ในวัยที่ชอบการค้นหา รักการผจญภัย ก่อนเรียนจบมัธยมต้น โรงเรียนของเราจัดให้มีการเดินทางไกล พวกเราตื่นเต้นกันมากที่จะได้เป็นลูกเสือที่เพรียบพร้อมไปด้วยประสบการณ์เสียที อ่า...เดินทางไกล ช่างน่าตื่นเต้นอะไรเช่นนี้ เป็นความภาคภูมิใจที่จะต้องจดจำไปชั่วลูกชั่วหลานที่เดียว
ครูผู้ฝึกสอนได้แนะนำข้าวของที่ต้องเตรียม แบกหามกันไปเอง กำหนดวันเดินทาง เราจะไปกัน 3 วัน วันแรกนี่จะเดินกันทั้งวัน จากท่ารถประจำทางที่ดำเนินสะดวก ไปค่ายลูกเสือโพธาราม ระยะทาง 24 ก.ม. พักค้างคืนและทำกิจกรรม ตอนเช้ามืดเดินทางต่อไปวัดเขาช่องพรานอีก 19 ก.ม.
ครูไม่ได้บอกรายละเอียวว่าให้เดินไปอย่างไร มีทางลัดหรือไม่ ระยะทางจะพักกินน้ำกินท่ากันที่ไหน คงคิดว่าลูกเสืออย่างพวกเราคิดเป็น ทำเป็น หรือว่าจะดูไหวพริบการเอาตัวรอดของลูกเสือวัยคะนอง
วันเดินทาง ลูกเสือทั้งหมดประมาณร้อยคนเศษ รวมตัวกันที่ท่ารถประจำทาง แต่ไม่มีรถบัสจอดรออย่างในภาพ "เดินทางไกล" หมายถึงเดินจริงๆ ลูกเสือเริ่มทะยอยเดินไปตามทางเท้าริมถนนรถ เดินไปเป็นหมู่ๆ ผมเป็นรองหัวหน้าหมู่ คอยดูแลลูกหมู่เดินไปเป็นแถวเรียงหนึ่ง เดินไปได้สัก 3 กม. ผมเห็นรถบรรทุก แต่แทนที่จะมีผัก ผลไม้ กลับมีลูกเสือหมู่อื่นๆอยู่บนนั้น รถวิ่งแซงหน้าเราไป คันแล้วคันเล่า เอะ!..ชักยังไง
และแล้วเราก็เห็นครูผู้ฝึกสอนลูกเสือ 4-5 ท่าน นั่งรถเก๋งโบกไม้โบกมือ ยิ้มให้พวกเรา ขณะที่รถยนต์ของคณะครูวิ่งแซงหน้าไปอย่างกับภาพสโลโมชั่น พวกเรามองรถของครูจนลับสายตา ผมรำพึงในอก "ครูครับ...อย่าทิ้งผมไป" ด้วยคติของลูกเสือ เสียชีพอย่าเสียสัตย์ หมู่ของเราจะพยายามเดินให้ถึงที่หมายด้วยเท้าทั้ง 2 ข้าง ถึงแม้จะต้องเดินอีก 20 กม. ก็ไม่หวั่น
เดินมาได้ระยะหนึ่ง ผมเหลียวหลังไม่เห็นลูกเสือหมู่อื่นๆตามมาเลย ความเมื่อยล้าทวีมากขึ้น จึงฉุกคิดได้ว่า การเดินทางไกล กติกาไม่ได้บอกว่าต้องเดินด้วยเท้าทั้งสองข้าง อีกอย่างพวกเราไม่ใช่สานุศิษย์ของศรีธนญชัย หากมัวเดินเท้าอยู่อย่างนี้ อาจถึงค่ายลูกเสือโพธารามค่ำมืด แล้วจะเอาแรงที่ไหนเดินไปวัดเขาช่องพรานอีกไกลโขในวันรุ่งขึ้น
ลูกหมู่บางคนเริ่มเดินโซซัดโซเซ จุดให้น้ำไม่ต้องฝัน คิดในใจว่าป่านนี้ครูและบรรดาลูกเสือหมู่อื่นๆไปนอนรอตีพุงกันที่ศาลาวัดเรียบร้อยแล้ว อย่ากระนั้นเลย ขอเสียสัตย์ แต่ไม่ยอมเสียชีพสักครั้ง พวกเรา 7 คน พร้อมใจกับโบกรถบรรทุก ยืนที่กระบะท้ายรถ สักพักก็ถึงที่หมายเป็นกลุ่มสุดท้าย ด้วยแข้งขาที่อ่อนล้าแทบจะทรุดตัวลงนอน
วัดเขาช่องพรานยามค่ำเช้ามืด เราพอมีกำลัง กินข้าวเช้าแล้ว เราทั้ง 7 ออกเดินทางไปวัดเขาช่องพราน สมัยนั้นเสบียงต้องเตรียมกันไปเอง วันนี้เดินทางไกลของจริง จากค่ายลูกเสือโพธารามไปวัดเขาช่องพราน 19 ก.ม. ด้วยศักดิ์ศรี พวกเราไม่ปริปาก ก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่โบกรอย่างคนอื่น ไปถึงวัดเขาช่องพรานเกือบเที่ยง ขณะที่หมู่อื่นๆโบกรถบรรทุกถึงที่หมายก่อนเรา พักผ่อนกันอย่างสบาย กิจกรรมช่วงบ่ายไปเขาเขียวซึ่งไม่ไกลนัก แค่ 5 ก.ม.
