ตอนที่ 31
ตอนที่ 31 ข่าว


“ไม่...ไม่!!!” เสียงร้องด้วยความตกใจที่ดังขึ้นมาตอนกลางดึก ทำเอาทุกคนสะดุ้งตื่น
“มีอะไร...เกิดอะไรขึ้นน่ะ” ลาเวนเดอร์ร้องถามด้วยความตกใจเมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดของเพื่อนร่วมห้อง ทุกคนต่างพากันไปรุมล้อมเตียงของออโรร่าด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรน่ะออโรร่า...” เฮอร์ไมโอนี่ถามพลางทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ “…ฝันร้ายเหรอ”
ออโรร่าลูบหน้า “ใช่...” เธอตอบเสียงสั่น แล้วเงยหน้ามองเพื่อน “ขอโทษนะที่ทำให้พวกเธอต้องตื่น”
“ไม่เป็นไรหรอก” ปาราวตีตอบด้วยท่าทางงัวเงีย “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ งั้นพวกชั้นไปนอนก่อนนะ”
ออโรร่าพยักหน้า “ราตรีสวัสดิ์”
“ราตรีสวัสดิ์” เพื่อนคนอื่นตอบ เฮอร์ไมโอนี่บีบมือเพื่อนอย่างปลอบใจ
“เธอก็ไปนอนเถอะเฮอร์ไมโอนี่” เฮอร์ไมโอนี่ลังเล เพราะเห็นว่าสีหน้าของออโรร่าไม่ค่อยดีนัก “ไปเถอะ ชั้นไม่เป็นไรแล้วล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าแล้วเดินกลับไปที่เตียง

แม้ห้องจะตกอยู่ในความเงียบอยู่นานแล้ว แต่ออโรร่าก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ เธอจ้องไปยังดวงจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่ท่ามกลางห้องฟ้าที่มืดมิด ‘จันทร์เจ้าขา ขอให้สิ่งที่ลูกฝันเป็นเพียงความฝันด้วยเถอะ’ เธออธิษฐาน ‘ขออย่าให้เป็นความจริงเลย’


**************************************


ในขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งของปราสาท ศ.มักกอนนากัลกำลังมุ่งตรงไปยังห้องทำงานอาจารย์ใหญ่ประจำฮอกวอตส์อย่างเร่งรีบ จดหมายด่วนที่เธอได้รับเมื่อครู่สร้างความตกตะลึงจนเธอต้องใช้เวลาอยู่หลายนาทีกว่าจะรวบรวมสติขึ้นมาได้อีกครั้ง

“อัลบัส...จริงเหรอ? นั่น...เป็นเรื่องจริงเหรอ!!!” ศ.มักกอนนากัลรีบเอ่ยถามอาจารย์ใหญ่ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานทันทีที่เดินเข้ามาในห้อง
ศ.ดัมเบิ้ลดอร์เหลือบตามอง เขาถอดแว่นตาออกแล้วถอนใจ “ใช่แล้วมิเนอร์วา”
ศ.มักกอนนากัลหน้าซีดเผือด “แล้วทำไม...เกิดอะไรขึ้น!!!”
“พวกเขาประสบอุบัติเหตุ รถที่พวกเขาขับไปพุ่งชนกับรถที่ขับสวนมา”
ศ.มักกอนนากัลเข่าอ่อน เธอรีบทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ “โธ่...แล้วทีนี้จะทำยังไงกันดีล่ะอัลบัส พวกเขาตายแล้วอย่างนี้ แล้ว...”
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะบอกมิสเดมมิ่งแล้วเรื่องที่เธอที่ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ “
ศ.มักกอนนากัลเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว “แล้ว...”
“แต่พวกเขาไม่ได้บอกว่าใครเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอ” ศ.มักกอนนากัลถอนใจ ศ.ดัมเบิ้ลดอร์ลุกขึ้นเดินไปหยุดที่ข้างหน้าต่าง เงยหน้ามองดวงจันทร์ที่เริ่มคล้อยต่ำลง “คุณจะเป็นคนบอกเธอเรื่องอุบัติเหตุนี่เองหรือว่าอยากจะให้ผมเป็นคนบอกมิเนอร์วา”
แม้จะเป็นเรื่องร้ายแรง แต่เนื่องจาก ศ.มักกอนนากัลเป็นอาจารย์ประจำบ้านกริฟฟินดอร์ เขาจะให้เธอเป็นคนตัดสินใจเอง “คุณเป็นคนบอกละกันอัลบัส ชั้น...ไม่กล้า”
“ถ้าอย่างนั้น ให้เธอมาพบผมก่อนเข้าเรียนแล้วกันนะ”
“ได้ค่ะ”


**************************************


“ทำไมเธอไม่ค่อยทานอะไรเลยล่ะออโรร่า ไม่หิวเหรอ” รอนถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นเด็กสาวเอาแต่เขี่ยอาหารในจานไปมา ออโรร่าส่ายหน้า
“ดูสีหน้าเธอไม่ค่อยดีเลยนะเช้านี้ ไม่สบายหรือเปล่า” แฮร์รี่ถามอย่างเป็นห่วง
“เปล่าหรอก พอดีเมื่อคืนชั้นฝันร้ายน่ะ ก็เลยนอนไม่ค่อยหลับ”
“แล้วตกลงเธอฝันว่าอะไรเหรอออโรร่า” เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นถาม
“ชั้นฝันเห็น...”
“มิสเดมมิ่ง”

“ศ.มักกอนนากัล...อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ทักรองอาจารย์ใหญ่และอาจารย์ประจำบ้านที่เดินมาหยุดที่โต๊ะพวกเธอ
“อรุณสวัสดิ์มิสเกรนเจอร์...” ศ.มักกอนนากัลทักตอบแล้วหันไปทางออโรร่า “มิสเดมมิ่ง เดี๋ยวถ้าเธอทานอาหารเสร็จแล้วช่วยไปพบ ศ.ดัมเบิ้ลดอร์ด้วย ท่านอาจารย์ใหญ่มีเรื่องอยากจะพูดกันเธอ”
ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วซีดลงไปอีกที่ได้ยิน ดวงตาคู่สวยฉายแววหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน ศ.มักกอนนากัลมองเด็กสาวในปกครองอย่างเห็นใจ เธอตบบ่าเด็กสาวเบา ๆ อย่างปลอบใจ “ชั้นเสียใจด้วยนะมิสเดมมิ่ง” เพียงเท่านั้น...ก็เด่นชัดทุกอย่าง สิ่งที่เธอกำลังหวาดกลัวได้เกิดขึ้นแล้ว...


**************************************


“...”
‘ครูเสียใจที่จะต้องบอกว่าคุณพ่อและคุณแม่ของเธอเสียชีวิตแล้วทั้งคู่’
‘เกิดอะไรขึ้นคะ’

“...ออโรร่า...”
‘รถที่พวกเขาขับไปประสบอุบัติเหตุ พุ่งเข้าชนรถที่ขับสวนมา’
“เฮ้...นี่...”
‘เมื่อไหร่คะอาจารย์’
‘เมื่อตอนเช้ามืดนี่เอง...ครูเสียใจด้วยมิสเดมมิ่ง...’

“เฮ้ย!!! ระวัง!!!”

ออโรร่าสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกใครบางคนกระชากอย่างแรงโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
“นี่เธอใจลอยไปถึงไหนกันฮะออโรร่า ถ้าตกไปล่ะแย่เลยนะ”
เธอหันไปมองมัลฟอยที่ถามเธอด้วยความโมโห “ใจลอย? ตก?” เธอทวนคำอย่างงง ๆ
“ก็ใช่น่ะสิ นี่ถ้าชั้นคว้าเธอไว้ไม่ทันล่ะก็แย่เลย...” เขาพยักเพยิดไปด้านหลังเธอ
เธอหันไปมองตามแล้วก็ใจหายวาบเมื่อเห็นว่าบันไดที่ควรจะอยู่ตรงหน้าเธอนั้น ตอนนี้มันย้ายไปอยู่อีกทางหนึ่งแล้ว ถ้าเธอเดินไปอีกเพียงก้าวเดียวล่ะก็ งานนี้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแน่

“แล้วนี่จะไปไหน ทำไมถึงไม่เข้าเรียน” มัลฟอยถามอย่างสงสัย เพราะตอนนี้ใกล้เวลาเรียนช่วงเช้าแล้ว แต่ออโรร่ากลับทำเหมือนจะเดินไปทางอื่นที่ไม่ใช่ห้องเรียน “เธอเป็นอะไรไปน่ะ ไม่สบายหรือเปล่า” มัลฟอยถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าที่เศร้าหมองของออโรร่า
ออโรร่าส่ายหน้า เธอฝืนยิ้มให้เด็กหนุ่ม “เธอไปที่ห้องเรียนก่อนเถอะ เดี๋ยวชั้นตามไป”

