bloggang.com mainmenu search


ในวัยที่ชอบการค้นหา รักการผจญภัย ก่อนเรียนจบมัธยมต้น โรงเรียนของเราจัดให้มีการเดินทางไกล พวกเราตื่นเต้นกันมากที่จะได้เป็นลูกเสือที่เพรียบพร้อมไปด้วยประสบการณ์เสียที อ่า...เดินทางไกล ช่างน่าตื่นเต้นอะไรเช่นนี้ เป็นความภาคภูมิใจที่จะต้องจดจำไปชั่วลูกชั่วหลานที่เดียว

ครูผู้ฝึกสอนได้แนะนำข้าวของที่ต้องเตรียม แบกหามกันไปเอง กำหนดวันเดินทาง เราจะไปกัน 3 วัน วันแรกนี่จะเดินกันทั้งวัน จากท่ารถประจำทางที่ดำเนินสะดวก ไปค่ายลูกเสือโพธาราม ระยะทาง 24 ก.ม. พักค้างคืนและทำกิจกรรม ตอนเช้ามืดเดินทางต่อไปวัดเขาช่องพรานอีก 19 ก.ม.

ครูไม่ได้บอกรายละเอียวว่าให้เดินไปอย่างไร มีทางลัดหรือไม่ ระยะทางจะพักกินน้ำกินท่ากันที่ไหน คงคิดว่าลูกเสืออย่างพวกเราคิดเป็น ทำเป็น หรือว่าจะดูไหวพริบการเอาตัวรอดของลูกเสือวัยคะนอง
 


วันเดินทาง ลูกเสือทั้งหมดประมาณร้อยคนเศษ รวมตัวกันที่ท่ารถประจำทาง แต่ไม่มีรถบัสจอดรออย่างในภาพ "เดินทางไกล" หมายถึงเดินจริงๆ ลูกเสือเริ่มทะยอยเดินไปตามทางเท้าริมถนนรถ เดินไปเป็นหมู่ๆ ผมเป็นรองหัวหน้าหมู่ คอยดูแลลูกหมู่เดินไปเป็นแถวเรียงหนึ่ง เดินไปได้สัก 3 กม. ผมเห็นรถบรรทุก แต่แทนที่จะมีผัก ผลไม้ กลับมีลูกเสือหมู่อื่นๆอยู่บนนั้น รถวิ่งแซงหน้าเราไป คันแล้วคันเล่า เอะ!..ชักยังไง

และแล้วเราก็เห็นครูผู้ฝึกสอนลูกเสือ 4-5 ท่าน นั่งรถเก๋งโบกไม้โบกมือ ยิ้มให้พวกเรา ขณะที่รถยนต์ของคณะครูวิ่งแซงหน้าไปอย่างกับภาพสโลโมชั่น พวกเรามองรถของครูจนลับสายตา ผมรำพึงในอก "ครูครับ...อย่าทิ้งผมไป" ด้วยคติของลูกเสือ เสียชีพอย่าเสียสัตย์ หมู่ของเราจะพยายามเดินให้ถึงที่หมายด้วยเท้าทั้ง 2 ข้าง ถึงแม้จะต้องเดินอีก 20 กม. ก็ไม่หวั่น

เดินมาได้ระยะหนึ่ง ผมเหลียวหลังไม่เห็นลูกเสือหมู่อื่นๆตามมาเลย ความเมื่อยล้าทวีมากขึ้น จึงฉุกคิดได้ว่า การเดินทางไกล กติกาไม่ได้บอกว่าต้องเดินด้วยเท้าทั้งสองข้าง อีกอย่างพวกเราไม่ใช่สานุศิษย์ของศรีธนญชัย หากมัวเดินเท้าอยู่อย่างนี้ อาจถึงค่ายลูกเสือโพธารามค่ำมืด แล้วจะเอาแรงที่ไหนเดินไปวัดเขาช่องพรานอีกไกลโขในวันรุ่งขึ้น

ลูกหมู่บางคนเริ่มเดินโซซัดโซเซ จุดให้น้ำไม่ต้องฝัน คิดในใจว่าป่านนี้ครูและบรรดาลูกเสือหมู่อื่นๆไปนอนรอตีพุงกันที่ศาลาวัดเรียบร้อยแล้ว อย่ากระนั้นเลย ขอเสียสัตย์ แต่ไม่ยอมเสียชีพสักครั้ง พวกเรา 7 คน พร้อมใจกับโบกรถบรรทุก ยืนที่กระบะท้ายรถ สักพักก็ถึงที่หมายเป็นกลุ่มสุดท้าย ด้วยแข้งขาที่อ่อนล้าแทบจะทรุดตัวลงนอน
 
 
วัดเขาช่องพรานยามค่ำ


เช้ามืด เราพอมีกำลัง กินข้าวเช้าแล้ว เราทั้ง 7 ออกเดินทางไปวัดเขาช่องพราน  สมัยนั้นเสบียงต้องเตรียมกันไปเอง วันนี้เดินทางไกลของจริง จากค่ายลูกเสือโพธารามไปวัดเขาช่องพราน 19 ก.ม. ด้วยศักดิ์ศรี พวกเราไม่ปริปาก ก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่โบกรอย่างคนอื่น ไปถึงวัดเขาช่องพรานเกือบเที่ยง ขณะที่หมู่อื่นๆโบกรถบรรทุกถึงที่หมายก่อนเรา พักผ่อนกันอย่างสบาย กิจกรรมช่วงบ่ายไปเขาเขียวซึ่งไม่ไกลนัก แค่ 5 ก.ม.

ถ้ำที่วัดเขาช่องพรานมีนกค้างคาวอาศัยนับล้านตัว ลูกเสือเดินไปชมถ้ำและชมบริเวณรอบๆวัด ไปทางไหนก็มีแต่กลิ่มมูลค้างคาวติดตามไป กลิ่นของมันโชยไปไกลมาก ไม่ว่าเราจะกินอาหาร กินน้ำ ราวกับว่าอาหารนั้นผสมมูลค้างคาวอยู่ร่ำไป คืนนั้น เหล่าลูกเสือนอนกันที่ศาลาการเปรียญหลังใหญ่ ส่วนนกค้างคาวบินออกจากถ้ำไปหากิน

วันรุ่งขึ้นวันที่ 3 ก็อีหรอบเดิม เด็กๆเริ่มมีประสบการณ์การเดินทางไกล ต่างโบกรถบรรทุกกันเป็นแถว ราวกับว่าเป็นหน้าที่ของรถบรรทุกที่วิ่งกันมาในช่วงนั้น ใครโบกได้ก่อนไปก่อน ไม่นานนัก ลูกเสือทั้งหมดเดินกลับบ้านด้วยน้ำใจของสิงห์รถบรรทุก
 

 
Create Date :26 กันยายน 2552 Last Update :1 กรกฎาคม 2563 16:05:32 น. Counter : Pageviews. Comments :25