ตอนที่ 26.1
ตอนที่ 26 เดท


‘นี่รู้มั้ย...เมื่อคืนนี้ชั้นฝันถึงเธออีกแล้ว ฝันถึงเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา ฝัน...ว่าเราได้อยู่ด้วยกัน ฝัน...ถึงความสุขที่เราไม่เคยมี แม้ในความเป็นจริงมันจะเป็นไปไม่ได้ แต่คงจะไม่ผิดอะไรใช่ไหมที่ชั้นจะฝันอย่างนี้ ถึงชั้นจะมีสิทธิ์ทำได้แค่เพียงฝัน แต่เพียงแค่นั้น...ชั้นก็พอใจ’


**************************************


“นายแน่ใจนะ...” แครบถามเสียงสั่นเมื่อมัลฟอยบอกให้เขากับกอยด์ไปเดินเที่ยวกันตามลำพัง ไม่ต้องเดินตามเขา
“เออ...” เขาบอกเสียงห้วน “จะไปไหนก็ไปเถอะ ชั้นจะไปเดินคนเดียว”
แครบกับกอยด์มองหน้ากันแต่ก็เดินเลี่ยงออกไปอย่างไม่มีทางเลือกนัก

กว่าจะถึงเวลานัดก็อีกเกือบ 2 ชั่วโมง มัลฟอยเดินไปมาด้วยความเบื่อ ยิ่งเห็นเด็กคนอื่นสนุกก็ยิ่งเบื่อเข้าไปใหญ่
มัลฟอยเดินเข้าไปในร้านฮันนี่ดุกส์เพราะคิดที่จะซื้อขนมไปฝากเฮลีน่าและเก็บไว้ทานที่หอพัก แล้วก็ต้องเบ้ปากเมื่อเห็นเหล่านักเรียนกำลังพากันแย่งซื้อขนมอยู่ เขาพยายามแทรกเข้าไปด้านใน (ซึ่งก็ไม่ยากเพราะหลายคนพากันถอยหนีเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา) เขามองไปรอบ ๆ ร้าน สายตาก็สะดุดเข้าไปคนกลุ่มหนึ่งเข้า

“เอาล่ะจ๊ะเด็ก ๆ มาลองชิมขนมใหม่กันเร็ว” เจ้าของร้านประคองถาดใส่ขนมอันใหญ่เดินมาจากหลังร้าน เขาเห็นเด็กหนุ่มผมแดงหันไปทางเด็กสาวที่ยืนข้าง ๆ
“พวกเธอจะไปลองกันมั้ย”
“ไม่ล่ะ พวกเธอไปกันเถอะ”
แล้วเขาก็ลากเด็กหนุ่มอีกคนตรงไปยังเจ้าของร้านทันที มัลฟอยมองจนแน่ใจว่าเด็กหนุ่มทั้งสองยังคงง่วนกับถาดขนมนั้นอีกนาน เขาก็เดินเข้าไปหาเด็กสาวทั้ง 2

เฮอร์ไมโอนี่หยิบโหลใส่ลูกอมหลากสีขึ้นมา “ลองอันนี้ดูสิออโรร่า” เธอหันไปทางเด็กสาวข้าง ๆ “นี่เป็นลูกอมผลไม้ เขาเอาผลไม้จริง ๆ มาทำล่ะ เวลาอมมันจะเหมือนกับเรากำลังกินผลไม้นั้นจริง ๆ เลย” ออโรร่าหยิบลูกอมขึ้นมาดู “ไม่ต้องกลัวเรื่องฟันผุ รวมทั้งไม่อ้วนด้วยเพราะมีแต่ผลไม้ล้วน ๆ เหมาะสำหรับไดเอ็ทเลย”
“ผู้หญิง...ทำไมต้องกลัวอ้วนกันด้วยนะ แค่นี้ก็กอดไม่อุ่นแล้ว!!!”

เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง แล้วก็ต้องสะดุ้งอีกรอบเมื่อหันไปเจอเจ้าของเสียง “มัลฟอย!” เธอรีบมองหารอนกับแฮร์รี่อย่างรวดเร็วแล้วก็เห็นเพื่อนทั้งสองกำลังยืนชิมขนมอยู่ “เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ” เธอกระซิบถาม
“ก็มาซื้อขนมน่ะสิ” เขาเอื้อมมือไปแย่งโหลลูกอมไปวางไว้ห่าง ๆ “อย่าบอกนะว่าเธอจะซื้อไอนี่น่ะ” ดวงตาสีซีดกวาดตามองร่างบางแล้วส่ายหน้า “ไม่เอานะ แค่นี้ก็เหมือนกับกอดกระดูกเดินได้แล้ว!!”
ออโรร่าปล่อยคิกออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อเห็นที่เพื่อนสาวหน้าแดงก่ำขึ้นทันตาทำท่าจะเงื้อมกำปั้นทุบลงที่ต้นแขนของเด็กหนุ่มอย่างเขินอาย

“เกิดอะไรขึ้นเฮอร์ไมโอนี่!!!” เด็กสาวทั้งสองสะดุ้งพวกเธอหันไปมอง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรอนกับแฮร์รี่ยืนหน้าบึ้งอยู่ด้านหลัง “ไอซีดนี่มันทำอะไรเธอเหรอ” รอนถามเสียงขุ่น เขาดึงแขนเฮอร์ไมโอนี่ให้ถอยมาจากเด็กหนุ่มสลิธีรินอย่างแรงจนเด็กสาวที่ยังไม่ทันตั้งตัวเซถลาเข้าไปในอ้อมแขนของรอนเต็ม ๆ ดวงตาสีซีดเป็นประกายวาวขึ้นมาทันที

“อ้อ...อิ่มแล้วเหรอวีสลีย์” มัลฟอยยิ้มเยาะ “พวกนายนี่หน้าไม่อายเลยนะ พอเขาเอาขนมออกมาให้ชิมล่ะรีบวิ่งหางจุกตูดไปทันที”
แฮร์รี่กับรอนสะดุ้ง...หางจุกตูด...มันว่าเราเป็นหมานี่หว่า มัลฟอยรีบพูดต่อเมื่อเห็นเด็กหนุ่มทั้งสองทำท่าจะพูด (เรื่องอะไรจะให้มันมาด่าเราได้ล่ะ ต้องเอาแบบไม่ให้ตั้งตัวทีเดียว) “แต่ชั้นก็เข้าใจล่ะนะว่าพวกนายคงไม่มีเงินซื้อหรอก ถ้าอิ่มอันนี้แล้วก็จะได้มีปัญญาซื้อขนมอันอื่นได้ จริงมั้ย?”
“หุบปากเน่า ๆ ของนายไปซะมัลฟอย” แฮร์รี่ตัดบทเสียงกร้าว เมื่อเห็นหน้าของรอนแทบจะมีสีเดียวกับสีผมแล้ว เขาไม่อยากจะมีเรื่องกับมัลฟอยที่ฮอกมี้ดนี้ แค่นี้ก็ดังพอแล้ว เขาไม่อยากดังเพิ่มอีก
“ทำไมล่ะ ยอมรับความจริงไม่ได้เหรอพอตเตอร์” อีกฝ่ายถามเสียงสูง “ยอมรับไม่ได้เหรอว่าพวกนายน่ะทุกวันนี้อนาถาขนาดไหน!!!”
“แก!!!”
“อย่ารอน!!!” เฮอร์ไมโอนี่กับออโรร่าหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อรอนเสยกำปั้นเข้าที่ปลายคางมัลฟอยเต็ม ๆ จนทำให้อีกฝ่ายลงไปกองกับพื้น

“เธอทำบ้าอะไรของเธอน่ะรอน” เฮอร์ไมโอนี่ร้องถามอย่างโกรธจัด “ทำไมต้องทำเขาด้วย!!!”
รอนยักไหล่ มองเด็กหนุ่มที่นั่งมึนเพราะฤทธิ์หมัดอย่างสาแก่ใจ “สมน้ำหน้ามันแล้ว มันอยากปากดีนัก”
“ชั้นไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะทำตัวเป็นพวกอันธพาน...ชอบใช้กำลัง” ออโรร่าหน้าบึ้ง เธอทรุดตัวลงนั่งข้างมัลฟอยอย่างห่วงใย “เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากหรือเปล่า”
มัลฟอยพูดไม่ออกได้แต่ส่ายหน้าไปมา ทำให้เธอไม่แน่ใจว่าเขาไม่เจ็บหรือว่ามึนจนไม่เข้าใจคำพูดของเธอกันแน่

รอนหันมามองเพื่อนสาวทั้ง 2 อย่างไม่เชื่อสายตา “นี่พวกเธอกำลังโทษว่าเป็นความผิดของชั้นเหรอ”
“ใช่!!!” ทั้งสองตอบพร้อมกัน
“นายดูสองคนนี้นะแฮร์รี่ ทั้ง ๆ ที่ชั้นไม่ผิดเลยสักนิด” รอนหันไปฟ้องแฮร์รี่
แต่แฮร์รี่ไม่สนใจ ตอนนี้เขากำลังจ้องเขม็งไปยังออโรร่าที่ช่วงพยุงมัลฟอยให้ลุกขึ้นยืน เฮอร์ไมโอนี่เห็นสายตานั้นเข้า เธอขยับจะสะกิดออโรร่าให้ช่วยเลิกสนใจมัลฟอยเสียที แต่ก็ไม่ทันเมื่อเธอ (และคนทั้งร้านที่เลิกสนใจขนมมาสนใจพวกเธอแทน) มองเห็นกำปั้นของแฮร์รี่ที่เสยเข้าไปที่จุดเดียวกับกำปั้นของรอนเป๊ะ

