ตอนที่ 36 เรื่องของพ่อกับลูก และการเริ่มต้นเทศกาลวาเลนไทน์ (ตอนที่ 1)

ก่อนหน้าที่จะอ่านฟิคตอนนี้ รบกวนกลับไปอ่านภาค 2 ของตอนที่ 35 อีกครั้งค่ะ

พอดีว่ามีการเปลี่ยนแปลงในช่วงท้ายนิดหน่อยค่ะ

เมื่ออ่านแล้วก็รบกวนกลับมาอ่านตอนที่ 36 ต่อกันได้เลยค่ะ



*****************************************************

ตอนที่ 36 เรื่องของพ่อกับลูก และการเริ่มต้นเทศกาลวาเลนไทน์ (ตอนที่ 1)



“เอ่อ...เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ครับ” เสียงแหลม ๆ คุ้นหูดังขึ้นอย่างกลัว ๆ
เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมือที่กำลังค้นหาหนังสือที่จะใช้เรียนในบ่ายวันนี้หยุดลง เฮอร์ไมโอนี่กวาดตามองไปรอบห้องเพื่อดูว่ามันดังมาจากที่ไหน แล้วก็เห็นเอล์ฟประจำบ้านยืนแอบอยู่ที่มุมมืดมุมหนึ่งของห้อง“อ้าว ด๊อบบี้...มีอะไรหรือเปล่าคะ”
ด๊อบบี้เหลียวมองไปมาด้วยท่าทางกลัว ๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ตอนนี้ไม่มีใครหรอก” แต่แทนที่ด๊อบบี้จะเดินเข้ามาหา เขากลับกวักมือเรียกเฮอร์ไมโอนี่เข้าไป (ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็เข้าไปหาด้วยความเต็มใจ)

“เมื่อวันก่อนด๊อบบี้เขามาทำความสะอาดที่นี่” เขากระซิบเสียงแหลม “ด๊อบบี้เขาเจอสร้อยเส้นหนึ่งตกอยู่ใต้เตียงหลังนั้น” ด๊อบบี้ชี้ไปที่เตียงของออโรร่า
“อ๋อ คงจะเป็นสร้อยที่ออโรร่าเขาหาอยู่น่ะ ถ้าเขารู้ว่ามีคนเจอคงจะดีใจ” เธอนึกขึ้นได้ถึงเรื่องสร้อยที่คุยกับออโรร่าเมื่อวันก่อน “ไม่เป็นไร เดี๋ยวชั้นจะเอาไปให้เขาเองแล้วกันนะคะ” เฮอร์ไมโอนี่แบมือ แต่ด๊อบบี้ก็ไม่ยอมส่งสร้อยมาให้
“ไม่ ไม่ ด๊อบบี้เขาส่งให้ไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นของสำคัญ สำคัญมาก ๆ”
“ชั้นรู้ มันเป็นของที่พ่อแม่เขาทิ้งเอาไว้...”
“ไม่ ไม่ ไม่ เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่เข้าใจ” ด๊อบบี้ส่ายหน้าแรง ๆ
“สร้อยเส้นนี้มันเป็นของสำคัญมาก ๆ” ด๊อบบี้ยังคงเน้น
“ตอนแรกด๊อบบี้เขาไม่แน่ใจว่าจะใช่มันหรือเปล่า แต่หลังจากที่ด๊อบบี้เขาใช้เวลานั่งมองมันอยู่หลายวัน ด๊อบบี้เขาก็มั่นใจ แต่ที่ด๊อบบี้เขาไม่รู้ก็คือ มันมาอยู่ในที่แบบนี้ได้ยังไง” เฮอร์ไมโอนี่ชักงง
“เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ต้องพาเพื่อนของเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์มาหาด๊อบบี้ ด๊อบบี้เขาอยากให้เพื่อนของเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ยืนยันว่ามันใช่สร้อยของเขาหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ ด๊อบบี้เขาจะเอามันไปคืนกับเจ้าของที่แท้จริง!!”


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


“เพราะอย่างนั้นพวกชั้นก็เลยต้องมาที่นี่ แต่ที่ชั้นไม่เข้าใจก็คือ ทำไมเธอกับแฮร์รี่ต้องมากับพวกเราด้วย” เฮอร์ไมโอนี่ถามรอนที่ทำท่าระริกระรี้ตาจ้องภาพชามใส่ผลไม้ใบยักษ์เขม็ง
“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่เฮอร์ไมโอนี่ ชั้นกับแฮร์รี่ก็ไม่ได้เจอด๊อบบี้มานานแล้ว แวะมาเยี่ยมหน่อยจะเป็นไรไป”
“อ๋อ เหรอ” เธอทอดเสียงหวาน “ชั้นนึกว่านายจะมาหาขนมกินเพิ่มซะอีกตาจอมตะกระ”
“เอาน่า อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลย” แฮร์รี่รีบห้ามทัพเมื่อรอนเริ่มแยกเขี้ยว “เรารีบเข้าไปเอาสร้อยของออโรร่ากัน จะได้รีบกลับหอ”
“แล้วเราจะเข้าไปยังไงล่ะแฮร์รี่ ใช้รหัสผ่านเหรอ” ออโรร่าสงสัย เธอรู้ว่าพวกเธอกำลังมาที่ห้องครัวกัน แต่รูปภาพตรงหน้านั้นเป็นภาพชามผลไม้นี่ แล้วชามพวกนี้ฟังภาษาคนออกด้วยเหรอ
รอน (ที่รออยู่นาน) ยืนนิ้วไปจั๊กจี้ลูกแพร็สีเขียวลูกใหญ่ มันดิ้นยุกยิก หัวเราะคิก และแล้วมันก็กลายเป็นที่จับประตูสีเขียวอันใหญ่ ออโรร่าทำตาโต รอนเปิดประตูออก “ขอต้อนรับสู่ห้องครัวของฮอกวอตส์”

“ว้าววววว!!!” ออโรร่าอุทานออกมาอย่างตื่นตา เมื่อเห็นห้องครัวขนาดใหญ่ เพราะเพิ่งผ่านพ้นเวลาอาหารเย็นไปไม่นานนัก โต๊ะขนาดใหญ่กลางขึ้นจึงว่างเปล่า ออโรร่ามองเห็นเอลฟ์จำนวนมากยืนนิ่งอยู่ที่มุมห้อง ดวงตาจับจ้องมาที่พวกเธออย่างไม่ค่อยพอใจนัก

“แฮร์รี่ พอตเตอร์!!! แฮร์รี่ พอตเตอร์!!!” แรงโถมกอดที่เข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้แฮร์รี่ถึงกับจุก เขาก้มลงมองร่างเล็กที่กอดเขาไว้แน่ “ดะ...ด๊อบบี้ สบายดีหรือครับ”
“ด๊อบบี้เขาสบายดี แต่แฮร์รี่ พอตเตอร์ลงมาหาด๊อบบี้เขาถึงที่นี่ แฮร์รี่ พอตเตอร์มีธุระอะไรให้ด๊อบบี้เขารับใช้หรือเปล่าครับ”
“อ้าว...” แฮร์รี่กับรอนอุทานออกมาพร้อมกัน

“ด๊อบบี้” เฮอร์ไมโอนี่สะกิดไหล่ด๊อบบี้ (ที่มีสายตาเพียงเพื่อแฮร์รี่?) เบา ๆ
ด๊อบบี้หันมามองแล้วร้อง “เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์!!! เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์มาแล้วหรือครับ!! เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์พาเพื่อนของเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์มาหรือเปล่าครับ”
ออโรร่าทำตาปริบ ๆ ส่วนรอนกลอกตาไปมา (“เมื่อไหร่มันจะเลิกใช้คำว่า ‘เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์’ ซะทีฟะ” รอนกระซิบกับแฮร์รี่ “ฟังแล้วเวียนหัวชะมัด”)
“นี่ไง คนนี้ไงด๊อบบี้” เฮอร์ไมโอนี่ดึงออโรร่าเข้ามา
“สวัสดีค่ะด๊อบบี้ เห็นเฮอร์ไมโอนี่บอกว่าคุณเก็บสร้อยของชั้นได้”
ด๊อบบี้พยักหน้า “ใช่แล้วครับ ด๊อบบี้เขาเก็บได้ ด๊อบบี้เขาอยากได้คำยืนยันจากเพื่อนของเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ก่อนว่าใช่หรือเปล่า” ด๊อบบี้ชี้ไปที่มุมห้อง “เดี๋ยวด๊อบบี้เขาจะพาไปดู”

“เดี๋ยวๆๆๆๆๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์จะไปไหน” ด๊อบบี้รีบยกมือขึ้นห้ามเมื่อแฮร์รี่ รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ก้าวตามเขากับออโรร่า
“อ้าว...ก็ไปดูสร้อยไง” รอนตอบ
ด๊อบบี้ส่ายหน้าแรง ๆ “ไม่ ๆๆๆๆๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์จะไปไม่ได้ นี่เป็นของสำคัญ นี่ไม่ใช่ของที่จะให้คนอื่นดูได้ง่าย ๆ” ทั้ง 4 คนมองหน้ากัน คราวนี้ออโรร่าชักไม่แน่ใจว่าสร้อยที่ด๊อบบี้เจอจะเป็นของเธอหรือเปล่า
“ก็อีแค่สร้อยเส้นเดียว มันสำคัญถึงขนาดให้คนอื่นดูไม่ได้เลยหรือด๊อบบี้” แฮร์รี่ชักสงสัย
ด๊อบบี้พยักหน้า “มันสำคัญ สำคัญมาก ๆ แล้วครับแฮร์รี่ พอตเตอร์ ด๊อบบี้เขาต้องการความแน่ใจจากเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ก่อนครับว่าใช่หรือเปล่า ถ้าใช่นั่นก็แล้วแต่เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ว่าจะให้คนอื่นดูมั้ย แต่ถ้าไม่ใช่...”
“ถ้าไม่ใช่แล้วจะทำยังไง” รอนถามอย่างอยากรู้เมื่อด๊อบบี้เงียบไป
“ถ้าไม่ใช่ ด๊อบบี้เขาก็จะส่งมันไปให้ ศ.ดัมเบิ้ลดอร์เพื่อส่งคืนให้กับเจ้าของที่แท้จริง!!”

