ตอนที่ 29
ตอนที่ 29 วันคริสมาสต์


“จริงหรือลูก พวกเขาเป็นกันถึงขนาดนี้เชียวเหรอ” คุณนายเดมมิ่งหันมาถามลูกสาวที่นั่งอยู่ด้วยกันที่เบาะหลังด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ เมื่อได้ยินเรื่องราวของครอบครัวเดอร์สลีย์จากปากของลูกสาวของตน
“จริงค่ะแม่ พวกเขานะแย่มาก ๆ เลย” ออโรร่าสนับสนุน “แฮร์รี่น่ะเป็นหลายชายแท้ ๆ ของคุณนายเดอร์สลีย์ แต่เขาถูกเลี้ยงดูมาแย่ยิ่งกว่าคนรับใช้อีก เสื้อผ้าที่เขาใส่ก็เป็นเสื้อผ้าเก่า ๆ ที่ดัดลีย์ใส่ไม่ได้แล้วทั้งนั้น”
“น่าสงสารพ่อหนุ่มแฮร์รี่จัง” คุณนายเดมมิ่งทำเสียงเศร้า “เด็กคนนั้นกำพร้าทั้งพ่อกับแม่แท้ ๆ น่าจะดูแลเขาให้ดีหน่อย”
“นี่ถ้าหนูไม่เห็นกับตาหนูก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันแหล่ะค่ะแม่ พออยู่ต่อหน้าหนูพวกเขาก็ทำเป็นไม่สนใจแฮร์รี่ แต่พอลับหลังหนูพวกเขาก็พูดไม่ดี...ทำไม่ดีกับแฮร์รี่” ออโรร่าหันมาซบอกคุณนายเดมมิ่ง “โชคดีจังที่หนูได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อกับแม่ ถ้าหนูต้องเป็นกำพร้าแล้วไปอาศัยอยู่กับคนอื่นเหมือนอย่างแฮรรี่แล้วต้องเจอเหมือนกับที่เขาเจอล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะทนได้เหมือนเขาหรือเปล่า” คุณนายเดมมิ่งลอบสบตาสามีที่มองมาจากกระจกมองหลังอย่างกังวล

“ดูพวกเขาเป็นคนดีกันแท้ ๆ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้” คุณเดมมิ่งพูดอย่างแปลกใจ
ออโรร่าชะโงกหน้าไปหาบิดาที่กำลังขับรถอยู่ “ก็เพราะว่าแฮร์รี่เป็นพ่อมดน่ะสิคะคุณพ่อ”
“ฮะ...” คุณและคุณนายเดมมิ่งอุทานอย่างแปลกใจ
“จริง ๆ ค่ะ เฮอร์ไมโอนี่บอกว่า เพราะว่าพ่อกับแม่ของแฮร์รี่เป็นพ่อมดกับแม่มด พวกเขาถึงได้รังเกียจแฮร์รี่ เขาหาว่าแฮร์รี่เป็นตัวประหลาด”
คุณและคุณนายเดมมิ่งมองหน้ากัน “คิดอะไรบ้า ๆ” คุณนายเดมมิ่งพึมพำเบา ๆ “สงสัยว่าพ่อกับแม่คงต้องมองครอบครัวนี้ให้ละเอียดกว่าเดิมแล้วสิ” คุณเดมมิ่งบอก

“จริงสิ แล้วเพื่อน ๆ ของลูกเขาพักกันอยู่ที่ไหนเหรอจ๊ะ” คุณนายเดมมิ่งถาม
“อ๋อ...พวกเขาไปพักกันที่บ้านของพ่อทูนหัวของแฮร์รี่น่ะค่ะคุณแม่”
“พ่อทูนหัวเหรอจ๊ะ”
“ค่ะคุณแม่ เห็นแฮร์รี่บอกว่าเป็นเพื่อนสนิทของพ่อกับแม่เขาน่ะค่ะ”
“อ้าว...ถ้าแฮร์รี่มีพ่อทูนหัวแล้วทำไมต้องไปพักกับครอบครัวเดอร์สลีย์ด้วยล่ะลูก” คุณเดมมิ่งถามอย่างแปลกใจ
ออโรร่านิ่วหน้า “หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ รู้แต่ว่าถ้าเป็นช่วงปิดเทอม แฮร์รี่จะกลับไปอยู่กับครอบครัวเดอร์สลีย์สักพักแล้วถึงจะไปอยู่พ่อทูนหัวเขาหรือว่าไปที่บ้านรอน ส่วนช่วงคริสมาสต์แล้ว ปกติถ้าแฮร์รี่ไม่อยู่ที่โรงเรียนก็จะไปพักกับพ่อทูนหัวเขา”
“คนตั้งหลายคน เขากลับกันยังไงเหรอลูก” คุณเดมมิ่งถาม ก็แหม...คงไม่มีพ่อมดกับแม่มดคนไหนที่ขับรถของมักเกิ้ลไปจนถึงบ้านหรอกนะ มันเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
“อ๋อ...เห็นเฮอร์ไมโอนี่ว่าจะใช้กุญแจนำทางน่ะค่ะ มันเร็วดี”


*************************************


แม้จะเคยเดินทางโดยกุญแจนำทางหลายครั้ง แต่ประสบการณ์เหล่านั้นไม่เคยสร้างความเคยชินให้เขาเลย แฮร์รี่พยายามกล้ำกลืนอาการคลื่นไส้ที่เกิดจากกุญแจนำทางอย่างเต็มที่ เขาลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่าแรงหมุนเริ่มหายไป แฮร์รี่เริ่มสงสัยว่าการเดินทางโดยกุญแจนำทางมีผลต่อประสาทตาของเขาหรือไม่ เมื่อเขาพบว่าห้องนั่งเล่นที่เต็มไปด้วยหยากไย่และฝุ่นเมื่อตอนฤดูร้อนนั้น ในตอนนี้กลับสะอาดสะอ้านจนดูเหมือนไม่ใช่ห้องเดียวกัน

“แฮร์รี่!!!” เสียงเรียกพร้อมเสียงวิ่งลงบันไดดังลั่นมาจากหน้าห้องนั่งเล่น (ส่งผลให้ ‘คุณแม่ผู้น่ารัก’ ของซิเรียสกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น ทำเอาอาเธอร์กับรีมัสต้องรีบวิ่งไปหยุดเป็นการใหญ่) แฮร์รี่ยิ้มกว้างเพราะจำเสียงได้ เขารีบวิ่งไปหาแล้วก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นร่างที่วิ่งเข้ามากอดอย่างดีใจ

“เป็นไงบ้าง สบายดีนะแฮร์รี่” ซิเรียสถามพลางกอดลูกทูนหัวแน่นเล่นเอาแฮร์รี่ประท้วงออกมาเบา ๆ ซิเรียสหัวเราะเมื่อได้ยินมอลลี่บ่นว่าแรงกอดของเขาไม่ต่างอะไรกับการที่โดนโทรล์กอด (เพราะทุกคนได้ยินเสียงกระดูกแฮร์รี่ลั่นดัง ‘ก๊อบ’ ) “พวกเธอก็สบายดีเหมือนกันนะ” ซิเรียสถามไปที่รอน เฮอร์ไมโอนี่กับจินนี่ แล้วกอดทั้งสามคนเร็ว ๆ แรง ๆ โดยมีสายตาของเด็กทั้ง 4 มองมาที่เขาอย่าง...อึ้ง...ทึ่ง และ...เหลือเชื่อ!!!

“ซิเรียส...ทำไม...” แฮร์รี่พูดไม่ออกเมื่อเห็นซิเรียสชัด ๆ...ซิเรียส แบล็ก ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขานี้แตกต่างไปจาก ซิเรียส แบล็ก คนเดิมที่เขาเคยเจอแบบที่เรียกว่าฟ้ากับดินทีเดียว!!! ใบหน้าที่เคยซูบผอมดูสดใสขึ้นอย่างประหลาด ผมสีดำที่เคยยาวรุงรังถูกตัดได้รูปเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่เขาเคยเห็นจากอัลบั้มรูปสมัยที่พ่อกับแม่เขาเรียนอยู่ที่ฮอกวอตส์แทบไม่มีผิดเพี้ยน

“ว้าว...หล่อระเบิดเลยค่ะ!!!” แฮร์รี่ รอนกับเฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ จินนี่ร้องเสียงดังลั่น เด็กสาวเดินรอบซิเรียส มองตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า “เคยมีคนบอกหนูว่าคุณเป็นคนหล่อมาก ๆ...“ เน้นหนักคำว่า ’มาก ๆ’ “...แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะทั้งหล่อทั้งเท่ห์ขนาดนี้”
“แล้วก่อนหน้านี้ไม่หล่อหรือไง” ซิเรียสถามยิ้ม ๆ
จินนี่คิดแล้วเบะปาก “ก็หล่อเหมือนกันแหล่ะ แต่ต้องหารด้วยล้านนะ” ซิเรียสหัวเราะเสียงดังลั่น
“เอาล่ะเด็ก ๆ...” มอลลี่ตบมือเรียกทั้ง 5 คน (4 เด็กกับ 1 ผู้ใหญ่) “...เอาของไปเก็บกันได้แล้วจ๊ะ เดี๋ยวจะได้มาทานของว่างกัน”


