ตอนที่ 30
ตอนที่ 30 สาบาน


แม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง แต่นักเรียนของแต่ละหอยังคงพูดคุยกันอยู่ที่ห้องโถงรวมของหออย่างสนุกสนาน
กลุ่มของแฮร์รี่เองก็รวมอยู่ในนั้น เขามองออโรร่าที่ฝืนพูดคุยกับเพื่อนคนอื่น ๆ อย่างเห็นใจ ส่วนรอนกับเฮอร์ไมโอนี่เองก็คอยส่งสายตามาเหมือนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอไร แต่ก็รอจนแน่ใจว่าเหลือเพียงพวกเขาทั้ง 4 คนแล้วจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับรอนกับเฮอร์ไมโอนี่ฟัง

“เดี๋ยวนะ ขอชั้นทำความเข้าใจกับเรื่องนี้หน่อยนะ” เฮอร์ไมโอนี่แทรก
“ออโรร่าไม่ใช่ลูกของคุณและคุณนายเดมมิ่ง แล้วแม่ของออโรร่าก็เป็นมักเกิ้ลใช่มั้ย” แฮร์รี่พยักหน้า
“อีกอย่าง พ่อกับแม่ของออโรร่าก็เป็นนักเรียนที่ฮอกวอตส์นี่ด้วย” ออโรร่าพยักหน้า
“ถ้างั้น...เราลองดูตรงนี้” เฮอร์ไมโอนี่แนะ “แม่ของออโรร่าเป็นมักเกิ้ล นั่นก็หมายความว่า แม่ของออโรร่าจะอยู่ที่บ้านกริฟฟินดอร์ เรเวนคลอหรือฮัฟเฟิลพัฟเท่านั้น”
“เท่านั้นเหรอเฮอร์ไมโอนี่ แค่นี้ก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วนะ ตั้ง 3 บ้านแน่ะ” รอนค้าน
“มันก็จริง แต่จะมีสักกี่คนกันล่ะที่เป็นมักเกิ้ล...จริงมั้ย”
“มันก็จริงนะ” แฮร์รี่เห็นด้วย “แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นพ่อแม่ของออโรร่ากัน” แฮร์รี่ถาม เฮอร์ไมโอนี่ย่นจมูก “อันนี้ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“อ้าว!!” แฮร์รี่กับรอนอุทานออกมาพร้อมกัน “แล้วมันจะได้ผลมั้ยเนี่ย” รอนร้อง

“ออโรร่า แล้วเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพ่อแม่ของเธอเลยเหรอ” รอนหันไปถาม
ออโรร่าส่ายหน้า “ตอนนั้นชั้นกำลังโกรธ และก็เสียใจน่ะ ก็เลยไม่ได้ถามอะไร” เธอบอกเสียงเครือ เฮอร์ไมโอนี่กอดเพื่อนอย่างปลอบใจ
“เอาเถอะ อย่างน้อยเราก็โชคดีนะที่เรารู้ว่าพ่อกับแม่ของออโรร่าเป็นนักเรียนเก่าของที่นี่ ต้องมีใครบางคนรู้จักพวกเขาบ้างล่ะน่า” รอนบอก แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเห็นด้วย
“เราต้องสืบหาพวกเขาเจอแน่ ๆ ออโรร่า” เฮอร์ไมโอนี่บอกเพื่อนสาวที่ปาดน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความเสียใจ
“แต่ฉันไม่อยากรู้ว่าพวกเขาเป็นใครนี่” ออโรร่าค้าน “ไม่อยากเจอ...ไม่อยากเห็น”
“แต่ถ้าเรารู้ว่าพวกเขาเป็นใคร อย่างน้อยเธอก็จะได้คำตอบว่าทำไมพวกเขาถึงได้เอาเธอไปฝากไว้กับครอบครัวเดมมิ่งนะ” เฮอร์ไมโอนี่พยายามให้เหตุผล ออโรร่าหันมาซบไหล่เพื่อนแล้วสะอื้นออกมาเบา ๆ
รอนหันมากระซิบกับแฮร์รี่ “นายยังจำเรื่องที่พวกเราเคยคุยกันเล่น ๆ เรื่องที่ว่าออโรร่าไม่ใช่สควิปเหมือนคนอื่นในครอบครัวได้มั้ย ให้ตายเหอะ...ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันเป็นเรื่องจริง!!!”


**********************************************


เพราะเมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับลงได้ก็เกือบรุ่งสาง วันนี้ออโรร่าจึงตื่นสายกว่าปกติ เธอจึงให้คนอื่นล่วงหน้าไปก่อน โดยที่แฮร์รี่รับอาสาถือของไปให้ กว่าที่เธอจะแต่งตัวเสร็จก็เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึง 5 นาทีก็จะได้เวลาเข้าเรียนในวิชาแรก (ซึ่งถ้าเธอจำตารางเรียนไม่ผิดก็จะเป็นของ ศ.มักกอนนากัล) เธอจึงรีบสาวเท้าเดินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

“ว้าย!!” ออโรร่าร้องลั่นด้วยความตกใจเมื่อจู่ก็โดนสาดด้วยน้ำจนเปียกไปหมด
“อุ๊ย...ตายแล้ว!!” เสียงหนึ่งอุทานออกมาด้วยความตกใจไม่แพ้กัน ออโรร่าหันไปมองเจ้าของเสียงอย่างไม่พอใจแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างโปร่งใสของเด็กสาวคนหนึ่ง (ที่รีบเอาถังน้ำใบใหญ่ซ่อนไว้ข้างหลัง) ลอยอยู่ไม่ห่างนัก เด็กสาวคนนั้นมองเธออย่างไม่สบายใจ
“ขอโทษนะ ชั้นไม่ได้ตั้งใจน่ะ” เธอเสียงอ่อย
ออโรร่าขมวดคิ้ว “ไม่ได้ตั้งใจ? ทั้งที่เธอสาดน้ำเข้าใส่ชั้นเต็ม ๆ นี่นะ” ออโรร่าเสียงห้วน
“ก็...ก็...ชั้นนึกว่าเธอเป็นเด็กพวกนั้นนี่”
“พวกไหน”
“พวกที่ชอบแกล้งชั้นน่ะ” เด็กสาวบอกเสียงเครือ “พวกนั้นชอบเข้ามาล้อชั้น บางทีก็ชอบเสกคาถาใส่ชั้น”
“ใครกันที่ทำอย่างนั้น”
“ส่วนมากจะเป็นพวกสลิธีรินน่ะ” เธอเอียงคอมองออโรร่าอย่างแปลกใจ “ว่าแต่เธอน่ะมาทำอะไรที่นี่ เธอไม่มาหาชั้นเสียนานชั้นก็นึกว่าเธอเรียนจบไปแล้วซะอีก”
ออโรร่างง “พูดอะไรของเธอน่ะ ชั้นเพิ่งเรียนอยู่ปี 6 เองนะแล้วชั้นก็ไม่เคยเจอเธอมาก่อนด้วย!!!”
“ปี 6” ทวนคำอย่างงง ๆ แล้วเพ่งมองเสื้อคลุมของอีกฝ่าย “เอ๊ะ...กริฟฟินดอร์เหรอ งั้นเธอก็...” เด็กสาวนิ่งไป “ขอโทษนะ ชั้นคงจำคนผิดน่ะ ว่าแต่เธอชื่ออะไรล่ะ”
“ออโรร่า เดมมิ่ง”
“ออโรร่า เดิมมิ่ง? ออโรร่า...ออโรร่า...อ๋อ...งั้นเธอล่ะสิที่เป็นแฟนของแฮร์รี่”
“เธอรู้จักแฮร์รี่ด้วยเหรอ”
“รู้จักสิ เอ๊ะ...” เด็กสาวอุทานออกมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า “มีคนมา” แล้วก็หายวับไปทันที
“นี่...เดี๋ยวสิ!!!” ออโรร่าร้องออกมาด้วยความโกรธเมื่อเห็นอีกฝ่ายทิ้งเธอไปดื้อ ๆ “กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ!!!"