“สร้อยนั้นสำคัญไฉน” จู่ ๆ รอนก็พูดขึ้นมาลอย ๆ ท่ามกลางห้องที่เงียบสงัด (เพราะเอลฟ์ทั้งหมดต่างพากันแยกย้ายไปพักผ่อนหรือทำงานที่คั่งค้างโดยทำเหมือนพวกแฮร์รี่ไม่มีตัวตน จนรอนรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง)
แฮร์รี่หันไปทางเฮอร์ไมโอนี่ “เธอเคยเห็นสร้อยนั่นหรือเปล่า”
เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า “ออโรร่าเคยพูดถึงเฉย ๆ แต่ไม่เคยเอามาให้ชั้นดูเพราะมันหายไปซะก่อน”
“มันเป็นสร้อยอะไรกันน้า” แฮร์รี่มองตามออโรร่าที่ตอนนี้คุกเข่าอยู่หน้าที่นอนด๊อบบี้ “แค่สร้อยเส้นเดียว มันไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตจน ศ.ดัมเบิ้ลดอร์ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลยนี่”

ออโรร่ากวาดตามองซอกเล็ก ๆ ที่ด๊อบบี้ใช้เป็นที่นอนอย่างสลดใจ พื้นที่แคบ ๆ ที่มีความกว้างเพียงแค่เล็กน้อยนั้นมีผ้าขี้ริ้วผืนน้อยปูอย่างลวก ๆ ที่ด้านในที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นหมอนก็เป็นเพียงกองผ้าขยุ้ม ๆ เอาไว้ เธอคุกเข่ามองด๊อบบี้ที่กำลังค้นหาของตรงกองผ้านั้น แล้วด๊อบบี้ก็เดินมาหยุดตรงหน้าเธอพร้อมกับสองมือที่กำผ้าไว้แน่น
“เพื่อความแน่ใจ ด๊อบบี้เขามีสร้อยสองเส้นให้เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์เลือก” ด๊อบบี้วางผ้าในมือลงกันพื้น
“ด๊อบบี้เขาอยากให้เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์เลือก ถ้าเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์เลือกถูก ด๊อบบี้เขาก็จะคืนให้ แต่ถ้าเลือกผิด ด๊อบบี้เขาก็จะส่งมันไปให้ ศ.ดัมเบิ้ลดอร์”
ออโรร่าทำหน้าแหย “ชั้นไม่แน่ใจหรอกนะด๊อบบี้ว่าจะเลือกถูกหรือเปล่า จะว่าไปชั้นเองก็ไม่เห็นสร้อยเส้นนี้มาหลายปีแล้ว”
“ของทุกอย่างต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว” ด๊อบบี้บอกด้วยสีหน้าจริงจัง เขาเปิดผ้าทั้งสองขึ้น เผยให้เห็นสร้อยสองเส้นที่มีรูปแบบเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน!!!
“สร้อยเส้นหนึ่งเป็นของเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่อีกเส้นหนึ่งเป็นเส้นที่ด๊อบบี้เขาสร้างขึ้นมา แม้ทั้งสองเส้นจะเหมือนกันแต่ความรู้สึกของเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่มีต่อสร้อยแต่ละเส้นนั้นย่อมไม่เหมือนกันแน่ ดูให้แน่ใจแล้วบอกด๊อบบี้เขาว่าสร้อยของเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์คือเส้นไหน แล้วด๊อบบี้เขาจะบอกว่าถูกต้องหรือเปล่า”


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


ซิเรียสยืนมองจูเลียน่าที่นอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียง เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนับวันอาการของเธอยิ่งแย่ลง และนั่นทำให้เขาอดทนอยู่ที่บ้านไม่ไหว ต้องแล่นมาถึงฮอกวอตส์นี่เพื่อดูแลเธอ เขานั่งลงที่ขอบเตียง
“ที่รัก เธอเป็นยังไงบ้าง” เขาถามเบา ๆ มือทั้งสองประคองมือที่ดูบอบบางไปกว่าเก่าขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
จูเลียน่าลืมตาขึ้นพร้อมกับฝืนยิ้ม “ซิเรียส...ชั้นไม่เป็นไร”
“จะไม่เป็นไรได้ไง ดูซิ แทนที่เธอจะดีขึ้น แต่นับวันเธอก็ยิ่งจะแย่ลง”
“ก็ชั้นไม่เป็นไรจริง ๆ นี่ซิเรียส แค่อ่อนเพลียเท่านั้น” “แล้วนี่มาดามพรอมฟรีย์เขาไม่ว่าอะไรเลยเหรอ”
“ไม่ว่าจะตรวจกี่ครั้ง มาดามพรอมฟรีย์ก็ไม่พบอาการอะไรนอกจาก...”
ปัง!!!!!! “แก!!! แก๊!!! มาทำอะไรที่นี่ห๊ะ!!!!”

จูเลียน่าถึงกับผวาเมื่อได้ยินเสียงพี่ชายดังลั่นห้อง ส่วนซิเรียสเพียงแต่ทำหน้าเบื่อหน่าย หันไปมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร
“แกมาทำอะไรที่ฮอกวอตส์นี่ห๊า!!!! แล้วแกกล้าดียังไงเข้ามาอยู่ในห้องน้องชั้นไอ้หมาขี้เรื้อน!!!”
“แล้วทำไมชั้นจะเข้ามาไม่ได้” ซิเรียสถามกลับอย่างใจเย็นผิดกับอีกฝ่ายลิบลับ “ชั้นมีสิทธิ์เข้ามาในฮอกวอตส์นี้เมื่อไหร่ก็ได้เพราะได้รับคำอนุญาตของ ศ.ดัมเบิ้ลดอร์ ชั้นมีสิทธิ์เข้ามาในฮอกวอตส์นี้เมื่อไหร่ก็ได้เพราะถือว่าเป็นคนของภาคี ชั้นมีสิทธิ์เข้ามาในห้องนี้เมื่อไหร่ก็ได้เพราะจูเลียน่าเป็นคู่หมั้นของชั้น!!!”
“คู่หมั้น??!!” ศ.สเนปทวนคำพร้อมกับตาลุกวาว “ยังมีหน้ามาเรียกน้องสาวชั้นอย่างนี้อีกเหรอ ผู้หญิงคนนี้...” ศ.สเนปชี้ไปทางน้องสาวที่นอนมองอย่างกังวลอยู่บนเตียง “...คือคนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของนายตลอดเวลาที่เรียนอยู่ในฮอกวอตส์นี่ ผู้หญิงคนนี้คือคนที่นายทอดทิ้งไว้ข้างหลังเมื่อนายตั้งใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้คือคนที่นายสร้างความอับอายให้จนใช้ชีวิตอยู่ในอังกฤษนี้ไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ที่สำหรับนายแล้วไม่มีค่าอะไรเลย!!! แล้วอย่างนี้นายยังหน้าด้านมาเรียกน้องสาวชั้นว่าคู่หมั้น ไม่อายมั่งเลยเรอะ!!!”

ทั้งห้องเงียบกริบ จูเลียน่ามองพี่ชายและคู่หมั้นสลับกันไปมาอย่างไม่สบายใจ แต่แม้จะถูกแดกกันอย่างดุเดือด ซิเรียสกลับไม่โต้ตอบอะไร เขาเพียงแค่ก้มลงกระซิบถามหญิงสาวที่นอนมองด้วยท่าทางกังวลเบา ๆ
“หิวหรือเปล่าจูเลีย? เมื่อกี้นี้เธอทานอาหารไปนิดหน่อยเอง ทานซุปร้อน ๆ อีกสักหน่อยมั้ย? เดี๋ยวชั้นไปเอามาให้”
ศ.สเนปถลึงตาใส่คู่อริที่ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน “เฮ้ย!! แก!! ชั้นพูดด้วยเนี่ย ได้ยินมั้ย!!” “รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวชั้นจะไปเอามาให้”

“เฮ้ย!! มาพูดกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้หมาบ้า!!” ศ.สเนปตะโกนเรียกคู่อริที่เดินพ้นประตูห้องออกไปอย่างโมโห “นี่!!...”
“เซเวอรัส พอเถอะ...” จูเลียน่าปราม “...อย่าเสียงดังไปเลย เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า”
“ยังจะทำมาพูดดีอีก” ศ.สเนปเอ็ดน้องสาว “เป็นสาวเป็นนาง ทำไมถึงได้เปิดห้องรับผู้ชายอย่างนี้ฮะจูเลียน่า มันเหมาะแล้วเหรอ!!”
“ไม่เห็นเป็นไรนี่เซเวอรัส ซิเรียสเองก็ไม่ใช่ใครอื่นสักหน่อย”
“พูดแบบนี้นี่แสดงว่าไม่ใช่ครั้งแรก…มันเคยมานี่หลายครั้งแล้วใช่มั้ย!!!” ศ.สเนปว๊ากใส่น้องสาว
“ก็...เอ่อ...” จูเลียน่าพูดไม่ออก ยิ่งทำให้ ศ.สเนปยิ่งเดือดดาลมากกว่าเดิม “จูเลียน่า สเนป!!! ทำไมถึงทำตัวอย่างนั้นนะ!!! ทำไมถึงเจ็บแล้วไม่รู้จักจำ!!! ในโลกนี้มีผู้ชายเพียงแค่คนเดียวหรือไงฮะ!!! ถึงได้จงรักภักดีมันอยู่อย่างนั้น!!!”