*****************************************


“เกิดอะไรขึ้นหรือครับซิเรียส” แฮร์รี่ถามอย่างสงสัยในขณะที่เขากับรอนกำลังเก็บของอยู่ในห้อง (โดยมีซิเรียสนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงอย่างสบายอารมณ์) “ทำไมอยู่ ๆ ถึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างนี้”
ซิเรียสยักไหล่ “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่...คิดว่าถ้าทำตัวให้สดชื่นบ้าง ก็คงจะรู้สึกมีความสุขขึ้นบ้าง...ก็เท่านั้น” แฮร์รี่กับรอนลอบสบตากัน
“ผมนึกว่าคุณ...อยากทำให้ ศ.จูเลียน่าประทับใจเสียอีก” แฮร์รี่พึมพำกับตัวเอง แต่ซิเรียส กลับได้ยินชัดเจน เขาผงกหัวขึ้นมองเด็กทั้งสองทันที
“เอ๊ะ...พวกเธอรู้เรื่องชั้นกับจูเลียด้วยเหรอ...รู้ได้ยังไง” เขาถามอย่างสงสัย หรือว่ารอนกับแฮร์รี่จะรู้จากเฮอร์ไมโอนี่?
“จูเลีย?” แฮร์รี่กับรอนงง จูเลีย...แล้วนั่นใครอีกฟะ!!!
“ก็จูเลียน่าของพวกเธอนั่นแหล่ะ” ซิเรียสลุกขึ้นนั่ง ถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ว่าไงล่ะ?”
“ก็...พอดีมีคนมาประกาศกลางห้องเรียนน่ะครับ...” รอนบอกเสียงอ่อน แต่ดวงตาบ่งบอกถึงความสงสัยเต็มที่ “...เป็นเด็กบ้านสลิธีริน”

“อ๋อ...งั้นเหรอ” ซิเรียสครางในลำคอ “ลองเด็กสลิธีรินเอาเรื่องนี้มาป่าวประกาศ ก็แสดงว่าจูเลียคงจะไม่ค่อยเป็นที่รักของพวกนั้นสักเท่าไหร่ล่ะสิท่า”
แฮร์รี่หัวเราะ “ยิ่งสเนปมีความสุขกับการหักคะแนนเราเท่าไหร่ ศ.จูเลียน่าก็สนุกกับการหักคะแนนสลิธีรินมากเท่านั้น”
ซิเรียสหัวเราะเสียงดัง “นั่นแหล่ะ จูเลียน่า สเนป…เขาไม่สนหรอกว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร ผิดก็ว่าไปตามผิด…ถูกก็ว่าไปตามถูก ยิ่งถ้าเห็นว่าเป็นคนโปรดล่ะก็ไม่ต้องห่วงเลย”
“ทำไมเหรอครับ” รอนถามอย่างอยากรู้
“อ๊าว...ก็โดนหนักกว่าเดิมน่ะสิ๊ ไม่น่าถามเลย!!!” รอนกับแฮร์รี่มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ ก็จริงอย่างที่ซิเรียสว่า ถ้าเป็นเด็กบ้านอื่นที่ไม่ใช่สลิธีรินทำผิดล่ะก็ ศ.จูเลียน่าที่น่ารักของพวกเขาจะแค่ตักเตือนเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นเด็กสลิธีรินล่ะก็...บรื้อ...แค่คิดก็หนาวแล้ว (สังเกตได้จากการที่แพนซี่โดนหักคะแนนเป็นว่าเล่น!!!)

“รอน แฮร์รี่...เสร็จหรือยัง” เฮอร์ไมโอนี่ร้องถามมาจากหน้าห้อง
“จะไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ เธอลงไปก่อนเลย” แฮร์รี่ตะโกนตอบ
“เดี๋ยวค่อยมาจัดต่อละกัน” ซิเรียสบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืน “เราลงไปกันก่อนเถอะ พวกเธอคงหิวกันแล้ว” (เพราะรอนรีบลุกขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงเฮอร์ไมโอนี่)


*******************************************


“เธอได้ถามคุณซิเรียสหรือยังแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบถามแฮร์รี่ในคืนนั้นระหว่างที่ทุกคนนั่งกันอยู่ในห้องนั่งเล่น
แฮร์รี่เงยหน้าขึ้นจากนิตยสารของมักเกิ้ลแล้วขมวดคิ้ว “เรื่องอะไรล่ะ”
“ก็เรื่องแฟนเขาน่ะ”
แฮร์รี่ส่ายหน้า “ชั้นยังไม่ได้ถามหรอกเรื่องนั้น เราได้คุยกันเรื่อง ศ.จูเลียน่านิดหน่อย”
“พวกนายว่า ศ.จูเลียน่าจะมาฉลองคริสมาสต์กับพวกเรามั้ย” รอนชะโงกหน้าเข้ามาถาม
เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว “ไม่น่าจะมานะ ก็ที่นี่มันเป็นศูนย์บัญชาการของภาคี ฯ นี่ แล้ว ศ.จูเลียน่าก็ถือว่าเป็นคนนอก คนอื่นเขาคงไม่ยอมให้เข้ามาหรอก”
“ชั้นก็ว่างั้นแหล่ะ” แฮร์รี่สนับสนุนแล้วก้มหน้าลงไปอ่านต่อ

“ชั้นเพิ่งรู้นะว่าเธออ่านหนังสือพวกนี้ด้วยแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่แปลกใจเมื่อเห็นว่านิตยสารของมักเกิ้ลที่แฮร์รี่อ่านนั้นเป็นนิตยสารของผู้หญิง “เธอสนใจด้วยเหรอ”
แฮร์รี่ถอนใจอย่างกังวล “เปล่าหรอก แต่ว่าชั้นยังไม่ได้หาของขวัญวันคริสมาสต์ให้ออโรร่าเลย ชั้นก็เลยคิดว่าในนี้น่าจะมีอะไรที่น่าสนใจ”
“ห๋า!!!!” รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมาเสียงดังลั่นทำเอาคนอื่นพากันหันขวับ

“เธอจะบ้าเหรอแฮร์รี่ นี่เหลืออีกแค่ 2 วันเท่านั้นนะ!!!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างขัดใจ
“ก็เธอจะให้ชั้นทำยังไงล่ะ ตอนไปฮอกมี้ด ไม่ว่าจะมองหาจากร้านไหนก็ไม่ถูกใจทั้งนั้น” แฮร์รี่พูดเสียงขุ่น เขารู้เหมือนกันแหล่ะว่าตัวเองผิด แต่ไม่ยอมรับซะอย่าง...มีไรมะ!!!
“แล้วนายคิดว่าในนิตยสารของมักเกิ้ลพวกนี้จะมีเหรอ ชั้นคิดว่าคงไม่เหมาะหรอกมั้ง” รอนก้มลงมองหนังสือแล้วเบะปาก
“แล้วทีนี้จะทำยังไงกันล่ะ จะไปหาจากไหนทันกันพ่อคนเก่ง!!!” เฮอร์ไมโอนี่กระแทกเสียงถามเพื่อนชายที่นั่งหน้างอ

“คุยอะไรกันอยู่เหรอเด็ก ๆ” ซิเรียสเดินมาหยุดข้างเก้าอี้ของแฮร์รี่ “ดูท่าทางครึกครื้นกันดีจริง” เขาหยอกเมื่อเห็นหน้าตาเคร่งเครียดของเด็กแต่ละคน
“กำลังคุยเรื่องความ ‘ซื่อบื้อ’ ของแฮร์รี่อยู่ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงหวาน
“ไม่เอาน่าเฮอร์ไมโอนี่” รอนสะกิดเมื่อเห็นสีหน้าของแฮร์รี่
“มันเรื่องอะไรกันล่ะแฮร์รี่” ซิเรียสก้มลงถามลูกทูนหัว
แฮร์รี่เงยหน้าที่บึ้งตึงขึ้นมองแล้วตอบอย่างไม่เต็มใจนัก “ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่...” ดวงตาสีมรกตตวัดมองเพื่อนสาวอย่างขุ่นเคือง “...ผมยังไม่ได้ซื้อของขวัญวันคริสมาสต์ให้กับออโรร่าเท่านั้น”
“ออโรร่า? ใครกัน”
“แฟนของแฮร์รี่เขาน่ะครับคุณซิเรียส”
“อ้าว...ออโรร่าเหรอ ชั้นนึกว่าแฟนเธอชื่อ...” ซิเรียสเกาหัว แฟนแฮร์รี่ชื่ออะไรหว่า...ลืมไปแล้ว “...ชื่อ แชม เชิม อะไรเนี่ยแหล่ะ”
“โช แชงครับ” แฮร์รี่ค้านเสียงขุ่น เป็นพ่อทูนหัวได้ยังไงฟะ ดันไม่รู้จักชื่อแฟนลูกทูนหัวตัวเองซะได้!! “นั่นน่ะแฟนเก่า เราเลิกกันแล้ว”
ซิเรียสเบิกตากว้าง “เลิกกันแล้ว? คบกันได้กี่เดือนเนี่ย ทำไมเลิกกันเร็วจัง ทีเมื่อก่อนล่ะจะเป็นจะตายเรื่องผู้หญิงคนนี้” เขาถามอย่างสงสัย ไอ้หมอนี่มันเจ้าชู้เหมือนใครฟะ เจมส์กับลิลลี่ก็ออกจะรักเดียวใจเดียวแท้ ๆ (ก็เจ้าชู้เหมือนคุณไงล่ะเจ้าคะ ฮิ ฮิ : ผู้แต่ง)

“แล้วนี่จะคริสมาสต์อยู่อีกวันสองวันแล้ว ยังไม่ได้เตรียมของขวัญไว้ให้แฟนอีกเหรอ” ซิเรียสถาม
แฮร์รี่พยักหน้า “ผมไม่รู้จะซื้ออะไรให้เขาน่ะครับ ไม่ถูกใจสักอย่าง”
“งั้นเหรอ” ซิเรียสทำท่าครุ่นคิดแล้วตบไหล่แฮร์รี่เบา ๆ “ไม่ต้องห่วงนะ ชั้นมีวิธี พวกเธอตามชั้นมานี่สิ”


