงโทรศัพท์ดังที่เครื่องพี่สาวเรา ...เจ้านายโทรมาถามไถ่ สักพัก กระเป๋าของเราสองคน ก็วนมาถึงซะที
ออกมาด้านนอก ก็เจอชาวญี่ปุ่นคนนึงกับชาวอินเดียคนนึง ยืนชะเง้ออยู่ คุณพี่อิฉันก็จ้ำๆ ลากกระเป๋าผ่านหน้าไป เราเอ๊ะใจ หันไปมองคนทั้งคู่อีกที นั่นแหละ คุณพี่ถึงหันตาม และพบว่า ชายสองคนนั้น คือคนที่รอรับพวกเราอยู่
ปล่อยเจ้านายกับลูกน้องทักทาย ถามไถ่กันไป เรามันเป็นแค่คนติดตาม ก็ถ่ายรูปไป สะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบ และสวยงามมาก Mr.Murata เล่าว่า สนามบินใหม่ เพิ่งเปิดใช้งานได้แค่ 3 เดือนเอง มิน่า ต่างจากเสียงเล่าลือเยอะเลย
ออกจากสนามบินก็เกือบห้าทุ่ม (ตามเวลาท้องถิ่น) Mr.Murata ให้คนขับรถมาส่งพวกเราเข้าที่พัก ระหว่างเส้นทางมุ่งหน้าสนามบิน ท้องถนนเมืองมุมไบ ยังคงเต็มไปด้วยรถรา การจราจรหนาแน่น และขับรถกับแบบ "ตามใจฉัน" อย่างที่อ่านเจอเลยด้วย แต่ช่างเถอะ เหนื่อยมากแล้ว ไม่อยากสังเกตอะไร จัดการเรื่อง check in กันแล้ว ....ก็เข้าห้องพักเลยละกัน
โรงแรมหรูหราขนาดนี้ ถ้าไม่ได้มากับคุณพี่ คงจองเข้าพักหรอก คืนนี้ ไม่ต้องรื้อกระเป๋ามาก นอนคืนเดียว พรุ่งนี้ก็ check out แล้ว อาบน้ำ ล้างเหงื่อ แล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงนุ่มๆ หลับสบาย
เช้าวันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน ตื่นแล้ว จัดเก็บข้าวของลงกระเป๋าแล้ว ก็ลงมากินอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์กัน มองหา American Breakfast ที่คุ้นเคย ก็ไม่เจออะไรมากนัก สลัดไม่มี ซุปไม่มี มีไส้กรอก โบโลน่า และไข่ต้ม ....ไข่ต้มฟองสีขาว ที่พี่สาวไม่กล้าหยิบ เพราะคิดว่าเป็น "ไข่เป็ด" แต่เราหยิบมาลอง กระเทาะเปลือก ผ่าออกดู นี่มัน "ไข่ไก่" ชัดๆ
กินสิ่งที่คุ้นเคยไปแล้ว ก็ลุกอีกรอบ มาตักสิ่งที่ไม่คุ้นเคย คือ อาหารอินเดีย อย่างละนิด อย่างละหน่อย และไม่ได้จดชื่อมา ก็เลยไม่รู้หรอกว่า อะไรเป็นอะไร มีแต่แป้ง ถั่ว และผัก เป็นหลัก กินๆ เข้าไปเหอะ ....อิ่มแล้วก็มีแรงเที่ยวได้
ช่วงรอคนและรถจากบริษัทมารับ เราก็ชวนพี่สาวออกมาเดินเล่นละแวกโรงแรมที่พัก ในเวลาเช้าๆ ไม่ค่อยมีผู้คน คงเพราะเป็นวันหยุดงานแน่เลย บนท้องถนน ไม่ค่อยเห็นผู้หญิงเดินริมถนน มีแต่ผู้ชายเดินสวนมาอยู่บ้าง และที่เห็นจะจะตาเลยคือ ริมถนนสกปรกมากกกกกกก เศษกระดาษ เศษขยะเกลื่อนนถนนไปหมด ...อันนี้สมคำรำลือ คนที่เดินสวนมาก ก็จ้องมองพวกเราซะจนรู้สึกหวั่นๆ เลยพากันเดินกลับเข้าโรงแรม
ขึ้นไปเอากระเป๋าลงมา check out แล้วนั่งรอ ไอ้เรามันอยู่ไม่สุกอ่ะนะ ก็เลยเดินดูโน้นนั่นนี้ไปตามเรื่อง และสะดุดตากับประติกมากรรมหินอ่อน 2 องค์ที่ตั้งเคียงกันอยู่มุมนึงของล้อปบี้
องค์ซ้ายคือพระคเนศที่เราคุ้นเคย ส่วนองค์ขวาไม่รู้จัก ถามเจ้าหน้าที่คอนเซียส เขาก็อธิบายมานะ แต่บอกตรงๆ ว่า ฟังภาษาอังกฤษสำเนียงแขกไม่ค่อยรู้เรื่อง เลยเปลียนมาขอคำแนะนำเรื่องสถานที่เที่ยวในเมืองมุมไบดีกว่า ไหนๆ ก็จะมีคนนำเที่ยวแล้ว เจ้าหน้าที่คอนเซียสจัดการพิมพ์รายการสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำให้มาเลย ...