“แน่ใจนะว่าเธอไม่เป็นอะไร” มัลฟอยถามอย่างไม่แน่ใจ เพราะเห็นว่ายิ่งออโรร่าพยายามยิ้มมากเท่าไหร่ สีหน้าของเธอก็ยิ่งเหมือนจะร้องไห้ออกมามากขึ้น
“แน่...” และแล้วหยาดน้ำตาที่เธอพยายามกลั้นไว้ก็รินไหลออกมาต่อหน้าต่อตาเขา “...ใจ”
“ออโรร่า!!! ร้องไห้ทำไม เกิดอะไรขึ้น” มัลฟอยร้องถามอย่างตกใจ ออโรร่ายกมืดขึ้นปิดหน้า เธอส่ายหน้าไปมาขณะที่เริ่มสะอึกสะอื้นออกมา
มัลฟอยหันรีหันขวางอย่างกังวล เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น เขาก็แตะแขนเด็กสาวเบา ๆ “เราไปหาที่เงียบ ๆ นั่งคุยกันดีกว่า อย่ามายืนอยู่อย่างนี้เลยเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”


**************************************


“เธอเห็นอย่างที่ชั้นเห็นมั้ย”
“เห็นชัดเต็มสองตาเลยล่ะโช” มารีเอ็ตต้าตอบ เธอกับโชเพิ่งเสร็จจากการทานอาหารเช้าและกำลังจะกลับหอเพื่อเตรียมหนังสือที่จะต้องเรียนในช่วงสายก็มาจ๊ะเอ๋เข้ากับมัลฟอยกับออโรร่าที่กำลังยืนคุยกันอยู่อีกฝั่งหนึ่ง เธอกับโชจึงหลบออกมาให้พ้นสายตา และก็เห็นว่าแฟนสาวของแฮร์รี่พูดคุยอยู่กับเด็กหนุ่มจากบ้านสลิธีรินด้วยท่าทางสนิทสนม

“นั่นพวกเขากำลังไปไหนกันนะ” โชหรี่ตามองสองหนุ่มสาวที่เดินออกไปทางหน้าปราสาทอย่างสงสัย แล้วยิ้มออกมา “ชั้นคิดอะไรออกแล้วล่ะ”
“อะไรเหรอ”
“เดี๋ยวเธอกลับไปที่หอนะมารีเอ็ตต้า แล้วเอากล้องถ่ายรูปมาให้ชั้นที”
“กล้อง? นี่เธอคิดจะ...”
“ใช่ ชั้นจะถ่ายรูปพวกเขา” โชยิ้ม “อยากรู้จัง ว่าแฮร์รี่เขาจะว่ายังไงนะ ถ้าเห็นรูปของแฟนเขากับศัตรูเขา ว่าลับหลังเขาน่ะพวกนั้นสนิทสนมกันมากแค่ไหน”


**************************************


ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ริมทะเลสาบ “เธอไม่เป็นไรแล้วนะ” มัลฟอยถามออโรร่าที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเมื่อรู้สึกถึงแรงสะอื้นที่ลดลง ออโรร่าพยักหน้า เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดหน้า “พอจะบอกชั้นได้มั้ย ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“พ่อกับแม่ชั้น...ท่านเสียเมื่อเช้านี้”
มัลฟอยเบิกตากว้าง “ฮะ...จริงเหรอ!!!”
ออโรร่าพยักหน้า น้ำตาที่ทำท่าจะหยุดเริ่มไหลออกมาอีก “ศ.ดัมเบิ้ลดอร์เพิ่งบอกชั้นเมื่อกี้นี้เอง”
“ชั้นเสียใจด้วยนะ”
“ขอบใจนะ”

มัลฟอยมองเด็กสาวที่นั่งก้มหน้านิ่ง เขารู้ดีว่าออโรร่ารู้สึกยังไง เขารู้ว่าการที่ต้องสูญเสียพ่อมันเป็นยังไง เด็กหนุ่มกุมมือที่กำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น
“ร้องเถอะ...ถ้าเธออยากจะร้องออโรร่า” เขาปลอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เรียกให้เธอร่ำไห้สะอึกสะอื้นออกมาแรงขึ้น เธอโผเข้าหาอ้อมกอดที่พร้อมจะปลอบโยน พร้อมกับกอดเขาไว้แน่น มัลฟอยลูบหลังเด็กสาวไปมาอย่างอ่อนโยน “เวลาอย่างนี้ ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการร้องไห้ออกมาแล้วล่ะ”


**************************************


“ได้มั้ย” มารีเอ็ตต้าถามเพื่อนสาวที่ลดกล้องลง โชมองภาพที่มัลฟอยกับออโรร่าโอบกอดกันไว้อย่างพอใจ
“ได้สิ ชัดด้วย” เธอหันไปยิ้มกับเพื่อน มารีเอ็ตต้ายิ้มกว้าง โชยกกล้องขึ้นมาอีกครั้ง แค่ภาพเดียวน่ะมันไม่พอหรอก มันต้องมีมากกว่านั้น!!!!


**************************************


“ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ชั้นทำไม่ดีกับพ่อแม่ไว้” หลังจากที่รู้สึกว่าดีขึ้นออโรร่าก็พูดออกมา “เมื่อวันคริสมาสต์ พ่อกับแม่บอกความจริงกับชั้นเรื่องหนึ่ง...”
“เรื่องอะไร”
“ชั้น...ไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของพวกท่าน”
มัลฟอยขมวดคิ้ว เขาสงสัยว่า เรื่องแบบนี้มันควรพูดถึงในวันคริสมาสต์เหรอ แต่มันก็ดีอยู่อย่าง เพราะนั่นก็คือออโรร่าได้รู้ความจริงจากพวกท่านก่อน ก่อนที่ความจริงนั้นจะไปพร้อมกับชีวิตของพวกท่าน แต่ที่แย่ก็คือ แล้วอย่างนี้ออโรร่าจะรู้ได้ยังไงว่าใครคือพ่อกับแม่ที่แท้จริง?

“ชั้นโกรธมาก ก็เลยไม่ยอมพูดกับพวกท่านจนถึงเวลาที่เดินทางกลับมาที่นี่” ออโรร่าขยับออกให้ห่างจากมัลฟอย เธอชันเข่าขึ้นมากอดแล้วแนบคางลงกับเข่าทั้งสอง “มันทำให้ชั้นรู้สึกแย่ ที่ไม่ได้สร้างความทรงจำดี ๆ ก่อนที่พวกท่านจะจากไป” เธอซบหน้าลงกับต้นแขน “ชั้น...มันแย่จริง ๆ “

มัลฟอยไม่ได้พูดอะไร เขานั่งเฉยรอจนเด็กสาวรู้สึกดีขึ้น เขาขยับหนังสือที่วางไว้ข้างตัวไปไว้ไกล ๆ เขาเอนตัวลงนอน
“แล้วนี่เธอจะไม่เข้าเรียนเหรอมัลฟอย” ออโรร่าหันมาถามอย่างสงสัย
มัลฟอยเบะปาก “ความจริงชั้นไม่ค่อยอยากเรียนวิชานี้เท่าไหร่หรอก ไม่เข้าใจเลยว่าจะเป็นมือปราบมารแล้วไปเกี่ยวอะไรกับวิชาน่าเบื่ออย่างวิชาสมุนไพรด้วยนะ ไม่เข้าใจเลย” แล้วก็โล่งใจเมื่อเห็นออโรร่าหัวเราะออกมาได้
“พูดเหมือนรอนกับแฮร์รี่เลย”
มัลฟอยทำหน้าเซ็งเมื่อได้ยิน เขาหันไปยิ้มกับเด็กสาวที่ตอนนี้หยุดร้องไห้แล้ว “ยังไงวันนี้ก็มีเรียนวิชาเดียวอยู่แล้ว งั้นชั้นจะอยู่เป็นเพื่อนเธอจนกว่าเธอจะสบายใจแล้วกันนะ”


**************************************


“ทำไมออโรร่าไม่มาเข้าเรียนนะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับเพื่อนอย่างร้อนใจหลังจากหมดเวลาวิชาสมุนไพร
“อาจจะไม่มีอะไรก็ได้มั้งเฮอร์ไมโอนี่ ออโรร่าอาจจะแค่อยากโดดคาบนี้ก็ได้” รอนปลอบ เฮอร์ไมโอนี่ค้อนขวับ
“ขอโทษเถอะย่ะ นั่นน่ะออโรร่านะไม่ใช่พวกนาย อย่าเหมาว่าเขาจะมีนิสัยอย่างนั้น”
“แล้วเขาก็ไม่ได้เป็นหนอนหนังสือเหมือนเธอด้วย” รอนพึมพำ เฮอร์ไมโอนี่หันขวับ
“เมื่อกี้นี้ว่าอะไรนะ!!” เธอถามเสียงเขียว
“เปล๊า!!!” รอนปฏิเสธด้วยหน้าตาใสซื่อ “ชั้นแค่บอกว่าโชคดีแล้วที่เขาเป็นเด็กดีเหมือนกับเธอ”