ถ้ำที่วัดเขาช่องพรานมีนกค้างคาวอาศัยนับล้านตัว ลูกเสือเดินไปชมถ้ำและชมบริเวณรอบๆวัด ไปทางไหนก็มีแต่กลิ่มมูลค้างคาวติดตามไป กลิ่นของมันโชยไปไกลมาก ไม่ว่าเราจะกินอาหาร กินน้ำ ราวกับว่าอาหารนั้นผสมมูลค้างคาวอยู่ร่ำไป คืนนั้น เหล่าลูกเสือนอนกันที่ศาลาการเปรียญหลังใหญ่ ส่วนนกค้างคาวบินออกจากถ้ำไปหากิน
วันรุ่งขึ้นวันที่ 3 ก็อีหรอบเดิม เด็กๆเริ่มมีประสบการณ์การเดินทางไกล ต่างโบกรถบรรทุกกันเป็นแถว ราวกับว่าเป็นหน้าที่ของรถบรรทุกที่วิ่งกันมาในช่วงนั้น ใครโบกได้ก่อนไปก่อน ไม่นานนัก ลูกเสือทั้งหมดเดินกลับบ้านด้วยน้ำใจของสิงห์รถบรรทุก
ลูกเสือ ลูกเสือ ไว้ลายในลูกเสือไทย
มีเกีรติมีวินัยแข็งแรงและอดทน
เราจะบำเพ็ญตนเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น"
เพลงลูกเสือที่ถูกครูบังคับให้ร้องตั้งแต่เด็ก พอคิดถึงขึ้นมาก็ยังร้องได้
การเดินทางไกลของชีวิตลูกเสือแถวบ้านผม มีกันเป็นประจำทุกปี ลูกเสือสำรองตัวเล็ก ๆ ก็เดินกันใกล้ ๆ แถวโรงเรียน ไม่มีการพักค้างคืน
แต่ลูกเสือสามัญตั้งแต่ป. 5- ป.7 จะเดินทางไกลข้ามตำบล ระยะทางประมาณ 10-15 ก.ม. และพักค้างคืน
ข้าวของเครื่องใช้ที่ต้องแบกต้องคอนกันไป มีตั้งแต่หม้อ กระทะ ข้าวสาร และเครื่องนอนสารพัด
ครูนัดรวมพลที่โรงเรียนตั้งแต่เวลาตี 4 เพื่อจะได้เดินทางกันแต่เช้า อากาศจะได้ไม่ร้อน
การไปโรงเรียนตอนตี 4 เป็นอะไรที่สยองขวัญเด็กวัยขนาดนั้นมาก เพราะต้องเดินผ่านต้นโพธิ์ใหญ่ที่มุมรั้ววัด ที่ร่ำลือกันว่ามีเปรตคอยห้อยหัวหลอกผู้คนในยามค่ำคืน
แต่เราก็ผ่านมาด้วยดี เพราะนัดแนะกันเป็นกลุ่มใหญ่ เข้าใจว่าเปรตก็คงไม่อยากยุ่งกับคนจำนวนมาก ๆ
ตอนเดินทาง ก็ต้องใช้วิชาสะกดรอยตามที่ครูทำเครื่องหมายไว้
บางหมู่โดนเพื่อนที่เดินไปก่อนวางยา เช่นกลับหัวลูกศรบ้าง สลับเครื่องหมายบ้าง เล่นเอาเดินหลงไปไกลเหมือนกัน
ทั้งเหนื่อยทั้งสนุก...
