เมืองที่มีคำขวัญแสนไพเราะ “หม้อห้อมไม้สัก ถิ่นรักพระลอ ช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่นี้ใจงาม” นี่คือจังหวัดแพร่ ที่มีทิวทัศน์สวยงาม มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั้งน้ำตก ถ้ำ น้ำพุร้อน อุทยานแห่งชาติ และยังมีแหล่งท่องเที่ยวแบบศาสนสถาน บ้านเรือนเก่าที่สวยงาม กำแพงเมืองโบราณ สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือน

 ศักดิ์ สมบุญโต ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พาคณะสื่อมวชนเยี่ยมชมเมืองแพร่พร้อมกล่าวถึงความน่าเที่ยวของแพร่ว่า มีจุดเด่นในความเป็นเมืองศิลปะล้านนาที่ย้อนอดีตไปนับเป็นพันปี รุ่นเดียวกับหริภุณชัย จะเห็นได้จากพระธาตุช่อแฮและกำแพงเมือง ที่มีอายุหลายพันปีมาแล้ว และเป็นเมืองที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์มาก ก่อกำเนิดเป็นป่าไม้สัก คนแพร่ทำไม้สักกันมายาวนาน มีต้นไม้สักที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปีจำนวนมาก ทั้งไม้รุ่นเก่าและใหม่ ที่นี่ยังมีความหนาวเย็นแบบชุ่มชื้นไม่แห้งแล้ง สามารถจัดทัวร์ชมกลุ่มไม้สักได้หลายแห่ง มีสวนสักที่รัฐบาลปลูกเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่แม่พวก ซึ่งปลูกมาตั้งแต่ปี 2453 และยังมีต้นสักขนาดใหญ่ที่ถูกนำไปสร้างเป็นเสาชิงช้าในกรุงเทพมหานครด้วย

ส่วนแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณสถานอื่นๆ ที่สำคัญ เช่นพระธาตุช่อแฮ ที่เก่าแก่รุ่นเดียวกับพระธาตุหริภุณชัย เป็นที่นับถือมาก โดยเฉพาะชาวราศีขาล หรือคนที่เกิดปีเสือ ถือว่าต้องมาไหว้สักครั้งในชีวิต ชมศิลปะล้านนาที่สวยงาม ห่างตัวเมืองไปเพียง 10 กิโลเมตร ที่นี่มีพระเจ้าทันใจที่อายุเก่าแก่ 600-700ปี มีความศักดิ์สิทธิ์ คนนิยมมากราบไหว้ขอพร เชื่อกันว่าใครมาขออะไรจะประสบความสำเร็จ

นอกจากนี้ยังมีวัดพระธาตุจอมแจ้ง ที่มีความศักดิ์สิทธิ์สวยงาม รวมถึงพุทธอุทยานดอยผาสวรรค์

มีพระธาตุอินทร์แขวนจำลองและองค์พระพุทธชยันตีมหัศจรรย์สูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนเขา นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปสักการะ

 

ความน่าเที่ยวของแพร่มีหลายประการ ทำให้เมืองนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางผ่าน แต่เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ขณะที่จำนวนประชากรมีประมาณ 3-4 แสนคน ส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกร

นั่นนำมาสู่ที่มาของถนนสายน้ำผึ้ง ซึ่งประกอบอาชีพเลี้ยงผึ้ง หลายบ้านจะมีการตั้งกล่องเลี้ยงผึ้งจำนวนมาก และเลือกเกสร ตามที่ต้องการเช่น ลำใย สาปเสือ ฯลฯ  การเลี้ยงผึ้งตามธรรมชาติยังทำให้เกิดประติมากรรมป่า ทำให้ละอองเกสรและเมล็ดไปตกในป่า เป็นการปลูกป่าไปในตัว น้ำผึ้งของที่นี่มีหลายขนาด จัดเป็นของชำร่วย ถือเป็นสินค้าโอท็อปที่ได้รับความนิยม

ในเมืองแพร่ยังมีถนนสายไม้ ทำอาชีพค้าไม้กันตลอดทั้งถนน มีเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้สักคุณภาพดีมากจำนวนหลายบ้าน และยังออกแบบให้ทันสมัย สวยงามตามความต้องการของตลาด โด่งดังไปยังกรุงเทพมหานครและหลายจังหวัดต้องมาเลือกซื้อ

การที่แพร่มีไม้สักมากมาย นำมาสู่การสร้างบ้านสวยหลายหลัง ทั้งบ้านเจ้าเมืองและบ้านชาวบ้านตั้งแต่โบราณ มีบ้านเก่าคลาสสิกอายุ 200-300ปีจำนวนหลายหลัง เช่นบ้านวงศ์บุรี ซึ่งเป็นบ้านของชายาเจ้าหลวง มีละครมาถ่ายทำจำนวนมาก มีคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ที่งดงาม มีบ้านวิชัยราชา คุ้มโบราณตำนานเมืองแพร่ และวัดจอมสวรรค์ที่มีสถาปัตยกรรมแบบพม่า เป็นวัดที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ฯลฯ