“อะไรนะยะ เดรโกไม่ได้เข้าเรียนงั้นเหรอ!!! ทำไมกันล่ะ” เสียงแพนซี่ พาร์กินสันดังมาจากหน้าห้องเรียกความสนใจจากกลุ่มของแฮร์รี่ “ไม่รู้ได้ยังไงยะ เรียนด้วยกันแท้ ๆ ไม่ได้เรื่องเลย” ใครบางคนคงให้คำตอบที่ไม่น่าพอใจ จึงสร้างความขุ่นเคืองให้กับเจ้าหล่อนมากขึ้น

“มีอะไรเหรอแฮร์รี่” รอนถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นแฮร์รี่ยืนนิ่ง
แฮร์รี่หันมามองเพื่อนทั้งสอง “เดี๋ยวพวกนายจะไปทำการบ้านกันที่ห้องสมุดกันใช่ไหม”
รอนเลิกคิ้ว “ใช่ ทำไมล่ะ”
“พวกนายไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวชั้นไปธุระแป๊บหนึ่ง แล้วจะตามไปทีหลัง”
“ธุระ...อ้าว...เฮ้ย...แฮร์รี่...” รอนร้องเรียกเพื่อนเสียงหลงเมื่อแฮร์รี่รีบออกจากห้องไปทันทีที่พูดจบ “เป็นอะไรของเขากันนะ” รอนหันมาพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ แล้วก็ต้องเกาหัวเมื่อเห็นเพื่อนสาวมีอาการเหมือนกันคือ...ยืนนิ่ง “เฮอร์ไมโอนี่...เฮอร์ไมโอนี่!!!”
เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งสุดตัว เธอหันมามองรอนเหมือนงง
รอนทำหน้าเซ็ง “อีกคนละ มีธุระเหมือนกันอีกคนหรือเปล่าล่ะ ถ้ามีชั้นจะได้ไปรอที่ห้องสมุดก่อน” เขาถามประชด เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเจื่อน พร้อมกับปฏิเสธ แล้วพากันเดินไปที่ห้องสมุด


**************************************


มือที่จับแผนที่ตัวกวนไว้กำแน่น ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็จับกิ่งไม้ที่ทอดผ่านอยู่ตรงหน้าไม่แพ้กัน เขารู้สึกเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าออโรร่าไม่ได้เข้าเรียน แถมเมื่อเช้าเธอก็มีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก เท่านั้นไม่พอ เธอยังหายตัวไปพร้อมกับเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง
แม้จะบอกตัวเองว่าไม่เกี่ยวข้องกัน แต่เขาต้องการความมั่นใจ จึงใช้แผนที่ตัวกวนเพื่อตามหาเธอ แล้วก็ได้เห็นว่าเธอนั่งอยู่ที่ริมทะเลสาบพร้อมกับใครคนหนึ่ง
ตอนแรกเข้าไม่แน่ใจว่าทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันหรือเปล่า เพราะแม้ชื่อจะอยู่ใกล้กัน แต่พวกเขาอาจจะต่างคนต่างอยู่ แต่เพราะความหวาดระแวงจึงได้ตามมาดู
แฮร์รี่กำกิ่งไม้แน่นขึ้น มองสองหนุ่มสาวที่นั่งหัวร่อต่อกระซิกกันด้วยอาการเจ็บแปล็บอัดแน่นอยู่ในอก เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นมันคืออะไร แค่คิดว่าน่าจะเป็นการไม่พอใจที่เห็นออโรร่านั่งคุยอยู่กับคู่อริของเขา แฮร์รี่หมกมุ่นอยู่ในความคิดของตนจนไม่ทันรู้สึกถึงหยดเลือดที่เริ่มซึมออกมาเนื่องจากเศษไม้ที่ฝังเข้าไปในฝ่ามือ


**************************************


“ออโรร่า...นี่เธอหายไปไหนมาน่ะ!!!” เฮอร์ไมโอนี่ดุเพื่อนสาวทันทีที่เห็นหน้าในเวลาอาหารเย็น “พวกเราเป็นห่วงเธอแทบแย่รู้มั้ย!!”
ออโรร่ายิ้มเจื่อน “ขอโทษทีนะ พอดีชั้นมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ”
“มีเรื่องอะไรเหรอ” รอนถาม แต่ออโรร่าไม่ได้ตอบ เธอมองไปรอบตัว
“แล้วนี่แฮร์รี่หายไปไหนล่ะ”
“นั่นก็อีกคน หายตัวไปตั้งแต่เลิกเรียนวิชาสมุนไพร” เฮอร์ไมโอนี่กระแทกเสียง “นัดกันว่าจะไปทำการบ้านที่ห้องสมุด แต่ก็ไม่เห็นไปตามนัดเลย”
ออโรร่าขมวดคิ้ว หายไปโดยไม่บอกใคร? แฮร์รี่ไม่น่าจะใช่คนอย่างนั้นนี่ “จะเกิดอะไรขึ้นกับแฮร์รี่หรือเปล่า” ออโรร่าเริ่มเป็นห่วง
รอนโบกมือ “คงไม่หรอก ถ้าเกิดอะไรขึ้น ศ.ดัมเบิ้ลดอร์คงบอกเราแล้วล่ะ”
ออโรร่าหน้าหมองลง นั่นสินะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ศ.ดัมเบิ้ลดอร์คงบอกแล้ว...เหมือนที่บอกกับเธอ
“ว่าแต่เมื่อเช้านี้ ศ.ดัมเบิ้ลดอร์เรียกเธอไปทำไมกันออโรร่า เกิดอะไรขึ้น” รอนถามอีกครั้ง คราวนี้ออโรร่าตอบเพื่อนทั้งสองด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“คุณพ่อกับคุณแม่ชั้นเสียแล้ว...เมื่อตอนเช้ามืดนี่เอง”


**************************************


แก๊ง...แก๊ง...แก๊ง...เสียงนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนดังขึ้นพร้อมกับที่ประตูทางเข้าหอกริฟฟินดอร์ถูกเปิดออก
“แฮร์รี่” เสียงเรียกดังขึ้นเบา ๆ ในตอนที่เขากำลังจะเกิดขึ้นบันได แฮร์รี่ชะงักเขามองไปรอบ ๆ ตัว เห็นออโรร่านั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่งข้างหน้าต่าง แฮร์รี่ยิ้ม เขาเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ

“ดึกแล้ว...ทำไมยังไม่นอนอีก” เขาถามเบา ๆ
“ชั้นรอเธออยู่” เด็กสาวตอบเสียงอ่อน “เธอหายไปไหนมาแฮร์รี่ ชั้นเป็นห่วงเธอนะ ตามหาที่ไหนก็ไม่เจอ” เธอถามอย่างเกรงใจ
“ชั้น...เบื่อ ๆ น่ะ ก็เลยไปหาที่นั่งทำการบ้านเงียบ ๆ”
“แล้วนี่ทานอะไรหรือยัง หิวไหม”
“ชั้นหาอะไรทานแล้วล่ะ” เขากุมมือเธอไว้ “ขอบใจ...และก็ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”

“เอ๊ะ...นั่นมือเธอเป็นอะไรน่ะแฮร์รี่” ออโรร่าทักเมื่อรู้สึกถึงรอย ๆ บนฝ่ามือของเด็กหนุ่ม เธอพลิกฝ่ามือเขาแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรอยแผลขนาดใหญ่กลางฝ่ามือ “ตายจริง!!! นี่มือเธอไปโดนอะไรมาน่ะแฮร์รี่ ทำไมเป็นแผลใหญ่อย่างนี้”
“เอ่อ...เมื่อกี้ชั้นเดินไม่ค่อยระวังน่ะ ก็เลยล้ม”
“แล้วนี่ทำไมถึงไม่ไปทำแผลล่ะ”
“ก็มันดึกมากแล้ว ถ้าชั้นไปห้องพยาบาลตอนนี้ล่ะก็ต้องโดนทำโทษแน่ ๆ “
“เธอนี่น้า...” ออโรร่าทำท่าจะเอ็ด แต่แล้วก็ถอนใจ “รอนี่เดี๋ยวนะ เดี๋ยวชั้นทำแผลให้”

ออโรร่าดึงเด็กหนุ่มให้มานั่งที่โซฟาหน้าเตาผิงเพื่ออาศัยแสงไฟในการทำแผล “ทีหลังระวังหน่อยนะแฮร์รี่ ถ้าเกิดเป็นหนักขึ้นมาจะทำยังไง” ออโรร่าดุไปพร้อมกับพันผ้าที่มือ
แฮร์รี่ยิ้ม “ถ้าเป็นหนักก็ไปห้องพยาบาลให้มาดามพรอมฟรีย์รักษาน่ะสิ แต่ถ้าไม่หนักก็ให้มาดามเดมมิ่งรักษาดีมั้ย” เขาล้อ
ออโรร่าหัวเราะ “แหม...ถ้าเป็นอย่างนั้น ชั้นคงต้องเปลี่ยนไปเรียนหมอแล้วมั้งแฮร์รี่ เอ...ที่นี่เขาเรียกว่ายังไงนะ”
“ ‘ผู้บำบัด’ แล้วอย่าเรียกหมอให้รอนได้ยินนะ เดี๋ยวจะช็อคตายซะก่อน”
“ทำไมล่ะ” เด็กสาวแปลกใจ
แฮร์รี่มองไปรอบตัว แม้จะไม่เห็นใครแต่เขาก็กระซิบที่ข้างหูเธอเบา ๆ “ก็รอนน่ะคิดว่าหมอคือ ‘พวกมักเกิ้ลโรคประสาทที่จับคนไปผ่า‘ น่ะสิ” ออโรร่าหัวเราะคิก