*****************************************


แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่เดินตามซิเรียสขึ้นมาชั้นบนของบ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ ทั้งหมดมาหยุดอยู่ในห้องของบัคบีค
“ไงบัคบีค” ซิเรียสลูบหัวฮิปโปกริฟฟ์เป็นการทักทาย มันส่งเสียงร้องออกมาเป็นการตอบรับ รอนกับเฮอร์ไมโอนี่หลบไปยืนหลังแฮร์รี่โดยอัตโนมัติเมื่อเห็นดวงตาของบัคบีคที่มองมา “เอาล่ะ หลีกทางหน่อยนะบัคบีค”
ซิเรียสดันบัคบีคเบา ๆ เจ้าฮิปโปกริฟฟ์ตัวใหญ่เดินหนีอย่างว่าง่าย แฮร์รี่เห็นว่าทันทีที่บัคบีคขยับไปเพียงแค่ 2 ก้าว ก็ปรากฏให้เห็นรูปภาพขนาดไม่ใหญ่มากนักของชายหนุ่มอายุประมาณ 20 ปีที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่

“สวัสดีนาธาน” ชายในภาพถ่ายเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงทักอย่างหงุดหงิด
“สวัสดีซิเรียส...นายควรจะรู้นะว่า นายไม่ควรรบกวนชั้นเวลาชั้นอ่านหนังสือ”
ซิเรียสทำหน้าเบื่อหน่าย “นายจะอ่านอะไรนักหนานาธาน ชั้นเห็นนายอ่านไอหนังสือเล่มนี้มาตั้งเป็น 10 ๆ ปีแล้ว และถ้าชั้นจำไม่ผิดนายก็ต้องอ่านมันมาไม่น้อยกว่า 100 ปีแล้วด้วย...เอ้า หยุดอ่านแล้วเปิดประตูให้หน่อยสิ”
นาธานเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำสั่งกลาย ๆ “ตอนนี้เนี่ยนะ” ดวงตาเหลือบมองพวกแฮร์รี่ที่ยืนอยู่
ซิเรียสดึงตัวแฮร์รี่มาหยุดยืนข้าง ๆ “แฮร์รี่...นี่ นาธาเนีย แบล็ก เขามีศักดิ์เป็นปู่ทวดของชั้นเอง”
“สวัสดีครับ” แฮร์รี่ทัก เขาเห็นนาธานเลิกคิ้วอีกครั้งเหมือนประหลาดใจ
“แฮร์รี่?...คนนี้น่ะเหรอลูกทูนหัวของนายซิเรียส”
ซิเรียสพยักหน้า “เปิดประตูให้หน่อยสิ แล้วต่อไปถ้าแฮร์รี่จะเข้าไปก็เปิดให้ด้วยนะ” นาธานพยักหน้า แล้วรูปภาพก็เปิดออกเผยให้เห็นทางเข้าขนาดไม่ใหญ่นักที่ด้านหลัง

“ที่นี่ที่ไหนกันครับซิเรียส” แฮร์รี่ถามทันทีที่เข้ามาด้านใน ประตูทางเข้ามันไม่ใหญ่มากนัก แต่พอเข้ามาด้านในเขาพบว่าผนังทั้งสองด้านนั้นแคบมากเหมาะสำหรับเดินทีละคน ส่วนด้านบนกลับสูงแต่ก็มีคบไฟให้ความสว่างเป็นระยะ
“ทางเดินนี้จะพาไปห้องลับของชั้นเองแฮร์รี่” ซิเรียสพูดเบา ๆ “คนที่เข้ามาได้มาเพียงแค่ชั้นกับนาธานเท่านั้น”
“ประตูทางเข้าทำเหมือนกับฮอกวอตส์เลยนะคะ”
ซิเรียสยิ้ม “ใช่แล้วล่ะเฮอร์ไมโอนี่ นาธานน่ะสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เขาก็เลยชอบอ่านหนังสือเหมือนเธอ เขาชอบเก็บตัวอยู่แต่บนนี้คนเดียว พอเขาอ่านพบประวัติของฮอกวอตส์เข้า เขาก็เลยสร้างห้องลับของเขาขึ้น”
“ทำไมต้องสร้างห้องลับขึ้นด้วยล่ะครับ ในเมื่อคุณก็บอกว่าเขาชอบเก็บตัวอยู่บนนี้” รอนถามอย่างแปลกใจ
ซิเรียสถอนใจ “นาธานก็เหมือนกับชั้นแหล่ะรอน เราไม่ค่อยเป็นที่รักใคร่ของคนในครอบครัวมากนัก เขาเล่าให้ฟังว่าพวกพี่น้องของเขาชอบมารังแกเขา เขาก็เลยต้องหาที่ซ่อนตัว มีอยู่วันหนึ่งขณะที่เขาพยายามหาที่ซ่อนตัวอยู่นั้น มือเขาก็ผลักไปโดนแผ่นไม้ที่ปิดทางเข้าเข้า เขาก็เลยเจอห้องลับนี้เข้า เพื่อปกปิดคนอื่นเขาก็เลยเอารูปภาพของเขามาปิดไว้”
“แล้วคนอื่นไม่สงสัยหรือครับที่เขาเอารูปของตัวเองมาไว้ข้างบนนี้” แฮร์รี่ถามอย่างสงสัย
ซิเรียสส่ายหน้า “ก็อย่างที่ชั้นบอกเธอแหล่ะแฮร์รี่ ว่าไม่มีใครชอบเขา คนอื่น ๆ ก็เลยไม่สนใจว่าเขาจะทำอะไร แล้วพอเขาตายไปเขาก็เลยมาเฝ้าทางเข้านี้”
“แล้วคุณมาเจอมันเข้าได้ยังไงคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
ซิเรียสยิ้มเมื่อนึกถึงความหลัง “ที่บ้านชั้นชอบมีงานรวมญาติ ชั้นที่เป็นแกะดำของครอบครัวก็เลยหลบออกจากงาน แล้วชั้นก็พบว่าห้องที่ถูกใส่กุญแจปิดไว้ตลอดนั้นถูกเปิดทิ้งเอาไว้ ชั้นเคยถามเอลฟ์ว่าเป็นห้องอะไร พวกนั้นก็ว่าเป็นห้องเก็บของ พอชั้นเข้ามาก็เลยพบนาธานอยู่ในนั้น พอเราคุยกันมันก็เหมือนกับว่าเราได้พบเพื่อน หลังจากนั้นชั้นก็เลยเข้ามาอยู่ในนี้บ่อย ๆ แล้วนาธานก็เล่าเรื่องห้องนี้ให้ฟัง...เอ้า...เรามาถึงแล้ว”

ห้องที่ซิเรียสพาเข้ามามีขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีชั้นหนังสืออันใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือจำนวนมาก (รอนทำหน้าเซ็งเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่ถลาเข้าไปดูอย่างตื่นเต้น ส่วนเขาก็เดินไปมารอบห้อง) มีโต๊ะเขียนหนังสือตัวเล็ก มีเก้าอี้อยู่หนึ่งตัว และมีหีบหลายขนาดวางอยู่ในนั้น ซิเรียสหยิบหีบใบเล็กที่วางอยู่บนชั้นหนังสือลงมาบนโต๊ะอย่างระมัดระวังแล้วเปิดออก

แฮร์รี่ชะโงกหน้าเข้าไปดู ข้างในมีเครื่องประดับอยู่หลายชิ้น และมีกล่องใบเล็ก ๆ วางอยู่ ซิเรียสหยิบกล่องใบหน้าขึ้นมา “รอน เฮอร์ไมโอนี่มานี่หน่อยสิ” (เฮอร์ไมโอนี่ผละจากชั้นหนังสืออย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก) ซิเรียสหยิบสร้อยให้ทั้ง 3 คนละเส้น “อ๊ะ...นี่ เป็นของขวัญคริสมาสต์สำหรับปีนี้...เก็บรักษามันไว้ดี ๆ ล่ะ”

แฮร์รี่รับสร้อยมาอย่างงง ๆ มันเป็นสร้อยเส้นเล็กมีจี้สีขาวขุ่นห้อยเอาไว้ แฮร์รี่เพ่งมองจี้อย่างงง ๆ แล้วถามตัวเองว่า ไอที่ห้อยอยู่กับสร้อยลักษณะแปลก ๆ บิด ๆ เบี้ยว ๆ สีขาว ๆ ขุ่น ๆ นั่นมันอะไร?
“นี่มันอะไรคะคุณซิเรียส” เฮอร์ไมโอนี่ถามขณะที่กำลังสวมสร้อยอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ก็มันไม่สวยอ่ะ แต่ก็ไม่อยากทำให้คนให้เสียความรู้สึก...ทำไมให้ของแบบนี้กับผู้หญิงน้า ไม่เข้าใจเลย
ซิเรียสยิ้ม เขาหยิบสร้อยขึ้นมาอีก 2 เส้น แล้ววางกล่องไว้ในหีบ “จี้ของสร้อยที่พวกเธอใส่อยู่นั้นมันทำมาจากหัวใจของลูกยูนิคอร์น!!!”

แฮร์รี่กับรอนตะลึง ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง เธอก้มลงมองจี้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“หัวใจของ...ลูกยูนิคอร์นเหรอ” รอนคราง
“ใช่ เป็นหัวใจของลูกยูนิคอร์นแรกเกิด แล้วแช่ด้วยเลือดยูนิคอร์นอีกที”
“แต่...ทำไม...” แฮร์รี่ไม่เข้าใจว่าซิเรียสให้ของพวกนี้กับพวกเขาทำไม แล้วการฆ่ายูนิคอร์นมันถือว่า...ชั่วร้าย!!!!