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


ออโรร่าก้มลงมองสร้อยทั้งสองที่วางอยู่บนพื้น แม้จะไม่ได้เห็นมันมานานนับสิบปี แต่น่าแปลกที่เธอกลับจำมันได้ทันทีเพียงแวบเดียวที่เห็น แต่สร้อยสองเส้นที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนนี้เธอจะหาความแตกต่างระหว่างกันได้ยังไง
ออโรร่าเงยหน้าขึ้นมองด๊อบบี้ที่จ้องเธอตาไม่กระพริบ “ชั้นหยิบมันขึ้นมาดูได้มั้ยคะ” ด๊อบบี้พยักหน้า ออโรร่าหยิบสร้อยทั้งสองขึ้นมา เพียงวินาทีที่ได้สัมผัส เธอก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างของมันทันที
“สร้อยนี้ไม่เหมือนกับเครื่องประดับทั่ว ๆ ไป” ด๊อบบี้บอก “ถ้าเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นเจ้าของสร้อยนี่จริง มันก็จะบอกให้เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์รู้ว่าอันไหนเป็นของจริง อันไหนเป็นของปลอม”

“กะอีแค่ไปดูสร้อย ทำไมถึงนานจัง” รอนบ่นเมื่อเห็นว่าออโรร่ายังคงคุกเข่านิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหน “ให้ตายเหอะ อยากเห็นสร้อยเส้นนั้นจังว่ามันมีรูปร่างยังไง ทำไมด๊อบบี้ถึงต้องทำท่ามีลับลมคมนัยแบบนี้ด้วย”
แฮร์รี่ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ รอน “ใจเย็นน่า ถ้ามันสำคัญมากอย่างที่ด๊อบบี้บอกล่ะก็ ด๊อบบี้คงไม่คืนให้ออโรร่าง่าย ๆ หรอก”
“นั่นสิรอน ใจเย็นไว้ เอ๊ะ...นั่น...” เฮอร์ไมโอนี่อุทานเมื่อเห็นร่างสูงที่ก้าวพ้นประตูครัวเข้ามา
แฮร์รี่กับรอนหันไปมองแล้วเบิกตากว้าง “พ่อ!!” “คุณซิเรียส!!”

“อ้าว...แฮร์รี่...” ซิเรียสยิ้มเมื่อเห็นกลุ่มของแฮร์รี่ยืนอยู่กลางห้องครัว เขากอดแฮร์รี่ที่เดินเข้ามาหาแน่น แล้วหันไปกอดรอนกับเฮอร์ไมโอนี่
“มาหา ศ.จูเลียน่าหรือคะคุณซิเรียส”
“ใช่ นี่ก็ตั้งใจว่าจะมาเอาซุปไปให้จูเลียสักหน่อยน่ะ” (เอลฟ์ตัวหนึ่งที่ได้ยินเข้ารีบถลาไปทำซุปให้อย่างยินดี) “แล้วพวกเธอล่ะ มาทำอะไรกัน มาหาขนมกินกันหรือไง”
รอนพยักเพยิดไปทางออโรร่า “พอดีออโรร่าทำสร้อยหายน่ะครับ แล้วด๊อบบี้เก็บได้ พวกเราก็เลยมาเอาคืน”
ซิเรียสมองไปทางออโรร่าแล้วอมยิ้ม “ว่าแต่ คุณซิเรียส ใจร้ายมากเลยนะคะ”
“ใจร้าย? เรื่องอะไรกัน”
“ก็เรื่องคดีไงคะ จะบอกเราสักนิดก็ไม่มี” เฮอร์ไมโอนี่พ้อ
ซิเรียสยิ้มกว้าง “แล้วเป็นไงล่ะ เซอร์ไพร้ซ์มั้ย”
“มาก ๆ เลยครับ!!! แฮร์รี่น่ะหน้าบานทั้งวันเลย” รอนล้อ ทำเอาแฮร์รี่ถึงกับหน้าแดง

‘เก็บไว้ให้ดีนะลูก จำไว้นะว่าห้ามทิ้งหรือทำหายเด็ดขาด มันเป็นของสำคัญที่หนูต้องเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี’ ‘ของทุกอย่างต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว’
ออโรร่าวางสร้อยเส้นหนึ่งลง แล้วกำสร้อยอีกเส้นไว้แน่น ความอบอุ่นที่คุ้นเคยแผ่ซ่านไปทั้งร่าง เธอเงยหน้ามองด๊อบบี้ที่ตอนนี้หรี่ตามองเธออย่างครุ่นคิด “สร้อยเส้นนี้...เป็นของชั้น”

“อ้าว...เสร็จแล้วหรือ” ซิเรียสก้มลงถามเอลฟ์ที่ถือถาดซุปมาส่งให้อย่างกระตือรือร้น เอลฟ์พยักหน้าแล้วส่งถาดให้ก่อนจะโค้งให้แล้วกลับไปทำงานต่อ ซิเรียสหันกลับมาที่กลุ่มของแฮร์รี่ “งั้นพ่อไปก่อนแล้วกันนะแฮร์รี่ ถ้ายังไงฝาก...” เพล้ง!!!!
ทั้งกลุ่มสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ ๆ ถาดในมือของซิเรียสก็ตกลงไปกับพื้นในขณะที่เจ้าตัวยืนตัวแข็งค้างอยู่อย่างนั้น (เอลฟ์ตัวหนึ่งถลาเข้ามาทำความสะอาดทันที ส่วนอีกตัวหนึ่งรีบทำซุปใหม่อีกครั้ง)
“คุณซิเรียส!! เป็นอะไรไปคะ” เฮอร์ไมโอนี่เข้าไปเขย่าแขนอย่างตกใจ แต่ซิเรียสก็ไม่ยอมตอบ สายตามองจ้องไปด้านหน้าตาไม่กระพริบ
แฮร์รี่มองหน้าของพ่อทูนหัวที่แสดงความตกใจ เขามองตามสายตาไปแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าสายตาไปหยุดอยู่ที่ออโรร่าที่ตอนนี้ชูสร้อยคอขึ้นสูง แฮร์รี่จ้องไปที่จี้ขนาดใหญ่ที่แม้จะอยู่ไกลแต่ก็เห็นได้ชัดนั้นอย่างแปลกใจ เพราะว่า... ”เอ๊ะ...นั่น...มันสัญลักษณ์ประจำตระกูลแบล็คไม่ใช่เหรอ”

“เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์แน่ใจนะครับ ว่าสร้อยเส้นนั้นเป็นของเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์” ด๊อบบี้ออโรร่าที่ตอนนี้สวมสร้อยไว้บนคอเรียบร้อยแล้ว
“แน่ใจค่ะ”
“ทำไมเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ถึงได้แน่ใจ เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าสร้อยสองเส้นมันเหมือนกัน ด๊อบบี้เห็นแค่เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์จับสร้อยแค่แป๊บเดียวเท่านั้นเอง”
“ก็ความรู้สึกมันบอกน่ะสิ สร้อยเส้นนี้...” เธอยกจี้ที่ห้อยคอขึ้นมาให้ดู “แค่สัมผัส ก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น อ่อนโยน ในขณะที่สร้อยอีกเส้นหนึ่งไม่มีความรู้สึกอย่างนั้นให้”

“ไหน ๆๆๆ” รอนชะเง้อตามแต่ออโรร่าก็เก็บสร้อยไปเรียบร้อยแล้ว “ไหน ไม่เห็นมีเลย”
“มีสิรอน ก็เมื่อกี้นี้ชั้นเห็นออโรร่าถืออยู่”
“พูดเป็นเล่นน่าแฮร์รี่ ออโรร่าจะมีมันได้ยังไง” เฮอร์ไมโอนี่สงสัย
“แต่ชั้นว่าชั้นดูไม่ผิดหรอกนะเฮอร์ไมโอนี่ นั่นน่ะ สัญลักษณ์ประจำตระกูลแบล็กไม่ผิดแน่”

“ครับ เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นฝ่ายถูก” สร้อยที่วางอยู่บนพื้นหายวับไปทันที “และเมื่อเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์จำสร้อยของตัวเองได้ ด๊อบบี้เขาก็จะทำตามสัญญา ด๊อบบี้เขาก็จะคืนสร้อยเส้นนี้ให้กับเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์”
ออโรร่ายิ้มอย่างดีใจ “ขอบคุณมากเลยค่ะด๊อบบี้” เธอหยิบตัวจี้ขึ้นมาดู “ตอนแรกชั้นนึกว่าจะทำมันหายไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นชั้นคงจะเสียใจแย่ เพราะมันเป็นของดูต่างหน้าของแม่…”
ด๊อบบี้ทำหน้างง “แม่เหรอ ทำไมถึงเป็นแม่ล่ะ มันต้องเป็นของพ่อไม่ใช่เหรอครับ”
ออโรร่าเงยหน้าขึ้นมองด๊อบบี้อย่างตกใจ “ของ...พ่อเหรอ”
“ครับ” ออโรร่ากำจี้ไว้แน่น สร้อยของพ่องั้นเหรอ แต่จะเป็นไปได้ยังไง ก็ไหนแม่ของเธอบอกว่าท่านเป็นเพื่อนกับแม่ผู้ให้กำเนิดเธอและไม่รู้ว่าพ่อที่แท้จริงของเธอเป็นใคร
“และ...มันไม่น่าจะเรียกว่าของดูต่างหน้าได้หรอกนะครับเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เพราะว่าเจ้าของสร้อยเส้นนี้เขาเองก็ยังมีชีวิตอยู่จนทุกวันนี้”