**********************************************


ภายในห้องเรียนวิชาแปลงร่างทุกคนต่างพากันเงียบกริบเมื่อออโรร่าโผล่เข้าไปในสภาพเปียกปอน ก่อนจะมีเสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากกลุ่มสลิธีริน
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอน่ะมิสเดมมิ่ง ทำไมถึงเปียกขนาดนั้น” ศ.มักกอนนากัลถามทันทีที่ตั้งสติได้
“ขอโทษค่ะอาจารย์ พอดีเกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“อุบัติเหตุ? แล้วทำไมเธอไม่จัดการตัวเองให้เรียบร้องก่อนที่จะเข้าเรียน”
“คือ...หนูเห็นว่ามันสายมากแล้ว...”
“แล้วไม้กายสิทธิ์ของเธอหายไปไหนมิสเดมมิ่ง ทำไมไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์” ศ.มักกอนนากัลถามเสียงขุ่น แฮร์รี่รีบยกมือขึ้น “มีอะไรพอตเตอร์”

“เอ่อ...คือ...ไม้กายสิทธิ์อยู่ที่ผมครับอาจารย์”
“อะไรนะ!!!”
“คือ...ผมเห็นว่ามันสายแล้วก็เลยถือของของออโรร่ามาก่อน...” แฮร์รี่อธิบานเสียงอ่อยเมื่อเห็นสีหน้า ศ.มักกอนนากัลที่เครียดขึ้นทุกที
“ดี...ดีมาก!!!” ศ.มักกอนนากัลเสียงสั่นด้วยความโกรธ ทำเอาทุกคนต่างพากันตัวแข็งทื่อ “ชั้นประทับใจในความเป็นสุภาพบุรุษของเธอนะพอตเตอร์ แต่ไม้กายสิทธิ์น่ะเป็นสิ่งที่พวกเธอต้องถือแทนกันด้วยหรือ” แฮร์รี่เสียววูบเมื่อเห็นสายตาของ ศ.มักกอนนากัล
“แม้จะไม่มีกฎออกมา แต่เธอก็อยู่ที่นี่มาตั้งหลายปีแล้ว เธอควรจะรู้นะพอตเตอร์ว่าไม้กายสิทธิ์ถือเป็นทรัพย์สินส่วนตัวที่คนอื่นไม่ควรแตะต้องแม้แต่เพื่อนสนิทก็ตาม” ศ.มักกอนนากัลตวัดไม้กายสิทธิ์ขึ้น ชุดที่ชุ่มโชกแห้งสนิททันที
“หักกริฟฟินดอร์ 50 คะแนนสำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ และชั้นก็หวังว่าพวกเธอจะไม่ทำจนติดเป็นนิสัย” แฮร์รี่กับออโรร่าหลบตา “กลับเข้าไปนั่งที่ของเธอได้แล้วมิสเดมมิ่ง เราเสียเวลาเพราะเธอมามากแล้ว”


**********************************************


“เกิดอะไรขึ้นกับเธอเหรอออโรร่า ใครแกล้งเธอกัน” เฮอร์ไมโอนี่รีบถามทันทีที่หมดคาบเรียน (ส่วนคนอื่น ๆ ก็รีบพากันเข้ามามุงอย่างสงกะสัย)
ออโรร่าหน้างอ “ไม่มีใครแกล้งชั้นหรอก ชั้นผิดเองแหล่ะที่บังเอิญไปอยู่ผิดที่ผิดทางเข้า”
“ผิดที่ผิดทางเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ” ออโรร่ากระแทกเสียงตอบ “ชั้นเห็นว่ามันสายมากแล้ว ก็เลยมาทางลัด”
“แล้วไงต่อ” รอนถามอย่างอยากรู้
“ฉันก็เดินของฉันอยู่ดี ๆ แล้วจู่ ๆ ก็มีคนมาสาดน้ำใส่ชั้นน่ะ...เอ๊ะ...ไม่ใช่สิ”
“อะไรไม่ใช่” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“ก็คนที่สาดน้ำใส่ชั้นน่ะไม่ใช่คน แต่เป็นวิญญาณของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง” รอนกับแฮร์รี่มองหน้ากัน
“ทางลัดที่เธอพูดถึงนี่ใช่ทางที่ผ่านหน้าห้องน้ำนักเรียนหญิงที่ชั้นหนึ่งหรือเปล่า” แฮร์รี่ถาม ก็แหม...ไอ้วิญญาณเด็กผู้หญิงที่ออโรร่าว่าน่ะ พวกเขารู้จักอยู่คน...เอ้ย...ตนหนึ่งนี่
“นั่นแหล่ะ ก็ชั้นเห็นว่าถ้าผ่านทางนั้นจะเร็วกว่า แต่ก็ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นอย่างนี้”

เฮอร์ไมโอนี่นวดขมับไปมา เมื่อเดาได้ว่า ‘ใคร’ เป็นคนสาดน้ำใส่ออโรร่า ทั้ง ๆ ที่เคยเตือนหลายครั้งแล้วเชียวน้า ยั้งจะไปแถวนั้นอีกจนได้!!!
“วิญญาณที่เธอเจอน่ะคือ ‘เมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ’ น่ะ เขาตายในห้องน้ำนักเรียนหญิงชั้นหนึ่งนั่น วิญญาณก็เลยสิงอยู่ที่นั่น”
“แล้วทำไมเขาถึงสาดน้ำใส่เธอล่ะ” ดีนสงสัย
“ก็เห็นเขาบอกว่าเขานึกว่าชั้นเป็นพวกที่จะมาแกล้งเขาน่ะ เขาก็เลยสาดน้ำใส่” คนอื่นพากันหัวเราะ
“โห...ไม่อยากเชื่อเลย เธอนี่โชคดีสุด ๆ เล้ยออโรร่า!!!” ปาราวตีแหย่เรียกเสียงเฮลั่นจากเพื่อน ๆ