ออโรร่าถึงกับอ้าปากค้างเมื่ออยู่ ๆ มัลฟอยก็ล้มลงไปอีกโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว เธอทำท่าจะก้มลงไปพยุงเขาอีกครั้งเมื่อแขนข้างหนึ่งโดนดึงอย่างแรง ซึ่งเธอคงจะหงายหลังถ้าไม่มีแขนแกร่งข้างหนึ่งยื่นมารัดเอวเธอไว้แน่น ออโรร่าหันไปมองเห็นดวงตาสีมรกตลุกวาวอย่างโกรธจัด
“พอได้แล้ว!!! เลิกเป็นห่วงเป็นใยมันซักที คนที่เป็นแฟนเธอน่ะคือชั้นนะไม่ใช่มัน!!!” เด็กหนุ่มพูดเสียงแข็งทำเอาเธอหน้าเจื่อนลง
“ก็เขาเจ็บนี่” เธอเสียงอ่อย
“ก็ช่างหัวมันสิ มันอยากทำตัวของมันเอง...นายเองก็เหมือนกัน เลิกยุ่งกับแฟนชั้นซักที ไม่อย่างนั้นล่ะก็...” เขาหันไปขู่มัลฟอย (ที่มึนหนักกว่าเดิม) แล้วหันไปพยักหน้าชวนรอนกับเฮอร์ไมโอนี่ (ที่คราวนี้ได้แต่ยืนตัวแข็งค้างเมื่อเห็นสภาพของมัลฟอย) “เราไปกันก่อนเถอะ ก่อนที่จะสร้างความเสียหายให้ร้านเขามากกว่านี้”
รอนมองขนมที่ล้มละเนละนาดอยู่รอบมัลฟอยอย่างเสียดาย (นิด ๆ) และสาแก่ใจ (อย่างมาก) “อ้อ...แล้วก่อนออกไปอย่าลืมจ่ายค่าเสียหายล่ะรู้ไหมไอ้ซีด”

หลังจากที่ออกมาจากร้านฮันนี่ดุกส์ รอนอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด ผิดกับเฮอร์ไมโอนี่กับออโรร่า รอนเดินกอดคอแฮร์รี่พาเข้าร้านไม้กวาด 3 อันอย่างมีความสุข เขาไม่สนใจเลยว่าเพื่อนสาวทั้งสองจะมีท่าทางยังไง เขายังคงไม่หายโกรธที่เพื่อนสาวทั้งสองหันไปเข้าข้างมัลฟอย

ภาคที่ 1

ออโรร่ามองเด็กหนุ่มที่เดินจูงมือเธออยู่อย่างไม่สบายใจ ตั้งแต่ที่ออกมาจากร้านฮันนี่ดุกส์จนกระทั่งตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบชั่วโมงครึ่งแล้ว แต่แฮร์รี่ก็ยังคงไม่พูดกับเธอ หลังจากที่พวกเธอแยกกับรอนและเฮอร์ไมโอนี่แล้ว แฮร์รี่ก็เอาแต่พาเธอเดินไปมาโดยไม่พูดอะไร แม้เธอจะพยายามพูดด้วย แต่เขาก็ยังไม่ยอมตอบ
เด็กสาวถอนใจ เดทแรกของเธอมันต้องเป็นอะไรที่ประทับใจทั้งเขาและเธอสิ ไม่ใช่อยู่ในสภาพนี้...ตอนนี้ควรจะเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขที่สุด เพราะเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอประทับใจตั้งแต่แรกเห็น...เพราะเขาเป็นคนรักคนแรกที่เธอมี แต่ตอนนี้เธอกับรู้สึก...อยากจะร้องไห้

เสียงสะอื้นที่ได้ยินเบา ๆ ทำให้แฮร์รี่ต้องถอนใจออกมา เขารู้ว่าเด็กสาวร้องไห้ด้วยเรื่องอะไร ก็จะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไงล่ะ มีอย่างที่ไหน แฟนตัวเองยืนอยู่ตรงนั้นแท้ ๆ แต่ก็ยังไปประคองผู้ชายคนอื่นให้เขาเห็นอีก…แถมอีกฝ่ายยังเป็นศัตรูที่เขาเกลียดมากกว่าใครทั้งหมด แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไง!!!
ตอนที่ต่อยมัลฟอยไปนั้นเขาไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ มันเหมือนกับความคิดความอ่านทั้งหมดมันวูบหายไป มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เห็นเจ้าบ้านั่นลงไปกองกับพื้นแล้ว ความรู้สึกแรกที่มีก็คือ...สะใจ!!!
เขาไม่เคยรู้สึกโกรธหรือเกลียดเด็กหนุ่มจากบ้านสลิธีรินมากเท่านี้มาก่อน เขาพยายามถามตัวเองว่าเขาต่อยอีกฝ่ายไปเพราะอะไร แม้ตอนนี้เขาก็ยังหาเหตุผลมาให้กับตัวเองไม่ได้ แต่เอาเป็นว่า...เขาไม่พอใจอย่างมากก็แล้วกัน!!!!!

เขาหันไปมองเด็กสาวที่ยืนร่ำไห้ ดวงตาแข็งกร้าวอ่อนแสงลง เขาเชยคางเด็กสาวขึ้นอย่างอ่อนโยน “ไม่เอาน่า...ทำไมต้องร้องไห้ด้วย” เขาถามเสียงอ่อน ออโรร่ายกมือขึ้นเช็ดน้ำตา
“ก็...ก็...” เด็กสาวสะอื้นฮัก “...ก็...เธอ...โกรธชั้น...นี่...” เธอมองหน้าเขา ดวงตาสีฟ้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เขาดึงร่างบางมาสวมกอดไว้เบา ๆ ลูบหลังไปมาอย่างปลอบโยน โดยไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่มองมาอย่างสนใจ (ก็แน่ล่ะเล่นมากอดกันกลางถนนอย่างนี้จะไม่มองได้ยังไง)
ออโรร่าหน้าแดง อาการเสียใจแทบหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้อิงแอบกับอกกว้างที่ใฝ่ฝันมานาน “ก็...ชั้นถามอะไรเธอก็ไม่ตอบ เอาแต่เดินหน้าบึ้ง...ไม่ยอมสนใจชั้นเลย” ดวงตาสีฟ้ามองเขาอย่างอ้อนวอน “เธอจะโกรธชั้นก็ได้นะ...แต่ขอร้องล่ะแฮร์รี่...อย่าเกลียดชั้นเลย”
แฮร์รี่หัวเราะเบา ๆ “เหลวไหลน่า ชั้นจะเกลียดเธอเรื่องอะไรกันล่ะ...ฮึ” เขาเกลี่ยคราบน้ำตาที่ค้างบนแก้มนวลเบา ๆ “ชั้นไม่มีทางโกรธหรือเกลียดเธอได้หรอก สิ่งเดียวที่ชั้นจะทำ...นั่นก็คือการทำให้เธอมีความสุขมากที่สุดสิ จริงมั้ย?”

“แหม...ไม่คิดเลยนะว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากของเธอแฮร์รี่ นับว่าเป็นคำพูดที่แปลกประหลาดมากเมื่อมันออกมาจากปากของคนที่ ‘ไม่เคย’ เทคแคร์แฟนของตัวเอง” เสียงเยาะหยันที่ดังขึ้นทำให้แฮร์รี่กับออโรร่าหันไปมองอย่างสงสัย รอยยิ้มของเด็กหนุ่มจางหายไปเมื่อเห็นเด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง “โช...”