“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว” เด็กสาวพูดขึ้นเมื่อพันผ้าพันแผลเสร็จ
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ”
แฮร์รี่ลอบมองใบหน้าที่ก้มเก็บของ “ว่าแต่...เมื่อเช้านี้ทำไมเธอถึงไม่เข้าเรียนล่ะออโรร่า” มือที่กำลังเก็บของชะงัก เธอเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มแม้จะมีเพียงเงาสลัว ๆ แต่เธอค่อยข้างแน่ใจว่าเขาไม่ค่อยพอใจอะไรบางอย่าง แต่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร “ศ.ดัมเบิ้ลดอร์เรียกเธอไปทำไมเหรอออโรร่า”
ออโรร่าถอนใจ “คือ...”
“มีอะไรเหรอ หรือว่ามีเรื่องอะไรที่เธอบอกชั้นไม่ได้เหรอ” หางเสียงเขาเหมือนไม่ค่อยพอใจนักเมื่อเห็นเธอเงียบไป “หรือว่าเดี๋ยวนี้ชั้นไม่ดีพอที่เธอจะมาปรึกษาเรื่องต่าง ๆ ด้วย...เลยต้องไปปรึกษากับคนอื่นแทน”
ออโรร่าเงยหน้าขึ้นมองแฮร์รี่อย่างรวดเร็ว คำพูดที่ได้ยินทำเอาเธอใจหายวาบ คนอื่นงั้นเหรอ? แฮร์รี่หมายถึงใครกัน หรือว่า...เขาเห็นเธอกับมัลฟอย แต่ไม่ว่าจะสีหน้าหรือแววตาของเขากลับเรียบเฉย ไม่ให้ความกระจ่างกับเธอเลย

แฮร์รี่มองเด็กสาวนั่งที่หน้าเสีย แล้วก็เงียบ...ไม่พูดอะไรต่อ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน เขาจะทำไม่รู้ไม่เห็นซะ ถ้าเธอพร้อมที่จะพูด...เขาก็พร้อมที่จะฟัง แต่ถ้าเธอไม่อยากพูด...เขาก็จะไม่ถามถึงเป็นอันขาด!!!
แล้วท่ามกลางความเงียบสงัด ไม่นาน ออโรร่าก็เงยหน้าขึ้นด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอ “แฮร์รี่...คือว่า...”


**************************************


“โอ้โห...อะไรจะชัดขนาดนี้” มารีเอ็ตต้าอุทานเมื่อเห็นรูปถ่ายที่โชเอามาให้ดู รูปที่โชถ่ายเมื่อวันก่อนนั้นพอล้างออกมาแล้วเรียกได้ว่าชัดไม่มีที่ติด โดยเฉพาะรูปที่มัลฟอยกำลังกอดกับออโรร่า “แล้วนี่เธอจะทำยังไงโช เอาไปให้เขาเองเหรอ”
“เรื่องอะไร” โชเบะปาก “เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะให้นกฮูกของโรงเรียนเอาไปส่งให้” โชหัวเราะคิก “พรุ่งนี้ต้องสนุกแน่ ๆ เลย”


**************************************


“เฮ้อ...เมื่อไหร่ออโรร่าจะกลับมาสักทีน้า” เฮอร์ไมโอนี่บ่น “นี่มันก็ก็หลายวันแล้วนะ เห็นว่าฝังคุณกับคุณนายเดมมิ่งตั้งแต่เมื่อวันซืนแล้วนี้ น่าจะกลับมาได้แล้ว”
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ ออโรร่าได้รับอนุญาตให้กลับไปร่วมงานศพพ่อแม่ได้ โดยมีศ.มักกอนนากัลไปส่งที่ร้านหม้อใหญ่รั่วและจะไปรับที่เดิมในวันกลับ แต่ยังไม่รู้ว่าวันไหน

“อาจจะยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์หรือว่ามีปัญหาเรื่องอื่นมั้ง” รอนบอก “เดี๋ยวพอเสร็จแล้วก็กลับมาเองล่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ค้อนขวับใส่รอนที่ทำเหมือนไม่ค่อยสนใจออโรร่าเท่าไหร่นัก เธอหันไปหาแฮร์รี่ที่นั่งเหม่อ “ตั้งแต่เมื่อวันก่อนออโรร่าไม่เขียนจดหมายมาอีกเลยเหรอแฮร์รี่” แฮร์รี่ส่ายหน้า “งั้นเหรอ คงจะยุ่งล่ะมั้ง ถ้าไม่มีอะไรก็คงจะดีเนอะ”


**************************************


“ชั้นคิดว่าเธอคงเข้าใจนะ ว่าพวกเราไม่สามารถรับเธอไปดูแลได้” หลังจากงานศพผ่านพ้น ภายในห้องรับแขกที่อัดแน่นไปด้วยญาติพี่น้อง คำพูดที่ไม่คาดฝันก็ดังขึ้น
ออโรร่าเงยหน้ามองผู้พูดซึ่งเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวของคุณเดมมิ่ง เธอเห็นผู้เป็นอาทำหน้าเรียบเฉยโดยไม่สนใจผู้เป็นสามีที่พยายามสะกิดปรามไม่ให้เธอพูด ส่วนญาติคนอื่นก็ทำหน้าลำบากใจไม่น้อย
“ชั้นเองก็มีลูกตั้ง 2 คนกำลังเล็กอยู่ คงไม่มีเวลามีคอยดูแลเธอหรอก” ออโรร่าเม้มปาก แต่ก็นิ่งไม่ตอบโต้อะไร “ไม่ใช่แค่ชั้น แต่คนอื่น ๆ ก็เหมือนกัน ทุกวันนี้ทุกคนก็ลำบากไม่น้อย ยิ่งคุณพี่มาเสียไปอย่างนี้ ฐานะของพวกเราในบริษัทก็มาเปลี่ยนไป พวกเราก็เลยไม่อยากมีภาระเพิ่ม”
ไม่ใช่เพราะรู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพี่ชายหรอกเหรอ ถึงได้ตัดทิ้งไม่ใยดี เด็กสาวค่อนขอดในใจ

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณอา หนูโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ หนูไม่รบกวนพวกคุณอาหรอกค่ะ” ออโรร่าพูดเสียงเย็น อาสาวพยักหน้าอย่างพอใจ ส่วนญาติคนอื่นก็ทำหน้าโล่งอก
“แล้วนี่เธอจะกลับไปโรงเรียนเมื่อไหร่จ๊ะ” ญาติคนหนึ่งถาม
“วันพรุ่งนี้ค่ะ”
“พูดถึงเรื่องโรงเรียน เธอน่าจะลาออกมาหางานทำได้แล้วนะออโรร่า ค่าเล่าเรียนเทอมนึงคงจะแพงไม่ใช่เล่น พวกชั้นไม่มีปัญยาส่งเสียเธอหรอก” อาสาวบอก
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณอา คุณพ่อจ่ายค่าเล่าเรียนของเทอมนี้ไปแล้ว หนูเองก็อยากจะเรียนให้จบ”
“ว่าแต่โรงเรียนของเธอนี่อยู่ที่ไหนกันออโรร่า พ่อกับเม่เธอเองก็ไม่เคยบอกเราเลย เห็นบอกแต่ว่าเป็นโรงเรียนเก่าแก่” อีกคนหนึ่งถาม
“เฮอะ...ก็แน่ล่ะ โรงเรียนพวกตัวประหลาดนี่” อาสาวบ่นพึมพำเบา ๆ แสดงว่ารู้ถึงเรื่องโรงเรียนของหลานสาวดี แต่ก็ดังพอให้หลานสาวได้ยิน
ดวงตาสีฟ้าคู่สวยลุกวาว เธอมองอาสาวอย่างไม่พอใจ เล่นเอาอีกฝ่ายถึงกับผงะด้วยความหวาดกลัวเพราะจำได้ว่าพี่ชายเคยเตือนว่าถ้าทำให้หลานสาวโกรธเมื่อไหร่ พวกเธอทุกคนนั่นแหล่ะที่จะเป็นฝ่ายเดือดร้อน

อาสาวรีบลุกขึ้นคว้ากระเป๋าและแขนสามี “งะ...งั้นชั้นกลับก่อนละกัน อ้อ...” หันมาเมื่อถึงประตูห้องรับแขก “ลากันตรงนี้เลยนะออโรร่า เพราะพวกเราคงจะไม่ได้เจอกันอีก” อาสาวมองไปรอบบ้านแล้วยิ้มเยาะ
“น่าเสียดายนะ ที่คุณพี่ทำพินัยกรรมไว้โดยยกให้เธอเพียงแค่ ‘กุญแจเก่า ๆ ‘ ดอกเดียว ที่เหลือกลับยกให้ชั้นแทน...รวมทั้งบ้านหลังนี้ด้วย”