ที่สนุกที่สุดคือ การเล่นรอบกองไฟในตอนกลางคืน
แต่ละหมู่ต้องเตรียมการแสดงคนละชุด
พวกขี้อายไร้ความสามารถอย่างเรา มักจะหลบอยู่แถวหลัง ๆ ในการขับร้องเพลงหมู่
เด็กบางคนก็กล้าและหน้าด้าน ก็ได้โอกาสนี้แจ้งเกิด
ครูที่ไปด้วย ก็ต้องนอนในเพิงที่สร้างขึ้นชั่วคราว หนาวก็หนาว แต่ก็อุ่นด้วยฟางข้าวที่ขนเอามาปูที่นอน
ตอนดึก เราต้องอยู่เวรยาม
สารพภาพว่า ผมสูบบุหรี่เป็นก็จากการเดินทางไกลนี่เอง
เพื่อนคนหนึ่ง เอาฟางข้าวมาจุดสูบ นัยว่าแก้หนาว
แล้วก็เลยประสิทธิ์ประสาทวิชาสูบบุหรี่ให้ผมตั้งแต่ครั้งนั้น
ส่วนพวกครู หลังจบรายการรอบกองไฟ ก็ตั้งวงเหล้ากินกันอย่างสนุกสนาน
ครูบางคนเมาได้ที่ ก็แหกปากร้องเพลงเสียลั่นค่ายอย่างไม่เกรงใจลูกศิษย์
การเดินทางไกลนับเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานของพวกเราเด็ก ๆ
และจดจำได้ยาวนาน แม้จะผ่านมาหลายสิบปี
ขอบคุณที่ทำให้ได้มารื้อฟื้นความจำอีกครั้งครับ...
โดย: ลุงแว่น 1 ตุลาคม 2552 6:48:06 น.
สวัสดียามบ่ายค่ะคุณ im ที่อ่างทองฝนตกตั้งแต่เมื่อคืนจนป่านนี้ยังไม่หยุดเลย น้ำในแม่น้ำน้อย ขึ้นเร็วมากสงสัยปีนี้น้ำท่วมแน่ๆ แต่ก็ดีนะเย็นสบายดี ทางบ้านคุณim อากาศเป็นอย่างไรบ้างคะ
โดย: เกศสุริยง 1 ตุลาคม 2552 13:10:58 น.
ป้าเดซี่ได้หยุดสี่วัน เลยมีเวลาเดินสายออกเยี่ยมพ่อแม่พี่น้องประชาชี นี่นั่งจ่อมหน้าคอมพ์มาตั้งแต่สิบโมงเช้า จนตอนนี้บ่ายสองโมงกว่า ๆ ของฮ่องกง ยังไปเยี่ยมกันไม่ครบเลยค่ะ
เข้ามาบล็อกคุณ IM เพราะระลึกถึงนะเนี่ย ยังคิดอยู่เลยว่า น่าจะเป็นบล็อกเก่า 'ประสาทหินพิมาย' อยู่ ก็กะว่าจะมาหยอดอะไรเล่น ๆ ไว้เฉย ๆ ที่ไหนได้ มีบล็อกใหม่ซะด้วย
ชอบรูปแรกจังค่ะ น่ารักดีเนอะ
อ่านเรื่องยิ่งชอบค่ะ ของคุณ IM เป็นลูกเสือ ของป้าเดซี่ก็ต้องเป็นเนตรนารีสิคะ
ประสบการณ์การเดินทางไกลน่ะ มีแน่ ๆ ไม่ได้อาศัยการโบกรถด้วย เราเดินกันจริง ๆ จำได้ว่า มีอยู่ปีนึง เราไปเข้าค่ายที่กาญจนบุรีรึไงเนี่ย (ตกลง จำได้หรือจำไม่ได้แน่หว่า)
ก็เดินกันไกลมากน่าจะหลายกิโลอยู่เหมือนกัน จนขาลาก ได้เวลาพักกินข้าว ก็ไปหยุดพักตรงลานใต้ต้นไม้ในเขตบ้านของชาวบ้านคู่หนึ่ง เค้าก็เอาน้ำใส่กระติกน้ำแข็งมาให้ น่ารักมาก
หลังจากกินข้าวกินน้ำกันเสร็จ ป้าเดซี่ก็มีแรงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ครึ่งหลังของการเดินทาง เลยกลายเป็นการเดินชมนกชมไม้ไปได้ ขณะที่เพื่อนในกลุ่มจะตายไม่ตายแหล่เอา
แม๊ มาบล็อกนี้แล้วทำเอาเรานึกถึงความหลังเป็นคนแก่ไปได้ซะนี่
โดย: Oops! a daisy 1 ตุลาคม 2552 13:26:58 น.