“เพราะแม่คนนี้ช่างออดช่างอ้อนอย่างนี้ล่ะสิท่า ถึงทำให้เธอหลงหัวปักหัวปำ...จนต้องทิ้งชั้น” โชถามเสียงขุ่น
“ชั้นก็เข้าใจล่ะนะว่าเวลานี้เธอกำลังสนุกกับ ‘ของเล่น’ ชิ้นใหม่อยู่ แต่จำเป็นต้องมาแสดงให้คนเห็นกลางฮอกมี้ด์อย่างนี้ด้วยเหรอแฮร์รี่” เธอตวัดตามองเด็กสาวที่ยืนอยู่ในอ้อมแขนเด็กหนุ่มอย่างเกลียดชัง ออโรร่าหลบตาคู่นั้นทันที “ชั้นว่าเธอเพลา ๆ มือหน่อยก็ดีนะ เดี๋ยวเด็กคนนั้นจะ ‘ตื่น’ เสียก่อน” เด็กสาวหันไปหัวเราะกับมารีเอตต้า เอจคอมป์ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“นั่นน่ะสิพอตเตอร์ ยิ่งท่าทางซื่อ ๆ อย่างนั้นด้วย...” มารีเอตต้ายิ้มเยาะ “เด็กคนนั้นคงไม่รู้ล่ะมั้งว่าเธอน่ะเบื่อง่ายขนาดไหน”

“ ‘การเบื่อง่าย’ มันมักจะมาคู่กับ ‘คนน่าเบื่อ’ เสมอแหล่ะมิสเอจคอมป์” แฮร์รี่บอกเสียงเรียบ เขาเปลี่ยนจาก ‘โอบกอด’ มาเป็น ‘โอบไหล่’ ออโรร่าเหมือนจะปกป้องเด็กสาวจะคำกล่าวร้ายจากเด็กสาวอีกสองคน “และชั้นก็แน่ใจว่า ครั้งนี้...ชั้นเลือกคนที่ชั้นคิดว่าไม่น่าเบื่อ ‘เหมือนคนอื่นที่ผ่านมา’ ”
“เธอหมายถึงใครกันแฮร์รี่!!” โชแทบเต้นเมื่อแฮร์รี่เอ่ยเป็นนัยว่าเธอเป็นคนที่น่าเบื่อ
แฮร์รี่ยักไหล่ “ชั้นไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใครหรอก เพียงแต่บอกให้รู้เท่านั้นว่าสาเหตุจากความเบื่อหน่ายที่พวกเธอเห็นน่ะ มันมาจากคนที่น่าเบื่อทั้งหลายทั้งนั้น”

“กรี๊ดดดดดด!!!!!!!” โชกรีดร้องออกมาอย่างโกรธจัด “เธอ...เธอมัน...” เธอโกรธจัดจนพูดไม่ออก ก่อนจะปล่อยโฮออกมาเสียงดังลั่น มารีเอตต้าพยายามปลอบเพื่อนสาวที่หน้าร้องไห้ด้วยความโกรธและเสียใจจากคำพูดของอดีตแฟนหนุ่ม “ใจเย็นโช ใจเย็นๆ!!”
มารีเอตต้าถลึงตาใส่เด็กหนุ่มอย่างขุ่นเคือง “ทีเมื่อก่อนเวลาโชอยากได้อะไรก็แทบจะหามาประเคนให้ถึงที่ พอเบื่อ...พอมีคนอื่น เธอก็กลับมากล่าวโทษว่าเป็นความผิดของเพื่อนชั้นอย่างนั้นเหรอพอตเตอร์ ที่เธอทำน่ะมันใจดำมาก!!!” แล้วหันไปต่อว่าเด็กสาวอีกคนอย่างไม่พอใจ “เธอเองก็เหมือนกัน ผู้ชายคนอื่นมีทำไมไม่ยุ่ง ทำไมต้องมายุ่งกับคนที่มีเจ้าของแล้วด้วย ทำไมต้องมาแย่งแฟนคนอื่นด้วยนะ!!!”

ออโรร่าผงะ เธอรู้ว่าการที่เธอคบหากับแฮร์รี่มันผิด เพราะเขาเองก็มีแฟนอยู่แล้ว แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะโดนต่อว่าต่อหน้าอย่างนี้ เธอเหลียวมองไปรอบตัว เห็นเด็กคนอื่นต่างกระซิบกระซาบแล้วมองมาที่เธอ เห็นอาการร่ำไห้ด้วยความเสียใจของเด็กสาวตรงหน้าแล้วทำให้เหมือนกับเธอเป็นคนเลว ยื้อแย่งความสุขของคนอื่นมาเป็นความสุขของตัวเอง

“เธอจะโทษว่าเป็นความผิดของออโรร่าก็ไม่ถูกนะมิสเอจคอมป์ เธออย่าลืมว่าชั้นกับเพื่อนเธอน่ะเราระหองระแหงและทำท่าจะเลิกกันตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะฉะนั้นจะบอกว่าออโรร่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ชั้นเลิกกับเพื่อนเธอก็ไม่ได้” แฮร์รี่เถียงทันควัน “แถมเพื่อนเธอเองก็ไม่ได้มีชั้นคนเดียว พอทะเลาะกับชั้นก็หันไปหาผู้ชายคนอื่น แล้วพอดีกันก็หันกลับมาหาชั้น แล้วอย่างนี้เธอจะทำให้ชั้นทำยังไง ทนคบกับเพื่อนเธอต่อไปอย่างนั้นเหรอ!!!”
“พอตเตอร์!!!” มารีเอตต้าตวาดเสียงดังลั่น เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเด็กหนุ่มจะประจานเพื่อนเธอกลางถนนในฮอกมี้ดท่ามกลางสายตาของคนที่มองมามากมาย

แต่คำพูดเหล่านั้นกลับไม่ได้เล็ดลอดเข้าหูของออโรร่าเลย ออโรร่าถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แฮร์รี่หันมามองอย่างสงสัย เห็นเด็กสาวหน้าซีดเผือด ดวงตาคู่สวยฉายแววเจ็บปวดเด่นชัด “ออโรร่า...อย่าไปฟังเขา” แฮร์รี่ย้ำ “มันไม่ได้เป็นความผิดของเธอ” แต่ออโรร่าสั่นหน้า หยาดน้ำตาเริ่มหลั่งไหลออกมาอีกครั้ง เธอสะอื้นอย่างแรงก่อนจะวิ่งหนีออกไปด้วยความเสียใจ

“ออโรร่า!!!!” แฮร์รี่ร้องเรียกด้วยความตกใจ แต่คนที่มุงดูมากมายทำให้เขามองไม่เห็นว่าเธอหายไปทางไหน “โธ่โว้ย!!!” เด็กหนุ่มสบถออกมาเบา ๆ เขาหันไปมองโชที่ยังยืนร่ำไห้ด้วยสายตาเบื่อหน่าย กี่ครั้งกันแล้วที่เด็กสาวคนนี้ใช้น้ำตาเพื่อเรียกร้องความเห็นใจ...ความน่าสงสารจากคนอื่น นั่นคงจะได้คะแนนจากคนอื่นหรอก แต่สำหรับเขามันคือความน่ารำคาญ!!
“สำรวมตัวเองหน่อยสิโช อย่าทำลายภาพพจน์ของตัวเองอย่างนั้นสิ” แฮร์รี่พูดเสียงเรียบ โชเงยหน้าที่นองไปด้วยน้ำตามองเขาอย่างสงสัย “ปีที่แล้วในการประกวดเธอได้ที่ 1 มีคะแนนห่างจากเฮอร์ไมโอนี่ที่ได้ที่ 2 เพียงคะแนนเดียวไม่ใช่เหรอ ปีนี้ยึดตำแหน่งนั้นไว้ให้ดี ๆ นะ เพราะถ้าเธอยังทำตัวอย่างนี้ ระวัง...เธอจะไม่ได้สักรางวัลเดียว!!!”


***********************************


‘เธอเองก็เหมือนกัน ผู้ชายคนอื่นมีทำไมไม่ยุ่ง ทำไมต้องมายุ่งกับคนมีที่เจ้าของแล้วด้วย ทำไมต้องมาแย่งแฟนคนอื่นด้วยนะ!!!’ มันเป็นคำพูดที่คอยหลอกหลอน ไม่ว่าเธอจะไปทางไหน มันก็ยังคอยตอกย้ำถึงความจริงที่พบเธอ ทุกอย่างมันเป็นความผิดของเธอ
‘เพราะชั้น...ผู้หญิงคนนั้นถึงต้องเสียใจ เพราะชั้น...เธอถึงต้องโดนคนอื่นว่าร้ายทั้ง ๆ ที่เธอไม่ผิด และทุกอย่างเป็นเพราะชั้น...ถ้าชั้นไม่หลงรักเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่พบเห็น ชั้นคงไม่ต้องมานั่งเสียใจอย่างนี้...แฮร์รี่’ เด็กสาวคร่ำครวญกับตัวเอง
เธอมองไปรอบ ๆ ตัว เห็นเพียงป่าที่เงียบสงบ...ไร้ซึ่งผู้คน เธอคงวิ่งเตลิดออกมาจากหมู่บ้านมาไกล เธอมองไปยังทิศทางที่วิ่งจากมาและมองไปยังทิศทางตรงกันข้าม ‘มันจะเป็นยังไงนะถ้าชั้นหายไปจากที่นี่...ชีวิตของทุกคนก็คงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมใช่ไหม’


****************************************


แฮร์รี่มองไปรอบตัวอย่างร้อนใจ เขาหาออโรร่ามาเกือบชั่วโมงแล้วแต่ก็ยังหาไม่พบ ถามใครก็ไม่มีใครเห็น เด็กหนุ่มก้มลงมองดูนาฬิกาข้อมือ ใกล้เวลากลับโรงเรียนเต็มทีแล้ว...หรือว่าเธอจะหนีกลับโรงเรียนไปก่อน