**************************************


‘กุญแจเก่า ๆ’ ที่ถูกเอ่ยถึง ในวันนี้ถูกเจ้าของวางไว้บนโต๊ะอย่างไม่ใยดี วันนี้เป็นวันที่เธอต้องเดินทางกลับฮอกวอตส์ เธอจึงมารอศ.มักกอนนากัลที่ร้านหม้อใหญ่รั่ว ตาทั้งคู่มองสลับไปมาระหว่างกุญแจที่วางอยู่กับประตูร้าน

“มิสเดมมิ่ง”
“ศ.มักกอนนากัล...สวัสดีค่ะ” ออโรร่าทักศ.ประจำบ้านที่เดินมาหยุดข้าง ๆ โต๊ะ (ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้) อย่างยินดี
ศ.มักกอนนากัลมองดวงหน้าหวานที่เศร้าหมองอย่างสงสาร “ที่บ้าน...เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ” ออโรร่าลุกขึ้น คว้ากระเป๋าใบใหญ่ที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมา “หนูพร้อมที่จะไปแล้วค่ะ” ไป...แล้วไม่อยากกลับมาอีก เธอบอกกับตัวเองอย่างเจ็บปวด
“เดี๋ยวก่อน...” ศ.มักกอนนากัลห้าม ออโรร่างงแล้วก็ขมวดคิ้วเมื่อ ศ.มักกอนากัลคว้ากุญแจที่เธอวาง (ลืม) ทิ้งไว้ขึ้นมา “ก่อนไป เราจะไปที่ตู้เซฟของพ่อกับแม่เธอก่อนมิสเดมมิ่ง”


**************************************



“เธอคงรู้จักธนาคารกริงกอตส์” ศ.มักกอนนากัลถามเมื่อเดินเข้าไปในธนาคาร
“ค่ะ หนูรู้จัก” เพราะครั้งแรกที่มาตรอกไดอกอน แม่ของเธอพามาแลกเงินที่นี่
“กริงกอตส์ก็เหมือนกับธนาคารของพวกมักเกิ้ลน่ะแหล่ะ มีทั้งให้แลกเปลี่ยนเงินและก็ตู้เซฟ”
“ตู้เซฟ?”
“ใช่มิสเดมมิ่ง ตู้เซฟของที่นี่นับว่าปลอดภัยมาก พ่อมดแม่มดเกือบทุกครอบครัวต่างพากันมาฝากเงินและของสำคัญไว้ที่นี่” ศ.มักกอนนากัลหยุดเดินตรงหน้าเคาน์เตอร์
“มีอะไรให้รับใช้ครับ” ก๊อบลินที่นั่งอยู่ถาม
“คือเรามาขอเอาเงินที่ตู้เซฟของมิสออโรร่า เดมมิ่ง”
“มีกุญแจมั้ยครับ” ศ.มักกอนนากัลยื่นกุญแจให้ ก๊อบลินมองแล้วหันไปพยักหน้าให้ก๊อบลินอีกตัวหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
“เวลาเธอจะมาเอาเงินที่นี่ แค่เอากุญแจและบอกชื่อของเธอ” ศ.มักกอนนากัลแนะนำขณะเดินไปนั่งรถไฟเล็ก ๆ ออโรร่าเห็นศ.มักกอนนากัลถึงกับกลืนน้ำลายเมื่อเห็นมันก่อนจะกล้าขึ้นไปนั่ง โดยที่มีเธอก้าวตามขึ้นไป

ถ้ามีคนถามว่ารู้สึกยังเมื่อได้นั่งรถไฟไปยังตู้เซฟเป็นครั้งแรก เธอคงบอกว่าสำหรับเธอมันเป็นเหมือนกับกำลังนั่งรถไฟเหาะตีลังกายังไงยังงั้น เธอหลับตาปี๋เมื่อรู้สึกว่ามันแรงขึ้น ๆ และรู้สึกดีขึ้นเมื่อมันช้าลง ๆ จนจอดสนิท
ออโรร่าลืมตาขึ้นเธอเห็นก๊อบลินกำลังไขกุญแจที่ประตูเล็ก ๆ บานหนึ่งที่อยู่ติดกับผนัง ประตูเปิดออก มีควันสีเขียวพุ่งออกมา เมื่อควันจางหายไปออโรร่าก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นเหรียญทองจำนวนมากอัดอยู่ในนั้นจนเกือบเต็ม

“คุณพ่อของเธอมาเปิดเซฟนี้ไว้เมื่อครึ่งปีก่อน ท่านอยากจะเก็บเอาไว้ให้เธอเพื่อเป็นทุน ท่านคงจะทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“นี่มัน...ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะคะ”
“ก็มากพอที่เธอจะใช้จ่ายได้อย่างสบาย ๆ ไม่เดือดร้อนไปจนเกือบตลอดชีวิตแหล่ะ”
“มิน่าล่ะ...” เด็กสาวคราง “...เพราะอย่างนี้นี่เอง เมื่อวันก่อนที่เปิดพินัยกรรม คุณอาถึงเป็นเดือนเป็นแค้นเพราะเงินที่หายไปจำนวนมากนี่เอง”
“ท่านคงอยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการแก้ตัว”
ออโรร่าเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์ประจำบ้าน “อาจารย์ทราบ...”
“ใช่ ครูรู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของครอบครัวเดมมิ่ง แต่อย่าถามเลยนะว่าครูรู้ได้ยังไง หรือว่าพ่อกับแม่ของเธอเป็นใคร ครูบอกไม่ได้หรอกมิสเดมมิ่ง เพราะมันยังไม่ถึงเวลา ทุกคนต่างก็มีวิถีชีวิตและโชคชะตาเป็นของตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นสิ่งที่ถูกขีดไว้ให้เธอต้องเดิน ไม่ว่าใครก็หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นไม่ได้” ศ.มักกอนนากัลวางมือลงบนบ่าอย่างปลอบใจ “เราไปกันเถอะ ป่านนี้พวกเพื่อน ๆ เธอคงจะชะเง้อคอรอกันแล้ว”


**************************************


เฮอร์ไมโอนี่กับรอนกำลังชะเง้อคอยืดคอยาวอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ในระหว่างมื้ออาหารกลางวันอย่างที่ ศ. มักกอนนากัลป์บอกจริง ๆ แต่พวกเขาไม่ได้ชะเง้อคอรอออโรร่าหรอกนะ แต่เพราะพวกเขาสนใจจดหมายที่อยู่ในมือของแฮร์รี่ต่างหาก มันเพิ่งถูกส่งมาถึงเมื่อกี้นี้ ตอนแรกพวกเขาก็เห็นแฮร์รี่ทำหน้างง แต่แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาไร้ความรู้สึก (ซึ่งนั่นหมายความว่าแฮร์รี่กำลังโกรธจัดในความคิดของพวกเขา) ทันทีที่เปิดซองออกเห็นของที่ถูกส่งมา

“นั่นรูปอะไรเหรอแฮร์รี่” รอนสงสัยเพราะนอกจากว่าแฮร์รี่จะทำท่าไม่ใส่ใจแล้วเพื่อนเขายังทำสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง
“เฮ้ย!!!! นั่นนายทำอะไรน่ะ” รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ร้องถามอย่างตกใจเมื่อแฮร์รี่ฉีกซอง (ที่อัดเต็มไปด้วยรูป) ทิ้ง
“ไม่ต้องสนใจหรอก แค่เรื่องไร้สาระน่ะ”
รอนกับเฮอร์ไมโอนี่มองหน้ากัน เรื่องไร้สาระ? แล้วทำไมต้องฉีกทิ้งด้วย ทำเหมือนกับไม่อยากให้พวกเขาเห็นมันอย่างนั้นแหล่ะ
แฮร์รี่ก้มหน้าทานอาหารต่อ “พวกนายก็รีบกินสักทีเถอะ เดี๋ยวก็เข้าเรียนไม่ทันหรอก”


**************************************


“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะฉีกมันทิ้ง” โชที่นั่งมองอยู่ที่โต๊ะเรเวนคลอร้องออกมาอย่างโมโห
“จุ๊ๆๆๆ อย่าดังไปสิโช” มารีเอ็ตต้าปราม “แต่เขาก็เปิดดูข้างในซองแล้วนี่ อย่างน้อยเขาก็รู้แล้วล่ะว่าของที่เราส่งไปคืออะไร”
“เธอว่ามันจะได้ผลมั้ย” โชเริ่มไม่แน่ใจ
“เขาอาจจะทำไม่รู้ไม่ชี้ก็จริงนะโช แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ต้องระแวงแล้วว่าอาจจะกำลังโดนยัยเด็กนั่นนอกใจอยู่ก็ได้”