และแล้วก็ถึงเวลานัดหมาย 8.30 น. Ms.Aswini และ Mr.Bandu ก็มารับเราสองคน กำหนดการคร่าวๆ คือ เธอได้รับคำสั่งให้พาพวกเราเที่ยว แล้วค่อยเดินทางไปเมืองปูเน่ตอนบ่ายแก่ๆ เราจัดแจ้งยืนโพยที่เจ้าหน้าที่คอนเซียสให้เธอและคนขับรถดู พอเป็นแนวทาง เพราะ Aswini เพิ่งเคยมาเมืองมุมไบ ส่วน Bandu นั้นมาบ่อยแล้ว แต่ก็อยากรู้ความตั้งใจคนเที่ยวซะก่อน
เรากำหนดที่เที่ยวหลักๆ คือ Gate of India ขอไปชมนะ ...ส่วนระหว่างทางผ่านตรงไหน หรืออยากพาเที่ยวตรงไหน ...ตามใจเจ้าถิ่นทั้งสองไปเลย พร้อมแล้ว ....ขึ้นรถกันเถอะ ...ออกเดินทางกันได้แล้ว
เดินทางต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ เรามักจะให้ความสนใจสิ่งที่พบเห็นระหว่างทางเสมอ ไม่ว่าจะเป็นผู้คนที่ผ่านไปมา ถนนหนทาง หรือตึกรามบ้านช่องทั้งหลาย สังเกตได้ว่า แม้จะมีป้ายรถเมล์ แต่คนก็รอรถเมล์บนถนน แบบบ้านเราเลย
รถตุ๊กตุ๊กที่เห็นเป็นพาหนะสาธารณะที่สามารถเหมาพาเที่ยวได้ ราคาเท่าไรนั้น ไม่ทราบได้ เพราะไม่่ได้ใช้บริการ และคนพาเที่ยวก็ไม่เคยใช้บริการซะด้วย
สถานที่แรกที่ Aswini จะพาเราไปคือมัสยิดกลางทะเล ซึ่งเป็นศาสนสถานสำคัญของชาวเมือง ระหว่างเส้นทาง เราก็ถ่ายรูปบ้านเรือนริมถนนไปพลางๆ ปล่อยให้คุณพี่สาวเจรจาความกับ Aswini เขาคุยเรื่องงานเรื่องการ ก็ปล่อยเขาไปเหอะ เราแค่ฟังเสียงให้คุ้นกับภาษาอังกฤษสำเนียงแขกเท่านั้น
ถ่ายรูประหว่างรถแล่น ก็ยากอยู่นะ แต่ถ้าเห็นอะไรน่าสนใจ ก็ขอกดชัตเตอร์ไว้ก่อนแหละ สังเกตเห็นภาพศิลปะบนตึก ...และก็เห็นแบบนี้หลายตึก ...ชาวอินเดียก็อาร์ตติสท์พอตัวเลยนะ
ป้ายจราจรก็เป็นอีกสิ่งที่น่าสนใจ บนถนนในเมืองมุมไบ เห็นป้ายห้ามกดแตรหลายจุด และทุกจุดที่เห็น จะได้ยินเสียงแตร แป๋น แป๋น ไม่รู้จะกดไปเพื่ออะไร ในเมื่อคันหน้าก็ไม่เห็นจะหลีกทางเลย แต่คนขับก็กดกันอยู่นั่นแหละ จะว่ากดด่าแบบบ้านเราก็ไม่ใช่อีก ...คอยสังเกตต่อไป
และแล้วรถมาวิ่งเข้าสู่เส้นทางสวยๆ เลียบริมทะเล มองไปมองมา คล้ายๆ วิวบนเกาะฮ่องกง สองพี่น้อง ตื่นตาตื่นใจ หันมาหยิบกล้องส่องออกนอกหน้าต่างรถกันใหญ่ Bandu เห็นแล้วรำคาญมั๊ง ก็เลยจอดรถริมถนนให้ถ่ายรูปซะเลย
อดไม่ได้ ขอเก็บเป็นแบบพาโนราม่าด้วยละกัน
พอถ่ายวิวกันเสร็จแล้ว Bandu ก็แบมือ ขอกล้องมาถ่ายภาพคู่ให้พวกเราด้วย ที่จริงเราไม่ค่อยชอบถ่ายภาพตัวเองนะ แต่ไม่อยากให้เสียน้ำใจ ก็เลยให้เขากดชัตเตอร์ให้ ได้รูปที่ระลึกจากการเที่ยวทริปนี้ เพราะ Bandu นั่นแหละ ขยันถ่ายรูปให้
โปรดติดตามตอนต่อไป
Create Date : 13 กรกฎาคม 2557 |
Last Update : 8 ธันวาคม 2558 21:54:25 น. |
|
2 comments
|
Counter : 2415 Pageviews. |
|
|
|
หลังจากตามกับหนังสือแล้ว
ได้ดูภาพจริงด้วย ^^
โรงแรมสวยมาก หรูเลยค่ะ
แต่อาหารเช้าบ้านเค้าแปลกตาดี น่าจะสไตล์แขก
รอบเมืองดูเก่าๆ แต่ก็ให้อารมณ์อินเดียดีนะคะ
ชอบๆ รอดูต่อค่า
ขอบคุณมากๆค่า