“อ้าวแฮร์รี่...ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ”
“อ้าวลูน่า...ซื้ออะไรเยอะแยะเชียว” แฮร์รี่ถามเมื่อเห็นเด็กสาวจากบ้านเรเวนคลอหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรัง
“ขนมทั้งนั้นแหล่ะ ว่าแต่ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ” ดวงตาโปนมองดูอย่างสงสัย
แฮร์รี่ลังเลว่าจะพูดดีไหม แต่เขาก็รู้ว่าลูน่าเป็นเพื่อนในจำนวนไม่กี่คนที่เขาสามารถพึ่งพาได้ในยามที่ต้องการ “ชั้นตามหาออโรร่าอยู่น่ะ หายไปไหนก็ไม่รู้” อ้อมแอ้มตอบ
ลูน่าขมวดคิ้ว “ทะเลาะกันเหรอ”
“ก็ไม่เชิงหรอก”
เด็กสาวเงียบ เธอมองไปรอบตัวอย่างพิจารณาก่อนจะเพ่งสายตาไปยังป่าที่อยู่ด้านหลังของหมู่บ้าน “ชั้นเห็นอยู่เธออยู่ตรงนั้น” ลูน่าพูดเสียงจริงจังซึ่งต่างจากที่ผ่านมา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงปกติ “เธอต้องรีบไปตามแฟนเธอกลับมาได้แล้วนะแฮร์รี่ก่อนที่จะได้เวลากลับโรงเรียน เดี๋ยวจะไม่ทันเวลา”


****************************************


แฮร์รี่มองเด็กสาวที่นั่งร้องไห้เงียบ ๆ อย่างสงสาร เขาเดินมาตามทางที่ลูน่าบอกแล้วก็พบออโรร่านั่งอยู่ในป่าเพียงลำพัง เขาเดินมาคุกเข่าตรงหน้าแล้วดึงมือทั้งข้างที่ปิดหน้าเธอออกอย่างอ่อนโยน “อยู่นี่เอง ชั้นตาม หาเธอตั้งนาน”
ออโรร่ามองหน้าเขาด้วยน้ำตาที่นองหน้า “ชั้นขอโทษ...” เธอเอ่ยเสียงสั่นเครือ
“ขอโทษเรื่องอะไร” เขาถามเสียงอ่อน
“ทุก ๆ อย่าง...ทุก ๆ เรื่อง...”
“อย่าไปฟังสองคนนั้น มันไม่ใช่ความผิดของเธอ” เขาเอ่ยเสียงหนักแน่น “การที่ชั้นเลิกกับโช มันไม่ใช่เพราะเธอ แต่เป็นเพราะตัวของโชเอง”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ออโรร่า” แฮร์รี่ค้าน “หลายครั้งที่ชั้นอยากจะเลิกกับโช แต่ก็ต้องใจอ่อนเพราะโชมักจะใช้น้ำตาเข้ามาร้องขอให้ชั้นสงสารและก็เห็นใจ แต่ตอนนี้มันจะไม่เป็นอย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว”
“แต่เธอก็ยังไม่ได้เลิกกับผู้หญิงคนนั้นเป็นเรื่องเป็นราวเลยนี่” ออโรร่าท้วง “ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมาคบกับชั้นเธอก็ยังคบกับเขาอยู่” แฮร์รี่ขมวดคิ้วอย่างขัดใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมฟังคำพูดเขา
ออโรร่าสูดหายใจเพื่อเรียกความเข้มแข็งก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างตัดใจ “แฮร์รี่...เราเลิกกันเถอะ....”

แม้จะเคยบอกตัวเองว่าสักวันมันจะต้องถึงจุดจบของความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอนนี้เหมือนที่เคยเป็นมาในอดีต แม้จะทำใจให้ยอมรับกับ ‘สาเหตุ’ ที่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ครั้งใหม่ได้แล้ว แต่ใจทั้งดวงเหมือนจะวูบหายไปเมื่อได้ยินคำพูดคำนั้น
“ทำไม...” เขาถามเสียงพร่า ดวงตาสีมรกตมองมาเหมือนไม่เชื่อ ด้วยเขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมันจากปากของเธอ
ออโรร่าลุกขึ้นเดินหนีไปทางอื่น “มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอแฮร์รี่ ชั้นไม่สามารถมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นได้หรอก...”
“แล้วชั้นล่ะ...” เขากระชากแขนเด็กสาวที่ยืนหันหลังให้ให้หันกลับมา “เธอคิดถึงแต่ความสุขของคนอื่น แล้วความสุขของชั้นล่ะมันจะเป็นยังไง...มันจะยังมีอยู่มั้ยถ้าไม่มีเธอ!!!” เขาถามเสียงกร้าว ออโรร่าเบือนหน้าหนี เธอพยายามสะบัดแขนที่ถูกจับไว้แน่นให้หลุดแต่ก็ทำไม่ได้
“ชั้นไม่ยอมหรอกนะ...ยังไงชั้นก็ไม่ยอมเลิกกับเธอ” น้ำเสียงเด็กหนุ่มอ่อนลงเล็กน้อย แต่ก็ยังบ่งบอกถึงความไม่พอใจชัดเจน “เธอคิดถึงแต่คนอื่น แต่ไม่ยอมคิดถึงชั้นเลย...เธอไม่เคยรักชั้นเลยใช่ไหม”
“ไม่ใช่นะ!!!” เด็กสาวค้านอย่างรวดเร็ว แล้วก็ต้องหน้าแดงเมื่อเห็นใบหน้าบึ้งตึงของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยิน

“ถ้าเธอรักชั้นก็ต้องเชื่อชั้น...สนใจแต่ชั้นสิ ไปสนใจคนอื่นทำไม” น้ำเสียงออดอ้อนทำเอาเด็กสาวใจสั่น เธอหลบตาเด็กหนุ่มดึงเธอเข้าไปโอบกอดอย่างเขินอาย
“เพราะชั้นรักเธอ ชั้นถึงคบกับเธอ ถ้าเธอรักชั้นล่ะก็อย่าเลิกกับชั้นเลยนะ ชั้นจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีเธอ” เขาเชยคางเธอขึ้นแล้วก้มลงจุมพิตริมฝีปากนุ่มเร็ว ๆ ทีนึงอย่างอารมณ์ดี แฮร์รี่มองแก้มนวลที่แดงกล่ำและริมฝีปากนุ่มที่สั่นระริกอย่างห้ามใจไม่อยู่ก่อนจะก้มหน้าลงไปอีกครั้ง

ริมฝีปากร้อนรุมทาบลงปิดริมฝีปากนุ่มอย่างอ่อนโยนแล้วดึงให้เธอแหงนเงยขึ้นรับจุมพิตนั้นอย่างถนัด ถนี่ การถูกจู่โจมอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวนี้ทำเอาคนที่ไม่ทันระวังถึงกับตัวอ่อน มือที่ประคองอยู่แผ่นหลังค่อย ๆ เริ่มลูบไล้ไปมาอย่างอ่อนโยนทะนุถนอม ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนสูงขึ้นไปรับรองอยู่กับท้ายทอย แทรกเข้าไปกับศีรษะได้รูปนั้น ริมฝีปากของเขาเคล้าคลึงริมฝีปากนุ่มหนักบ้าง...เบาบ้าง แต่ทุกระยะความหนักเบานั้น มันก็ทำให้คนถูกจุมพิตวาบหวามไปทั้งตัวและหัวใจ วุ่นวายไปตลอดอารมณ์จนจับต้นชนปลายไม่ถูก นานเท่านานที่เมื่อได้เริ่มแล้วก็ไม่อยากจะเลิกลาเสียง่าย จนออโรร่ามีความรู้สึกเหมือนจะขาดใจ

“พอเถอะแฮร์รี่...พอ...” ออโรร่าเบี่ยงหน้าหนีเมื่อเขาถอนริมฝีปากออกแต่ริมฝีปากร้อนรุ่มยังคงคลอเคลียตามแก้มนวลอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ เธอพยายามรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงหายไปให้กลับเข้าที่มาอีกครั้ง “พอเถอะนะแฮร์รี่” เธอกระซิบพลางเอานิ้วที่สั่นระริกแตะริมฝีปากที่ก้มลงมาอีกครั้งเป็นการห้าม แฮร์รี่ทำตามอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เขายืดตัวขึ้นแต่มือทั้งสองยังคงไม่ยอมปล่อยร่างบางออกจากอ้อมแขน

“คำตอบล่ะว่ายังไง” เขากระซิบถาม มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปตามแก้มที่เป็นสีระเรื่ออย่างอ่อนโยน
เด็กสาวนิ่งไปก่อนจะเอ่ยถามเจ้าของดวงตาสีมรกตด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าชั้นตกลง...มันจะมีผลเสียกับเธอหรือเปล่าแฮร์รี่”
เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย “ผลเสีย? หมายถึงอะไรล่ะ ถ้าหมายถึงเรื่องชื่อเสียงชั้นล่ะก็ เธอไม่ต้องห่วงหรอกเพราะมันเสียจนไม่มีอะไรจะเสียแล้ว” ออโรร่าถอนใจ “สิ่งที่สำคัญมันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกออโรร่า แต่มันก็อยู่ที่ว่าเธอแคร์ชั้น...หรือตัวเธอเองมากกว่า” เธอเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจ “การที่เธอมาคบกับชั้นมันย่อมต้องมี ‘เรื่อง’ ต่าง ๆ ตามมาอยู่แล้ว และถ้าเธอกลัวว่าการที่เธอมาคบกับชั้นแล้วมันจะเป็นผลเสียกับเธอล่ะก็ งั้นเราก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แต่ถ้า...”