ออกจากเมืองไปไม่ไกล จะพบกับแพะเมืองผี ประติมากรรมธรรมชาติที่อยู่ใกล้ตัวเมืองแพร่ นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูปและยังมีต้นดิ๊กเดียม ต้นไม้จั๊กจี้หนึ่งเดียวในโลกมีเฉพาะที่แพะเมืองผีเท่านั้น เมื่อเอามือไปจับลำต้น ใบไม้จะสั่นไหวไปทั้งต้น

ความเก่าแก่ของที่นี่ยังย้อนไปถึงกำแพงโบราณที่มีหลงเหลืออยู่จำนวนมาก นำมาสู่การตักบาตรเหนือเมกในทุกเช้าวันพุธ

ซึ่งเมกหมายถึงกำแพงเมือง จะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาตักบาตรอยู่บนแนวกำแพงโบราณ และยังมีพระพุทธบาท หรือการไปไหว้พระบาทมิ่งเมือง วัดพระนอน ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างสมัยโบราณตั้งแต่สุโขทัย

ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่อยากเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวแพร่ในช่วงปีใหม่ ซึ่งมีวันหยุดยาว เพื่อชมตัวเมืองและชุมชนเก่า จะมีการเปิดเมืองทั้งวันถึงกลางคืน เปิดคุ้มเจ้าหลวง บ้านวงศ์บุรี เปิดตลาดการค้าหรือกาดมั่วตามมุมต่างๆของเมือง เสริมด้วยการแสดงทางวัฒนธรรม สะล้อซอซึง เปิดให้นักท่องเที่ยวไหว้พระตามวัดต่างๆ มีสวดมนต์ข้ามปีในคืนวันที่ 31 ธันวาคมด้วย

 

แพร่นับเป็นเมืองเล็กแต่มีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์ ชูจุดขายท่องเที่ยวแบบสโลว์ ทราเวล ที่ไม่แข่งเมืองใหญ่ มีกิจกรรมเดินเที่ยว นั่งรถราง ปั่นจักรยาน และสามล้อถีบ ขณะที่จำนวนที่พักมีพันกว่าห้อง ในช่วงเทศกาลต่างๆที่พักก็จะคึกคัก จึงอยากเน้นกระจายการพักไปยังวันธรรมดาและชุมชนรอบเมือง

ททท.มีแคมเปญบูมท่องเที่ยวนอกจากเที่ยวแพร่ไม่แคร์หนาวแล้ว ก็คือ โอ้โห 2 บ้านนา พาไปเที่ยว บ้านนาตองที่เป็นชุมชนชาวบ้านอยู่ด้านหลังวัดพระธาตุข่อแฮ ใกล้เคียงยังมีวัดธรรมานุภาพที่สร้างโดยสมเด็จพระพุทธาจารย์”เกี่ยว”มีโครงกระดูกมนุษย์สมัยโบราณที่สมบูรณ์ เชื่อมโยงเส้นทางลอยฟ้าหลังคาเมืองแพร่ สามารถทะลุไปยังอุตรดิตถ์ ชมดอกงวมบานซึ่งมีที่แพร่เท่านั้น และอีกบ้านนาก็คือบ้านนาคูหา ซึ่งมหาวิทยาลัยมหิดลมาทำการวิจัยพบว่ามีโอโซนมากติดอันดับ 7 ของประเทศไทย

ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาแพร่ปีละประมาณ 6 แสนคน โดย 50 เปอร์เซ็นต์จะพักค้างคืน อีกครึ่งไม่ค้าง จึงอยากดึงดูดให้นักท่องเที่ยวพักค้างคืนมากขึ้น ส่วนอีกแคมเปญคือเที่ยวพร่ไม่แคร์หนาว เนื่องมาจากเดิมมักจะเที่ยวแพร่กันในหน้าฝน โดยจัดกิจกรรมหากมาแพร่กับคนชื่อฝนก็จะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ จึงอยากให้มาเที่ยวกระจายไปยังช่วงอื่นๆซึ่งจะหนาวหรือไม่หนาวก็ได้

 

ททท.ยังจะจัดกิจกรรมดึงนักท่องเที่ยวสู่แพร่ ซึ่งแม้ไม่ได้เป็น 1 ใน 12 เมืองต้องห้ามพลาด แต่ก็มีสถานที่ห้ามพลาด เช่น ที่เที่ยว วัด ที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ซึ่งจะคัดเลือกจากสถานที่ที่นักท่องเที่ยวโหวตให้ เป็นต้น

 

แพร่เมืองน่าอยู่ ไม่ไปไม่ได้แล้ว

สาธิตา โสรัสสะ รายงาน