แม้จะคอยบอกตัวเองและคนรอบข้างว่าไม่อยากรู้ว่าใครคือผู้ให้กำเนิด แต่พอได้ยินคำพูดที่แสดงว่าอีกฝ่ายรู้จัก ‘พ่อ’ ของเธอ ออโรร่าก็อดที่จะใจเต้นแรงไม่ได้
“เท่าที่ด๊อบบี้เขาจำได้ สร้อยเส้นนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงการเป็นทายาทประจำตระกูล แล้วด๊อบบี้เขาก็ไม่เข้าใจว่า สร้อยเส้นนี้มาอยู่กับเพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้ยังไง” ด๊อบบี้ทำท่าครุ่นคิด “แล้วถ้าสมมติว่ามันหายไปจริง แล้วทำไมเจ้าของสร้อยเส้นนี้ถึงได้ไม่เคยตามหามันเลย...”
“ก็เพราะว่าชั้นเกลียดมันน่ะสิ” เสียงหนึ่งแทรกมาจากด้านหลังของออโรร่า “เพราะว่าชั้นเกลียดครอบครัว เกลียดสายเลือดของตัวเอง เกลียดที่สร้อยเส้นนี้มันทำให้ชั้นไม่สามารถหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านั้นได้” ออโรร่าเบิกตากว้างเมื่อเห็นซิเรียสและพวกแฮร์รี่มายืนอยู่ด้านหลังของพวกเธอเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “เพราะฉะนั้นมันก็เลยไม่สำคัญว่ามันจะอยู่หรือมันจะไป”

“คุณซิเรียส...”
“โอ้ว...นายท่านของตระกูลแบล็ก...” ออโรร่ากับด๊อบบี้อุทานออกมาพร้อมกัน
ซิเรียสหันไปมองสร้อยที่อยู่ในมือของออโรร่า “ชั้นขอดูสร้อยเส้นนั้นหน่อยได้มั้ยออโรร่า”
ออโรร่ายื่นสร้อยส่งให้ ซิเรียสเหลือบมองเพียงแว่บเดียวก็เงยหน้าขึ้นถาม “ออโรร่า เธอ...ไปได้สร้อยเส้นนี้มาจากไหน”
“สร้อยเส้นนี้ออโรร่าเขาได้มาจากคุณนายเดมมิ่ง…คุณแม่ของเขาน่ะค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบแทน
“ใช่ค่ะ คุณแม่ให้เป็นของขวัญวันเกิดตั้งแต่ตอนที่หนูยังเด็ก ๆ กำชับไว้ว่าเป็นของสำคัญที่ต้องเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี” เธอมองมือของซิเรียสที่กำสร้อยไว้แน่นอย่างสงสัย “ทำไมเหรอคะ”
รอนชะเง้อมองสร้อยในมือของซิเรียสด้วยความอยากรู้ “ตกลงแล้วสร้อยเส้นนี้มันเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลแบล็กหรือเปล่าครับคุณซิเรียส”

ออโรร่าสะดุ้งเฮือก เธอหันไปมองซิเรียสด้วยความตกใจ “สัญ...สัญลักษณ์ตระกูลแบล็ก?”
“คุณแม่ของเธอบอกหรือเปล่าว่าได้สร้อยเส้นนี้มาจากไหน”
“เปล่าค่ะ คุณซิเรียส สร้อยเส้นนี้...ทำไมเหรอคะ” ซิเรียสมองหน้าออโรร่า หรือว่าสิ่งที่เขาเคยคิดเอาไว้จะเป็นความจริง แม้ว่าการที่คนสองคนจะเหมือนกันมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ งั้นแล้วทำไมสร้อยที่สำคัญเส้นนี้มาอยู่ที่ออโรร่าได้ล่ะ นอกเสียจากว่า...
“คุณซิเรียส...” ออโรร่าเสียงสั่น “อย่านิ่งอย่างนั้นสิคะ บอกหนู”
“ออโรร่า...” ซิเรียสสูดลมหายใจ “สร้อยเส้นนี้...ไม่ได้เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ของตระกูลแบล็กเท่านั้น แต่สร้อยเส้นนี้เป็นของชั้น...เป็นสิ่งที่บ่งบอกความเป็นทายาทของตระกูลแบล็ก” ทั้งหมดสะดุ้ง ดวงตาสีฟ้าใสเริ่มเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา “ซึ่งนั่นก็หมายความว่า...มีความเป็นไปได้มากว่าเธอ...จะเป็นลูกสาวของชั้น!!!”


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


“ออโรร่าล่ะเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถามเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่ลงมาจากหอหญิงคนเดียว
“เอาแต่นอนนิ่ง ถามอะไรก็ไม่ตอบ” เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจด้วยความกังวล
“สงสัยคงจะช็อคล่ะมั้ง ที่อยู่ ๆ ‘พ่อ’ ของตัวเองก็มายืนอยู่ตรงหน้าโดยที่ไม่รู้ตัว” รอนบอก
“ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องช็อคทั้งนั้นแหล่ะรอน!” เฮอร์ไมโอนี่เสียงห้วน พูดออกมาได้งี่เง่าจริง!! “ว่าแต่ว่าแฮร์รี่ เธอคิดว่าออโรร่าจะเป็นลูกสาวของคุณซิเรียสหรือเปล่า”
แฮร์รี่ยักไหล่ “ไม่รู้สิ แต่ถ้าออโรร่าไม่ใช่ลูกสาวของพ่อแล้ว สร้อยเส้นนั้นมันจะมาอยู่กับเขาได้ยังไง”
“ออโรร่าเขาเคยเล่าให้ฟังว่าคุณนายเดมมิ่งสั่งเขาเอาไว้ว่าให้เก็บสร้อยเส้นนั้นให้ดี ๆ เพราะมันเป็นของสำคัญมาก”
“ถ้านั่นเป็นเรื่องจริง มันก็น่ากังวลอยู่นะเฮอร์ไมโอนี่”
“นายกังวลเรื่องอะไร”
“อ้าว...พวกนายก็รู้นี่ว่าออโรร่าน่ะเขาแอนตี้พ่อแม่ที่แท้จริงของเขาขนาดไหน เขาพูดเสมอไม่ใช่เหรอว่าเป็นเพราะว่าพ่อกับแม่ไม่ต้องการเขา ถึงได้ส่งเขาไปให้ครอบครัวเดมมิ่ง” รอนกับเฮอร์ไมโอนี่อึ้ง
“แต่แฮร์รี่...” รอนค้าน “...มันไม่ใช่ความผิดของคุณซิเรียสเขาเลยนะที่ออโรร่าไปอยู่กับครอบครัวเดมมิ่งน่ะ นายอย่าลืมนะว่าเขาเข้าไปอยู่ในอัซคาบันตั้งแต่ที่พวกเราอายุได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น”

“จะว่าไปแล้ว ผู้พิทักษ์ของออโรร่าเขาน่ะ...”
“ผู้พิทักษ์? ทำไมเหรอแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่สงสัย
“พวกนายไม่สังเกตเลยเหรอ”
“สังเกตุ? สังเกตอะไรของนายกัน”
“ตอนนั้นที่ออโรร่าเสกคาถาผู้พิทักษ์ในชั้นเรียนน่ะ นายคิดว่าเป็นยังไงล่ะรอน”
รอนยักไหล่ “ก็ดีนี่ เขาทำได้ดีมากเลยทีเดียว เป็นรูปร่างของสัตว์สี่เท้า...แถมตัวใหญ่ซะด้วย”
เฮอร์ไมโอนี่หายใจแรง “นี่เธอกำลังจะหมายความว่า...”
“ใช่แล้วล่ะเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ตอบรับ เขาขยายความเมื่อเห็นว่ารอนยังไม่เข้าใจ “แม้จะไม่ชัดมาก แต่ถ้าจะมองให้ดี ๆ แล้ว ผู้พิทักษ์ของออโรร่าในวันนั้นน่ะ เหมือนสนัฟเฟิลส์ไม่มีผิด!”


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวจากปากของซิเรียสแล้วจูเลียน่าไม่มีท่าทางประหลาดใจเลย
“ดูเธอจะไม่ตกใจเลยนะ”
“ไม่หรอก เพราะว่าชั้นเองก็เคยคิดอยู่หลายครั้งเหมือนกันว่าเด็กคนนั้นอาจจะเป็นลูกของเธอ”
“เธอก็คิดอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่” จูเลียน่าถอนใจ “ก็เล่นเหมือนกันหมดไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือว่านิสัย” จูเลียน่าหลับตา หอบเบา ๆ ซิเรียสขมวดคิ้ว เขาประคองร่างที่นั่งพิงหัวเตียงไว้ให้นอนราบลง
“พักผ่อนเถอะ วันนี้เธอเพลียมากแล้ว”
จูเลียน่ามองชายหนุ่มอย่างเศร้า ๆ “ชั้นนี่แย่จังเลยนะ”
“แย่ยังไง” เขาถามเสียงอ่อนโยน
“ก็คอยเป็นภาระให้คนอื่นน่ะสิ”
ซิเรียสจุ๊ปาก “อย่าพูดอย่างนั้น” เขาห่มผ้าให้ “เธอหลับซะเถอะ”
“เธอจะกลับแล้วเหรอ”
“อืม แต่เดี๋ยวว่าจะแวะไปหาศ.ดัมเบิ้ลดอร์ก่อนน่ะ”


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


‘ฟ่อ...ออโรร่า เป็นอะไรไปน่ะร้องไห้ทำไม…ฟ่อ’
ออโรร่าเงยหน้ามองงูตัวน้อยที่เลื้อยมาหยุดที่ขอบโต๊ะด้วยท่าทางเป็นห่วงเป็นใย เธอลุกขึ้นนั่งคว้าฟองสบู่เสกมากอดไว้
“ลินเลีย เธอจะทำยังไงถ้าผู้ชายคนหนึ่งที่เธอรู้จักและนับถือเขาก็กลับกลายมาเป็นพ่อของเธอ”
‘ก็ดีใจน่ะสิ...ฟ่อ ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนที่เรานับถืองั้นแสดงว่าเขาต้องเป็นคนดีด้วยใช่มั้ยล่ะ...ฟ่อ’ ลินเลียโยกตัวไปมา ‘นี่เจ้าเจอพ่อของเจ้าแล้วเหรอ...ฟ่อ’
“ใช่” ออโรร่าสะอื้น “แต่ชั้นไม่เข้าใจเลย ทั้ง ๆ ที่เขาก็เป็นคนดีแต่ทำไมเขาต้องทิ้งชั้นด้วย”
‘บางทีเขาอาจจะมีเหตุผลก็ได้นะ...ฟ่อ’ แต่ออโรร่าก็เอาแต่ร้องไห้ ไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น ‘ฟ่อ...จริงสิ ข้าเคยได้ยินมาว่าที่ฮอกวอตส์นี่มีพ่อมดคนนึงที่เป็นที่นับถือทั้งของพวกมนุษย์และก็เหล่าสัตว์วิเศษมากทำไมเจ้าไม่ลองไปถามเขาดูล่ะ...ฟ่อ’
ออโรร่าชะงัก ศ.ดัมเบิ้ลดอร์...จริงสินะรอนหรือเฮอร์ไมโอนี่กันนะที่เคยพูดเอาไว้ว่า ศ.ดัมเบิ้ลดอร์รู้ทุกเรื่องแต่ไม่ยอมพูดเอง แล้วเรื่องของเธอนี่เขาจะรู้หรือเปล่า