“ชั้นไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น” เธอค้านอย่างตกใจ “สิ่งที่ชั้นคิดนั่นหมายถึงว่าถ้าเธอมาคบกับชั้นแล้วเธอจะมีความสุขเหมือนอย่างที่เธอเคยคบกับ...” จะเอ่ยชื่อโช แชงก็ไม่กล้า “...คนอื่น...หรือเปล่าต่างหากล่ะแฮร์รี่...” เธอจับมือที่ไล้แก้มนั้นมาแนบกับแก้มเธออย่างอ่อนโยน “สำหรับชั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ความสุขของตัวเอง...แต่เป็นความสุขของเธอ...”
เขาดึงเธอเข้ามากอดแล้วพูดอย่างยินดี “ในเมื่อเธอเป็นความสุขของชั้น และเธอเองก็เห็นแก่ความสุขของชั้นมากกว่า งั้นทำไมเราต้องมากังวลถึงเรื่องนื้อีกล่ะ...จริงมั้ย”


********************************************


“จริงสิแฮร์รี่แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าชั้นอยู่ที่ป่านั้น” ออโรร่าถามอย่างสงสัยระหว่างที่กลับโรงเรียน “จริง ๆ แล้วชั้นหาเธอไม่เจอหรอก คิดว่าเธอกลับมาโรงเรียนก่อนด้วยซ้ำ แต่พอดีเจอลูน่าเข้า ลูน่าบอกว่าเห็นเธออยู่ในป่านั่นชั้นก็เลยเดินไปหา” ออโรร่าขมวดคิ้ว เห็นอยู่ในป่างั้นเหรอ?
“ลูน่าน่ะอาจจะดูแปลก ๆ บ้างในบางที” แฮร์รี่พูดขึ้นมาลอย ๆ “บางคนมองว่าลูน่าเป็นคนเพี้ยน ชอบพูดหรือชอบทำอะไรประหลาด...แต่สำหรับชั้นแล้ว ลูน่าเป็นหนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนที่ชั้นไว้วางใจเขามากที่สุด” แฮร์รี่หันมายิ้มให้ “อย่าฟังคำคนอื่นหรืออย่ามองคนแค่ท่าทางภายนอก แล้วเธอจะพบว่าคนคนนั้น ‘พิเศษ’ อย่างที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนเชียวแหล่ะ”

ภาคที่ 2

มัลฟอยเงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อร้านที่แขวนอยู่หน้าร้านเพื่อความแน่ใจก่อนจะก้าวเข้าไป เมื่อเข้าไปแล้วเขาก็ต้องงง ‘ร้านอะไรฟะ ทำไมไม่มีลูกค้าเลย’ เขาถามตัวเองอย่างสงสัยเมื่อเห็นว่านอกจากเขาที่ยืนอยู่นั้นไม่มีเงาใครสักคนในร้านเลย
‘แต่งร้านพิลึก มีกระจกสีดำเต็มไปหมด’ เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นกระจกสีดำสนิทที่ติดอยู่ในร้าน เขาหันรีหันขวางอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปหยุดอยู่หน้าตู้กระจกที่เต็มไปด้วยขนมหน้าตาแปลก ๆ

“ยินดีต้อนรับจ๊ะ” เสียงหวานที่ดังขึ้นทำเอามัลฟอยถึงกับสะดุ้ง เขาหันไปมองรอบตัวก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินอยู่หน้ากระจกสีดำบานหนึ่งในมือถือถาดที่เต็มไปด้วยขนมและเครื่องดื่ม “เชิญเลือกได้ตามสบายเลยนะจ๊ะ”
มัลฟอยหันไปมองตู้ขนมอีกรอบ ‘ขนมอะไรฟะ ก้อนสีเหลืองไม่น่ากินเลย’ เขาหันไปมองขนมชิ้นอื่น ๆ แล้วก็ได้แต่ส่ายหัว ‘สาบานนะว่านั่นน่ะขนม!!!’
มัลฟอยหันไปมองหาหญิงสาวคนเดิมแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว ตะกี้นี้เดินอยู่ตรงนั้นนี่ แล้วหายไปไหนน่ะ เขาหันกลับมามองหาขนมที่คาดว่า ‘น่าจะ’ ทานได้อีกครั้งแล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงดังข้างหลัง

“รับอะไรดีจ๊ะพ่อหนุ่ม” มัลฟอยหันไปแล้วก็ต้องอ้าปากค้าง โผล่มาจากไหนฟะเนี่ย แล้วจานขนมกับเครื่องดื่มในถาดนั่นหายไปไหนหมด หญิงสาวมองหน้าเด็กหนุ่มแล้วก็ต้องหัวเราะ “ชั้นชื่อ บรินน์ คาลด์เวล เป็นเจ้าของร้านนี้จ๊ะ เธอคงเพิ่งเคยมาร้านนี้เป็นครั้งแรกสินะ”
มัลฟอยพยักหน้า เขาชี้ไปยังตู้ขนม “นั่นน่ะขนมหรือครับ ทำไมมันแปลก ๆ”
บรินน์ (หรือซินดี้ของจูเลียน่า) หัวเราะ “พูดอย่างนี้แสดงว่าเธอมาจากตระกูลของสายเลือดบริสุทธิ์ใช่มั้ยจ๊ะเลยไม่รู้จักขนมของพวกมักเกิ้ล”
มัลฟอยทำหน้าเหย “มะ...มักเกิ้ล...”
“ใช่จ๊ะ ในนี้มีแต่ขนมและเครื่องดื่มแบบมักเกิ้ลเท่านั้น...ว่าแต่เธอจะรับอะไรดีจ๊ะ”

มัลฟอยทำท่าผะอืดผะอมเมื่อคิดว่าจะต้อง ‘กิน’ อันใดอันหนึ่งในนั้น “เอ่อ...ผมขอกาแฟเย็นอย่างเดียวก่อนละกันครับ”
บรินน์ยิ้มน้อย ๆ อย่างขบขัน “ได้จ๊ะ ไปรอที่โต๊ะเลยละกันนะจ๊ะ เดี๋ยวชั้นเอาเครื่องดื่มไปให้”
“ขอบคุณครับ” มัลฟอยอ้อมแอ้มแล้วรีบเดินหนีตู้กระจกอย่างรวดเร็ว


*************************************


เฮอร์ไมโอนี่กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังจุดนัดหมายไปอย่างรวดเร็ว สองตาคอยเหลือบมองนาฬิกาข้อมูลอยู่เป็นระยะ ความจริงยังไม่ถึงเวลานัดหรอก แต่จาก ‘สภาพ’ ที่เธอเห็นมัลฟอยครั้งล่าสุดทำให้เธอเป็นห่วง จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ โดนไปเต็ม ๆ ซะ 2 หมัดซ้อนอย่างนั้น “เฮอร์ไมโอนี่!!!”
เฮอร์ไมโอนี่ครางออกมาเบา ๆ อย่างขัดใจเมื่อเห็นปาราวตีกับลาเวนเดอร์เดินตรงเข้ามาหาพร้อมกับโบกมือให้ เธอเหลือบตามองนาฬิกาอีกครั้ง เอาน่า...ยังมีเวลาอยู่อีกหน่อย


****************************************


“ทำไมไม่เข้าไปนั่งข้างในล่ะจ๊ะ” บรินน์ถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นมัลฟอยยืนนิ่งอยู่หน้าโต๊ะที่ว่าง
มัลฟอยถอนใจเขาหันไปมองหญิงสาวอย่างหงุดหงิด ก็กระจกมันปิดล้อมโต๊ะทุกด้านอย่างนี้แล้วจะให้เขาเข้าไปนั่งได้ยังไง!!!
บรินน์มองตามสายตาของเด็กหนุ่มที่หันไปมองกระจกแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างเข้าใจ “ขอโทษทีจ๊ะ งั้นช่วยถือให้ทีนะ” เธอยื่นถาดเครื่องดื่มให้มัลฟอยไปถือไว้ แล้วยื่นมือข้างหนึ่งไปแตะที่กระจกเบา ๆ แล้วกระจกก็หายวับไปทันที ทำเอามัลฟอยถึงกับอ้าปากค้าง บรินน์ดึงถาดมาถือ
“นั่งสิจ๊ะ” เธอพยักหน้าไปที่โต๊ะ พอมัลฟอยนั่งลงเธอจึงวางเครื่องดื่มพร้อมกับชามแก้วใบเล็กที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งให้ มัลฟอยมองหญิงสาวเจ้าของร้านอย่างสงสัยเมื่อเห็นเธอยื่นผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กให้

“เอาไว้ประคบแผลที่ริมฝีปากนะจ๊ะ” หญิงสาวบอก มัลฟอยกล่าวขอบคุณเบา ๆ “เดี๋ยวพอชั้นออกไปแล้วเธอกดที่ปุ่มข้างสีแดง ๆ นั่นนะจ๊ะแล้วกระจกก็จะปิดลง แล้วเธอก็จะสามารถเลือกได้ว่าอยากจะนั่งดื่มท่ามกลางวิวแบบไหน” มัลฟอยมองไปที่ปุ่มที่อยู่ข้างแจกันดอกไม้ “ถ้าเธอจะเปิดหรือปิดประตูล่ะก็กดปุ่มนั้นได้เลย...ถ้าต้องการอะไรเรียกชั้นได้นะจ๊ะ”