“หนูเคยได้ยินมาว่ามันเป็นของเครื่องรางที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่หนูคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ตำนาน ไม่คิดเลยว่ามันจะมีอยู่จริง” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงสั่น ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น
“พวกเธอคงรู้กันอยู่แล้วว่ายูนิคอร์นขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์วิเศษที่มีคุณสมบัติทางเวทมนตร์สูง ไม่ว่าจะเป็นเลือด ขนหรือว่าเขา แต่มีไม่กี่คนที่รู้ว่าสิ่งที่วิเศษที่สุดของมันก็คือหัวใจของยูนิคอร์นแรกเกิด”

“ยูนิคอร์นถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่สะอาดและบริสุทธิ์ที่สุดและมีค่ามากที่สุด ยิ่งถ้าเป็นยูนิคอร์นแรกเกิดแล้วไม่ต้องพูดถึงว่ามันมีค่ามากแค่ไหน” ซิเรียสยกสร้อยในมือขึ้นดู “ตระกูลแบล็กถือว่าตระกูลที่เชี่ยวชาญในการทำของเครื่องรางที่วิเศษนี้มากที่สุด ผู้ที่ทำได้จะมีเพียงคนหนึ่งคนในแต่ละรุ่นเท่านั้น และจะถ่ายทอดให้กับรุ่นต่อไปเมื่อเขาคนนั้นโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่แล้วการทำของเครื่องรางนี้ก็จบลงเมื่อผู้ทำคนสุดท้ายเสียชีวิตลงและไม่ยอมถ่ายทอดวิธีการทำให้กับใครอีก”

“แล้วของพวกนี้ทำไมถึงมาอยู่กับคุณได้ล่ะครับ” แฮร์รี่ถาม
“ชั้นเจอมันในห้องนี้ ตอนนั้นชั้นถึงรู้ว่าสร้อยที่พ่อกับแม่ชั้นเคยพูดถึงมันมีอยู่จริง และเมื่อชั้นไปถามนาธานถึงได้รู้ว่าเขาเป็นคนเอามันมาซ่อนไว้ในนี้เอง” ซิเรียสบอก
“เอ๊ะ...คุณอย่าบอกนะว่า...”
“ใช่แล้วเฮอร์ไมโอนี่ ผู้ทำของขลังคนสุดท้ายของตระกูลแบล็กก็คือนาธาน!!!”

“แสดงว่าเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ตระกูลคุณทำน่ะสิครับ เขาถึงเอามันมาซ่อนไว้ในนี้” รอนถาม
ซิเรียสพยักหน้า “ใช่แล้วล่ะรอน” เขาพยักเพยิดไปที่สร้อยที่อยู่ในมือรอน “ใส่มันเอาไว้ซะรอน สร้อยเส้นนี้มันจะคอยปกป้องเธอจากคำสาปหรือคาถาที่ชั่วร้ายไม่ให้มันมาทำอันตรายอะไรเธอ นอกจากนี้ถ้าเธอโดนใครสาปอะไรไว้ มันก็จะช่วยล้างคำสาปนั้นให้มันหมดไป”


*******************************************


“อะไรนะคะ ทำไมพ่อกับแม่ไม่เห็นบอกหนูก่อน” ออโรร่าร้องถามเสียงแหลมเมื่อได้ยินคุณนายเดมมิ่งบอกว่าเย็นนี้เธอได้เชิญครอบครัวเดอร์สลีย์ให้มาทานอาหารเย็นด้วย
คุณนายเดมมิ่งมองหน้าสามีอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก “เราไม่อยากให้ลูกเป็นกังวลจ๊ะที่รัก แล้วพ่อกับแม่เองก็เชิญคุณเดอร์สลีย์เอาไว้ตั้งแต่เมื่อเดือนก่อนแล้ว”
“ความจริงแล้วคุณเดอร์สลีย์เชิญครอบครัวเราไปพักผ่อนที่บ้านของพี่สาว แต่พ่อกับแม่เห็นเราวันคริสมาสต์เราน่าจะคุย...เอ่อ...อยู่กันเป็นครอบครัวมากกว่า” คุณเดมมิ่งอธิบาย ออโรร่าหน้างอ เธอกระแทกตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างไม่พอใจนัก
“แม่รู้จ๊ะว่าลูกไม่พอใจกับสิ่งที่เขาทำกับแฮร์รี่เท่าไหร่นัก” คุณนายเดมมิ่งลูบแขนบุตรสาวอย่างปลอบโยน “แต่ลูกทนเพื่อพ่อกับแม่หน่อยนะจ๊ะ…ไม่กี่ชั่วโมงเอง”


*********************************************


“คิดอะไรอยู่เหรอแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่ถามเมื่อเห็นแฮร์รี่นั่งอยู่คนเดียวเงียบ ๆ หลังอาหารค่ำ
แฮร์รี่มองของที่อยู่ในมือแล้วถอนใจ “ชั้นรู้สึกไม่ค่อยดีเลยเฮอร์ไมโอนี่”
“เรื่องอะไรล่ะ”
“ก็เรื่องของขวัญที่จะให้ออโรร่าน่ะสิ ชั้นรู้สึกแย่น่ะที่ไม่ได้หามันด้วยตัวเอง แถมยังต้องเอามาจากซิเรียสอีก”
“จุ๊ ๆ” เฮอร์ไมโอนี่จุ๊ปาก เธอหันไปมองซิเรียสที่กำลังให้สร้อยอยู่กับจินนี่
(มีคนอื่น ๆ ล้อมวงอย่างตื่นเต้นที่ได้เห็นของสำคัญที่หาได้ยากของตระกูลแบล็ก “โห...ทำไมพวกเราไม่เห็นได้มั่งเลย” เฟร็ดโวยลั่นทันทีที่ได้รู้ว่าจี้รูปร่างแปลก ๆ นั้นคืออะไร “ใช่ ๆ ลำเอียงที่สุด” จอร์จสนับสนุน “เรื่องอะไร ถ้าชั้นให้พวกเธอไป พวกเธอก็เอาประดิษฐ์พวกของเล่นประหลาดพวกนั้นสิ” ซิเรียสบอก)

“อย่าพูดอย่างนั้นอีกนะแฮร์รี่ ถ้าคุณซิเรียสได้ยินเข้าเขาจะเสียใจนะ” เฮอร์ไมโอนี่เอ็ดใส่เบา ๆ “เขารักเธอมากนะ แล้วเธอยังพูดเหมือนเขาเป็นคนอื่นอีก”
“ชั้นไม่ได้หมายความว่าเห็นเขาเป็นคนอื่น” แฮร์รี่เสียงอ่อย “ชั้นแค่รู้สึกไม่ดีที่ไม่ได้ซื้อมันด้วยเงินของชั้นเอง”
“มันก็เหมือนกันน่ะแหล่ะ” เด็กสาวเสียงเขียว เธอมองหน้าหมองของเขาแล้วเสียงอ่อนลง “เอางี้สิ คราวนี้ช่างมันไปก่อน เพราะเธอคงหาของขวัญอย่างอื่นให้ออโรร่าไม่ทันแล้ว เอาไว้ตอนวาเลนไทน์เธอค่อยชดเชยละกันดีมั้ย” สีหน้าแฮร์รี่ค่อยดีขึ้นเมื่อได้ยินคำแนะนำนั้น


*****************************************


“เดรโก...ดึกแล้ว ยังไม่นอนอีกหรือลูก” นาร์ซิสซา มัลฟอยเปิดประตูเข้ามาถามบุตรชายอย่างแปลกใจเมื่อเห็นแสงไฟที่ลอดออกไปนอกห้อง มัลฟอยสะดุ้งเฮือก เขารีบเอาของที่อยู่บนโต๊ะลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่เร็วไปกว่าสายตาของมารดาที่จับจ้องมา “นั่นกำลังซ่อนอะไรแม่อยู่น่ะเดรโก”
“ไม่มีอะไรนี่ครับแม่” มัลฟอยรีบปฏิเสธ
“จะไม่มีอะไรได้ยังไง ก็แม่เห็นอยู่ ไหนเอามาให้แม่ดูสิ” นาร์ซิสซาพูดเสียงดุ มัลฟอยยื่นของในมือให้มารดาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เขาเห็นสีหน้าที่เรียบเย็นของมารดาฉายแววประหลาดใจ

“กำไลข้อมือผู้หญิงนี่ ลูกไปเอามาจากไหน แล้วจะเอาไปให้ใครกัน” นาร์ซิสซาถามอย่างแปลกใจ มัลฟอยอึกอัก “อย่าบอกนะว่า ลูกมีแฟน?” มัลฟอยหน้ามีสีระเรื่อขึ้นมาทันทีที่โดนถาม ทำเอานาร์ซิสซาประหลาดใจ ลูกชายของเธอมีแฟนอย่างนั้นเหรอ เธอคาดไม่ถึงจริง ๆ นาร์ซิสซาส่งกำไลข้อมือคืนให้มัลฟอย เธอลูบผมบุตรชายแล้วถามอย่างอยากรู้
“ลูกมีแฟนแล้วหรือจ๊ะเดรโก เป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน แม่อยากรู้จริง ๆ” มัลฟอยหลบตามารดา เขาเอากำไลใส่ลงไปในกล่องแล้วปิดฝากล่องอย่างแน่นหนา “ว่าไงล่ะจ๊ะ เด็กคนนั้นมาจากตระกูลไหน แม่รู้จักหรือเปล่า”

มัลฟอยหนักใจ ไม่รู้ว่าจะบอกมารดาอย่างไรดี เขาหันมากอดเอวมารดาแล้วยิ้มประจบ “แล้วแม่คิดว่าคนอย่างผมนี่จะมีแฟนอย่างไหนล่ะครับ”
นาร์ซิสซาโอบกอดมัลฟอยไว้ ทำหน้าครุ่นคิด “อืม...ถ้าอย่างเดรโกล่ะก็...คงจะเป็นเด็กสาวที่เป็นสายเลือดบริสุทธิ์ มาจากตระกูลเก่าแก่ เป็นเด็กสาวที่เพียบพร้อม ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยมาก่อน” เพียงแค่ได้ยินคุณสมบัติข้อแรก ก็ทำเอามัลฟอยยิ้มแข็งค้าง พอยิ่งได้ฟัง รอยยิ้มก็ยิ่งเลือนหายไปทุกทีจนมารดาเริ่มเอะใจ “ทำไมจ๊ะ ที่แม่พูดนี่ไม่ถูกเหรอ”
มัลฟอยถอนใจเฮือก พอได้ยินสิ่งที่มารดาคาดหวังไว้อย่างนี้แล้วเขาจะบอกได้ยังไงว่าแฟนเขาเป็นใคร!!