**********************************************


“อ๊ะ...ตาย...ลืมสนิทเลย” แฮร์รี่อุทานออกมาเบา ๆ หลังจากเลิกเรียนวิชาสุดท้ายในวันนั้น
“มีอะไรเหรอแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างแปลกใจ
“ชั้นลืมไปว่าซิเรียสฝากให้เอาสร้อยให้ ศ.จูเลียน่าด้วย เดี๋ยวชั้นเอาไปให้เขาก่อนละกัน พวกนายจะไปด้วยมั้ย” รอนกับออโรร่าพยักหน้า แต่เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า “ชั้นขอตัวนะ พอดีมีธุระ”
“งั้นเดี๋ยวเจอกันตอนอาหารเย็นละกัน”


**********************************************


ก๊อก...ก๊อก...”เชิญ” เมื่อเสียงประตูเปิดออก จูเลียน่าเงยหน้าขึ้น แล้วยิ้มให้เด็กทั้ง 3 “สวัสดีจ๊ะเด็ก เป็นยังไงบ้างจ๊ะคริสมาสต์ สนุกมั้ย” รอนกับแฮร์รี่ตอบรับ ในขณะที่ออโรร่าได้แต่ยิ้ม
แฮร์รี่หยิบกล่องใบเล็กของซิเรียสมายื่นให้ ศ.สาว “ซิเรียสฝากมาให้อาจารย์ครับ”
จูเลียน่าแปลกใจ เธอเปิดกล่องขึ้นแล้วยิ้ม “หัวใจของลูกยูนิคอร์น” เธอปิดกล่อง “ขอบใจมากจ๊ะเด็ก ๆ”


**********************************************


เฮอร์ไมโอนี่มองเด็กหนุ่มที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ด้านในสุดของห้องสมุดอย่างแปลกใจ นั่นหงุดหงิดอะไรของเขานะ เห็นหน้าบึ้งมาตั้งแต่เช้าแล้ว แถมจดหมายนัดที่ส่งมาเมื่อตอนบ่ายมันดูห้วน ๆ ยังไงก็ไม่รู้
“เดรโก...” เด็กสาวเรียกเด็กหนุ่มที่เหลือบตาขึ้นมองเธอเบา ๆ “ทำไมทำหน้าอย่างนั้น โกรธใครมาหรือไง”


**********************************************


“อ้าว...มาแล้วเหรอเฮอร์ไมโอนี่ ทำไมถึงมาช้าจัง” แฮร์รี่ทักทันทีที่เห็นเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาในห้องโถงรวม ตั้งแต่แยกกันหลังเลิกเรียนเขาก็ไม่พบเพื่อนสาวอีกเลยจนกระทั่งอาหารเย็นเริ่มไปได้ครู่ใหญ่
ออโรร่าสะกิดแฮร์รี่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเพื่อนสาว โดยที่ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลง ทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะ เฮอร์ไมโอนี่ก็กดหัวรอนอย่างแรงจนหน้าจุ่มเข้าไปในชามสตูว์ รอนร้องลั่นด้วยความเจ็บและตกใจ ส่วนคนในห้องโถงต่างพากันเงียบกริบด้วยความตกใจไม่เว้นแม้แต่พวกศาสตรจารย์

“ทะ...ทำบ้าอะไรของเธอน่ะเฮอร์ไมโอนี่” รอนร้องถามด้วยความโกรธหลังจากที่หายสำลักสตูว์แล้ว (แฮร์รี่ ออโรร่าและคนที่อยู่ใกล้ ๆ รีบพากันเขยิบหนีเพราะกลัวลูกหลง)
“ชั้นควรจะถามเธอมากกว่าว่าทำบ้าอะไรลงไป!!!” เฮอร์ไมโอนี่ตวาดเสียงดังลั่น “เมื่อไหร่เธอจะเลิกทำตัวงี่เง่าสักทีฮะรอน!!!”
“ชั้นยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” รอนโกรธยิ่งกว่าเดิม เขาอยู่ของเขาเฉย ๆ แท้ ๆ มันเรื่องอะไรที่มาหาว่าเขาทำตัวงี่เง่า!!
“ยังไม่ได้ทำอะไรงั้นเหรอ?! แล้วที่เธอทำบนรถไฟนั่นล่ะ มันหมายความว่ายังไง”

“อ๋อ...นี่ ยัยนั่นคาบข่าวไปฟ้องเธอเหรอ” รอนเข้าใจแล้วว่าเพื่อนสาวโมโหด้วยเรื่องอะไร “นี่ล่ะน้า...พวกสลิธีริน เอะอะอะไรก็ฟ้อง เอาดีเข้าตัวหมดแหล่ะ” รอนเยาะ
“ทำไมเธอถึงเป็นคนอย่างนี้นะรอน!!!” เฮอร์ไมโอนี่แทบกรี๊ดด้วยความโกรธ “นอกจากจะไม่มีความเป็นสุภาพบุรษแล้ว ทำไมยังหยาบคายอีก” เด็กสาวนึกถึงสภาพของเฮลีน่าที่มัลฟอยเล่าให้ฟังแล้วอยากจะร้องไห้ “เธอทำเด็กคนนั้นเจ็บ จะขอโทษสักคำยังไม่มี แล้วยังจะพูดอย่างนี้อีกเหรอรอน!!!”
รอนชะงักนิดหนึ่ง เจ็บงั้นเหรอ? เขาหวนนึกถึงเด็กสาวที่นั่งก้มหน้านิ่ง ไม่ขยับไปไหนจนเขาหันหลังให้ ความรู้สึกผิดวูบเข้ามาแต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น แล้วเขาก็ยักไหล่อย่างไม่แคร์ “ก็แล้วไง ไม่ถึงกับตายไม่ใช่เหรอ” เพี๊ยะ!!!!

เสียงฝ่ามือกระทบแก้มดังลั่นห้องโถง ทุกคนต่างพากันตะลึง แฮร์รี่รีบเข้ามาคว้าแขนเพื่อนสาวที่ทำท่าจะฟาดซ้ำอย่างรวดเร็ว รอนกุมแก้ม มองหน้าเพื่อนสาวอย่างไม่เชื่อสายตา “นี่เธอ...”
“นั่นสำหรับสิ่งที่เธอทำลงไปในวันนี้รอน แล้วรีบไปขอโทษน้องเขาซะ”
“ไม่มีทางหรอกที่ชั้นจะไปขอโทษยัยนั่นเฮอร์ไมโอนี่” รอนสวนตอบเสียงดังลั่น “ฝันไปเถอะ!!!”
“รอน!!!”
“พอเสียที!!!!”

