bloggang.com mainmenu search

 


ดาวเทียมโกเซโคจรรอบโลกด้วยระดับความสุงที่ต่ำกว่าดาวเทียมเพื่องานวิทยาศาสตร์ดวงอื่นๆ

(บีบีซีนิวส์)


คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น ภาพความเสียหายจากแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นเมื่อ 11 มี.ค.2011 (บีบีซีนิวส์)
ภารกิจหลักของดาวเทียมโกเซคือการสร้างแผนที่แรงโน้มถ่วงของโลก

นักวิทยาศาสตร์เผยแผ่นดินไหว 9.0 ริกเตอร์ที่ญี่ปุ่นเมื่อ 2 ปีก่อน ส่งผลกระทบไปถึงขอบอวกาศ ซึ่งดาวเทียมสามารถบันทึกแรงสั่นสะเทือนการเหตุการณ์พสุธากัมปนาทครั้งนั้นได้ แม้จะอยู่สูงจากพื้นโลกขึ้นไปกว่า 255 กิโลเมตร
       
       บีบีซีนิวส์รายงานว่า ดาวเทียมโกเซ (Goce satellite) ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์ที่มีความไวสูงสามารถตรวจจับคลื่นกระเพื่อมของเสียงในชั้นบรรยากาศซึ่งเกิดจากแผ่นไหวใหญ่ 9.0 ริกเตอร์ที่ญี่ปุ่นเมื่อ 11 มี.ค.2011 ที่ผ่านมาได้

เมื่อดาวเทียมเคลื่อนผ่านอากาศที่ได้รับการรบกวน แม้จะเป้นระยะที่อยู่สูงกว่าพื้นดินถึง 255 กิโลเมตร ซึ่งผลจากการสังเกตของดาวเทียมดังกล่าวได้ตีพิมพ์เผยแพร่ลงวารสารจีโอฟิสิคัลรีเสิร์ชเลตเตอร์ส (Geophysical Research Letters)
       
       ทั้งนี้ เป็นที่ทราบมานานว่า แผ่นดินไหวครั้งใหญ่นั้นสามารถสร้างคลื่นเสียงความถี่ต่ำหรือ “อินฟราซาวนด์” (infrasound) ซึ่งเป็นเสียงที่มีความถี่ต่ำเกินความสามารถของหูมนุษย์จะรับฟังได้ แต่ก็ไม่เคยมียานอวกาศลำใดบันทึกเสียงดังกล่าวได้มาก่อน จนกระทั่งดาวเทียมโกเซบันทึกได้
       
       ดร.รูน ฟลอเบิร์กฮาเกน (Dr.Rune Floberghagen) ผู้จัดการโครงการดาวเทียมโกเซจากองค์การอวกาศยุโรป (European Space Agency) หรืออีซา (ESA) กล่าวว่า มาตรวัดความเร่งของดาวเทียมโกเซนั้น มีความไวมากกว่าเครื่องมือรุ่นก่อนๆ ประมาณ 100 เท่า และสามารถบันทึกคลื่นเสียงดังกล่าวได้ถึง 2 ครั้ง เมื่อโคจรผ่านเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกและยุโรป  
       
       ดาวเทียมโกเซถูกออกแบบมาเพื่อทำแผนที่แรงโน้มถ่วงโลก โดยอาศัยการวัดแรงดึงดูดที่แตกต่างกันไปตามพื้นผิวโลก เนื่องจากการกระจายตัวของมวลดาวเคราะห์ที่ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งความแตกต่างของแรงโน้มถ่วงนี้ส่งผลต่อความเร็วของดาวเทียมเมื่อเคลื่อนผ่าน และดาวเทียมจะบันทึกข้อมูลไว้ด้วยมาตรวัดความเร่งที่มีความแม่นยำสูง
       
       อย่างไรก็ตาม สัญญาณแรงโน้มถ่วงนั้นเป็นสัญญาณที่อ่อนมากๆ ดังนั้น ดาวเทียมโกเซจึงต้องบินโคจรด้วยระดับที่ค่อนข้างต่ำมากๆ เพื่อสัมผัสแรงโน้มถ่วงให้ได้ ทำให้ดาวเทียมถูกลากไปตามด้านบนของชั้นบรรยากาศ

ซึ่งด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้ดาวเทียมบันทึกเสียงความถี่ต่ำที่เกิดขึ้นเมื่อ 11 มี.ค.2011 ได้ โดยคลื่นเสียงรบกวนความหนาปแน่นของโมเลกุลอากาศ และทำใหความเร็วของโมเลกุลเปลี่ยนแปลง แม้ว่าคลื่นเสียงดังกล่าวจะเป็นเพียงลมที่แผ่วบาง แต่นั้นก็แรงพอที่โกเซจะสัมผัสได้
       
       ดาวเทียมของอีซาดวงนี้ได้รับสัญญาณเสียงดังกล่าว เมื่อโคจรผ่านไปเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกหลังเกิดแผ่นดินไหว 9.0 ริกเตอร์แล้ว 30 นาที และได้รับสัญญาณอีกครั้งในอีก 25 นาทีถัดไป เมื่อดาวเทียมเคลื่อนผ่านยุโรป

และด้วยรูปแบบการจัดเรียงของมาตรวัดความเร่งบนดาวเทียมโกเซ ทำให้ดาวเทียมสามารถสร้างภาพ 3 มิติของสัญญาณที่วัดได้ และย้อนหาต้นกำเนิดเสียงได้อย่างมั่นใจว่าเกิดจากแผ่นดินไหวอย่างแน่นอน
       
       นอกจากเสียงแผ่ดินไหวแล้ว ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังตรวจสอบข้อมูลด้วยว่า ดาวเทียมสามารถบันทึกสัญญาณเสียงความถี่ต่ำที่เกิดจากดาวเคราะห์น้อยพุ่งเข้ามาในชั้นบรรยากาศ แล้วระเบิดเหนือรัสเซียได้หรือไม่ ซึ่งสัญญาณเสียงความถี่ต่ำจากดาวเคราะห์น้อยลูกดังกล่าวถูกบันทึกได้จากสถานีบนภาคพื้นดิน  
       
       ตอนนี้เชื้อเพลิงของดาวเทียมโกเซใกล้จะหมดแล้วและดาวเทียมก็ใกล้จะสิ้นสุดภารกิจ ซึ่งอีซาจะได้ลดระดับโคจรของดาวเทียมลงต่ำกว่า 230 กิโลเมตร เพื่อให้ได้ข้อมูลสนามแรงโน้มถ่วงที่ละเอียดขึ้น และคาดว่าจะสั่งให้ดาวเทียมตกจากฟ้ากลับสู่โลกในเดือน พ.ย.2013 นี้  

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์

สิริสวัสดิ์ภุมวารค่ะ

Create Date :12 มีนาคม 2556 Last Update :12 มีนาคม 2556 7:11:46 น. Counter : 958 Pageviews. Comments :0