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


“นี่เป็นรายละเอียดทั้งหมด คุณช่วยจัดการให้เรียบร้อยด้วยนะ” ศ.ดัมเบิ้ลดอร์ยื่นม้วนรายละเอียดส่งให้
“ค่ะ” ศ.มักกอนนากัลรับมา ก้มลงอ่านรายละเอียดที่ ศ.ดัมเบิ้ลดอร์เขียนไว้อีกครั้ง เธอม้วนกระดาษให้เรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อบอกลา แต่ก็ต้องย่นคิ้วเมื่อเห็น ศ.ดัมเบิ้ลดอร์จ้องนิ่งไปที่ด้านหลังของเธอ เธอหันไปมองตามเห็นร่างสูงของซิเรียส แบล็กยืนอยู่ที่หน้าประตู
“ซิเรียส! เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ” ศ.มักกอนนากัลตกใจ จริงอยู่ว่าซิเรียสอาจจะพ้นคดีแล้ว แต่การที่ ‘คนนอก’ เข้ามาเดินเพ่นพ่านอยู่ในฮอกวอตส์นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
“สวัสดีครับศ.ดัมเบิ้ลดอร์ ศ.มักกอนนากัล”
“สวัสดีซิเรียส มาหาชั้นถึงนี่ได้คงจะมีเรื่องสำคัญสินะ”
ซิเรียสเดินมาหยุดหน้าโต๊ะทำงาน ดวงตาจับจ้องไปที่เจ้าของห้องไม่คลาดสายตา “ผมมีเรื่องอยากจะเรียนถามท่าน”
“เอาสิ ถ้าชั้นตอบได้ชั้นก็จะตอบให้”
ซิเรียสพ่นลมออกทางจมูก “ผมแน่ใจว่าท่านจะตอบให้ได้ เว้นเสียแต่ท่านไม่คิดที่จะตอบเอง!”
“ซิเรียส อย่าพูดและแสดงท่าทางอย่างนั้นกับศ.ดัมเบิ้ลดอร์!” ศ.มักกอนนากัลเสียงห้วน
“ไม่เป็นไรมิเนอร์วา ไม่เป็นไร”
ศ.ดัมเบิ้ลดอร์โบกมือ “เธออยากจะถามอะไรชั้นล่ะ ไหนว่ามาสิ”
“ผมอยากให้ท่านพูดความจริงกับผม...” ซิเรียสเว้นวรรค “...ออโรร่า เดมมิ่ง เป็นลูกสาวของผมใช่มั้ย!!”


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


“มีธุระอะไรกับท่านอาจารย์ใหญ่หรือแม่หนู” รูปปั้นหน้าห้องทำงานศ.ดัมเบิ้ลดอร์ถามเมื่อเห็นออโรร่ายืนนิ่งอยู่หน้าบันไดทางเข้าอยู่นาน
“ค่ะ หนูอยากพบศ.ดัมเบิ้ลดอร์ แต่ว่าหนูไม่รู้รหัสผ่าน”
“ถ้าไม่รู้รหัส ก็เข้าไม่ได้หรอกนะ”
ออโรร่าหน้าม่อย “งั้นเอาไว้พรุ่งนี้เช้าละกัน” เธอตัดใจแล้วหันหลังกลับ

“อ้าว นี่เธอมาทำอะไรที่นี่มิสเดมมิ่งนี่มันดึกมากแล้วนะ”
ออโรร่าหันกลับไปเห็นศ.มักกอนนากัลยืนอยู่ที่หน้าบันได “สวัสดีค่ะศ.มักกอนนากัล”
“สวัสดี ว่ายังไงล่ะ เธอมาทำอะไรที่นี่”
“คือหนู...อยากพบศ.ดัมเบิ้ลดอร์หน่อยค่ะ”
ศ.มักกอนนากัลหรี่ตา “อยากพบศ.ดัมเบิ้ลดอร์? มีธุระอะไรหรือเปล่า”
ออโรร่าเม้มปาก “หนูมีเรื่องอยากจะเรียนถามศ.ดัมเบิ้ลดอร์ค่ะ เรื่อง...พ่อกับแม่ที่แท้จริงของหนู”


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


“ออโรร่าหายไป หายไปตอนไหน หายไปได้ยังไง เป็นไปไม่ได้!!” รอนร้อง “ก็พวกเรานั่งกันอยู่ตรงนี้ตลอดนี่ไม่ได้ลุกไปไหนเลย” เฮอร์ไมโอนี่ทรุดตัวลงนั่งอย่างร้อนใจ
“เธอหาทั่วแล้วเหรอเฮอร์ไมโอนี่ บางทีออโรร่าเขาอาจจะยังอยู่ข้างบนก็ได้”
“ชั้นหาดีแล้วแฮร์รี่ แล้วตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว เขาคงไม่ไปนั่งคุยอยู่ห้องอื่นหรอก”
“จริงสิ” รอนนึกได้ “แผนที่ตัวกวนอยู่กับออโรร่านี่ บางทีเขาอาจจะใช้ทางลับแอบหนีออกไปก็ได้”


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


“ทำไมล่ะครับ!!! ทำไมท่านถึงให้คำตอบผมไม่ได้!!!” เสียงคุ้นหูดังลั่นมาจากห้องทำงานทำให้มือที่ทำท่าจะเคาะประตูต้องชะงัก “ท่านแค่ตอบผมมาเท่านั้นว่าใช่หรือไม่ใช่!!!!”
“ซิเรียส ใจเย็น ๆ” น้ำเสียงของศ.ดัมเบิ้ลดอร์ยังคงนุ่มผิดกับอีกฝ่าย
“ท่านจะให้ผมใจเย็นงั้นเหรอ!!! ผมใจเย็นไม่ได้หรอกนะ ไม่ใช่แต่ผม ไม่ว่าใครที่มาเจอแบบผมก็ต้องเป็นแบบนี้เหมือนกันแหล่ะ!!!” ซิเรียสตะคอก “จู่ ๆ ก็มารู้ว่ามีลูกสาว ทั้ง ๆ ที่เด็กคนนั้นตอนนี้ก็อายุ 16 แล้วอย่างนี้ท่านยังจะให้ผมใจเย็นอีกงั้นเหรอ!!!”
ดูเหมือนซิเรียสจะมาคุยเรื่องเดียวกันกับที่เธออยากรู้พอดี ออโรร่าค่อย ๆ แง้มประตูออก เธอแอบมองไปด้านใน เห็น ศ.ดัมเบิ้ลดอร์นั่งอย่างใจเย็นอยู่ที่โต๊ะทำงาน ในขณะที่ซิเรียสเดินไปมาอย่างร้อนใจ

“อะไรกัน นี่หมายความว่าแกมีทายาทให้กับตระกูลแล้วงั้นเหรอ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ออโรร่าพยายามสอดส่ายสายตาไปมา แต่ก็ไม่เห็นใครนอกจากซิเรียสกับศ.ดัมเบิ้ลดอร์
“นั่นก็ต้องอยู่ที่ว่าศ.ดัมเบิ้ลดอร์จะให้คำตอบกับเรื่องนี้ยังไง” ซิเรียสสวน เขาจ้องเขม็งไปยังเจ้าของห้องที่นั่งอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร “ว่ายังไงล่ะครับท่าน ท่านจะว่ายังไง”
ศ.ดัมเบิ้ลดอร์ถอนใจ “เอาล่ะ ๆ ก็ได้ ถ้าเธออยากจะรู้ชั้นก็จะบอกให้” แล้วเขาก็มองเลยไปที่ประตูห้อง “ถ้ายังไงเธอจะเข้ามาฟังด้วยก็ได้นะมิสเดมมิ่ง”

“ผมต้องการความจริงครับท่าน ความจริงล้วน ๆ ไม่มีการแต่งเติมใด ๆ ทั้งสิ้น”
ศ.ดัมเบิ้ลดอร์มองซิเรียสและออโรร่าที่นั่งหน้าเครียดอยู่ด้านตรงข้าม เขานิ่งไปนานแล้วสุดท้ายก็ถอนใจ “เอาล่ะ ตกลง อะไรที่พวกเธออยากรู้ ชั้นจะบอกทั้งหมด” แต่...ยกเว้นเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นนะ เรื่องที่ชั้นสงสัยและยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด เพราะฉะนั้นชั้นจะยังไม่บอกพวกเธอตอนนี้
“คำถามที่ผมถามเมื่อครู่...”
“ใช่...” ศ.ดัมเบิ้ลดอร์ขัด “อย่างที่พวกเธอสองคนสงสัยนั่นแหล่ะ มิสเดมมิ่งเป็น...ลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอ”
แม้จะพยายามทำใจกับคำตอบที่จะได้รับ แต่ทั้งสองคนก็ยังอดช็อคไม่ได้ ซิเรียสลุกพรวด เขาเดินไปมาพร้อมกับสบถไม่ขาดปาก ส่วนออโรร่าได้แต่นั่งนิ่ง ใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น