น้ำเสียงโกรธขึงที่ดังขึ้นแทรกทำเอารอนกับเฮอร์ไมโอนี่ชะงัก แล้วก็ต้องหุบปากลงทันทีที่เห็นรองอาจารย์ใหญ่ยืนมองพวกเขาอย่างโกรธจัด
“น่าอับอายที่สุด” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่น “พวกเธอเป็นถึงพรีเฟ็คนะ ควรที่จะทำตัวให้เป็นตัวอย่างกับเพื่อนนักเรียนด้วยกันสิ ไม่ใช่ก่อเรื่องทะเลาะวิวาทอย่างนี้” เธอหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ “ชั้นไม่คิดเลยนะว่าเธอจะทำตัวอย่างนี้ได้มิสเกรนเจอร์ ชั้นผิดหวังในตัวเธอจริง ๆ”
เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้า เม้มปากแน่น “หักกริฟฟินดอร์ 30 คะแนน...” เสียงครางเบา ๆ ดังมาจากเด็ก กริฟฟินดอร์ และมีเสียงหัวเราะคิดคักอย่างพอใจลอยมาจากฝั่งสลิธิริน “...และกักบริเวณเธอเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์มิสเกรนเจอร์ พรุ่งนี้ไปพบฉันที่ห้องพักหลังอาหารเย็นด้วยเข้าใจมั้ย!!”
“ค่ะอาจารย์” เฮอร์ไมโอนี่ตอบรับเบา ๆ ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา

“อ้าว...นั่นเธอจะไปไหนน่ะเฮอร์ไมโอนี่” ออโรร่าร้องถามเพื่อนสาวที่หันหลังทำท่าจะเดินออกไปจากงานเลี้ยงแทนที่จะทรุดตัวลงนั่งหลังจากที่ศาสตรจารย์มักกอนนากัลเดินจากไปแล้ว
“กลับหอ” เฮอร์ไมโอนี่หันกลับมาตอบ
“แล้วเธอจะไม่ทานอะไรหน่อยเหรอ” แฮร์รี่ถามอย่างเป็นห่วง เฮอร์ไมโอนี่เหลือบมองรอนที่นั่งลงกินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ไม่ล่ะ เห็น...แล้วกินไม่ลง” แล้วก็หันหลังเดินจากไปทันที
แฮร์รี่หันมาบอกที่ออโรร่าที่ทำท่าหันรีหันขวาง “เธอตามเฮอร์ไมโอนี่ไปนะ เดี๋ยวชั้นจะให้คนเอาอาหารไปให้ที่หอ” ออโรร่าพยักหน้ารับแล้วรีบวิ่งตามเพื่อนสาวออกไป
แฮร์รี่หันมาดึงอาวุธคู่ใจของรอน (ซึ่งก็คือมีดกับส้อม คิดไปหนายก้านนนน!!!) แล้วถามรอนที่เงยหน้าอย่างไม่พอใจด้วยเสียงที่เรียบแต่แฝงความเอาจริง “เอาล่ะ ส่วนนายก็เล่ามาให้หมดว่าเกิดอะไรขึ้น เอาแต่เรื่องจริง ๆ นะ ไม่ต้องแต่งให้มันเว่อร์จนเกินไป”


**********************************************


“เดี๋ยว...รอด้วย...” ออโรร่าร้องเรียกเฮอร์ไมไอนี่ สองเท้าก็พยายามก้าวให้เร็วเพื่อให้ทันอีกฝ่าย (เพราะไม่อยากถูกทำโทษเนื่องจากการวิ่งบนระเบียงของปราสาท) แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเธอพยายามเรียกเฮอร์ไมโอนี่มากเท่าไหร่ เจ้าตัวก็ดูเหมือนจะพยายามก้าวให้เร็วขึ้นเท่านั้น ออโรร่ามองซ้ายมองขวา เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัย (จากมิสเตอร์ฟิลซ์) แน่นอนเธอก็รีบวิ่งไปคว้าแขนเพื่อนสาวทันที

“เธอจะรีบไปไหนของเธอกันนะเฮอร์ไมโอนี่” ออโรร่าถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด (ที่ต้องวิ่งตามจนเหนื่อยหอบ) ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน (สงกะสัยติดนิสัยนี้มาจากแฮร์รี่ชัวร์ป้าบ!!)
“ทำไมเหรอ...เกิดอะไรขึ้นเหรอเฮอร์ไมโอนี่” น้ำเสียงออโรร่าอ่อนลงเมื่อเห็นใบหน้าที่ขาวซีด ดวงตาที่เอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่


**********************************************


“พูดตรง ๆ เลยนะรอนว่านายน่ะผิดเห็น ๆ” แฮร์รี่ออกความเห็น (ที่รอนไม่ชอบใจนัก) หลังจากที่ฟังเรื่องจบ
รอนหน้างอ “แล้วไง นายจะให้ชั้นไปขอโทษยัยนั่นอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่บอกเหรอ” รอนถามเสียงสูง “รอให้หิมะตกในหน้าร้อนก่อนเถอะชั้นถึงจะทำยังงั้น!!!”


**********************************************


“ชั้นรู้นะว่ารอนน่ะไม่ชอบพวกสลิธีริน แต่เขาจำเป็นต้องทำอย่างนั้นด้วยเหรอ!! เด็กคนนั้นเป็นคนดี ไม่มีพิษมีภัยตรงไหนด้วยซ้ำ” ออโรร่าได้แต่ลูบหลังเพื่อนสาวที่กำลังขุ่นเคืองอย่างอ่อนใจ...พูดอะไรไม่ออก แม้เธอจะรู้จักพวกเขาได้เพียงไม่กี่เดือน แต่ก็พอจะรู้ล่ะว่าทั้งรอนและเฮอร์ไมโอนี่คงจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายเป็นแน่ เธอมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นอะไรบางอย่างเดินผ่านไปแว่บ ๆ
“มีอะไรเหรอออโรร่า” เฮอร์ไมโอนี่ถามเพื่อนสาวที่เดินมาหยุดยืนที่หน้าต่าง แล้วจ้องมองออกไปข้างนอกอย่างสงสัย
“ตะกี้ชั้นเห็นอะไรแว่บ ๆ ก็ไม่รู้” เธอทำเสียงเหมือนไม่แน่ใจ
“คงจะเป็นคุณนายนอร์ริสคอยเดินจับผิดคนอื่นหรือว่าสัตว์เลี้ยงของพวกเพื่อนนักเรียนมั้ง” เฮอร์ไมโอนี่บอกอย่างไม่ใส่ใจ
“คงจะใช่” ออโรร่าเห็นด้วยแล้วหันมาชวนเพื่อนให้ทานอาหารที่พวกเธอเดินไปขอพวกเอลฟ์จากห้องครัว