****************************************



บรินน์ส่งยิ้มให้เด็กสาวที่ยืนหอบอยู่หน้าเคาเตอร์ “สวัสดีจ๊ะเฮอร์ไมโอนี่”
“สะ...สวัสดี...ค่ะ...คุณ...คาลด์เวล...” เด็กสาวหอบฮัก มือทั้งสองข้างเกาะเคาน์เตอร์ไว้ สองตาเหลือบมองไปรอบร้าน “พอดีหนูนัดเพื่อนไว้น่ะค่ะ ผู้ชายผมสีบรอนซ์ ๆ ขาว ๆ ไม่ทราบว่าเขามาหรือยังคะ”
บรินน์ยิ้ม “ใช่คนที่ผมสีบรอนซ์ หน้าตาดี ๆ ใช่ไหมจ๊ะ”
“ใช่ค่ะ เขามาแล้วหรือคะ”
“จ๊ะ เขานั่งอยู่โต๊ะโน้นแน่ะ” ชี้ไปทางโต๊ะที่อยู่ไกลจากคนอื่น “มาได้สัก 15 นาทีแล้ว”
“ไม่ทราบว่าเขาสั่งอะไรไปหรือยังคะ”
“สั่งเครื่องดื่มไปแค่แก้วเดียวจ๊ะ...ว่าแต่เธอจะรับอะไรดีจ๊ะ”
เด็กสาวมองไปยังตู้โชว์ “มีขนมหลายอย่างจัง...นั่นใช่ ‘ไดฟุกุ’ ของญี่ปุ่นหรือเปล่าคะ”
“ใช่จ๊ะ...”
“งั้นหนูขอไดฟุกุชุดหนึ่ง แล้วก็ขอแซนวิสผักสลัดด้วยนะคะ...แล้วขอชาเขียวเย็นค่ะ”
“ได้จ๊ะ เดี๋ยวชั้นเอาไปให้นะ”


****************************************


มัลฟอยละสายตาจากวิวทะเลเมื่อได้ยินเสียงเคาะกระจกเบา ๆ ตอนแรกเขาไม่แน่ใจจนกระทั่งได้ยินเสียงอีกครั้ง
ก๊อก...ก๊อก...”มัลฟอย” เสียงเรียกเบา ๆ ทำให้เขายื่นมือไปกดปุ่มสีแดง หลังจากกดปุ่มแล้วกระจกด้านหนึ่งก็เลื่อนไปเหมือนบานเลื่อนทำให้เห็นเด็กสาวผมสีน้ำตาลยืนอยู่ด้านนอก พอเด็กสาวเดินเข้ามาแล้วเขาก็กดปุ่มปิดประตูทันที

รอยยิ้มหวานที่ส่งให้แทนคำทักทายเจื่อนลงเมื่อเด็กหนุ่มเมินหน้าหนีไปทางอื่น เฮอร์ไมโอนี่มองรอยแผลที่ริมฝีปากของเขาแล้วถามอย่างห่วงใย “เป็นไงบ้าง...หายเจ็บหรือยัง”
“หายแล้ว” เขาตอบอย่างเย็นชา “ขอบใจนะที่อุตสาห์เป็นห่วง” เขาประชดทำเอาเด็กสาวเม้มปากแน่น จะโกรธเขาก็ไม่ได้เพราะเพื่อนเธอทำให้เขาเจ็บ แต่ถ้า...
”ถ้าเธอไม่พูดออกไปแบบนั้นรอนก็คงไม่โกรธหรอก” เธอแย้งเสียงอ่อนแล้วรีบหลบตาสีซีดที่ลุกวาวอย่างไม่พอใจ
“ก็มันไม่ควรจะทำอย่างนั้น”
“ทำอย่างนั้น? รอนเขาทำอะไรเหรอ” เธอสงสัยเพราะเธอไม่เห็นเลยว่าเพื่อนหนุ่มทำอะไรให้เด็กหนุ่มตรงหน้าขุ่นเคือง

มัลฟอยสะบัดหน้าไปทางอื่นด้วยความโกรธ ดูเอาเถอะ ทั้ง ๆ ที่โดนไอ้หัวแดงกอดแท้ ๆ แต่เธอก็ยังทำท่าเหมือนกับอีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรผิด สงสัยคงโดนมันกอดบ่อย ๆ สิท่าเลยเห็นเป็นเรื่องธรรมดา...โว้ย...ยิ่งคิดยิ่งแค้น...
เฮอร์ไมโอนี่เห็นใบหน้าสีซีดมีสีแดงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความโกรธ ทำให้เธอต้องรีบคิด...คิด...คิด...แล้วก็คิด ว่ารอนทำอะไรลงไปหนอถึงได้ให้อีกฝ่ายไม่พอใจอย่างนี้ จนกระทั่ง...

“หัวเราะอะไรของเธอ” มัลฟอยถามเสียงเขียว ทั้ง ๆ ที่เขากำลังอารมณ์ไม่ได้แท้ ๆ แต่เด็กสาวอยู่ ๆ กลับหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“ก็แหม...มันก็ดีใจนี่ ที่เห็นเธอ...หึง!!!”
พรึ่บ!!...มัลฟอยหน้าแดงอีกครั้งคราวนี้ไม่ใช่ด้วยความโกรธ แต่เป็นการอายที่ถูกอีกฝ่ายพูดแทงใจดำ “หึงบ้าหึงบออะไรกัน!!!” เขาค้านเสียงดังลั่น “ทำไมชั้นต้องไปหึงเธอด้วย!!”
เฮอร์ไมโอนี่พยายามกลั้นยิ้ม “ก็ถ้าเธอไม่โกรธที่รอนกอดชั้นแล้วเธอจะโกรธรอนเรื่องอะไรล่ะ เรื่องที่เขาไปชิมขนมเหรอ” เธอล้อ แล้วก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นเขาหน้าแดงกว่าเดิม
“แล้วพอตเตอร์ล่ะมันต่อยชั้นเรื่องอะไร” เขาถามแก้เขินแม้จะค่อนข้างแน่ใจว่าโดนอีกฝ่ายต่อยเรื่องอะไร
“อ้าว...ก็เธอไปยุ่งกับแฟนเขานี่เขาก็โกรธสิ”

ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบไป มัลฟอยมองไปทางอื่นเพื่อไม่ต้องเห็นดวงหน้าที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มของเด็กสาวตรงหน้า จนกระทั่งบรินน์นำขนมและเครื่องดื่มมาเสริฟ์ให้ที่โต๊ะ
มัลฟอยเบ้ปากเมื่อเห็นขนม “พวกมักเกิ้ลนี่กินอะไรกันแปลก ๆ แล้วนั่นก้อนอะไรน่ะ” เขาชี้ไปที่ไดฟุกุที่วางเรียงอยู่ในจานจำนวน 4 ก้อน
“ไดฟุกุน่ะ เป็นขนมของญี่ปุ่น...อร่อยดีนะ” เธอบอกพร้อมกับเอาส้อมจิ้มใส่ปากไปลูกหนึ่ง
มัลฟอยรีบส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ชั้นไม่หิว…แล้วอีกจานนั่นอะไรน่ะ” เขาชี้ไปอีกจานที่มีก้อนคล้ายขนมปังอยู่ 4 อันเช่นกัน
“แซนวิสผักสลัดน่ะ มีแต่ผักกับแป้งล้วน ๆ“ เธอจิ้มไดฟุกุขึ้นมาลูกหนึ่งแล้วป้อนให้อีกฝ่ายอย่างเอาใจ “ลองทานดูสิ”

มัลฟอยรีบเอนตัวหนีทันที จะให้เขาลองกินของแปลก ๆ ของพวกมักเกิ้ลเนี่ยนะ ฝันไปเถอะ!!! “เชิญเธอตามสบายเถอะ”
“ลองดูสิ...เถอะน่า มันไม่มียาพิษอะไรหรอก”
มัลฟอยอึกอัก ไม่กล้ากินของแปลก ๆ พวกนี้ แต่ก็กลัวเด็กสาวตรงหน้าขุ่นเคืองขึ้นมาอีก เขาจึงอ้าปากรับไดฟุกุแล้วค่อย ๆ เคี้ยวอย่างช้า ๆ และระวัง เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าที่หวาดกลัวเปลี่ยนเป็นอัศจรรย์ใจ