“ชั้นไม่เคยคิดจะปิดบังพวกเธอหรอกนะ...”
“แต่ท่านก็ไม่เคยบอกผม!!”
“ชั้นแค่ เห็นว่ามันยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น” ศ.ดัมเบิ้ลดอร์พยายามปลอบชายหนุ่มที่ตอนนี้อารมณ์พุ่งพล่านแทบจะลุกเป็นไฟ
“ท่านทราบเรื่อง...ออโรร่า ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ชั้นรู้ตั้งแต่ตอนที่ภรรยาเธอเริ่มตั้งครรภ์…นั่นก็เป็นเพราะว่าช่วงนั้นชั้นกำลังจับตามองเธออยู่” ศ.ดัมเบิ้ลดอร์รีบเสริมเมื่อเห็นดวงตาสีเข้มลุกโพลง
“จับตามอง หมายความว่ายังไงครับ”
“ซิเรียส...” แววตาที่ทอดมองมาทำเอาซิเรียสไม่ค่อยสบายใจนัก มันเหมือนกับสงสารเห็นใจ “ซิเรียส...เราสงสัยว่าเธอจะเป็น...สายลับให้ฝ่ายตรงข้าม...เป็นผู้เสพความตาย”

เรื่องแรกที่ได้ยินก็ว่าช็อคแล้ว แต่เรื่องนี้น่าช็อคซะยิ่งกว่า ออโรร่าตัวแข็งทื่อ ส่วนซิเรียสนั้นไม่ต้องพูดถึง เขาเอนตัวพิงผนังอย่างหมดแรง
“ผะ...ผู้เสพความตาย...ไม่จริงน่า” ซิเรียสคราง “ทะ...ท่านล้อผมเล่นใช่ไหม”
“เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อกันเล่นหรอกนะซิเรียส”
“แต่ครอบครัวของอมิเลีย...”
“ซิเรียส...มิสวีเบอร์เป็นแค่ลูกบุญธรรมของครอบครัวเท่านั้น”
“ลูกบุญธรรม?” ทำไมเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
“ใช่ ลูกบุญธรรม ครอบครัววีเบอร์ขอเธอมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนั้น...ตอนที่ชั้นรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ชั้นยังไม่อยากจะเชื่อเลย”
“เรื่องอะไรเหรอครับ” ศ.ดัมเบิ้ลดอร์ถอนใจ สงสารก็สงสาร แต่ก็เลี่ยงไม่ได้
“ชั้นไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่มีความเป็นไปได้สูงว่ามิสวีเบอร์เป็นผู้ลงมือสังหารครอบครัวของเธอเอง”


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

“ฮ้าววว…น่าเบื่อจังมีเรียนเช้านี่” ปาราวตีตาปรือ “อากาศเย็น ๆ อย่างนี้อยากนอนสบาย ๆ บนเตียงจังเล้ย” เมื่อเดินมาถึงบันไดทางลงจากหอพัก เธอก็ต้องขยี้ตาแล้วก็เพ่งมองไปที่โซฟาหน้าเตาผิงเพื่อความแน่ใจ “นี่ ลาเวนเดอร์ นั่นเฮอร์ไมโอนี่หรือเปล่า”
ลาเวนเดอร์ที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ เช็คหนังสือในมือเงยหน้าขึ้น “เออ ใช่ นั่นเฮอร์ไมโอนี่นี่”
พวกเธอลงบันไดมาหยุดที่หน้าโซฟา “แฮร์รี่กับรอนด้วย ทำไมมานอนกันตรงนี้เนี่ย” มิน่าล่ะ เช้านี้ห้องโถงถึงได้เงียบผิดปกติ
ปาราวตีเดินเข้าไปเขย่าแขนเฮอร์ไมโอนี่เบา ๆ “เฮอร์ไมโอนี่...เฮอร์ไมโอนี่ ตื่นเถอะ”

เฮอร์ไมโอนี่ผวา เธอผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ จนปราวตีเองต้องถอยหนี “ปะ...ปาราวตี”
“ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะเฮอร์ไมโอนี่ ทำไมไม่ไปนอนบนห้อง”
เฮอร์ไมโอนี่ลูบหน้า เธอมองเพื่อนสาวที่อยู่ในเครื่องแบบเรียบร้อย “เช้า...แล้วเหรอ”
“ใช่”
“ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะเฮอร์ไมโอนี่” ลาเวนเดอร์ถาม
“พวกชั้นรอออโรร่าน่ะ เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พวกเธอเห็นออโรร่าหรือเปล่า”
ลาเวนเดอร์กับปาราวตีมองหน้ากัน “ถ้าออโรร่าล่ะก็ อยู่ข้างบนน่ะ ไม่รู้เป็นอะไร ถามอะไรก็ไม่ตอบ เอาแต่กอดลินเลียอยู่อย่างนั้นแหล่ะ”


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


เฮอร์ไมโอนี่มองเด็กสาวที่นั่งนิ่งอยู่ข้างหน้าต่างด้วยความเป็นห่วง (ถ้าเธอจำไม่ผิด) ออโรร่ายังอยู่ในชุดเดิม สองมือกอดฟองสบู่นิ่ง ดวงตาบวมเป่งเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แค่เรื่องที่รู้ว่าเป็นลูกสาวของซิเรียสทำให้เพื่อนของเธอเสียใจมากขนาดนี้เลยเหรอ เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าไปแตะต้นแขนเพื่อนสาวที่นั่งอยู่เบา ๆ “ออโรร่า...”

ออโรร่าหันหน้ามา “เฮอร์ไมโอนี่...ทำไมตื่นเช้าจังล่ะ”
ถามแบบนี้เนี่ย เพราะไม่เห็นเธออยู่บนเตียงหรือว่าไม่ทันสังเกตเห็นเธอกันนะ “เมื่อคืนเธอหายไปไหนมาเหรอออโรร่า พวกชั้นเป็นห่วงแทบแย่” เฮอร์ไมโอนี่ถามเสียงอ่อน
ออโรร่าฝืนยิ้ม “พอดีว่าเมื่อคืนนี้ชั้นไปหา ศ.ดัมเบิ้ลดอร์น่ะ”
“เธอไปหา ศ.ดัมเบิ้ลดอร์ทำไม”
“ชั้น...” ออโรร่าพยายามกลั้นสะอื้น
เฮอร์ไมโอนี่กอดออโรร่าไว้ เห็นเพื่อนร้องไห้อย่างนี้แล้วเธอชักทำอะไรไม่ถูก จะปลอบเองก็ไม่รู้จะปลอบยังไง จะหวังพึ่งสองหนุ่มที่ยังนอนอยู่ข้างล่างก็ไม่ได้ งานนี้คงจะต้องหาคนอื่นมาปลอบซะแล้ว “ออโรร่า เราไปหา ศ.จูเลียน่ากันดีมั้ย”


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


จูเลียน่าวางช้อนซุปลง จริง ๆ เธอก็ไม่รู้สึกอยากอาหารอยู่แล้ว แต่ที่จำเป็นต้องทานเพราะถ้าไม่ทานก็ไม่มีแรง แล้วยังสีหน้าของชายหนุ่มที่นิ่งไม่พูดไม่จาอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธออีก ยิ่งทำให้เธอเบื่ออาหารมากกว่าเดิม
“ก๊อก ๆๆๆ” เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น จูเลียน่าหันไปมองซิเรียสอย่างกังวล หวังว่าคงจะไม่ใช่พี่ชายเธอหรอกนะ เธอยังไม่อยากฟังเสียงบ่นของพี่ชายเธอในตอนนี้ “เชิญ”

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ศ.จูเลียน่า”
“อ้าว ออโรร่า เฮอร์ไมโอนี่ เข้ามาสิจ๊ะ”
ซิเรียสขยับตัว หันกลับมามองเด็กสาวทั้งสองที่ยืนอยู่หน้าประตู
“อุ๊ย คุณซิเรียส มาเยี่ยม ศ.จูเลียน่าแต่เช้าเลยหรือคะ” เฮอร์ไมโอนี่อุทาน
“จริง ๆ แล้ว...” หลังจากที่เล่าทุกอย่างให้จูเลียน่าฟังเมื่อคืน ซิเรียสก็เอ่ยออกมาหลังจากที่นั่งเงียบมาหลายชั่วโมง “...ชั้นยังไม่ได้กลับเลยต่างหาก”
“ห๋า!! นี่คุณ...อยู่ที่นี่...ทั้งคืนเลยหรือคะ”
ซิเรียสพยักหน้า เฮอร์ไมโอนี่พูดไม่ออก ถึงแม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันก็ตาม แต่การอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องทั้งคืนอย่างนี้ มันไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าจูเลียน่าจะไม่สบายก็ตาม ซิเรียสลุกขึ้น เขามอง ‘ลูกสาว’ ที่เดินตรงไปยังจูเลียน่า
จูเลียน่าวางถาดอาหารลงที่ข้างเตียง เธอยิ้มให้เด็กสาวที่ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงอย่างปลอบโยน “เป็นยังไงบ้างจ๊ะ ไม่ได้นอนเลยใช่มั้ยเนี่ย” เธอมองใบหน้าอิดโรย ดวงตาบวมเป่งของเด็กสาวด้วยความสงสาร “มานี่มา มานั่งข้าง ๆ ครูนี่” เธอดึงมือออกโรร่าให้มานั่งบนเตียง นิ้วแตะที่หางตาของเด็กสาวเบา ๆ สัมผัสอ่อนโยนเรียกน้ำตาของเธออีกครั้ง ออโรร่าโผเข้ากอดจูเลียน่าพร้อมกับสะอื้นจนตัวโยน จูเลียน่าลูบหลังอย่างปลอบโยน