*****************************************


“แหม...น่าเสียดายนะครับ ผมนึกว่าเราจะได้ไปฉลองคริสมาสต์ด้วยกันเสียอีก” ลุงเวอร์นอนพูดพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดีระหว่างที่ทานอาหารค่ำ
“นั่นน่ะสิคะ เนี่ยดัดลี่ย์ถึงกับนับวันรอที่จะได้ฉลองกับหนูออโรร่าเชียวนะคะ” ป้าเพ็ตทูเนียหันไปมองบุตรชายที่นั่งหน้าแดงกล่ำอยู่ตรงข้ามออโรร่าอย่างรักใคร่ “เนี่ยพอแกรู้ว่าจะได้มาทานอาหารกับหนูออโรร่าแกถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับเชียวนะคะ”
“คุณแม่น่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้...” ดัดลี่ย์เขิน เขาหันไปยิ้มให้ออโรร่าอย่างอาย ๆ ขณะที่เด็กสาวยิ้มตอบเจื่อน ๆ เธอหันไปมองบิดามารดาที่ส่งยิ้มให้กันอย่างกระอักกระอ่วนไม่แพ้กัน

“ว่าแต่หนูคิดยังไงกันจ๊ะออโรร่าถึงได้ย้ายไปอยู่โรงเรียนประจำ” ป้าเพ็ตทูเนียสงสัย “แถมยังไกลตั้งคนละฟากประเทศอีกต่างหาก”
“ไปอยู่อย่างนั้นคงจะลำบากแย่เลยนะครับแม่ ทำอะไรก็ไม่สะดวก” ดัดลี่ย์พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย ออโรร่ายิ้ม ไม่พูดอะไรทั้งที่ตอนนี้ในใจเธอรำคาญครอบครัวนี้สุด ๆ!!!

“แล้วโรงเรียนที่หนูไปเรียนอยู่นี่เป็นโรงเรียนหญิงล้วนเหรอ” ลุงเวอร์นอนถาม
“เป็นโรงเรียนสหค่ะ”
“ตายจริง!!!” ป้าเพ็ตทูเนียอุทานเสียงแหลมทำเอาครอบครัวเดมมิ่งถึงกับสะดุ้ง “ก็ต้องไปอยู่รวมกับพวกผู้ชายด้วยน่ะสิ อย่างนี้น่าเป็นห่วงแย่เลยนะคะ” ป้าเพ็ตทูเนียหันไปพยักเพยิดกับคุณนายเดมมิ่งที่ยิ้มตอบเจื่อน ๆ
“คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกค่ะ โรงเรียนเขาไว้ใจได้” คุณนายเดมมิ่งตอบ
“แหม...ผมอยากไปเรียนที่นั่นมั่งจังเลยครับแม่” ดัดลี่ย์หันไปอ้อนแม่ “ผมอยากไปเรียนที่เดียวกับออโรร่าร่าจัง จะได้คอยดูแลออโรร่าด้วย” ออโรร่าสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่พอดี เธอรีบเอาผ้าเช็ดปากปิดปากอย่างรวดเร็ว แล้วหันไปมองบิดามารดาตาโต
“เป็นความคิดที่ดีมากเลยลูก” ลุงเวอร์นอนรีบสนับสนุน “หนูไปเรียนที่ไหนกันล่ะ ชั้นจะได้ให้ดัดลี่ย์ย้ายตามหนูไป”

คุณกับคุณนายเดมมิ่งมองหน้ากันอย่างตกใจ พวกเขาพยายามส่งสายตาปรามมาที่บุตรสาว แต่ออโรร่าไม่สนใจ เธอมองแขกทั้ง 3 อย่างขบขัน “โรงเรียนนี้ไม่ได้เข้าได้ง่าย ๆ หรอกค่ะคุณเดอร์สลีย์ คนที่จะเข้าเรียนได้จะเป็นคนที่ได้รับการคัดเลือกเป็นพิเศษจากทางโรงเรียน”
“อืม...งั้นมันก็คงแพงมากสินะ แต่ไม่เป็นไง ชั้นไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินอยู่แล้ว” ลุงเวอร์นอนพูดอย่างไม่แยแส
ออโรร่าลอบยิ้มเยาะที่มุมปาก เงินงั้นเหรอ...นั่นไม่ใช่วิธีที่จะได้เข้าเรียนที่ฮอกวอตส์เลย “ไม่ใช่เรื่องเงินหรอกค่ะ”
“แล้วเรื่องอะไรล่ะ เอาอย่างนี้ดีกว่า หนูบอกชื่อโรงเรียนมากับชั้น แล้วเดี๋ยวชั้นไปคุยกับอาจารย์ใหญ่เอง...ว่าไงล่ะ...” ลุงเวอร์นอนเริ่มหงุดหงิด เด็กบ้า!! เล่นตัวอยู่ได้...ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกสาวเจ้านายล่ะก็...ฮึ่ม!!!
ออโรร่ากวาดตามองแขก เธอยิ้ม แล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ ‘โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์’ ค่ะ”


******************************************


“เลิกหัวเราะสักทีได้มั้ยออโรร่า” คุณนายเดมมิ่งดุบุตรสาวระหว่างที่กำลังจัดเตรียมของหวานในครัว
“ก็มันขำนี่คะแม่” ออโรร่าพูดเสียงกลั้วหัวเราะ “มีอย่างที่ไหน จะตามไปเรียนที่เดียวกัน แต่พอบอกชื่อโรงเรียนนะ...” เด็กสาวปล่อยคิกออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “ทำหน้าอย่างกับโดนผีหลอกแน่ะ”
คุณนายเดมมิ่งส่ายหน้าอย่างระอา แต่นางก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้เมื่อนึกถึงหน้าของครอบครัวเดอร์สลีย์ที่พอได้ยินชื่อฮอกวอตส์เท่านั้นก็พากันนั่งตัวแข็งทื่อ เบิกตากว้างอย่างตกใจ แต่แล้วพวกนางก็ต้องแปลกใจเมื่อลุงเวอร์นอนหัวเราะออกมาแล้วบอกว่าไม่คิดว่าออโรร่าจะเป็นคนขี้เล่น ชอบอำคนอื่นแบบนี้ เพราะเขาไม่เคยได้ยินชื่อโรงเรียนนี้มาก่อน ทั้งนางและสามีเลยโล่งใจ นางจึงรีบพาบุตรสาวออกมาเตรียมของหวานในครัวก่อนที่เรื่องจะบานปลายมากไปกว่านี้

“หนูไม่ควรเอาเรื่องนี้ไปพูดกับใครไม่ใช่หรือลูก” คุณนายเดมมิ่งถาม
ออโรร่ายักไหล่ “ถ้าเป็นมักเกิ้ลคนอื่นอาจจะใช่ค่ะแม่ แต่นี่พวกเขาก็รู้จักฮอกวอตส์อยู่แล้วนี่คะ เพราะว่าแฮร์รี่เองก็เรียนอยู่ที่นั่นเหมือนกัน”
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่หนูก็อย่าลืมว่าพวกเขา 3 คนไม่ชอบเรื่องพวกนี้” ออโรร่าทำปากยื่นอย่างไม่ค่อยพอใจนัก “เอาล่ะจ๊ะ เอาจานออกไป แล้วทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี จนกว่าพวกเขาจะกลับไป เข้าใจมั้ยจ๊ะ”


******************************************


“กะ...แกเป็นใครกัน ขะ...เข้ามาในนี้ได้ยังไง” ปีเตอร์ เพ็ตติกรูส์ร้องถามด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างเล็กร่างหนึ่งหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าประตู “อะ...ออกไปนะ” ปีเตอร์รีบชักไม้กายสิทธิ์ออกมาเตรียมพร้อม เมื่อร่างนั้นเดินตรงมาที่ตน
“หยุดนะปีเตอร์” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา
“คะ...คาร่า” ปีเตอร์อุทานอย่างแปลกใจเมื่อเห็น คาร่า เดินเข้ามาห้ามไว้ และยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่ที่เห็นร่างเล็กนั้นเดินมาทรุดหมอบลงตรงหน้า คาร่า
“กลับมาแล้วหรือ งานที่สั่งให้ทำเรียบร้อยดีใช่มั้ย” คาร่า เอ่ยถามขึ้น ร่างเล็กผงกหัว “ดี...งั้นตามข้ามาทางนี้” แล้ว คาร่า ก็เดินนำไปด้านใน ทิ้งให้ปีเตอร์ได้แต่ยืนงงอยู่ตรงนั้น