**************************************


หลังอาหารเย็น ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ริมทะเลสาบ “นี่ออโรร่ายังไม่กลับมาอีกเหรอ” มัลฟอยถามเด็กสาวที่นั่งก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ
(“นี่ทำไมเธอต้องพกหนังสือมาอ่านด้วยเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยสงสัย “มาหาชั้นก็ต้องคุยกับชั้นสิ ไม่ใช่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ” “ไม่ได้นะเดรโก ถ้าไม่อ่านหนังสือแล้วจะสอบได้คะแนนดี ๆ ได้ยังไง” เฮอร์ไมโอนี่ค้าน “แล้วถึงแม้ว่าจะอ่านหนังสือแต่ชั้นก็คุยกับเธอรู้เรื่องล่ะน่า ไม่ต้องห่วง”)

“ยังเลย” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ “นี่ก็เขียนจดหมายมาฉบับเดียว แล้วก็ไม่เขียนมาอีก” เธอถอนใจด้วยความเป็นห่วง
“คงไม่เป็นไรหรอกน่า ออโรร่าน่ะเขาเข้มแข็งออก” เด็กหนุ่มปลอบ “อย่างวันนั้นเขายังไม่เป็นอะไรเลย” เขาพูดถึงวันที่ทราบข่าว เพราะเขาเล่าให้เฮอร์ไมโอนี่ฟังหมดว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์ต้องเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟังหรอกนะ แต่ที่เล่าให้ฟังทั้งหมดน่ะจะได้ไม่ต้องมาระแวงเขากับออโรร่าถ้าเกิดรู้เรื่องนี้ขึ้นมาทีหลัง
“มันก็คงจะจริงอย่างเธอว่าน่ะนะ แต่ชั้นก็ยังห่วงอยู่อย่าง” มัลฟอยเลิกคิ้วอย่างสงสัย “ออโรร่าน่ะเป็นประเภทพวกชอบเก็บความรู้สึกน่ะสิ บางทีเขาอาจจะทำร่าเริงเพื่อให้คนอื่นสบายใจ แต่น้ำตาตกในก็ได้นี่ ใครจะไปรู้”
“ก็อาจจะจริงอย่างเธอว่า” มัลฟอยเห็นด้วย

“แฮร์รี่เองก็ทำท่าหมดอาลัยตายอยากในชีวิต” มัลฟอยทำหน้าเซ็งทันทีที่ได้ยินชื่อแฮร์รี่
“เรื่องอะไรอีกล่ะ” เขาถามอย่างเบื่อหน่าย
“สงสัยจะเป็นเพราะออโรร่าไม่อยู่ล่ะมั้ง” เด็กสาวไม่แน่ใจ “ก็พอออโรร่ากลับบ้าน เขาก็ทำท่าทางแปลก ๆ ชอบเหม่ออยู่บ่อย ๆ”
“กะอีกแค่แฟนไม่อยู่เนี่ยนะ” เขาถามอย่างเหลือเชื่อ “แค่ผู้หญิงคนเดียวก็มีท่าทางจะเป็นจะตายเนี่ยนะ เฮอะ...ไอ้หมอนั่นมันท่าจะบ้า งี่เง่าสุด ๆ”

ปึ๊ก...เสียงหนังสือเล่มใหญ่ถูกกระแทกเข้าใส่ที่ไหล่พร้อมกับเสียงดัง “โอ๊ย!!!!!” มัลฟอยร้องลั่นด้วยความเจ็บที่โดนฟาดโดยไม่ได้ตั้งตัว เขาหันไปมองเด็กสาวที่รีบลุกขึ้นยืนอย่างงง ๆ
“นี่เธอตีชั้นทำไมเนี่ย”
“เธอพูดอย่างนั้นได้ยังไง แฟนไม่อยู่ทั้งคน เขาก็ต้องคิดถึงกันเป็นธรรมดาสิ” เธอพูดอย่างโมโห สองแขนกอดหนังสือไว้แน่น
มัลฟอยเบะปาก “นี่...อย่างี่เง่าไปหน่อยเลยน่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้าง “นี่เธอว่าชั้นเหรอ” มัลฟอยถอนใจอย่างเบื่อหน่าย เขาลุกขึ้นยืน “เธอว่าชั้นว่างี่เง่าหรือเดรโก” เด็กสาวถามเสียงดัง และมัลฟอยก็สวนตอบทันทีว่า “ใช่”

“ชั้นจะพูดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะเฮอร์ไมโอนี่ และจะไม่พูดอีก” มัลฟอยพูดเสียงเรียบ “ฉันไม่อยากฟัง ไม่อยากได้ยินและไม่สนใจว่าเพื่อนเธอสองคนนั่น มันจะเป็นจะตายเพราะเรื่องอะไร เพราะฉะนั้นไม่ต้องเล่าให้ชั้นฟัง”
“แต่เขาเป็นเพื่อนชั้นนะเดรโก...”
“แต่มันไม่ใช่เพื่อนชั้น” เขารีบค้าน “ไม่ได้เป็นและจะไม่มีวันได้เป็นด้วย จำไว้” เขาย้ำ “ชั้นไม่ชอบเลยที่เธอมาหาชั้นแล้วมาเล่าเรื่องไอ้สองคนนั่นให้ชั้นฟัง ชั้น...”
“ทีเรื่องของรอนกับแฮร์รี่เธอไม่อยากฟัง แต่เธอกลับเป็นทุกข์เป็นร้อนเพราะเรื่องของออโรร่างั้นเหรอ” เธอร้องถามอย่างน้อยใจ

มัลฟอยถอยใจ เขามองเธออย่างเบื่อหน่าย ทำให้เธอรู้สึกอยากจะร้องไห้ “นี่เราต้องวกกลับมาเรื่องนี้กันอีกแล้วใช่มั้ยเฮอร์ไมโอนี่” เขามองดวงตาคู่สีน้ำตาลที่เริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา “เมื่อไหร่เธอจะเลิกขี้หึง เมื่อไหร่เธอจะเลิกระแวงในตัวชั้นสักที!!!! จะต้องให้บอกอีกกี่ครั้งถึงจะเข้าใจว่าชั้นกับออโรร่าน่ะเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น!!!”
“ก็เธอไม่ได้ทำตัวอย่างนั้นนี่” เธอพูดเสียงเครือ “เธอคอยเป็นห่วงเป็นใย สนใจเขาจนออกหน้าออกตา” ก้อนสะอื้นจุกอยู่ที่ลำคอ “แล้วเธอจะไม่ให้ชั้นคิดได้ยังไง”
มัลฟอยมองแฟนสาวที่ตัดพ้อด้วยสายตาที่เฉยชา “ถ้าเธอจะคิดอย่างนั้นก็ตามใจ ชั้นก็เบื่อที่จะพูดเรื่องนี้กับเธอแล้ว รำคาญ!!!” พูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไปทันทีโดยไม่สนใจเสียงสะอื้นที่ร้องเรียก
“เดรโก...เดรโก!!!!”


**************************************


ท่ามกลางเสียงเอะอะในห้องโถงรวมของหอกริฟฟินดอร์ เสียง ๆ หนึ่งก็ดังขึ้นมา “เฮ้อ...” แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากคนที่เอาแต่นั่งเหม่อจนไม่เป็นอันทำงานทำการอยู่ฝั่งตรงข้าม
“เฮ้อ...” เสียงถอนใจดังขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เกิดขึ้น คราวนี้เขาสงสัยว่าหรือเป็นเพราะว่ามันเบาเกินไปอีกฝ่ายเลยไม่ได้ยิน คราวนี้เขาเลยทำเสียงให้ดังขึ้นอีก “เฮ้อ...” แต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เกิดขึ้นอีก
“เฮ้อ...” คราวนี้เขาส่งเสียงให้ดังพร้อมกับจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง ครั้งนี้มีปฏิกิริยาเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่เป้าหมายที่เขาหวังไว้นะ แต่กลับเป็นคนอื่น

“นายเป็นอะไรของนายน่ะรอน ถอนใจอยู่นั่นแหล่ะ” เชมัสที่นั่งทำอยู่ด้วยกันถามด้วยความรำคาญ แต่รอนไม่ตอบ เขาจ้องหน้าเด็กหนุ่มอีกคนอย่างหงุดหงิด ไอ้บ้านี่ มันจะใจลอยไปถึงไหนฟะ!!!! ดีนกับเนวิลล์เองก็รำคาญเหมือนกัน “นั่นดิ” แต่รอนไม่สนใจ คราวนี้เขาส่งเสียงดังลั่นกลบเสียงทั้งหมด “เฮ้อ...!!!!”
คนเกือบทั้งห้องโถงพากันเงียบกริบ หันมามองเจ้าของเสียงเป็นตาเดียว ที่ว่าเกือบน่ะ เพราะว่ายังเหลืออีกคนหนึ่งที่ไม่ว่าเขาจะส่งเสียงดังยังไงก็ยังไม่ได้ยิน คราวนี้รอนตบโต๊ะดังปัง พร้อมกับร้อง “เฮ้ย!!!!!”