**********************************************



“เรื่องข่าวลือนั่นน่ะ ชั้นหาต้นตอได้แล้วนะ” ทันทีที่มีความเป็นส่วนตัว มารีเอตต้า เอจคอมป์ ก็กระซิบเพื่อนสาวทันที
โชละสายตาจากเพื่อนสาวอีกคนหนึ่งที่กำลังเล่าเรื่องที่ไปเที่ยวอียิปท์มามองเพื่อนสนิทด้วยความสนใจ
“จริงอย่างที่เธอว่าน่ะแหล่ะโช ข่าวลือนั่นมันลอดมาจากทางฝั่งกริฟฟินดอร์จริง ๆ “
“แล้ว...”
“คนที่ปล่อยว่านั่นก็คือยัยเกรนเจอร์”
“ฮะ...”
“จริง ๆ”
“แล้วเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
“ก็เมื่อตอนปิดเทอมน่ะ ชั้นลองไปเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามเด็กแถวบ้านที่อยู่กริฟฟินดอร์ เด็กคนนั้นบอกว่ายัยเกรนเจอร์น่ะป่าวกระกาศในห้องโถงของกริฟฟินดอร์ พูดว่าเธอน่ะ...เอ่อ...เป็นคนหลายใจ ชอบทำให้พอตเตอร์เสียใจ...” มารีเอตต้าพยายามไม่มองไปที่ใบหน้าบูดบึ้งของเพื่อน “...แล้วยัยเดมมิ่งนั่นก็เป็นคนเข้ามาปลอบ ไม่ใช่มาแย่งพอตเตอร์ไปจากเธอ”

“นี่ชั้นทำเวรทำกรรมอะไรไว้นะ!!! ยัยนั่นถึงตามจองล้างจองผลาญชั้นไม่เลิก” โชพูดพร้อมกับตบโต๊ะดังปัง!! คนแถวนั้นหันมามองอย่างสงสัย
มารีเอตต้ายื่นหน้าเข้ามากระซิบถาม “แล้วเธอจะทำยังไงล่ะโช”
โชมองไปที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ มองแฮร์รี่ที่กำลังพูดกับรอนด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแล้วก็ยิ้ม “ในเมื่อยัยนั่นลอบกัดชั้นข้างหลังด้วยข่าวลือพวกนั้น ชั้นก็จะใช้วิธีเดียวกันนั้นแหล่ะ”
มารีเอตต้าขมวดคิ้ว “เธอจะปล่อยข่าวลือ?”
“ช่าย...แต่ชั้น ‘ปล่อย’ ที่คนข้างตัวของยัยนั่นเอง”


**********************************************


“เกิดอะไรขึ้นกันออโรร่า ทำไมเธอถึงเสกคาถาผู้พิทักษ์ไม่ได้” หลังหมดเวลาเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด จูเลียน่าเรียกเด็กสาวมาถามด้วยความสงสัย เพราะเธอจำได้ว่าคราวก่อนที่ออโรร่าเสกคาถาผู้พิทักษ์นั้น ผู้พิทักษ์ของออโรร่าปรากฏออกมาเป็นรูปร่างของสัตว์สี่เท้า แต่วันนี้พอเธอให้เสกอีกครั้งกลายเป็นว่าจากสัตว์สี่เท้าหลงเหลือเพียงกลุ่มควันที่พุ่งออกมาจากปลายไม้กายสิทธิ์เท่านั้น
“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าจ๊ะออโรร่า” การที่จะเสกผู้พิทักษ์ให้ได้นั้น ผู้เสกจะต้องคิดถึงเรื่องที่มีความสุขมาก ๆ “มีอะไรปรึกษาครูได้นะ” ออโรร่าไม่ตอบ เธอเพียงแค่ก้มหน้านิ่ง จูเลียน่าถอนใจ “เอาล่ะ เธอไปได้แล้ว เดี๋ยวจะไปเข้าเรียนวิชาต่อไปไม่ทัน”


**********************************************


“เป็นไงบ้าง ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย” ภายใต้เงามืดของต้นไม้ใหญ่ หญิงสาวคนหนึ่งนั่งมองร่างที่หมอบราบกับพื้นอย่างไร้ความรู้สึก เออร์คลิงพยักหน้าเหลือบมองนายสาวอย่างหวาดเกรง คาร่ายิ้มที่มุมปาก เธอมองไปยังดวงจันทร์ที่ลอยเด่นบนท้องฟ้า ยาพิษขวดนั้นแม้จะขวดเล็ก แต่ถ้าใส่ในอาหารทีละหยดทุก ๆ 3 วัน เป็นเวลาประมาณ 2 เดือน ยาพิษชนิดนี้จะไม่มีรส...ไม่มีสี...ไม่มีกลิ่น ส่วนอาการจะแสดงออกเพียงแค่อ่อนเพลีย...ไม่มีแรงเท่านั้น และกว่าจะรู้ว่าโดนยาพิษ ก็สายเกินแก้ซะแล้ว
“นี่คือผลจากการเป็นศัตรูของชั้น อีกไม่นาน...แกก็จะหายไปจากโลกนี้ หายไปตลอดกาล!!!! ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกทำเอาเออร์คลิงถึงกับสะท้านไปทั้งตัว


**********************************************


“อ้อ...มาแล้วหรือเกรนเจอร์” ศ.มักกอนนากัลเงยหน้าขึ้นมานักเรียนในความปกครองของตนที่เดินมาหยุดหน้าโต๊ะทำงาน
“วันนี้ชั้นไม่มีงานอะไรให้เธอทำ แต่ชั้นได้รับการ ‘ขอร้อง’ …“ คำสุดท้ายหลุดออกมาจากอาจารย์ประจำบ้านเหมือนไม่ค่อยเต็มใจ “…จาก ศ.สเนปให้เธอไปช่วยทำงานให้หน่อย” เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าเหยเก
“แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะ ศ.สเนปรับรองกับชั้นไว้แล้วว่างานที่ขอให้เธอไปช่วยทำนั้นเป็นงานเบา ๆ “ ศ.มักกอนนากัลรับรองกับเธอด้วยท่าทางเหมือนกับว่าจะไม่ค่อยเชื่อคำสัญญาจาก ศ.อีกท่านนึงเท่าไหร่นัก
“เอาเถอะ เธอก็ไปช่วย ๆ ศ.สเนปหน่อยละกันนะเกรนเจอร์ อย่าพยายามสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาอีกล่ะ”
“ค่ะ”


**********************************************


งานที่ ศ.สเนป ‘มอบหมาย’ ให้เธอทำนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่สกปรกสุด!!! เธอใช้เวลากว่าชั่วโมงในการ...แยก...ล้าง...แล้วก็เช็ดหนังเทโบที่เปอะเปื้อนไปด้วยเลือดและโคลน (“ด้วยมือนะคะด้วยมือ เพราะศ.สเนปให้เหตุผลว่าการทำความสะอาดหนังเทโบด้วยมือจะทำให้ประสิทธิภาพในการใช้มันนั้นสูงยิ่งกว่าการใช้ไม้กายสิทธิ์ เชอะ...มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ ไม่เห็นเคยได้ยินเลย” เฮอร์ไมโอนี่หงุดหงิด)
หนังเทโบพวกนี้ถูกส่งมาให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย (ในกองเลือดและโคลนจำนวนมาก) เพื่อใช้เป็นหนึ่งในส่วนผสมที่พวกเธอจะต้องใช้กัน มันทั้งหยาบ ทั้งเหม็นและก็น่าขยะแขยงในความรู้สึกของเธอ แต่กลับเป็นสิ่งที่น่าอภิรมภ์สำหรับเจ้าของห้อง (สังเกตได้จากเสียงหัวเราะที่ดังมาเป็นมาระยะ ๆ)