อันที่จริงน่าจะโบกตั้งนานแล้วเน่อะ 555
................................
เรียนเนตรนารีค่ะ
เคยไปเข้าค่ายที่ค่ายพระรามหก เพชรบุรี
โดนฝึกโดยทหาร จำได้ไม่ลืม
ทั้งปีนเขา ไต่เชือก โหนสลิง บันไดลิง
โดดหออย่างเดียวที่ไม่โดด
โกหกครูฝึกว่าเป็นโรคหัวใจ
นอกนั้นโดนมาหมดเลยค่ะ
แต่ที่หัวเราะกันตลอดทางก็เรื่องมุดลวดหนามค่ะ
ไปถึงค่ายยังไม่ทันได้เปลี่ยนชุดวอร์ม ก็โดนฝึกเลย
ดีที่บางคนรู้ทันใส่ขาสั้นกันไว้ก่อน แต่บางคนที่ไม่รู้ก็
ใส่กระโปรงเนตรนารี เพื่อนโดนลวดเกี่ยวกระโปรงขาด
เห็นชั้นในแดงแจ๋เลย แล้วตัดกับชุดสีเขียวซะไม่มี อิอิ
แบบว่าเพื่อนอ้วนน่ะค่ะ เราจะตัวเล็กที่สุดในหมู่เลย
ยืนใกล้ๆหัวหน้าหมู่ที่ตัวสูงใหญ่มาก
แต่ตอนหลังก็สูงทันกัน ได้ไงไม่รู้ สงสัยโหนรถเมล์บ่อย เอิ๊กๆๆๆ
โดย: Fullgold 1 ตุลาคม 2552 15:43:01 น.
อ่านแล้วเหนื่อยแทนอ่ะ..เพราะเป็นคนไม่ชอบเดินอยู่แล้ว..
คุณอิมสบายดีนะค๊ะ
โดย: Why England 1 ตุลาคม 2552 18:13:38 น.
อ่านเม้นท์ลุงแว่น ยาวกว่าเจ้าของบล๊อกเขียนอีก 5555
สมัยของเดี๊ยนมีลูกเสือ ก็ต้องมีอนุกาชาดค่ะ
ตอนนั้นยังไม่มีเนตรนารี ชุดของเนตรนารีเป็นสีเขียว
หมวกเป็นทรงแบนหรือที่เรียกหมวกแบเร่ รึเปล่าเรียกไม่ถูก
ส่วนชุดอนุกาชาด จะเป็นเสื้อแขนยาวสีขาว กระโปรงจีบรอบสีน้ำเงิน ผ้าผูกคอสีน้ำเงินและมีเข็มขัด
ส่วนหมวกเป็นสีน้ำเงิน ทรงสูงคล้ายที่แอร์โฮสเตสบางสายการบินใช้ค่ะ
หลังจากนั้นถึงจะเปลี่ยนเป็นเนตรนารีเดี๊ยนไม่ทันแล้วค่ะ
ส่วนการเดินทางไกลก็ได้ทำกัน
ส่วนใหญ่จะเรียกว่าเข้าค่าย ก็อยู่แถวๆในอำเภอ วัดบ้าง ต่างโรงเรียนบ้าง
แต่ต้องพักค้างแรมที่นั่นอย่างน้อยก็ สองคืนสามวันค่ะ
กิจกรรมก็หุงหาอาหารและฝึกยุทธวิธีของเหล่ากาชาดเขา
เช่นการปฐมพยาบาลเป็นหลักค่ะ
สำหรับอ.โพธาราม เดี๊ยนเคยไปเมื่อ ปี 2512
ยังเรียน ม.ศ.5 ไปพักที่บ้านเพื่อน เป็นร้านขายยา แต่เหลือแค่ครึ่งบ้านเพราะเพิ่งโดนไฟไหม้ค่ะ
ไปพักอยู่สองคืนยังจำได้ว่ากินถั่วงอกอร่อยมาก
ทั้งอวบและอ้วนเพราะเพาะอยู่ริมแม่น้ำค่ะ
ว่าแต่ลุงแว่น เป็นซะเอง หุหุ
โดย: ซองขาวเบอร์ 9 1 ตุลาคม 2552 22:05:21 น.