แฮร์รี่สะดุ้งเฮือก เขาหันมามองเพื่อนอย่างตกใจ “ทำไมต้องเสียงดังด้วยล่ะรอน นั่งอยู่ด้วยกันตรงนี้แท้ ๆ เรียกค่อย ๆ ก็ได้” แฮร์รี่เอ็ด
รอนถลึงตาใส่ “เรียกค่อย ๆ งั้นเหรอแฮร์รี่ นี่ชั้นเรียก (ร้องความสนใจจาก) นายเป็น 10 รอบได้แล้วมั้ง แต่นายก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรสักนิด เป็นอะไร (วะ) เอาแต่เหม่ออยู่ได้” เขาถามเสียงดังลั่นด้วยความโมโห แล้วทุบไปที่ม้วนกระดาษตรงหน้าแฮร์รี่ที่ยังว่างเปล่าอยู่ “งานเนี่ย พวกชั้นเขียนจะหมดม้วนแล้ว แต่นายยังไม่เริ่มสักบรรทัด แล้ววันนี้จะเสร็จมั้ย แล้วพรุ่งนี้จะเอาอะไรไปส่งเจ้าก้อนเมือกนั่นถ้านายยังเอาแต่เหม่ออยู่อย่างเนี้ย”
แฮร์รี่อึกอัก เขาส่งยิ้มแหยไปให้คนอื่นที่มองมาอย่างสนใจ ก็แหม...นาน ๆ มันจะมีสักทีนี่ที่โดนรอนเอ็ดเอาเรื่องที่เขาไม่ยอมทำการบ้าน

“จะว่าไปชั้นก็เห็นนายเหม่อมาหลายวันแล้วนะเป็นอะไรไปหรือเปล่าแฮร์รี่” ดีนถามทั้ง ๆ ที่ยังก้มหน้าทำการบ้าน “หรือว่าคิดถึงออโรร่าที่ไปยังไม่มาสักที” แฮร์รี่หน้าแดงขึ้นมาน้อย ๆ ที่โดนแทงใจดำ
รอนมองเพื่อนอย่างหมั่นไส้ “เอาแต่คิดถึงสาว จนไม่เป็นอันทำงานทำการ” เขามองไปยังทางเข้าที่ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของใครบางคนที่เดินเข้ามา เขาเก็บรวบรวมงานที่กำลังทำขึ้นมา
“อ้าว...นายทำเสร็จแล้วเหรอรอน” เชมัสถาม
“เปล่า” รอนบอกถึงกับหยิบหนังสือขึ้นมา “แต่ชั้นจะไปทำข้างบนน่ะ พวกนายก็ควรที่จะไปเหมือนกัน”
คนอื่นมองหน้ากันงง แฮร์รี่ถามเสียงอ่อย “นี่นายโกรธชั้นเหรอรอน”
รอนยักไหล่ “เปล่า ว่าไงพวกนายจะไปหรือเปล่า” เขาถามดีน เชมัสและก็เนวิลล์ที่ยังนั่งทำงานเฉย
“ทำไมเราต้องไปด้วยล่ะรอน ทำที่นี่ก็ดีอยู่แล้วนี่” ดีนสงสัย
“ใช่ ทำที่นี่น่ะมันก็ดี ไม่มีปัญหาอะไร” รอนยิ้มให้กับเด็กสาวที่เดินมาหยุดอยู่หลังแฮร์รี่ “แต่ถ้านายอยากจะอยู่เป็น ก.ข.ค แฮร์รี่กับออโรร่าล่ะก็ตามใจ”
ดีน เชมัสและเนวิลล์ทำหน้างง ๆ แฮร์รี่เองก็งงแต่แล้วก็รีบหันขวับไปด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ “ออโรร่า!!!!”


**************************************


โครม!!! เปรี้ยง!!! เก้าอี้ที่ปลิวข้ามห้องไปปะทะกับผนังอย่างแรงจนแตกเป็นชิ้น ๆ ทำเอาเด็กที่กำลังนั่งทำการบ้านกันอยู่ในห้องโถงของหอสลิธิรินพากันอ้าปากค้าง พวกเขามองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่เมื่อเห็นคุณชายตระกูลมัลฟอยที่ยืนหอบอยู่เพราะแรงเหวี่ยง พวกเขาก็ทำกันได้เพียงรีบเก็บข้าวของแล้วเผ่นออกจากบริเวณอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ แล้วเพียงไม่กี่วินาที ทั้งห้องก็ว่างเปล่า เหลือเพียงเดรโก มัลฟอยคนเดียวเท่านั้น

โครม!!! เปรี้ยง!!! เก้าอี้อีกตัวที่ปลิวข้ามห้องไปแล้วก็มีสภาพไม่ต่างกับตัวแรก “แก...เจ้าพอตตี้ วีเซิล...” มัลฟอยคำรามด้วยออกมาเบา ๆ อย่างโกรธจัด “เพราะพวกแกแท้ ๆ ชั้นกับเฮอร์ไมโอนี่ถึงได้ทะเลาะกัน” มือคว้าเก้าอี้อีกตัวขึ้นมา “เพราะพวกแกแท้ ๆ!!!!” เสียงคำรามดังกึกก้องพร้อมกับเสียง โครม!!! เปรี้ยง!!!


**************************************


แฮร์รี่กระชับเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมกอดแน่น ความรู้สึกเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวจางหายไปอย่างรวดเร็ว เขาคลายแขน ดันเธอออกเพื่อที่จะได้เห็นหน้าชัด ๆ “เป็นไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า” เขาลูบผิวแก้มที่ซีดเซียวอย่างอ่อนโยน ออโรร่าพยักหน้า เขาประคองเธอไปนั่งที่โซฟาหน้าเตาผิง “ไหนเล่าให้ชั้นฟังหน่อยสิ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”


**************************************


หลังจากที่นั่งสงบสติอารมณ์อยู่นาน เฮอร์ไมโอนี่ก็กลับไปที่หอ เมื่อเดินผ่านสุภาพสตรีอ้วนเข้าไปเธอก็ต้องแปลกใจที่เห็นว่าทั้งห้องว่างเปล่าทั้งที่ยังไม่ดึกมากนัก
เฮอร์ไมโอนี่เดินไปนั่งที่โซฟาหน้าเตาผิง หยาดน้ำตาที่แห้งไปแล้วเอ่อคลอขึ้นมาอีกครั้ง เธอเม้มริมฝีปากกลั้นเสียงสะอื้นไว้ ซบหน้าลงกับฝ่ามือทั้งสอง
กึก...กึก...เสียงฝีเท้าดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้น รีบยกมือที่ปาดน้ำตาที่ทำท่าจะไหลริน
“เฮอร์ไมโอนี่...นั่นเธอเหรอ”
เด็กสาวหันขวับเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ไหลรินลงมาเป็นสายเมื่อเห็นเด็กสาวที่เดินลงมา “ออ...โรร่า”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอเฮอร์ไมโอนี่” ออโรร่าถามเมื่อเด็กสาวในอ้อมแขนสงบลงหลังจากที่นั่งร่ำไห้ออกมานาน ตอนแรกเธอทำอะไรไม่ถูกเมื่อจู่ ๆ เฮอร์ไมโอนี่ก็ร้องไห้ออกมาทันทีที่เห็นเธอ จึงได้แต่กอดปลอบเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้น ใครทำเธอร้องไห้เหรอเฮอร์ไมโอนี่” เฮอร์ไมโอนี่ดันตัวออกมา ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตา “หรือว่าเธอทะเลาะกับมัลฟอยอีกแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่สะอื้นออกมาอีก เธอพูดไม่ออกได้แต่พยักหน้า ออโรร่าถอนใจ มันเรื่องอะไรกันนักกันหนานะ “เธอบอกชั้นได้มั้ยว่าเรื่องอะไร”

“งั้นก็สมควรแล้วที่เขาจะโกรธเธอน่ะ” ออโรร่าพูดเสียงขุ่นเมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมด “ชั้นก็เคยบอกเธอแล้วนี่ว่าชั้นกับมัลฟอยน่ะเราเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
“ก็มันอดไม่ได้นี่” เฮอร์ไมโอนี่บอกเสียงเครือ “เขาว่าคนอื่นอย่างโน้นอย่างนี้ แต่พอกับเธอเขาเป็นห่วงเป็นใยเป็นพิเศษ”
ออโรร่าถอนใจ “เฮอร์ไมโอนี่ฟังชั้นนะ...” เธอพูดเสียงหนักแน่น “ชั้นกับมัลฟอยเราเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น จริงอยู่ว่าชั้นรู้สึกกับเขามากกว่าคำว่าเพื่อน...” เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขวับ “...แต่มันก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้นจริง ๆ”
“ชั้นไม่เข้าใจ”
“ชั้นรู้สึกกับเขาเหมือนเขาเป็นเพื่อน เป็นพี่ชายที่ชั้นไม่เคยมีมาก่อน มันไม่มีอะไรมากกว่านั้นจริง ๆ”
“เพื่อน...พี่ชาย...” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำเบา ๆ
“ฉะนั้นไม่แปลกเลยที่ชั้นจะวางใจเขา จะอบอุ่นเมื่ออยู่กับเขา ปรึกษาเรื่องต่าง ๆ กับเขา” เธอจับไหล่เฮอร์ไมโอนี่ที่ก้มหน้าลงสะอื้นเบา ๆ “ชั้นไม่มีอะไรกับเขาจริง ๆ เพราะฉะนั้นเลยระแวงได้แล้ว แล้วพรุ่งนี้ไปขอโทษเขาซะนะ ก่อนที่เขาจะโกรธเธอมากไปกว่านี้”