“คุณพ่อของเธอเล่าให้ครูฟังแล้วนะว่าเกิดอะไรขึ้น” แม้เสียงของจูเลียน่าจะเบาแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ได้ยินอย่างชัดเจน เธอหันไปมองซิเรียสแล้วหันไปมองออโรร่ากับจูเลียน่าอย่างสนใจ
“เธออาจจะคิดว่าการที่เธอต้องไปอยู่กับครอบครัวเดมมิ่งนั่นเป็นเพราะว่าคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอไม่ต้องการเธอ”
เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตา จูเลียน่ามองความคิดของออโรร่าได้ทะลุปรุโปร่งเลย ออโรร่าเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีฟ้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำใส
“แต่การที่เธอต้องไปอยู่กับครอบครัวเดมมิ่งนั้นเป็นเพราะว่าพวกท่านมีความจำเป็น ไม่สามารถดูแลเธอเองได้”
“อาจารย์...”
“ถ้าคุณแม่ของเธอเป็น...อย่างที่ ศ.ดัมเบิ้ลดอร์ท่านพูดจริง” จูเลียน่าเลี่ยงที่จะพูดคำว่า ‘ผู้เสพความตาย’ “นั่นก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วที่จะต้องฝากเธอไว้กับครอบครัวอื่น เพราะครูคิดว่าคุณแม่ของเธอท่านจะต้องคิดถึงความปลอดภัยของเธอมากกว่าอะไรทั้งหมด”
“แต่...”
“ยิ่งซิเรียสด้วยแล้ว ไม่ต้องพูดถึง เพราะว่าเขาไม่สามารถดูแลเธอได้หรอก” ซิเรียสคอแข็ง แม้จะรู้ว่าจูเลียน่าพูดถูก แต่เขาก็อดเคืองไม่ได้ที่โดนพูดต่อหน้า “เธอคงไม่ลืมนะว่า ซิเรียสน่ะต้องเข้าไปอยู่ในอัซคาบันถึง 13 ปี”
ออโรร่าจำได้ แฮร์รี่เคยเล่าให้ฟังว่าหลังจากที่เขาอายุได้เพียงไม่กี่เดือน พ่อกับแม่ก็ถูกฆ่า ส่วนซิเรียสเองก็ถูกส่งเข้าไปในอัซคาบัน เด็กสาวเหลือบมองร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ เฮอร์ไมโอนี่ แม้จะรู้สึกโล่งใจที่รู้ว่าเขาไม่ได้ทอดทิ้งตน แต่ก็ยังรู้สึกน้อยใจไม่ได้

จูเลียน่าอมยิ้มเมื่อเห็นเด็กสาวยังคงดื้อดึง ดื้อเหมือนพ่อไม่มีผิด “แล้วเมื่อคืนนี้ได้นอนบ้างมั้ยจ๊ะเนี่ย แต่ครูว่าคงจะนอนไม่หลับซะล่ะมั้ง เพราะคนแถวนี้เองก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน” แล้วเธอก็หันไปถามเฮอร์ไมโอนี่ “วันนี้มีเรียนกันกี่โมงจ๊ะเนี่ย”
“พวกหนูมีเรียนวิชาปรุงยาตอนสายค่ะ”
“แล้วนี่ทานอะไรกันหรือยัง”
“ยังค่ะ” จะว่าไป ป่านนี้รอนกับแฮร์รี่คงจะหิวซกแล้วมั้งเนี่ย
“แล้วหนูหิวมั้ยจ๊ะออโรร่า” จูเลียน่าถาม ออโรร่าส่ายหน้า “ถ้าไม่หิวล่ะก็ นอนพักซักนิดดีมั้ย มานอนเป็นเพื่อนครูนี่แหล่ะ”
ดวงตาสีฟ้าเป็นประกาย “ได้หรือคะ”
“ได้จ๊ะ แต่ต้องไปล้างหน้าก่อนนะ” ออโรร่ารับคำ แล้วลุกไปเข้าห้องน้ำโดยเลี่ยงที่จะสบตากับซิเรียส
“ถ้าอย่างนั้น หนูขอตัวก่อนนะคะอาจารย์ ป่านนี้พวกแฮร์รี่คงจะเป็นห่วงแย่แล้ว”
“จ๊ะ”
“แล้วเธอล่ะ จะกลับบ้านก่อนมั้ย” จูเลียน่าถามชายหนุ่มหลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่ออกไปแล้ว
ซิเรียสส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ขอนอนสักงีบก่อนแล้วกัน” เขามองตามร่างของออโรร่าที่นอนลงข้างจูเลียน่าเงียบ ๆ


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>



“เฮอร์ไมโอนี่!! นี่เธอหายไปไหนมาน่ะ พวกเราตามหาซะแทบแย่” รอนร้องลั่นเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่โผล่พ้นมาจากรูปสุภาพสตรีอ้วน
“อ้าว ตื่นกันแล้วเหรอ”
“แล้วออโรร่าล่ะ อยู่กับเธอหรือเปล่า” แฮร์รี่ร้อนใจ เพราะเขาขอให้เพื่อนผู้หญิงขึ้นไปดูออโรร่าที่ห้อง แต่ก็ไม่พบใครเลย
“อ๋อ อยู่ที่ห้อง ศ.จูเลียน่าน่ะ...เดี๋ยว!! นั่นเธอจะไปไหนน่ะแฮร์รี่!!” เฮอร์ไมโอนี่รีบคว้าแขนแฮร์รี่ไว้
“ก็ไปหาออโรร่าน่ะสิ”
“อย่าเพิ่งเลย ตอนนี้ให้เขาพักก่อนเถอะ”
“พักเหรอ”
“ใช่ เมื่อคืนนี้ออโรร่าเขาไม่ได้นอนเลยน่ะ ศ.จูเลียน่าก็เลยให้ออโรร่าพักสักนิด”
“แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง” รอนถาม
“ตอนแรกก็แย่เหมือนกัน แต่พอได้คุยกับ ศ.จูเลียน่าแล้วเขาก็ดูสบายใจขึ้น” แฮร์รี่พยักหน้า พอได้ยินอย่างนั้นก็ค่อยสบายใจขึ้น “แต่ที่ชั้นอยากรู้ก็คือ เมื่อคืนนี้ ศ.ดัมเบิ้ลดอร์พูดอะไรน่ะสิ”

“แล้ว ศ.ดัมเบิ้ลดอร์มาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วยล่ะ” รอนสงสัย
“ก็เมื่อคืนนี้ออโรร่าเขาหนีไปหา ศ.ดัมเบิ้ลดอร์น่ะสิ”
“หนีไปหา ศ.ดัมเบิ้ลดอร์ ไปหาทำไมกัน”
“ก็ไปถามเรื่องของเขาน่ะสิ”
“เรื่องของเขา เรื่องอะไร” รอนยังคงไม่เข้าใจ
เฮอร์ไมโอนี่มองตัวซื่อบื้อที่นั่งอยู่อย่างหงุดหงิด “ก็เรื่องพ่อแม่ของเขาน่ะสิ!!” ถามออกมาได้!
“แล้วศ.ดัมเบิ้ลดอร์ว่ายังไงบ้างล่ะเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถาม
“ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะว่ายังไม่ได้คุยกับออโรร่าเรื่องนี่ แต่ชั้นได้ยินศ.จูเลียน่าพูดแปลก ๆ”
“แปลกยังไง” เฮอร์ไมโอนี่นั่งลง แล้วก็เล่าเรื่องที่ได้ยินมาให้เพื่อนทั้งสองฟังอย่างละเอียด


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>



“ยาที่พวกเธอจะต้องปรุงกันในวันนี้จะต้องใช้ความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก”
“ออโรร่าไม่เข้าเรียนจนได้” รอนกระซิบกับแฮร์รี่ที่นั่งหน้าเครียด “จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
“นี่พวกเธออย่าคุยกันสิ เดี๋ยวก็โดนดุหรอก” เฮอร์ไมโอนี่หันมาเอ็ดเบา ๆ แล้วก็หันไปสนใจเรียนต่อ
“เพราะฉะนั้นงานในครั้งนี้...” ศ.สเนปจ้องเขม็งไปยังรอนที่หันไปกระซิบกับแฮร์รี่อีกครั้ง
“เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วนายจะไปหาออโรร่าหรือเปล่าแฮร์รี่”
“ไป”
“...ชั้นอยากให้ทำงานกันเป็นคู่ ๆ” ศ.สเนปหยิบม้วนกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะมัลฟอยขึ้นมาแล้วสาวเท้าตรงไปยังกลุ่มของแฮร์รี่
เฮอร์ไมโอนี่ที่รำคาญเพื่อนทั้งสองหันไปเอ็ดอีกครั้ง “นี่! เลิกคุยกันสักทีได้มั้ย”
“ใช่!! เลิกคุยกันสักที!!” ทั้งกลุ่มสะดุ้งเฮือกแล้วก็ครางอ๋อยเมื่อโดนตีด้วยม้วนกระดาษคนละที (อย่างแรง) เสียงหัวเราะดังขึ้นแล้วก็มีเสียงครางเบา ๆ ดังมาจากเด็กกริฟฟินดอร์
“หักกริฟฟินดอร์ 10 คะแนน...ทำไม มีปัญหาหรือไงวีสลีย์” ศ.สเนปถามเมื่อเห็นรอนทำปากขมุบขมิบ “หรือว่าแค่ 10 คะแนนมันน้อยเกินไป”
“เปล่าครับ” รอนตอบเสียงอ่อย แล้วแอบแลบลิ้นใส่ ศ.สเนปที่หันหลังเดินกลับไป

“เอาล่ะพวกเธอจับคู่ทำงานกันได้แล้ว ส่วนพวกเธอ...” ศ.สเนปหันขวับกลับมา สามสหายตัวแข็งทื่อ “...แยกกันทำงานซะ”
รอนกับแฮร์รี่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วจะทำกับใครดีฟะเนี่ย แล้วหันไปหาเด็กราเวนคลอและฮัพเฟิลพัฟที่โต๊ะข้าง ๆ ตาละห้อย “พวกเธอ พอจะจับคู่กับพวกเราได้มั้ย”

“อาจารย์ครับ” มัลฟอยเรียกเมื่อ ศ.สเนปวางม้วนกระดาษคืนที่โต๊ะ
“มีอะไรหรือเดรโก” มัลฟอยแอบมองไปทางเฮอร์ไมโอนี่ “คือ...พอดีว่าผมไม่มีคู่…”
ศ.สเนปหันไปรอบตัวแล้วเรียกเด็กสาวที่ยืนหันรีหันขวางอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของห้อง “เกรนเจอร์...เธอมาจับคู่กับมัลฟอย”

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมวันนี้ออโรร่าถึงไม่มาเข้าเรียนล่ะ” ทันทีที่มีโอกาส มัลฟอยก็รีบกระซิบเด็กสาวข้างตัวทันที
“ก็มันมีเรื่องไม่คาดฝันน่ะสิ” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบตอบ สองตาก็คอยเหลือบมองไปที่ ศ.สเนปเป็นระยะ เพราะผลที่ได้จากการที่แอบคุยกันในห้องเรียนระหว่างเด็กกริฟฟินดอร์กับสลิธีรินภายในชั่วโมงเรียนวิชาปรุงยานั้น รู้ ๆ กันอยู่ว่าแตกต่างกันยังไง
“ทำไม มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ”
“เรื่องมันแดงออกมาเมื่อคืนนี้เอง...” เฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบตัว ให้แน่ใจว่าไม่มีใครสนใจบทสนทนาของพวกเธอ “...ออโรร่าเป็นลูกสาวของซิเรียส แบล็ก!”
“ห๋า!!!!”