นึกภาพ "ครูครับ อย่าทิ้งผมไป" กับ ภาพเด็กขี้อายหลังกลุ่มกิจกรรมรอบกองไฟได้เลยค่ะ
โดย: HoneyLemonSoda 1 ตุลาคม 2552 22:28:16 น.
ตอนเรียน รด.ก็สนุก แต่ต้องแบกปืนเอสเคด้วย ตอนแรกตื่นเต้นมาก ได้ถือปืนเดิน พอไปสักพัก โห ทำไมปืนมันเริ่มหนักขึ้นเรื่อย จากถือแบบเตรียมยิงกลายเป็นสะพานหลังกันเป็นแถวเลย ฮ่า ฮ่า
โดย: วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส 1 ตุลาคม 2552 23:07:40 น.
โดย: haiku 1 ตุลาคม 2552 23:12:27 น.
เด็กเดี๋ยวนี้ไม่รู้ได้เดินทางไกลรึเปล่า สมัยเรียนได้เดินทั้งแบบกลางวัน และกลางคืน เคยเอาลูกทีมหลงมาแล้วด้วย
กิจกรรมกลางแจ้งแบบวิชาเนตรนารี หรือผู้บำเพ็ญประโยชน์นี่ไม่ชอบที่สุดคือ การเข้าแถวรูปเกือกม้า (ไม่รู้ลูกเสือมีมั้ยคะ) แต่อย่างอื่นก็ตื่นเต้นดี ผูกเชือกเงื่อนต่าง ๆ ลอกเพื่อนตลอดไม่รู้ผ่านมาได้ไง แล้วก็กิจกรรมต่าง ๆ ทำให้เราได้รู้จักเพื่อนได้ดีขึ้นจริง ๆ
ขอบคุณIM ที่ทำให้ได้รำลึกอดีตที่น่ารักค่ะ
โดย: อันต้า 2 ตุลาคม 2552 1:17:28 น.
[Glitterfy.com - *Glitter Photos*]
สวัสดียามเช้าค่ะคุณim หลังจากฝนตกแล้ว อากาศค่อนข้างเย็น ทานอะไรก็ได้ที่อุ่นๆจะทำให้รู้สึกดี
ด้วยความห่วงใย
เกศสุริยง
โดย: เกศสุริยง 2 ตุลาคม 2552 7:02:02 น.
เป็นความทรงจำดีๆ เรื่องราวของเด็กผู้ชาย
นักล่าฯเคยเป็นอนุกาชาดแบบแป๊บๆค่ะ ไม่เคยต้องเข้าค่ายหรือเดินทางไกล
เสียดาย...อยากมีประสบการณ์แบบนี้ไว้นึกถึงบ้าง
ภาพลูกเสือในภาพ...ที่ไหนคะ เป็นภาพในอดีตที่สวยงาม
ดูถนนกว้างๆแบบนั้นแล้วคิดว่าน่าจะเป็น...ราชดำเนินกลาง
สนามหลวงหรือเปล่านะ...
โดย: นักล่าน้ำตก 2 ตุลาคม 2552 7:11:48 น.
เรื่องเข้าค่ายนนั้น ของนกไม่ค่อยมีเรื่องน่าจดจำมากนักค่ะ...ไปที่เชียงใหม่ อำเภอแม่แตงในค่ายตชด.แต่จำได้ว่าสนุกมากกว่าค่ะ ....และทำให้หลงเสน่ห์เมืองเหนือตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
โดย: popang (popang ) 2 ตุลาคม 2552 8:27:04 น.
เหล่าลูกเสือของธีรราช ทะนงองอาจสืบชาติเชื้อพงศ์พันธ์
สมัครสมานโดยมีสามัคคีมั่น พวกเราจะรักร่วมกัน
จะผูกสัมพันธ์ตลอดกาล
มีจรรยา รักษาชื่อ สร้างเกียรติระบือเลื่องลือต่อไปช้านาน
ร่าเริงแจ่มใสใฝ่ใจรักให้ยืนนาน พวกเราล้วนชื่นบานเพราะกิจการลูกเสือไทย
ชอบมากค่ะลูกเสือ เด็กเข้าค่ายไปทุกครั้งไม่เคยพลาด รัชกาลที่ 6 พระราชทานกองลูกเสือไทยฝึกวินัยเด็กแต่เล็กแต่น้อย เด็กที่แต่งลูกเสือทุกวันนี้ถือเป็นชุดพระราชทาน หัวเข็มขัดมันแว้บ โอ๊ย...ขัดกันอยู่นั่นแหละ เข้าค่ายกันทีก็เฮฮาปาตี้กันที บางวันน้ำไม่ได้อาบ บางวันนอนทั้งชุดลูกเสือด้วยเกรงว่าช่วงเช้าจะไม่ทัน ฝึกความอดทน เหนื่อยแต่สนุกสุดๆ เด็กจะชอบมาก เด็กบางคนไม่ค่อยชอบเรียนหนังสือแต่พอเข้าค่ายเป็นนายหมู่ทั้งนั้น ความรับผิดชอบเต็มร้อย
โดย: nathanon 2 ตุลาคม 2552 9:55:45 น.