“อร่อยดีนี่” มัลฟอยบอกอย่างประหลาดใจ “นึกว่ารสชาติจะแปลก ๆ เหมือนหน้าตาเสียอีก”
เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ “ขนมของพวกมักเกิ้ลก็ไม่ต่างอะไรกับของพวกพ่อมดแม่มดสักเท่าไหร่ จะต่างกันก็ที่วิธีการทำ และที่รสชาตินิดหน่อยเท่านั้น” เธอจิ้มแซนวิสชิ้นเล็ก ๆ ยื่นส่งให้เด็กหนุ่มอีกชิ้น
มัลฟอยจับมือเธอไว้ “ขยับมานั่งข้าง ๆ ชั้นดีกว่า นั่งซะไกลอย่างนี้เมื่อยแย่”
เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้ว...เมื่อยเหรอ? ทำไมต้องเมื่อย แล้วระยะห่างของเธอกับเขาก็ไม่มากเท่าไหร่นัก แต่เธอก็ขยับตามที่เขาพูดแต่โดยดี มัลฟอยขยับเก้าอี้เล็กน้อยเพื่อให้มีที่พอให้เด็กสาวได้นั่งอย่างสบาย เมื่อเฮอร์ไมโอนี่นั่งลง เขาก็ยื่นมือไปโอบบ่าเธอทันที เฮอร์ไมโอนี่ซบกับบ่ากว้างอย่างว่าง่าย (ตามใจหน่อยจะได้เลิกงอนเสียที)
เธอหยิบส้อมที่จิ้มแซนวิสค้างไว้ขึ้นมาป้อนอีกฝ่าย มัลฟอยอ้าปากรับโดยไม่บ่นอะไรอีก ขนมส่วนใหญ่ถูกป้อนให้เขามากกว่าที่เธอจะทานเอง พอขนมหมดพวกเธอก็ได้แต่นั่งอิงแอบกันอยู่อย่างนั้น

“นี่...ชั้นขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย” เฮอร์ไมโอนี่พูดหลังจากที่นั่งทำใจอยู่นาน
“ได้สิ...เรื่องอะไรล่ะ” เขาถามพลางยกแก้วขึ้นดื่ม
“เรื่องของเฮลีน่าน่ะ”
“เฮลีน่า?...ทำไม”
“คือ...ชั้นสงสัยน่ะว่า...ปกติแล้วจะไม่ค่อยเห็นเธอสนใจใคร บางครั้ง...เธอจะทำท่ารำคาญด้วยซ้ำเวลาที่มีใครเข้าใกล้ แต่กลับเฮลีน่าแล้ว...มันไม่ใช่อย่างนั้น” น้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอถามเรื่องส่วนตัวของเขา “วิธีที่เธอปฏิบัติกับเฮลีน่าจะแตกต่างจากที่เธอปฏิบัติกับคนอื่น แถมเธอยังคอยดูแล...เป็นห่วงเป็นใย...” น้ำเสียงแผ่วลง มัลฟอยขมวดคิ้ว...อะไรอีกล่ะ อย่าบอกนะว่าหึงอีก!!! “แถมเธอยังเคยพูดอีกว่าเฮลีน่าเป็น ‘น้องสาว’ “

มัลฟอยถอนใจ “ก็เป็น ‘น้องสาว’ จริง ๆ นี่”
“ฮะ...”
“แม่ของเฮลีน่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับแม่ชั้นเอง” ลูกพี่ลูกน้องงั้นเหรอ งั้นก็แสดงว่า...
“ใช่แล้ว...แม่ของเฮลีน่าเป็นคนตระกูลแบล็ก พวกเค้าสนิทกับมาก แต่แม่ของเฮลีน่าทำสิ่งที่ผิดพลาดขึ้นเกินกว่าจะคนในตระกูลจะให้อภัยได้” มัลฟอยพูดเสียงเรียบแล้วเงียบไป เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเบิกตากว้าง...
“ใช่แล้ว...แม่ของเฮลีน่าแต่งงานกับพวกมักเกิ้ล!!!”

“แม่ของเฮลีน่าก็เป็นเหมือนกับพวกเลือดบริสุทธิ์คนอื่น ๆ แหล่ะตรงที่มีภาคภูมิใจในสายเลือดที่สะอาด...ไม่ด่างพร้อย แต่แล้ววันหนึ่งทุกคนก็แทบช็อคเมื่อพบว่าแม่ของเฮลีน่ากลับไปตกหลุมรักมักเกิ้ลธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้ดีเด่นอะไรแล้วต้องการจะแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น ทุกคนต่างพากันคัดค้าน หลังจากนั้นแม่ของเฮลีน่าเก็บตัวเงียบไม่เคยถึงเรื่องของมักเกิ้ลคนนั้นอีก ทุกคนต่างพากันโล่งใจเพราะคิดว่าแม่ของเฮลีน่าคงจะเลิกความคิดที่จะแต่งงานไป แต่แล้วอยู่ ๆ เธอก็หายตัวไปโดยไม่มีใครพบอีกเลย”

“เฮลีน่าถูกเลี้ยงแบบมักเกิ้ลธรรมดา ทั้งพ่อและแม่ของเฮลีน่าไม่เคยพูดถึงเรื่องที่เธอมีสายเลือดของแม่มดอยู่เลย จนกระทั่งตอนที่เธออายุได้ 3 ขวบ ศ.จูเลียน่าได้ไปพบกับครอบครัวเธอเข้า”
“ศ.จูเลียน่าเหรอ แล้วเธอได้ไปพบกับครอบครัวนั้นได้ยังไง” เฮอร์ไมโอนี่สงสัย
“เท่าที่ชั้นรู้ หลังจากเรียนจบจากฮอกวอตส์แล้ว ศ.จูเลียน่า ก็ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เพราะว่าเธอเป็นหนึ่งในเลือดบริสุทธิ์เพียงไม่กี่คนที่ไม่ค่อยสนใจกับเรื่องสายเลือดอย่างที่คนอื่นเขาทำกันนัก เธอเลยใช้ชีวิตสองด้าน ด้านหนึ่งเธอใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยมีชื่อของพวกมักเกิ้ล ส่วนอีกด้านหนึ่งเธอก็เป็นผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงเวทมนตร์ที่คอยสืบคดีตามที่กระทรวงต้องการ พอมีเวลาว่างเธอก็จะออกตามหาครอบครัวของเฮลีน่าและเมื่อได้พบก็เข้าไปเยี่ยมเยียนเหมือนมักเกิ้ลคนอื่น ๆ พอเฮลีน่าได้รับจดหมายให้เข้าเรียนฮอกวอตส์ ทุกคนถึงบอกความจริงกับเธอ”
“งั้นเหรอ” เธอครางออกมา แล้วถามออกมาอย่างสงสัย “เดี๋ยว...ตะกี้เธอว่าเรียนที่มหาวิทยาลัยของมักเกิ้ลงั้นเหรอ? แล้ว ศ.จูเลียน่าไม่โดนญาติพี่น้องคนอื่นโกรธเหรอ”

มัลฟอยหัวเราะ “มันก็ต้องแน่อยู่แล้ว พอทุกคนรู้ว่า ศ.จูเลียน่า...ผู้ที่ไม่เคยนำความเสื่อมเสียหรือความผิดหวังมาให้ครอบครัวเลย เลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมอยู่ในสังคมกับพวกมักเกิ้ล ทุกคนต่างตัดขาดเธอ แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังเป็นครอบครัวของเธอ”
“ใครกัน...”
“ศ.สเนป” เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง สเนปเหรอ...เหลือเชื่อน่า
“ศ.สเนปมีน้องสาวเพียงคนเดียวและรักเธอมาก แม้ว่าเธอจะทำให้เขาผิดหวังมากก็ตาม แต่เขาก็ยังคงรักน้องสาวไม่เปลี่ยนแปลง” นั่นเป็นอีกด้านหนึ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ได้รับรู้ สเนปรักคนอื่นเป็นด้วยเหรอ?
“เธอคิดว่าคนอย่าง ศ.สเนปจะรักคนอื่นไม่เป็นหรือไง” เขาถามเมื่อเห็นสีหน้าของเธอ
“เขา ‘รัก’ มากพอที่จะ ‘เขี่ย’ คนที่ทำให้น้องสาวเขาเสียใจไปให้พ้นทางได้ละกัน” เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินความนัยในคำพูดนั้น เขี่ย...งั้นเหรอ? ทำท่าจะถามต่อแต่เมื่อเด็กหนุ่มตัดบทด้วยการนั่งหลับตาเธอจึงหยุดถามและหลับตาม

“เบื่อแล้วเปลี่ยนวิวดีมั้ย” เขาก้มหน้ากระซิบถามเด็กสาวที่หลับตานิ่ง
“แล้วแต่สิ” เธอตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก
“เอาวิวอะไรดีล่ะ...เอาวิวนอกร้านดีมั้ย”
เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ “ขี้เกียจคิดหรือไงถึงเอาวิวนอกร้าน”
มัลฟอยยักไหล่ แล้วเปลี่ยนเป็นวิวหน้าร้าน นั่นทำให้เหมือนกับว่าพวกเขานั่งกันอยู่ในร้านธรรมดา
“แล้วอย่างนี้คนข้างนอกจะเห็นเรามั้ย” เฮอร์ไมโอนี่สงสัย
“ทำไม...กลัวใครมาเห็นเข้าหรือไง” เขาตวัดเสียงใส่
เฮอร์ไมโอนี่ขยับให้ห่างออกมาเล็กน้อย “ทำไมต้องกลัวด้วยล่ะ ในเมื่อเธอยังไม่กลัวแล้วชั้นจะกลัวทำไม จริงมั้ย” เธอหยอก
มัลฟอยหัวเราะเบา ๆ จริงอยู่แม้เขาจะบอกเสมอว่าไม่กลัวว่าใครจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังคงเลือกเป็นศัตรูกันมากกว่าคนรักต่อหน้าบุคคลที่ 3 เลือกที่จะนัดพบกันแบบลับ ๆ มากกว่าเปิดเผยให้คนอื่นรับรู้

มัลฟอยมองริมฝีปากบางที่คลี่ยิ้มน้อย ๆ แล้วก้มหน้าลงไปช้า ๆ เฮอร์ไมโอนี่เบี่ยงหน้าหลบน้อย ๆ อย่างเขินอายแต่ก็ไม่ปฏิเสธ ริมฝีปากเขาเกือบจะทาบทับลงมาที่ริมฝีปากบางแล้วถ้าเฮอร์ไมโอนี่ไม่อุทานออกมาเสียก่อน
“อุ๊ย...” เธอยืดตัวตรงทันทีที่เห็นร่างบางของใครคนหนึ่งวิ่งผ่านหน้าร้านไป
“มีอะไรอีกล่ะ” เขาถามอย่างหงุดหงิด เวลาจะจูบเธอทีไรเป็นต้องพลาดทุกที!!! กลัวคนเห็นบ้างล่ะ...มีคน ‘บังเอิญ’ เดินผ่านมาเห็นบ้างล่ะ แล้วพอตอนนี้ก็ปลอดจากบุคคลที่ 3 แล้วแต่ก็ต้องกินแห้วอีก!!!