****************************************


“นี่น่ะเหรอ ‘เออร์คลิง’ ที่เธอเลี้ยงเอาไว้” ร่างที่อยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่เอ่ยถามทันทีที่ คาร่า ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
“ใช่ค่ะ...ไหน เอาของที่ข้าสั่งไว้มาให้ข้าดูสิ” คาร่า สั่งกับเออร์คลิงที่หมอบนิ่งกับพื้น เออร์คลิงหยิบขวดแก้วใบเล็กส่งให้ คาร่า เปิดจุกขวดแก้วออกเพื่อดม แล้วครางออกมาอย่างพอใจ “ใช่แล้ว...นี่แหล่ะที่ข้าต้องการ” ดวงตาเธอเป็นประกายอย่างพอใจ ทำให้ร่างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สงสัย
“ในขวดนั้นคืออะไรกัน คาร่า”

คาร่า ส่งขวดแก้วให้อีกฝ่าย “นี่คือพิษของงูที่มีพิษร้ายแรงทั้ง 7 ชนิด มันเป็นพิษที่ร้ายแรงที่สุดของแอฟฟริกา และเป็นพิษที่หายาแก้พิษได้ยากที่สุด พิษชนิดนี้ต้องให้ทีละนิดมันจึงจะออกฤทธิ์ได้ดี โดยมันจะค่อย ๆ ออกฤทธิ์ทีละน้อย กว่าคนที่โดนจะรู้ตัว ก็หมดโอกาสที่จะหายาแก้แล้ว มีน้อยคนนักที่จะรู้จักพิษชนิดนี้ แม้แต่นักปรุงยาฝีมือดีก็ยังหาที่มาของพิษชนิดนี้ไม่ได้เลย”
“แล้วเธอเอามาทำอะไรกัน”
“มันจะถูกส่งเป็นของขวัญให้กับใครคนหนึ่งค่ะคุณ” คาร่าหันไปทางเออร์คลิง “เจ้ารู้แล้วใช่มั้ยว่าต้องทำยังไง” เออร์คลิงพยักหน้า “ดี!! คอยดูให้คน ๆ นั้นได้รับพิษนี้จนหมดขวด อย่าให้พลาดล่ะ เข้าใจมั้ย!!!”


*****************************************


“ตื่น ๆๆๆๆ คริสมาสต์แล้ว!!!” แฮร์รี่ผลุดลุกขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงรอนทุบประตูดังปังใหญ่ “แฮร์รี่!!!”
“ตื่นแล้ว...” เขาตะโกนตอบไป เขาเอื้อมมือไปหยิบแว่นมาใส่แล้วก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นของขวัญกองใหญ่กองอยู่ที่ปลายเตียง

แฮร์รี่รีบแกะของขวัญทันที เขาได้รับเสื้อไหมพรมจากมอลลี่, หนังสือคู่มือควิชดิชเล่มใหม่เอี่ยมจากรอน, ปฏิทินนัดหมาย (ที่จะมีเสียงเตือนทันทีที่ถึงวันและเวลานัดตามที่เราจดลงไปในนั้น) จากเฮอร์ไมโอนี่, หนังสือศาสตร์มืดขั้นสูง (ที่หน้าปกระบุว่าเป็นหนังสือเรียนสำหรับนักเรียนในระดับ ส.พ.บ.ส. จากเดิร์มสแตรงก์) และหนังสือป้องกันตัวจากศาสตร์มืดขั้นสูงจากซีเรียสและรีมัส นอกจากนี้ยังมีของเล่นของเฟร็ดกับจอร์จที่ส่งมาให้, ปากกาขนนกแท่งใหม่จากจินนี่, หนังสือสมุนไพรหายากจากเนวิลล์และยังมีของคนอื่นอีกมากมาย แฮร์รี่หยิบของคนอื่นให้พ้นทางออกไปอย่างร้อนใจเพื่อหากล่องของขวัญจากออโรร่า (ซึ่งถูกวางไว้ล่างสุด)
แฮร์รี่แกะกระดาษออก แล้วก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นนาฬิกาพกที่อยู่ในกล่องนั้น ที่ฝาด้านในเป็นภาพของเขากับออโรร่าที่ถูกถ่ายไว้เมื่อเดือนก่อน แฮร์รี่ใส่นาฬิกาไว้ในกระเป๋าเสื้อ วันนี้เขารู้สึกเหมือนกันว่าปีนี้เป็นคริสมาสต์ที่มีความสุขมากที่สุด...สุข...อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


********************************************


ในขณะที่ใครต่อใครต่างสนุกกับการแกะของขวัญในเช้าวันคริสต์มาส อีกด้านของประเทศอังกฤษ ออโรร่า เดมมิ่งกลับได้รับความจริงที่แสนโหดร้ายเป็นของขวัญในระหว่างอาหารเช้า “คะ?…ตะกี้แม่ว่าอะไรนะคะ”
คุณนายเดมมิ่งมองหน้าสามีอย่างกังวลเมื่อเห็นสามีพยักหน้าเป็นเชิงให้พูดต่อเธอจึงเอ่ยย้ำประโยคที่บอกบุตรสาวออกไปอีกครั้ง “แม่บอกว่าจริง ๆ แล้วหนูน่ะไม่ใช่ลูกของพ่อกับแม่หรอกจ๊ะ”

เพล้ง!!! มีดกับส้อมที่อยู่ในมือตกโดยไม่รู้ตัว “ไม่จริง...แม่ล้อเล่นใช่ไหมคะ” เด็กสาวหน้าซีดเผือด
“พ่อเสียใจจ๊ะลูกรัก แต่มันเป็นความจริง” คุณเดมมิ่งพูดเสียงอ่อนโยน “ตอนแรกพ่อกับแม่ตกลงกันว่าจะไม่บอกหนูเรื่องนี้ แต่ในเมื่อตอนนี้ลูกได้เรียนอยู่ที่ฮอกวอตส์แล้ว เราก็เลยต้องบอก”
“ถ้าเราไม่บอก แต่สักวันลูกก็ต้องรู้เรื่องนี้”
ดวงตาคู่สวยที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาบ่งบอกถึงความไม่เข้าใจ ทำไมพ่อกับแม่บองเธอถึงต้องมาพูดเรื่องนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์!!

“จริง ๆ แล้วน่ะพ่อกับแม่ไม่ใช่สควิปหรอกนะ แต่เราเป็นแค่มักเกิ้ลที่รู้จักฮอกวอตส์เท่านั้น” เธอยังคงไม่เข้าใจ ถ้าพวกเขาเป็นแค่มักเกิ้ล แล้วทำไมต้องหลอกเธอด้วย “จดหมายที่ส่งถึงลูกในตอนนั้นมาพร้อมกับจดหมายของศ.ดัมเบิ้ลดอร์”
“ศ.ดัมเบิ้ลดอร์?”
“ท่านทราบว่าลูกยังไม่รู้เรื่องนี้ ท่านก็เลยให้พ่อกับแม่พูดอย่างนั้น จนกว่าลูกพร้อมที่จะรู้ความจริง”
“แต่...”
“จริง ๆ แล้วศ.ดัมเบิ้ลดอร์จะเป็นคนบอกลูกเอง แต่พ่อกับแม่คิดว่าเราอยากให้ลูกรู้ความจริงจากปากของเราเอง”
“แต่...ทำไม...” เจ็บปวดจนไม่สามารถเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดได้ “แล้ว…”

“คุณแม่ของหนูเป็นเพื่อนสนิทของแม่เอง เราโตมาด้วยกัน”
“แม่ของหนูเป็นมักเกิ้ลหรือคะ”
“ใช่จ๊ะ”
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนคะ”
สองสามีภรรยามองหน้ากันอย่างกังวล “คือ...แม่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่แม่ของหนูเรียนจบจากฮอกวอตส์แล้วเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก แล้วจู่ ๆ วันหนึ่งเขาก็มาพร้อมกับหนู…”
“แม่ของหนูเขาบอกว่าอยากจะฝากหนูไว้กับเราสักระยะหนึ่งแล้วจะมารับกลับ”
“แต่เขาก็ไม่มา!!!”
“ออโรร่า...”
“แล้วพ่อของหนูล่ะคะ…” เด็กสาวถามเสียงห้วน “...เขาเป็นใครกัน”
คราวนี้สองสามีภรรยาหน้าซีดเผือด “เรา...ก็ไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร” คุณเดมมิ่งหลบตา “เรารู้แค่ว่าเขาเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกัน แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร”
“ซึ่ง...ก็หมายความว่าเขาก็ไม่ต้องการหนู” เธอพูดเสียงขื่น
“ไม่จริงหรอกลูก” คุณเดมมิ่งท้วง เขากุมมือเธออย่างปลอบโยน “พวกเขารักหนูมาก”
“แต่พวกเขาก็ทอดทิ้งหนู” เธอร้องออกมาอย่างเจ็บปวดพร้อมกับสะบัดมือออกอย่างแรง หยาดน้ำตาที่เอ่อคลอใกล้จะทะลักออกมาทุกที เธอลุกขึ้นเพื่อกลับห้องด้วยต้องการที่จะระบายความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่ในใจเพียงลำพัง จะมีอะไรเจ็บปวดไปกว่าการที่ได้รับรู้ว่าไม่เป็นที่ต้องการของผู้ให้กำเนิดอีกแล้ว!!