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


ซิเรียสแตะศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีบรอนด์สลวยเบา ๆ ก่อนหน้านี้เขาเคยถามตัวเองหลายต่อหลายครั้งว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเอ็นดูเด็กสาวคนนี้จับหัวใจเพียงแค่แว่บแรกที่ได้เห็น ทำไมคนสองคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลยถึงได้มีความคล้ายคลึงกันมากขนาดนี้ แล้วถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวของอมิเลียจริง เด็กคนนี้ก็อาจจะเป็นลูกสาวของเขาใช่หรือไม่ และ...และ...และ... แล้ว...แล้ว...แล้ว... กับอีกหลายต่อหลายคำถาม แต่มีหนึ่งคำถามที่เขาไม่เคยถามตัวเองเลย ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวของเขาจริง แล้วเขาควรจะทำอย่างไรต่อไป

ซิเรียสเดินอ้อมมาหาหญิงสาวที่นอนอยู่อีกฟากหนึ่งของเตียง “ชั้นกลับก่อนนะ”
“เดี๋ยวสิ เธอจะไม่รอจนกว่าออโรร่าจะตื่นเหรอ”
“ไม่ล่ะ...ตอนนี้ทั้งชั้นและก็ออโรร่า ต่างก็ต้องการเวลาด้วยกันทั้งคู่” ซิเรียสมองเลยไปยังลูกสาวที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น “ถ้าไม่เจอกันซักระยะ ก็คงจะดี”

‘ถ้าเจอกันคราวหน้า บางทีหนูอาจจะยอมรับคุณมากขึ้น’ ออโรร่าที่แกล้งนอนนิ่งตอบอีกฝ่ายในใจ จริง ๆ แล้วเธอรู้สึกตัวตั้งแต่ที่ซิเรียสมาแตะศีรษะเธอแล้ว แต่เพราะยังไม่อยากเจอเขา เธอจึงต้องนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น จวบจนซิเรียสออกไปแล้วเธอจึงลืมตาขึ้น พบว่าจูเลียน่านอนมองเธออยู่ก่อนแล้ว

“ครูนึกแล้วว่าเธอต้องแกล้งหลับ”
ออโรร่าหน้าแดงเมื่อโดนล้อ เธอลุกขึ้นนั่ง เมื่อก้มมองนาฬิกาแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อพบว่าเวลามันผ่านไปนานกว่าที่คิด “ตายแล้ว!!”
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ ครูเรียน ศ.สเนปแล้วล่ะว่าเธอจะไม่เข้าวันนี้”
ออโรร่าโล่งอก เธออยู่คุยกับจูเลียน่าต่อจนถึงเวลาอาหารกลางวันจึงขอตัวกลับ
“ออโรร่าจ๊ะ...” จูเลียน่าเอ่ยทักก่อนที่ออโรร่าจะเปิดประตูห้อง
“คะ”
“คนเราน่ะ จะมีทิฐิบ้างมันก็เป็นธรรมดา แต่ถ้าจะทิฐิเกินไปจนไม่ฟังเหตุฟังผลเลย มันก็ไม่ดีหรอกนะ...เธอคิดว่าอย่างนั้นมั้ย”


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


“เธอคุยอะไรกับมัน...นี่! ที่ชั้นถามเนี่ยไม่ได้ยินหรือยังไง!” เสียงรอนดังลั่นตามทางเดินระหว่างที่เดินไปยังห้องโถงรวมเพื่อทานอาหารเรียกความสนใจของใครต่อใครที่อยู่แถวนั้น
“เซ้าซี้อยู่ได้ ก็บอกว่าไม่มีอะไรไงล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่สะบัดเสียงอย่างรำคาญ เธอเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อให้พ้นจากเพื่อนชาย
“จะไม่มีอะไรได้ยังไงกัน ก็อยู่ ๆ มันร้องออกมาลั่นห้องอย่างนั้นน่ะ ถ้าไม่คุยกับเธอแล้วมันจะคุยกับใคร!!”
เฮอร์ไมโอนี่กรอกตา “โธ่ รอน...ออโรร่า!!!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องลั่นเมื่อเห็นเพื่อนสาวกำลังเดินตรง แฮร์รี่หันขวับ เขาทิ้งเพื่อนทั้งสองเดินตรงไปหาออโรร่าทันที

“ออโรร่า...”
“แฮร์รี่...” ออโรร่ายิ้มน้อย ๆ “...ศ.สเนปว่าอะไรหรือเปล่าเรื่องที่ชั้นไม่เข้าเรียน”
“ศ.สเนปสั่งแค่ว่าให้มีการบ้านส่งคราวหน้าน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ที่เดินตามมาทันตอบ
“เหรอ ดีจัง”
“เออ...แล้วเธอน่ะ...นี่แกเดินยังไงของแกฮะไอ้ซีด!!! ไม่มีตาหรือไงกัน!!!” รอนโวยลั่นเมื่อถูกกระแทกที่ด้านหลังอย่างแรง
มัลฟอยเลิกคิ้วด้วยท่าทางยียวน “มี! ทำไมจะไม่มี แต่นี่น่ะมันทางเดิน ไม่ใช่ทางที่จะมายืนเป็นหัวหลักหัวตอ เพราะฉะนั้น...ช่วยไม่ได้”
“หนอย...แก!!”
“เอาน่ารอน อย่าทะเลาะกันเลย” เฮอร์ไมโอนี่รีบห้าม “เรารีบไปข้างในกันเถอะ มายืนอยู่อย่างนี้ก็มีแต่ขวางทางคนอื่นเขา”
“อะไรนะ ที่เธอเข้าข้างมันงั้นเหรอ!!”
“เปล่า ชั้นก็แค่...”
“เอาเถอะ เรารีบไปทานข้าวกันเถอะ” แฮร์รี่แทรก “หลังจากนี้เราต้องไปเรียนช่วงบ่ายกันอีกไม่ใช่เหรอ”

“ออโรร่า ถ้ามีอะไรก็ปรึกษากับพวกเราได้นะ” หลังจากที่ทนนั่งมองออโรร่าเขี่ยอาหารในจานไปมาอยู่นาน รอน (ที่อยากรู้เต็มที่) ก็อดรนทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยขึ้น “เราอาจจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่อย่างน้อยก็เป็นที่ระบายได้บ้างแหล่ะ”
แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่อยากจะจับหัวรอนโขกพื้นโต๊ะให้รู้แล้วรู้รอด ดูเอาเถอะ พวกเขาอุตส่าห์สู้พยายามระงับความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ไม่ไปถามออโรร่า แต่เจ้าเพื่อนงี่เง่านั่นก็ดันเปิดประเด็นขึ้นมาจนได้ แถมยัง... “ศ.ดัมเบิ้ลดอร์พูดว่ายังไงบ้างเหรอ”
“รอน!!” คราวนี้แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่พร้อมใจกันเตะขาอย่างแรงจนรอนสะดุ้งโหยง ร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย!! ทำอะไรของพวกนายน่ะ”
“เงียบไปเลยนะรอน!”
“นายนี่ทำไมพูดมากจริง!”

ออโรร่าฝืนยิ้ม “ชั้นรู้ว่าพวกเธอเป็นห่วงชั้น ชั้นเองก็ไม่คิดที่จะมีความลับกับพวกเธอเหมือนกัน เพียงแค่...ตอนนี้ชั้นไม่อยากพูดกับใครเรื่องนี้เท่านั้น”
แฮร์รี่กุมมือออโรร่า “พวกเราเข้าใจ และก็ไม่คิดที่จะบังคับให้เธอเล่าให้พวกเราฟังด้วย”
“จริงด้วยออโรร่า” เฮอร์ไมโอนี่ตวัดตาไปทางรอน (ที่ยังคงลูบขาป้อย ๆ ) อย่างคาดโทษ “เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ พวกเราก็เลยไม่อยากจะก้าวก่าย” รอยยิ้มของออโรร่าดีขึ้น
“ขอบใจนะ”




Create Date : 15 กรกฎาคม 2551
Last Update : 15 กรกฎาคม 2551 12:37:11 น.
Counter : 374 Pageviews.

0 comments
(ประชาชน)​ นอนฝันขอให้ได้เงินหมื่น​ (เจ้าสัว) นอนตื่นขอให้ได้เงินแสน​ (ล้าน) ปรศุราม
(18 เม.ย. 2567 11:39:20 น.)
: รูปแบบของชีวิต : กะว่าก๋า
(17 เม.ย. 2567 04:37:20 น.)
15 เมษายน 2567 คุกกี้คามุอิ
(15 เม.ย. 2567 04:15:53 น.)
15/04/67 สมาชิกหมายเลข 4675166
(15 เม.ย. 2567 09:46:52 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Traveler-hpfictionroom.BlogGang.com

s_sut
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]

บทความทั้งหมด