ก๊อก...ก๊อก...”เชิญ” ประตูห้องทำงานเปิดขึ้น เจ้าของห้องทักเด็กหนุ่มที่เดินเข้ามา “อ้อ เดรโก...เสร็จแล้วหรือ” ถามเมื่อเห็นสิ่งที่เด็กหนุ่มถือเข้ามา
“ครับ” มัลฟอยตอบรับเขาวางงานที่อาจารย์ประจำบ้านไหว้วานให้ทำเมื่อวันก่อนไว้บนโต๊ะ แล้วหันไปมองเด็กสาวที่นั่งหน้าบึ้งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง

ก๊อก...ก๊อก...”ศ.สเนปคะรับ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงร้องเรียกของฟิลช์
“มีอะไรหรือฟิลช์”
“ศ.ดัมเบิ้ลดอร์ให้ผมมาเชิญไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่คะรับ” ศ.สเนปขมวดคิ้ว “งั้นหรือ ขอบใจ”
“คะรับ”
ศ.สเนปหันมาถามลูกศิษย์คนโปรด “ตอนนี้เธอว่างอยู่หรือเปล่าเดรโก”
“ว่างครับอาจารย์”
“ดี...งั้นฝากให้เธอดูให้เกรนเจอร์ทำงานให้เสร็จด้วยละกัน แล้วก็กลับหอกันไปได้”
“ได้ครับอาจารย์”

“มันไม่ยุติธรรมเลย!!! ชั้นไม่ได้โดนเขากักบริเวณแท้ ๆ แต่ทำไมชั้นต้องมานั่งทำงานให้เขาแบบนี้ด้วยนะ” เฮอร์ไมโอนี่ระเบิดอารมณ์ฉุนเฉียวออกมาทันทีที่อยู่กันตามลำพัง
“ ‘ขอร้อง’ เฮอะ นี่น่ะเหรอขอร้องของเขา แบบนี้แกล้งกันชัด ๆ เลย!!!” เธอกระแทกปาหนังเทโบที่อยู่ในมือลงในชามใบหนึ่งอย่างแรง
มัลฟอยถอนใจ เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาตวัดเบา ๆ แล้วหนังเทโบที่เหลือก็สะอาดเอี่ยมไร้เลือดและโคลน เขาตวัดไม้อีกครั้ง คราวนี้ข้าวของทั้งหมดพากันกลับไปอยู่ที่เดิมอย่างเป็นระเบียบ

เฮอร์ไมโอนี่เหลือบมองเด็กหนุ่มที่ใช้ไม้ช่วยอย่างไม่พอใจ “นี่...ศ.สเนปสั่งให้ชั้นใช้มือนะ!!! ถ้าเขาจับได้ว่าใช้ไม้ล่ะก็...”
“เขาจะรู้ได้ยังไงเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยแย้ง “ชั้นเป็นคนคอยดูเธอนะ”
เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตา เออ...นั่นสินะ มัลฟอยก้มลงดึงแขนเด็กสาวให้ลุกขึ้นมา “อย่ามาเสียเวลาในนี้กันเลย ชั้นว่าเราไปหาที่คุยกันดีกว่า”


**********************************************


เนื่องจากใกล้ถึงเวลาที่ฟิลช์จะมาตรวจแล้ว บรรดาเด็กนักเรียนที่ยังอยู่นอกหอพยายามเร่งทำกิจกรรมต่างให้เสร็จเรียบร้อย...รวมทั้งเธอด้วย
ออโรร่าเพิ่งกลับจากห้องสมุด เธอพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นและคอยเหลือบตามองนาฬิกาที่ข้อมือเป็นระยะ แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเธอเดินมาถึงทางแยกขึ้นไปของแต่ละหอ

“อ้อ...สวัสดีมิสเดมมิ่ง” โช แชงมองหน้าเด็กสาวที่เดินเข้ามาอย่างเย็นชา
“สวัสดีค่ะมิสแชง มิสเอจคอมป์”
มารีเอตต้ามองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่สนใจ “ไปกันเถอะโช เดี๋ยวฟิลช์จะมาแล้ว” เธอหันมาดึงโชที่ยืนอยู่ไม่ยอมขยับ
“เดี๋ยวก่อนสิมารีเอตต้า ชั้นขอเวลาแป๊บนึงนะ” มารีเอตต้าเม้มปาก เธอมองเด็กสาวจากบ้านกริฟฟินดอร์ที่เดินเลี่ยงไปด้านฝั่งกริฟฟินดอร์อย่างหงุดหงิด

“ให้ชั้นช่วยมั้ยมิสเดมมิ่ง” โชมองหนังสือหลายเล่มที่ออโรร่าถืออยู่ “เธอคงจะหนัก”
“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะมิสแชง นี่ก็ใกล้จะถึงหอแล้ว แล้วก็ใกล้จะหมดเวลาแล้วด้วยเดี๋ยวคุณจะกลับหอไม่ทัน” ออโรร่าปฎิเสธเสียงเบา
“ไม่เป็นไรหรอกมาเถอะ” โชแย่งหนังสือมาถือแล้วหันไปหาเพื่อนสาวที่ยืนรออยู่ “เธอกลับไปก่อนละกันมารีเอตต้า เดี๋ยวชั้นตามไป”
“ก็ได้ อย่าช้าล่ะ”


**********************************************


“ให้ตายเถอะ ไม่รู้จะซ้อมอะไรกันขนาดนี้” ท่ามกลางทางเดินที่มีคนที่เดินอยู่เพียงเบาบาง กลุ่มนักกีฬาควิดดิชของบ้านกริฟฟินดอร์พากันเดินอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรง พวกเขาใช้เวลาซ้อมกันตั้งแต่หลังอาหารเย็นจนจะได้เวลาเข้านอน
“ทำไมกัปตันทีมควิดดิชนี่มันถึงได้โหดกันทุกคนเลยวะ” รอนหันไปกระแนะกระแหนเพื่อนสนิทที่เดินตามมา “ไม่โหดบ้างนี่มันไม่น่าเชื่อถือหรือยังไงก็ไม่รู้”
แฮร์รี่ผลักไหล่รอนเบา ๆ แต่ก็ทำเอาอีกฝ่ายเซไปชนเพื่อนคนอื่น “นั่นก็เกินไปแล้วรอน” แฮร์รี่ยกไม้กวาดขึ้นทำท่าจะฟาดลงไปที่เพื่อนสนิททำเอารอนรีบเผ่นไปหลบหลังเพื่อนนักกีฬาคนอื่น เรียกเสียงหัวเราะดังลั่น
“สวัสดีค่ะพี่ ๆ “