“ออโรร่า...” คุณนายเดมมิ่งร้องเรียกเด็กสาวที่เดินออกจากห้องอาหารเสียงเครือ
เด็กสาวชะงัก เธอพูดเสียงเรียบทั้งที่หยาดน้ำตาเริ่มไหลพรั่งพรู “ตั้งแต่จำความได้ เช้าวันนี้เป็นวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตหนู มัน...เป็นของขวัญวันคริสต์มาสที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ คุณและคุณนายเดมมิ่ง!!”


********************************************


“ขยันกันหน่อยนะจ๊ะเด็ก ๆ” มอลลี่สั่งขณะที่เด็ก ๆ มาร่ำลาเพื่อกลับฮอกวอตส์ วันนี้มีเพียงอาเธอร์กับรีมัสเท่านั้นที่ไปส่ง “อย่าก่อเรื่องกันให้มากนักรู้มั้ยแฮร์รี่...รอน” รอนหัวเราะแฮะ ๆ ส่วนแฮร์รี่ยิ้มกว้าง
“โธ่...มอลลี่ นั่นเขาไม่ได้เรียกว่าก่อเรื่องสักหน่อย” ซิเรียสค้านขณะที่กอดลาจินนี่ “นั่นเขาเรียกว่าหาเรื่องสนุกทำแก้เซ็งเท่านั้นแหล่ะ” เด็ก ๆ หัวเราะคิกเมื่อซิเรียสโดนค้อนขวับใหญ่
“ดูแลตัวเองนะแฮร์รี่” ซิเรียสกอดลูกทูนหัวแน่น แฮร์รี่เองก็กอดอีกฝ่ายแน่นไม่แพ้กัน
“ครับ” แฮร์รี่พยายามกล้ำกลืนน้ำตาที่ทำท่าจะเอ่อล้นออกมา เขาไม่ชอบเลยเวลาที่ต้องจากพ่อทูนหัวอย่างนี้ ‘เขารักเธอมากนะ แล้วเธอยังพูดเหมือนเขาเป็นคนอื่นอีก’ เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ดังแว่วมาอีกครั้ง

แฮร์รี่กอดอีกฝ่ายแน่นขึ้นอีก บางทีมันคงถึงเวลาแล้ว...”แล้วเจอกันครับ...พ่อ” ซิเรียสเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดที่เด็กชายกระซิบบอก แต่ยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไรแฮร์รี่ก็ผละไปหาอาเธอร์กับรีมัสที่ยืนรออยู่กับคนอื่น เขาจึงทำได้แต่ยิ้มรับเสียงกระซิบนั้นเท่านั้น


*******************************************


ดวงตาสีฟ้าสวยที่เคยเปล่งประกาย ตอนนี้กลับแห้งผากจนน่าใจหาย หลักจากข่าวร้ายที่ได้รับรู้ในเช้าวันคริสต์มาส เธอก็เอาแต่เก็บตัวเงียบไม่ยอมออกมาพบใคร รู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวในโลกนี้ ไม่เป็นที่ต้องการของใคร เธอร่ำไห้จนปวดตา จนไม่คิดว่าชีวิตนี้จะสามารถหลั่งน้ำตาได้อีก
ในเช้าวันที่เดินทางกลับสู่ฮออกวอตส์ เธอลุกขึ้นมาเก็บของ ไม่ยอมตอบคำถามที่คุณและคุณนายเดมมิ่งซักถามอย่างห่วงใย ไม่มีแม้แต่คำเอ่ยลาเมื่อถึงเวลาที่ขบวนรถไฟเคลื่อนออก ไม่สนใจเสียงสะอื้นไห้ของผู้หญิงที่เธอเรียกว่า ‘แม่’

เธอเดินไปยังท้ายขบวน ไม่สนใจเสียงทักทายจากคนรู้จัก เธอไม่อยากพบใครทั้งนั้น ตอนนี้เธอต้องการอยู่ตามลำพัง มือที่เลื่อนประตูชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกคุ้นหู เธอมองไปตามเสียง แล้วน้ำตาที่เธอคิดว่าหมดไปแล้วก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเห็นเพื่อนทั้ง 3 และรอยยิ้มของเด็กหนุ่มผู้ได้รับการขนานนาม ‘เด็กชายผู้รอดชีวิต’

แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ ๆ ออโรร่าก็โผเข้ากอดแฮร์รี่พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้น แฮร์รี่กอดเด็กสาวในอ้อมแขนแน่นแล้วหันไปมองเพื่อนทั้ง 2 ที่มองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างขอความช่วยเหลือ
“เราเข้าไปในห้องกันก่อนดีมั้ย” เฮอร์ไมโอนี่ชวนเมื่อเห็นเด็กหลายคนต่างมองมาอย่างสนใจ แฮร์รี่ประคองเด็กสาวเข้าไปนั่งในห้อง เขาลูบหลังเธออย่างปลอบโยน พวกเขาทั้ง 3 ต่างนั่งเงียบ ไม่ทักไม่ถามอะไร จนกระทั่งเสียงสะอื้นแผ่วลง

“เกิดอะไรขึ้นเหรอออโรร่า...ร้องไห้ทำไม” แฮร์รี่ถามอย่างอ่อนโยน แต่เด็กสาวในอ้อมแขนกลับซบหน้ากับอกกว้างนิ่งไม่พูดอะไร
“มีอะไรก็บอกกับพวกเราได้นะออโรร่า เราอาจจะช่วยอะไรเธอได้ไม่มาก แต่การได้ระบายมันอาจจะทำให้เธอสบายใจขึ้น” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“ใช่ ๆ พูดกับเราได้นะ เราเป็นเพื่อนกันนี่” รอนรีบสนับสนุน แต่ก็ยังไม่มีคำตอบจากออโรร่า ทั้ง 3 คนมองหน้ากันอย่างไม่สบายใจ พวกเขาพยายามปลอบและตะล่อมถามแต่ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดมาจากเด็กสาวที่กำลังเสียใจ

“เอ่อ...แฮร์รี่...” รอนเรียกเพื่อนเสียงอ่อย “คือ...พวกเราต้องไปตรวจตามตู้น่ะ” แฮร์รี่หันมามองเพื่อนทั้งสอง ดวงตาสีมรกตมองเหมือนจะถามว่า ‘นี่พวกนายคิดจะทิ้งกันง่าย ๆ เลยใช่มั้ย’
“เอาไว้...พวกเราจะรีบกลับมาแล้วกันนะ เธอก็...พูดกับออโรร่าไปก่อนแล้วกัน” เฮอร์ไมโอนี่บอกแล้วรีบลากรอนออกมา

แฮร์รี่พยายามระงับอาการหงุดหงิดที่พุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันทีที่ประตูห้องปิดลง ให้ตายเหอะ...เขาเกลียดเวลาผู้หญิงร้องไห้ที่สุด!!! เจ้าสองคนนั่นก็รู้ดีแท้ ๆ ยังปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวอีก!!!
“ออโรร่า...” แฮร์รี่พยายามเรียกเสียงอ่อน ๆ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น...บอกชั้นได้มั้ย” เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างระงับอารมณ์เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับมา “บางที...การได้ระบายออกมาบ้าง มันก็ดีกว่าที่จะเก็บเอาไว้ให้อึดอัดอยู่คนเดียวนะ”

ออโรร่าเงยหน้าขึ้น เธอมองเด็กหนุ่มที่พยายามปลอบเธออย่างเศร้า ๆ “แฮร์รี่...เธอเคยรู้สึกมั้ย ว่าบางครั้ง...โลกที่สมบูรณ์ โลกที่เธอคิดว่าเธอมีทุกอย่างที่เธอต้องการโดยที่เธอไม่ต้องการอะไรมากกว่านี้ไปอีกแล้ว จู่ ๆ มันก็พังทลายลงมาอย่างที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว” ออโรร่าถามเสียงเครือ
แฮร์รี่นิ่ง เขาพยายามคิดว่าเขาเคยเป็นแบบนั้นหรือไม่ ก่อนจะตอบไปว่า...”ก่อนหน้านี้ ชั้นไม่เคยเป็นแบบนั้นหรอกออโรร่า เพราะตั้งแต่เด็ก...ชั้นไม่เคยมีความสุข จนกระทั่งชั้นได้เข้าเรียนที่ฮอกวอตส์นี่ ชั้นมีเพื่อนและอาจารย์เป็นครอบครัว มีฮอกวอตส์เป็นบ้าน ยิ่งตอนนี้ชั้นมีพ่อทูนหัวของชั้น มี...เธอ ชั้นก็คิดว่าชั้นคงไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้แล้ว” เขาเกลี่ยหยาดน้ำตาที่ค้างคาบนแก้มนวลเบา ๆ “ตอนนี้ชั้นมีความสุขที่สุดแล้ว” ออโรร่าถอนสะอื้นเบา ๆ เธอมองหน้าเขานิ่ง ก่อนจะบอกเล่าความอัดอั้นตันใจให้เด็กหนุ่มฟัง


***************************************


เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มตอบรับคำทักทายจากเหล่าบรรดาเพื่อนนักเรียนอย่างเลื่อนลอย เธอยังคงเป็นกังวลกับท่าทางของออโรร่า แต่บางทีการที่เธอปล่อยให้ออโรร่าได้อยู่กับแฮร์รี่เพียงลำพังน่าจะเป็นการดีกว่า เพราะในบรรดาพวกเธอทั้ง 3 คนนั้น ออโรร่าน่าจะวางใจในตัวแฮร์รี่มากกว่าใคร