**************************************


ท่ามกลางความครึกครื้นจากโต๊ะบ้านอื่น ๆ ในระหว่างอาหารเช้า แต่บ้านสลิธีรินกลับเงียบกริบ เด็กทุกคนต่างพากันทานอาหารเช้าอย่างระมัดระวัง บางครั้งก็เหลือบไปยังเด็กหนุ่มผมบลอนซ์ที่นั่งทานอาหารด้วยท่าทางสงบ (จนน่ากลัว) ไม่มีใครกล้าเขาใกล้เขาสักคน ไม่ว่าจะเป็น (จอมซื่อบื้ออย่าง) แครบกับกอยด์ หรือ (แม่สาวจอมจุ้นจ้านอย่าง) แพนซี่ พาร์กินสัน ทุกคนได้แต่หลบไปอยู่ห่าง ๆ ทั้งนั้น

พรึ่บ...พรึ่บ...ฝูงนกฮูกจำนวนมากพากันบินเข้ามาในห้องโถงใหญ่พร้อมกับจดหมายและของขวัญมากมาย พวกมันต่างสอดส่ายสายตามองหาผู้เป็นเจ้าของ ก่อนจะโผบินลงไปหา และหนึ่งในนั้นก็บินลงมาหยุดตรงหน้าของคุณชายแห่งสลิธีริน

มัลฟอยเหลือบตามองนกฮูกสีน้ำตาลอย่างไม่ค่อยสนใจนัก เขายื่นมือไปแกะจดหมาย เหลือบมองลายมือที่จ่าหน้าซองนิดหน่อย แล้วสอดไว้ในหนังสืออย่างไม่ใยดี เล่นเอาเจ้าของจดหมายที่มองอยู่อีกฟากหนึ่งของห้องถึงกับหน้าเสีย
“ใจเย็น ๆ น่า เขาอาจจะยังไม่หายโกรธ” ออโรร่าที่คอยมองอยู่เช่นกันกระซิบปลอบเฮอร์ไมโอนี่ “รีบ ๆ กินเถอะ เดี๋ยวจะไปเข้าเรียนไม่ทันเอานะ”


**************************************


“นี่...เป็นอะไรไปออโรร่า ไม่เข้าใจที่อาจารย์สอนเหรอ” แฮร์รี่ (ที่ใช้เวลานานในการอ้อนวอนรอนให้แลกที่นั่งกับออโรร่าในวันนี้) กระซิบถามเด็กสาวที่นั่งข้าง ๆ เขาเห็นสองตาของเธอจ้องเขม็งไปยังจูเลียน่าที่กำลังยืนสอนอยู่หน้าห้อง
ออโรร่าขมวดคิ้ว “แฮร์รี่...ศ.จูเลียน่าดูแปลก ๆ ไปนะ” ออโรร่ากระซิบตอบ “ชั้นว่าดูอาจารย์เขาซูบไปนะ”
แฮร์รี่หันไปมองจูเลียน่า แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดแปลกไปนอกจากดวงหน้าที่ดูจะซีด ๆ หรือว่าเป็นเพราะว่าเขาพบเธอทุกวันก็เลยไม่เห็นอะไรผิดปกติ แต่ก่อนที่แฮร์รี่จะทันได้พูดอะไรออกไป จู่ ๆ จูเลียน่าก็หยุดพูด เขาเห็นเธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะหน้าผาก แล้วเขาก็ต้องรีบถลันออกไปหน้าห้องทันทีที่เห็นร่างของ ศ.สาวเอนล้มลงไปทั้งยืน
“เฮ้ย!!!!”
“กรี๊ด!!!!”


**************************************


“ไหน...พวกเธอลองเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น” เพราะความวุ่นวายและเสียงที่ดังออกมาจากห้องเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ศ.มักกอนนากัลที่ผ่านมาทางนั้นพอดีก็เข้ามาควบคุมสถานการณ์ หลังจากที่พาจูเลียน่าไปห้องพยาบาลแล้ว เธอก็เข้ามาดูแลแทนจนกว่าจะหมดเวลา

เด็กคนอื่น ๆ พากันส่ายหน้า เพราะพวกเขามัวแต่จดในสิ่งที่จูเลียน่าพูด ก็เลยไม่ทันสังเกตุ แต่แฮร์รี่กับออโรร่ายกมือขึ้น
“ว่ายังไง พวกเธอรู้เหรอ” ศ.มักกอนนากัลถาม
แฮร์รี่ส่ายหน้า “ไม่ทราบหรอกครับ แต่ว่าพวกเราเห็นตอนที่ศ.จูเลียน่ากำลังล้มลงไปพอดี” ศ.มักกอนนากัลเลิกคิ้ว “พอดีว่าเราสองคนกำลังพูดกันเรื่องของศ.จูเลียน่าอยู่พอดีครับ”
“พูดเหรอ”
“ค่ะอาจารย์ ก็...หนูไม่เห็นศ.จูเลียน่าเสียหลายวัน ก็เลยเห็นอาจารย์เขาดูแปลกไป”
“แปลกไปยังไงมิสเดมมิ่ง”
“ก็ดูอาจารย์เขาซูบ ๆ ไป เหมือนคนไม่ค่อยสบาย”
ศ.มักกอนนากัลนิ่ง จะว่าไปศ.ดัมเบิ้ลดอร์ก็เคยเปรย ๆ เรื่องนี้กับเธอและศ.สเนปอยู่เหมือนกัน แต่หลังจากนั้น ศ.สเนปก็บอกว่าน้องสาวตนไม่ได้เป็นอะไร เพียงแค่รู้สึกเพลีย ๆ เท่านั้น
“แต่ยังไม่ทันที่พวกเราจะพูดอะไรต่อ ศ.จูเลียน่าก็ล้มลงไปพอดีค่ะ”
“งั้นเหรอ...” เสียงออดหมดเวลาดังขึ้นพอดี “เอาล่ะ งั้นก็พอแค่นี้ พวกเธอไปเรียนวิชาต่อไปได้”
“ค่ะ / ครับ”


**************************************


ข่าวเรื่องที่จูเลียน่าล้มลงในระหว่างการสอนเป็นที่ฮือฮาไม่น้อย หลายคนต่างกังวลว่าจะเกิดเรื่องร้ายอะไรหรือเปล่า ยิ่งไม่เห็นเธอในโต๊ะอาหารในเวลาอาหารเย็นก็ยิ่งใจไม่ดี แต่พอเห็นเธอนั่งประจำที่ในเช้าวันรุ่งขึ้น บรรดานักเรียนและอาจารย์หลายท่านก็พากันโล่งใจ

“พี่ว่าเธอน่าจะพักอีกสักวันนะจูเลียน่า” ศ.สเนปทักท้วงน้องสาวที่บอกว่าหายดีและจะไปสอนตามปกติแล้ว
จูเลียน่าส่ายหน้า “ชั้นหายดีแล้วนะเซเวอรัส”
“แต่หน้าเธอยังซีด ๆ อยู่เลย”
จูเลียน่ายิ้มอ่อน ๆ “ชั้นไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ เซเวอรัส พี่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ก็ได้” ศ.สเนปอ่อนใจในความดื้อรั้นของน้องสาว “ถ้าเธอคิดว่าไหวก็ตามใจ แต่เดี๋ยวพี่จะไปปรุงยาบำรุงมาให้เธอกิน ห้ามอิดออดเชียวนะ”


**************************************


“งั้นเหรอ ยาเริ่มออกฤทธิ์แล้วงั้นเหรอ” คาร่าครางออกมาอย่างพอใจเมื่อเออร์คลิงมารายงานถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“เธอแน่ใจเหรอคาร่า ว่าจะไม่มีใครจับได้” ร่างที่นั่งบนเก้าอี้ถามอย่างไม่แน่ใจ
“แน่ใจค่ะ เพราะยาพิษชนิดนี้จะไร้สี ไร้กลิ่น ไม่ว่าใครก็หาที่มาไม่ได้” ดวงตาเธอเป็นประกายวาววับด้วยความพึงพอใจ “ไม่ว่าใคร ก็ไม่สามารถหายาแก้พิษมาช่วยรักษามันได้ ไม่ว่าใครก็ตาม!!!”







Create Date : 05 กรกฎาคม 2549
Last Update : 5 กรกฎาคม 2549 11:39:53 น.
Counter : 729 Pageviews.

0 comments
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
๏ ... รามคำแหง แรงคำหาม ... ๏ นกโก๊ก
(2 ม.ค. 2567 14:22:51 น.)
ไม่ลอดช่องโหว่ ปัญญา Dh
(2 ม.ค. 2567 13:44:30 น.)
BUDDY คู่หู คู่ฮา multiple
(3 ม.ค. 2567 04:49:04 น.)

Traveler-hpfictionroom.BlogGang.com

s_sut
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]

บทความทั้งหมด