เสียงหัวเราะเงียบลงเมื่อมีเสียงแทรกขึ้นมา ทุกคนต่างพากันหันไปตามเสียง
“อ้าว...เฮลีน่า สวัสดีครับ” แฮร์รี่ทักตอบ “นี่ไปไหนมาเหรอครับ”
“หนูไปห้องสมุดมาน่ะค่ะ แล้วนี่พวกพี่ ๆ ไปซ้อมควิชดิชกันมาหรือคะ”
“ก็เห็นอยู่แล้วยังจะถามอีก บ้าหรือไง” รอนพูดขึ้นมาลอย ๆ เพื่อนคนอื่นรีบเอามือปิดปากรอนเมื่อเห็นเด็กสาวจากบ้านสลิธีรินหน้าเสีย
“พี่รอน เงียบไปเลยนะ!!!” จินนี่เอ็ดพี่ชายเบา ๆ แล้วดันเขาไปอยู่ด้านหลังเพื่อน ๆ
“เอ่อ...พี่ว่าเฮลีน่ารีบกลับหอก่อนดีกว่ามั้ยครับ เดี๋ยวจะไม่ทัน” แฮร์รี่รีบพูดขึ้นเพื่อแยกคู่กรณีออกจากกัน
“เอ่อ...ค่ะ งั้นหนูไปก่อนแล้วกันนะคะ”
“ครับ” แฮร์รี่ลอบถอนใจอย่างโล่งอก แล้วก็ใจหายวูบเมื่อเด็กสาวชะโงกหน้าผ่านเขาไปด้านหลัง
“หนูไปก่อนนะคะพี่วีสลีย์”

“ยังเด็กบ้านั่นคิดจะยั่วโมโหชั้นหรือไงกันนะ” รอนอาละวาททันทีที่ถูกปล่อย (หลังจากที่เฮลีน่าจากไปไกลแล้ว)
“โธ่...อย่าคิดมากเลยค่ะพี่วีสลีย์ น้องเขาแค่บอกลาเท่านั้นเอง” มาเรีย นักเรียนชั้นปีที่ 5 ที่อยู่ในตำแหน่งเชสเซอร์ท้วง
“สำหรับชั้นยังไงก็เรียกว่ายั่วอยู่ดี ไม่ว่าจะทักหรือว่าอะไรก็ตาม” รอนเถียง คนอื่นพาก่อนอ่อนใจ แล้วเดินกลับหอเหลือเพียงสองเพื่อนซี้เท่านั้น

“ไม่ว่ายังไงชั้นก็ยังยืนยันคำเดิมนะรอน นายควรไปขอโทษน้องเค้า”
รอนหันไปมองเพื่อนตาขุ่น “ทำไมชั้นต้องไปขอโทษเขาด้วย” “เพราะ 1. นายพูดไม่ดีกับเขา อ๊ะ...อย่าเถียงนะ เพราะชั้นไปถามคนอื่น ๆ หมดแล้วว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง (รอนหน้าหงิกเมื่อเถียงไม่ออก) 2. อุบัติเหตุน่ะมันเกิดขึ้นได้เสมอแหล่ะรอน แต่ว่าเราเป็นผู้ชายนะ การที่เราจะขอโทษผู้หญิงน่ะ ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่เสียศักดิ์ศรีหรอก”
“แต่ว่าเด็กคนนั้น...”
“ถึงเด็กคนนั้นจะเป็นสลิธีริน แต่นายก็รู้จักเขามาหลายเดือนแล้วนี่ เขาไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับนักเรียนบ้านอื่น มีแต่เด็กบ้านเขาน่ะแหล่ะที่ค่อยถูกกัน แถมเขายังเป็นศิษย์โปรดของศ.จูเลียน่าอีกด้วย” รอนขมวดคิ้ว แล้วมันเกี่ยวอะไรกันด้วยฟะ

“สรุปแล้วน้องเขาเป็นดีแล้วกัน” แฮร์รี่รีบสรุปเมื่อเห็นเพื่อนสนิทเริ่มอารมณ์ขุ่มขึ้นเรื่อย ๆ
“ส่วนชั้นก็ยังยืนยันคำเดิมเหมือนกันแฮร์รี่...ไม่“ รอนย้ำหนักแน่น “ไม่ว่ายังไงชั้นก็จะไม่มีวันญาติดีกับยัยนั่นเด็กขาด นายจำคำของชั้นไว้ได้เลยแฮร์รี่ และถ้าชั้นผิดคำพูดเมื่อไหร่ ชั้นยอมให้นายสั่งให้ชั้นคำอะไรก็ได้ครั้งหนึ่ง แม้แต่การที่ต้องเข้าไปจูบเจ้าก้อนเมือกสเนปเลยก็ตาม”


**********************************************


“ขอบคุณมากนะคะมิสแชง” ออโรร่ากล่าวขอบคุณเมื่อมาถึงหน้าหอ
“ไม่เป็นไร” โชส่งหนังสือคืน “ทำไมเพื่อน ๆ เธอถึงไม่มาช่วยล่ะ หนังสือตั้งหลายเล่ม หนักจะตาย” โชบ่น
ออโรร่ายิ้ม “พอดีว่าวันนี้ ศ.จูเลียน่าสั่งงานกลุ่มน่ะ แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็โดนกักบริเวณ ส่วนรอนกับแฮร์รี่เองก็มีซ้อมควิชชดิช ชั้นก็เลยต้องไปหาหนังสือเพื่อจะได้ทำกันหลังจากพวกเขากลับมาแล้ว”
“งั้นเหรอ”
“ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง คุณก็รีบกลับหอเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทัน”