+ ของผมตอนเรียนลูกเสือที่ลำปาง ไม่ค่อยมีประสบการณ์ตื่นเต้นสักเท่าไหร่เลยครับพี่ IM เรื่องเดินทางไกลก็ถือว่าไม่ไกลเท่าใดนัก แค่จากตัวเมืองฝั่งนึงข้าม (ถนนเส้นนอกเมือง) ไปอีกฝั่งนึงแค่นั้นเอง (แต่ก็หลายกิโลอยู่เหมือนกันนะนั่น) ก็เลยไม่ค่อยมีอะไรมันส์ๆ มาเล่าสักเท่าไหร่ ... แต่ยังไงประสบการณ์เหล่านี้ก็ยังคงฝังอยู่ในความทรงจำเนอะครับ (แต่ที่ฝังแน่นที่สุด เห็นจะเป็นตอนผมไปเขาชนไก่ ร.ด. ปี 3) แบบว่าหวนคิดถึงทีไร ก็อมยิ้มแก้มตุ่ยทุกทีไปสิน่า
โดย: บลูยอชท์ 2 ตุลาคม 2552 11:23:07 น.
ว่างก็เชิญนะคะ
โดย: ซองขาวเบอร์ 9 2 ตุลาคม 2552 21:44:20 น.
ไม่ทันมาเชิญไปก่อนแล้ว
โดย: ซองขาวเบอร์ 9 2 ตุลาคม 2552 21:48:19 น.
เสนอตอน...
"คนรวย..เพื่อน"
ถ้าว่างก็เชิญนะครับ...
โดย: ลุงแว่น 2 ตุลาคม 2552 22:12:53 น.
โดย: Insignia_Museum 2 ตุลาคม 2552 22:14:16 น.
โดย: HoneyLemonSoda 2 ตุลาคม 2552 22:18:06 น.
จำได้ว่าครูเค้าเรียกพวกหมูว่า "ลูกลิง" น้า บ่ได้นำพาไปเป็นสิงห์หรือเสือเลย ลิงล้วน ล้วน ฮ่า ฮ่า
แวะมาแซวกันก่อนนอนนะ คุณไอเอ็ม ถ้าเอ็มไอนี่ สงสัยบู้แหลกเลย
โดย: วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส 2 ตุลาคม 2552 23:53:11 น.
สวัสดียามเช้าจร้าคุณ im วันนี้มีโปรแกรมไปไหนหรือเปล่าคะ สว่นดิฉันต้องไปจับจ่ายซื้อของทำบุญวันออกพรรษาพรุ่งนี้ค่ะ สุขสวัสดีนะคะคุณim
โดย: เกศสุริยง 3 ตุลาคม 2552 6:54:58 น.
หวัดดีค่ะคุณอิม
ฟังแล้ว ขำค่ะ จะโทษหัวหน้าหมู่
หรือ รองหัวหน้าหมู่ดี อ่ะคะเนี่ย
โทษฐานที่พาพรรคพวกเดินซะจนเกิอบหมดแรงอ่ะ ฮ่า ๆ
เสียดายที่มินไม่เคยเรียนเนตรนารี
เพราะ รร.ที่เรียนเป็น รร.คริสต์ ค่ะ
ปล. แอบทึ่ง วีรกรรมของลุงแว่นอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
โดย: มินทิวา 3 ตุลาคม 2552 7:31:08 น.
นับค้างคาวได้ล้านตัวจริงๆค่ะ
สุขสันต์วันหยุดที่อากาศแจ่มใสนะคะ คุณ IM
โดย: หยุ่ยยุ้ย 3 ตุลาคม 2552 11:37:23 น.
วันนี้ไม่อัพบล็อกเหรอคะ
โดย: Oops! a daisy 4 ตุลาคม 2552 10:49:27 น.