“อ๊ะ...วะ...” เฮอร์ไมโอนี่อุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อโดนสวมกอดจากทางด้านหลัง เธอทำท่าจะร้องแต่ก็โดนปิดปากเสียก่อน แขนทั้งสองข้างแนบติดลำตัวทำให้ไม่สามารถหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาได้ เธอมองรอบตัวอย่างขอความช่วยเหลือ แล้วก็ต้องใจหายวูบเมื่อเห็นว่าตรงที่เธอยืนอยู่นั้นเป็นตู้เก็บสัมภาระของโรงเรียนจึงไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้น
เด็กสาวดิ้นเต็มแรงเพื่อให้หลุด แต่อีกฝ่ายกลับรัดเธอแน่นเข้า ในใจร่ำร้องหาแฟนหนุ่มอย่างเสียขวัญ แต่บางอย่างทำให้เธอฉุกใจได้เสียก่อน


**************************************


“ถ้าเธอไม่ใช่ลูกของคุณและคุณนายเดมมิ่งแล้ว แล้วพ่อกับแม่ของเธอเป็นใครกันล่ะ” แฮร์รี่ถามขึ้นหลังจากที่ได้รับฟังเรื่องราวจากออโรร่า
ออโรร่าส่ายหน้า “ชั้นไม่รู้เหมือนกันแฮร์รี่ คุณแม่บอกว่าท่านเป็นเพื่อนสนิทกับแม่ของชั้น ส่วนพ่อของชั้นก็เป็นนักเรียนที่ฮอกวอตส์”
“แล้วเธอไม่ได้ถามชื่อพวกเขาเหรอ”
“เปล่า...” ออโรร่าตอบเสียงกร้าว “ทำไมชั้นต้องอยากรู้ชื่อของคนที่ทอดทิ้งชั้นไปด้วยล่ะแฮร์รี่...ในเมื่อเขาไม่ต้องการชั้น ชั้นก็ไม่ต้องการเขาเหมือนกัน!!”

แฮร์รี่มองเด็กสาวที่มีแววตาแข็งกร้าวอย่างเห็นใจ ออโรร่ามีชีวิตที่เพรียบพร้อมมาตลอด การที่ต้องมารู้เรื่องแบบนี้เป็นการทำร้ายเธออย่างแรง แฮร์รี่บีบมือออโรร่าอย่างปลอบใจ
“อย่าคิดอย่างนั้นสิออโรร่า ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนหรอกที่ไม่รักลูกน่ะ บางทีพ่อกับแม่เธออาจจะมีเรื่องเดือดร้อนบางอย่างทำให้ต้องฝากเธอไว้กับครอบครัวเดมมิ่งก็ได้” ออโรร่าเม้มปากแน่น “ยังไงชั้นก็ไม่เชื่อว่าเขาทอดทิ้งเธอแน่”
คราวนี้เธอเมินหน้าหนี บอกได้อย่างชัดเจนว่าเธอไม่คิดที่จะฟังที่แฮร์รี่พูดแม้แต่น้อย แฮร์รี่มองเด็กสาวที่แสดงท่าทางดื้อดึงอย่างอ่อนใจ เขาเสยผมที่ยุ่งเหยิง มองออกไปนอกหน้าต่างพลางคิดหาคำพูดให้เด็กสาวมีท่าทีอ่อนลง แล้วสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่สะท้อนอยู่ในกระจกนั้น

แฮร์รี่ถอดสร้อยเส้นน้อยที่ได้รับเป็นของขวัญคริสมาสต์จากพ่อทูนหัวออกมา แล้วสวมให้เด็กสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ออโรร่าก้มลงมองสร้อยที่แฮร์รี่สวมให้อย่างแปลกใจ “สร้อยเส้นนี้ชั้นเพิ่งได้เป็นของขวัญเมื่อวันคริสมาสต์ที่ผ่านมา พ่อทูนหัวชั้นบอกว่ามันเป็นเครื่องรางที่จะช่วยป้องกันจากคำสาปหรือคาถาที่ชั่วร้าย…” ออโรร่าหันมามองแฮร์รี่ที่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอซบลงกับไหล่กว้างพลางถอนสะอื้น “…ไม่แน่นะ บางที มันอาจจะช่วยให้เรื่องร้าย ๆ พวกนี้ กลับกลายมาเป็นเรื่องดีได้ก็ได้”


***************************************


เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่หยุดดิ้น “มันไม่สนุกเลยสักนิดนะเดรโก เธอทำให้ชั้นตกใจหมด” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นมาทันทีที่คนข้างหลังลดมือที่ปิดปากลง
“เธอรู้ได้ยังไงว่าเป็นชั้น” มัลฟอยถามพลางคลายแขนออกแล้วก็ต้องร้องโอ้ย เมื่อโดนกำปั้นที่แฟนสาวหันมารัวใส่ไม่ยั้ง
“ก็ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ ก็น้ำหอมกลิ่นนี้น่ะ ชั้นเพิ่งให้เป็นของขวัญวันคริสมาสต์กับเธอนี่” มัลฟอยจับกำปั้นเล็กทั้งสองข้างไว้แน่น แล้วดึงเด็กสาวเข้ามากอด “ปล่อยนะเดรโก!! เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” เฮอร์ไมโอนี่บอกอย่างตกใจ หัวใจเธอเต้นรัวแรง ทั้งตกใจในตอนแรก และ...ดีใจเมื่อพบหน้าเขา

“ไม่มีใครผ่านมาแถวนี้หรอกน่า เธอก็รู้ดีนี่” มัลฟอยก้มลงกระซิบที่ข้างหูเบา ๆ “พวกพรีเฟ็คจะเดินตรวจแค่ตู้นักเรียนเท่านี้” เขาแนบริมฝีปากกับแก้มนุ่ม ๆ เบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง “เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน ขอชั้นกอดเธอให้หายคิดถึงหน่อยเถอะ...นะ” เขาทอดเสียงออดอ้อนอย่างน่ารัก เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะตามใจเขา


******************************************


บึก...โครม...
“ว้าย!!!…”
“โอ้ย!!!…”
เสียงชนกันโครมใหญ่ ทำเอาคนที่ได้ยินพากันเปิดประตูออกมาดูอย่างตกใจ พวกเขาเห็นพรีเฟ็คชายจากบ้านกริฟฟินดอร์นั่งกุมหัวอยู่กับพื้นอยู่ไม่ห่างจากเด็กสาวจากบ้านสลิธีรินที่ไม่สภาพไม่ต่างกันมากนัก
“เป็นอะไรมากหรือเปล่ารอน” ดีนถามเพื่อนโดยมีเชมัสกับเนวิลล์แอบหัวเราะเบา ๆ เออ...คนเรานี่หนอ ยิ่งไม่ชอบขี้หน้าเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องได้มาเจอะเจอกันมากขึ้นเท่านั้น พิลึกจริง ๆ
รอนโบกมือให้เพื่อนทั้งที่ยังมึน ๆ อยู่ เมื่อดีนเห็นว่ารอนไม่เป็นอะไรมากนักก็เดินกลับเข้าห้องไป ส่วนคนอื่นก็ยังคงอยู่รอดูเรื่องสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้น

“นี่เธอเดินประสาอะไรกัน ไม่มีตาเลยหรือไง” รอนโวยลั่นด้วยความโมโหทันทีที่หายมึน (และเมื่อเห็นว่าคู่กรณีของเขาเป็นใคร)
“ขะ...ขอโทษค่ะพี่วีสลีย์ หนูไม่ได้ตั้งใจ” เฮลีน่าเสียงสั่น “นี่ขนาดไม่ตั้งใจนะเนี่ย ถ้าตั้งใจจะขนาดไหน!!” รอนยังคงเสียงลั่น
เฮลีน่ามองไปรอบตัวด้วยความอับอายเมื่อเห็นสายตาหลายคู่ที่มองมาอย่างขบขันและเยาะเย้ย (ก็มาจากเด็กที่เกลียดสลิธีรินเข้าไส้น่ะแหล่ะ)

“บ้าจริงเชียว มาเจอคนอย่างเธอเนี่ยซวยสุด ๆ เลย” รอนลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห เฮลีน่าน้ำตาคลอ เธอลุกขึ้นแล้วก็ต้องรีบเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกเจ็บที่ขาข้างหนึ่ง “อ้าว...เป็นอะไรไปอีกล่ะ” รอนถามอย่างหมั่นไส้เมื่อเห็นเด็กสาวที่กำลังลุกขึ้นทรุดตัวนั่งลงไปใหม่
“ปะ...เปล่าค่ะ” เด็กสาวตอบเบา ๆ พยายามกลั้นน้ำตาที่ทำท่าจะหยด
“ก็ถ้าไม่เป็นอะไรงั้นก็ลุกขึ้นเสียทีซิ มานั่งอยู่อย่างนี้เกะกะคนอื่นเขา” รอนก้มลงเก็บของที่ตกอยู่ “คนอะไร น่ารำคาญจริง” เขาพูดขึ้นมาแล้วเดินจากไปอย่างไม่สนใจ โดยไม่รับรู้ถึงหยาดน้ำตาที่ไหลด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ







Create Date : 22 พฤษภาคม 2549
Last Update : 23 พฤษภาคม 2549 12:02:06 น.
Counter : 364 Pageviews.

0 comments
พบเจอภาพอะไร? ส่วนหนึ่งของภาพน่าสนใจจึงตัดมาใช้ คุกกี้คามุอิ
(1 ม.ค. 2567 03:56:23 น.)
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
ทนายอ้วนจัดดอกไม้ - จัดดอกไม้ง่ายๆ – แจกันสวัสดีปีใหม่ 2567 - กุหลาบพวงสีชมพู - ขาว ทนายอ้วน
(2 ม.ค. 2567 15:16:32 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)

Traveler-hpfictionroom.BlogGang.com

s_sut
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]

บทความทั้งหมด