“ชั้นว่าเมื่อกี้นี้ชั้นเห็นออโรร่าวิ่งผ่านไปนะ” เธอบอกอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก “แต่ออโรร่าจะวิ่งผ่านมาทางนี้ทำไมล่ะ แล้วแฮร์รี่หายไปไหนออโรร่าถึงอยู่คนเดียว”
“พอตเตอร์เดทอยู่กับออโรร่าไม่ใช่” เขาถามอย่างหงุดหงิด เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นออโรร่าก็ต้องอยู่กับพอตเตอร์สิ ไม่มีทางที่ออโรร่าจะมาวิ่งอยู่แถวนี้คนเดียวหรอก”
“นั่นสินะ” เธอเห็นด้วย แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อโดนเด็กหนุ่มขโมยจูบที่แก้มนวลแรง ๆ เธอหันไปจะทุบที่อกกว้างโทษฐานที่ทำให้เธอตกใจ แต่มัลฟอยจับแขนข้างนั้นไว้ได้ทัน
“วันนี้ชั้นต้องเจ็บตัวเพราะเพื่อนเธอนะ เธอจะไม่ปลอบหน่อยเหรอ” เขาอ้อน

เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง เธอดึงแขนให้หลุดจากมือเด็กหนุ่ม แล้วมือทั้งสองข้างก็ยื่นเข้าไปเกาะที่บ่ากว้างเบา ๆ เธอเหลือบมองเขาอย่างอาย ๆ ก่อนจะยืดตัวเข้าไปจุมพิตที่รอยแผลบนริมฝีปากเบา ๆ แล้วก็ต้องอุทานออกมาอีกด้วยความตกใจ เมื่อแขนข้างหนึ่งของมัลฟอยรวบเอวบางไว้แล้วรั้งเธอเข้าไปจนชิด ส่วนมืออีกข้างหนึ่งกดลงไปยังท้ายทอยเด็กสาวให้อยู่กับที่ เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแล้วใช้ลิ้นและเล็มไปตามริมฝีปากบางก่อนจะแทรกเข้าไปในริมฝีปากที่เผยอขึ้นอย่างเคลิบเคลิ้มนั้นอย่างอ่อนโยน เฮอร์ไมโอนี่ครางออกมาเบา ๆ ตัวอ่อนระทวยกับอกกว้างเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสอันอ่อนโยนนั้น มันทำให้เธอเผลอจูบตอบไปอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่เขาจะกดริมฝีปากลงมาอย่างหนักหน่วงกว่าเดิมและเรียกร้องเสียจนเธอต้องผวา

“เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยเรียกชื่อเด็กสาวที่อ่อนระทวยในอ้อมแขนเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าที่แดงระเรื่อไปด้วยฤทธิ์จุมพิตขึ้นมองเขา ตะกี้เขาเรียกเธอว่าอะไรนะ? “เฮอร์ไมโอนี่!!!” น้ำเสียงนุ่ม...อ่อนหวานทำเอาใจสาวสั่นระริก และไม่ปฏิเสธเมื่อเจ้าของอ้อมกอดโน้มใบหน้าลงมาอีกครั้ง “เดรโก...”

หลังจากจุมพิตจนพอใจ (แต่ก็ทำเอาเฮอร์ไมโอนี่ถึงกับหมดแรง) มัลฟอยลูบไล้ตามเรือนผมสีน้ำตาลและแผ่นหลังของเด็กสาวที่ซบนิ่งอยู่กับอกกว้างอย่างอ่อนโยน เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจอย่างมีความสุข เธออยากให้เวลาหยุดอยู่ตรงนี้ มีเพียงแค่พวกเขาทั้งสองคนเท่านั้น เธอนั่งซบอยู่กับอกกว้างไม่ขยับไปไหน ดวงตามองทอดออกไปนอกหน้าต่างแล้วก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อเห็นร่างสูงของแฮร์รี่เดินผ่านไป

“นั่นพอตเตอร์นี่...ทำไมมาเดินอยู่แถวนี้” มัลฟอยเองก็เห็นเหมือนกัน “ทำไมอยู่คนเดียว แล้วออโรร่าหายไปไหน”
เฮอร์ไมโอนี่ยืดตัวขึ้นนั่งตรง ๆ “แฮร์รี่เหรอ...งั้นเมื่อกี้ที่ชั้นเห็นก็เป็นออโรร่าจริง ๆ น่ะสิ” เธอเริ่มรู้สึกกังวล “หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั่นนะ”
มัลฟอยก้มลงมองนาฬิกา “เกือบได้เวลากลับแล้ว เราไปกันเถอะ เดี๋ยวพอถึงโรงเรียนก็รู้เองแหล่ะว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับสองคนนั้น”


****************************************


“อ้าว...เฮอร์ไมโอนี่มาเหมือนกันหรือจ๊ะ แล้วกำลังจะกลับเหมือนกันเหรอ” เสียงทักคุ้นหูดังขึ้นระหว่างที่รอมัลฟอยชำระเงิน เฮอร์ไมโอนี่หันมายิ้มให้ศ.สาวประจำวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด
“ค่ะ อาจารย์ก็มาเหมือนกันหรือคะ”
“จ๊ะ เธอนั่งอยู่ตรงไหนกันเนี่ยครูถึงไม่เห็น”
“ตรงโน้นน่ะค่ะ” เด็กสาวชี้ไปที่มุมหนึงของร้าน
จูเลียน่าหัวเราะ “มิน่าล่ะ...นั่งกันซะคนล่ะมุมร้านเชียว แล้วนี่มาคนเดียวหรือจ๊ะ” เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า แล้วหันไปทางเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ จูเลียน่ามองตาม เธอชะงักแล้วกระพริบตาปริบ ๆ มองเด็กทั้งสองคนสลับไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะอมยิ้มแล้วเขยิบเข้ามากระซิบใกล้ ๆ “เอ...แอบมาเดทกับมิสเตอร์มัลฟอยอย่างนี้เพื่อน ๆ รู้หรือเปล่าเอ่ย”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง “เปล่าค่ะ...อาจารย์อย่าบอกใครนะคะ” เด็กสาวขอร้อง
จูเลียน่ายิ้ม “ไม่ต้องห่วงหรอกจ๊ะ ครูไม่บอกใครหรอก ว่าแต่ว่าใช่คนนี้หรือเปล่าจ๊ะ ที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องมานั่งหน้าเศร้าที่ร้านเมื่อคราวที่แล้ว” เธอพยักหน้าอย่างอาย ๆ จูเลียน่ามองไปที่มัลฟอยที่กำลังสั่งขนมบรินน์เพิ่ม
“ถ้าตัดนิสัยเอาแต่ใจของเขาออกไปแล้ว ก็ถือได้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่เพรียบพร้อมไปหมดทุกอย่างทีเดียว” หันมาทางเด็กสาวที่ยืนหน้าแดง “เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีจริง ๆ”

เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อได้ยิน เมื่อเห็นว่ามัลฟอยชำระเงินและกำลังรับของ เธอก็หันไปจะลา ศ.สาว แต่แล้วก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็น ‘สิ่ง’ ที่กำลังเดินตรงมาที่พวกเธอ







Create Date : 22 พฤษภาคม 2549
Last Update : 23 พฤษภาคม 2549 12:04:26 น.
Counter : 471 Pageviews.

0 comments
แนะนำนิยายน่าสนใจ : แค้นรักคนคุ้นเคย สมาชิกหมายเลข 2288960
(11 ม.ค. 2568 12:55:47 น.)
: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - ชัมบาลา : กะว่าก๋า
(11 ม.ค. 2568 05:42:07 น.)
BookWalker Taiwan ประกาศอันดับ BL e-Book ขายดี ประจำปี 2024 iamZEON
(12 ม.ค. 2568 18:59:46 น.)
Fukuoka Dream Destination : Day 14 รถไฟ รถบัส เฟอร์รี่ ดั้นด้นจนพบเธอ "ไอโนะชิมะ" mariabamboo
(14 ม.ค. 2568 14:33:16 น.)

Traveler-hpfictionroom.BlogGang.com

s_sut
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]

บทความทั้งหมด