“เธอเนี่ย...ใจเย็นจังเลยนะ” ขาที่กำลังจะก้าวผ่านทางเข้าชะงัก ออโรร่าหันไปมองเด็กสาวอีกคนอย่างงุนงง “ใจเย็นจังที่ปล่อยให้เพื่อนรักกับแฟนของตัวเองสนิทกันอย่างนั้น”
“คุณกำลังหมายถึงใคร” ออโรร่าถามเสียงเรียบ
โชยิ้ม “เธอก็น่าจะรู้นะว่าชั้นหมายถึงใครมิสเดมมิ่ง และชั้นก็คิดว่าเธอเองก็เคยคิดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน…ระหว่างแฮร์รี่กับเกรนเจอร์”
ออโรร่าคอแข็งเมื่อโดนอีกฝ่ายแทงใจดำ “พวกเขาเป็นเพื่อนกัน” เธอพูดเสียงเรียบ ดวงตาสีฟ้ามองเด็กสาวจากบ้านเรเวนคลออย่างเย็นชา
“อ๋อ...ใช่เพื่อนรัก…” โชหัวเราะเยาะความเชื่อของคู่สนทนา “เพื่อน...ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกันไม่ว่าจะเวลาไหน เพื่อน...ที่พร้อมจะทิ้งแฟนตัวเองไว้ข้างหลังเวลาที่เพื่อนเดือนร้อน เพื่อน...ที่พร้อมจะฟังทุกคำพูดของเพื่อน” โชยิ้มเยาะที่มุมปาก “เพื่อน...ที่สำคัญมากกว่าใครทั้งหมด!!!” โชมองเด็กสาวที่พยายามปกปิดสีหน้าหวาดหวั่นอย่างสมใจ
“ที่พูดนี่ไม่ใช่อะไรหรอก...ก็แค่อยากจะให้เธอระวังตัวไว้เท่านั้นเองมิสเดมมิ่ง ชั้นแค่...ไม่อยากเห็นเธอต้องมาเสียใจเหมือนกันชั้นก็เท่านั้น”


**********************************************


แม้โชจะเดินจากไปนานแล้วแต่ออโรร่าก็ยังยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น สุภาพสตรีอ้วนมองเด็กสาวอย่างเป็นห่วง “แม่หนู...อย่าไปฟังที่เด็กคนนั้นพูดนะ เขาแค่ต้องการจะปั่นหัวเธอเท่านั้น”
ออโรร่าหันมามองสุภาพสตรีอ้วนที่พยายามเตือนเธอ “เด็กคนนั้นพูดเพราะโกรธที่พ่อหนุ่มแฮร์รี่เขาเลือกเธอ” ยิ่งเห็นออโรร่าหน้าเศร้า สุภาพสตรีอ้วนก็ยิ่งร้อนรน “ไม่ได้ล่ะ เดี๋ยวชั้นต้องบอกเรื่องนี้กับเพื่อน ๆ ของเธอ”
“อย่านะคะ!!!!” ออโรร่ารีบห้ามทันที “อย่าบอกใครเรื่องนี้นะคะ หนูไม่อยากให้พวกเพื่อน ๆ ต้องมาร้อนใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
“แต่ว่า...”
“นะคะ ได้โปรด”
สุภาพสตรีอ้วนทำท่าฮึดฮัด “ก็ได้...ชั้นจะไม่พูดเรื่องนี้ แต่เธอต้องสัญญาว่าจะลืมเรื่องที่เด็กคนนั้นพูดเหมือนกัน อ้อ...แล้วก็ต้องสัญญาด้วยว่าเธอจะพยายามเลี่ยงเด็กคนนั้น ไม่ยุ่งเกี่ยวอีก!!!”
ออโรร่าลังเล ไอ้เรื่องเลี่ยงน่ะก็เธอพยายามอยู่แล้ว แต่ไอ้เรื่องที่จะลืมนี่สิ...แต่ถ้าไม่รับคำล่ะก็...”ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณสัญญา หนูก็สัญญาเหมือนกัน!!!”


***************************************


กลางดึกที่เงียบสงัด ติ๊งต่อง...ติ๊งต่อง...
”ใครกันนะมาดึก ๆ ดื่น ๆ” คุณเดมมิ่งลุกขึ้นนั่งอย่างหงุดหงิด เขาหันไปมองนาฬิกาปลุกที่โต๊ะหัวเตียง “นี่มันจะตี 3 แล้วนี่” คุณนายเดมมิ่งลุกขึ้นบ้าง เธอเดินไปที่เครื่องตอบรับกริ่งประตูที่พ่วงมาไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของบ้านเพื่อความสะดวก

“นั่นใครคะ” คุณนายเดมมิ่งกรอกเสียงลงไป
“นี่ชั้นเองมาเรีย” เสียงคุ้นเคยที่ตอบมาสะกิดความทรงจำที่เธอเกือบลืม...เสียงที่ไม่ได้ยินมานาน “ชั้นจะเข้าไปรอในห้องนั่งเล่นนะ เธอกับสามีเธอรีบลงมาล่ะ”
สัญญาณขาดหายไป เสียงที่คุ้นเคย?...จะเข้ามารอข้างใน? คุณนายเดมมิ่งหันไปมองหน้าสามีที่ตกตะลึงไม่แพ้เธอ แล้วเขาก็ได้สติก่อน
“เรารีบลงไปเถอะ” คุณเดมมิ่งพูดเสียงอ่อน “คุณคงจะรู้นะว่าไม่ควรปล่อยให้เพื่อนคุณรอนาน เพราะว่ามันจะไม่ดีต่อตัวเราเอา”

“ไม่เจอกันนานเลยนะมาเรีย” แขกยามวิกาลเอ่ยทักขึ้นเมื่อเจ้าของบ้านทั้งสองโผล่ให้ไปในห้องนั่งเล่น “พวกเธอคงสบายดีนะ” คุณนายเดมมิ่งมองแขกที่นั่งบนโซฟาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “ทำไมทำหน้าตกใจอย่างนั้นล่ะ ทำหน้าอย่างกับเห็นผีอย่างนั้นล่ะ” แขกถามด้วยน้ำเสียงขบขัน

“เธอจะไม่ให้ชั้นตกใจได้ยังไง เราไม่ได้พบเธอตั้งเกือบ 16 ปี” คุณนายเดมมิ่งพูดเสียงดัง เธอทรุดตัวลงนั่งด้านตรงกันข้าม “เธอไม่เคยติดต่อกลับมาที่พวกเราเลยสักครั้ง แล้วจู่ ๆ เธอก็มา” คุณนายเดมมิ่งมองเพื่อนสาวที่นั่งอมยิ้มอย่างขัดใจ “เธอไปอยู่ที่ไหนมากัน”
“ก็ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้อยู่ที่ไหนเป็นหลักแหล่งหรอก” เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“นี่ ออโรร่าเป็นยังไงบ้าง หวังว่าชั้นคงไม่ทำเสียงดังปลุกให้แกตื่นขึ้นมาหรอกนะ”
คุณนายเดมมิ่งหันไปมองหน้าสามีที่เดินเข้ามาพร้อมกาแฟอย่างไม่ค่อยสบายใจ “คือ...แกไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก”
“อ้าว...ไปไหนล่ะ แกไปนอนบ้านเพื่อนเหรอ”
“ไม่ใช่หรอก”
“ไปเที่ยวเหรอ”
คุณนายเดมมิ่งส่ายหน้า “เปล่า”
“งั้น...แกก็แยกออกไปอยู่ต่างหาก”
“เปล่า...” แขกขมวดคิ้ว “แล้วแกหายไปไหนล่ะ”
คุณนายเดมมิ่งไม่ตอบ เธอเริ่มกระสับกระส่าย แขกหรี่ตามองเจ้าของบ้านที่ทำท่าลุกลี้ลุกลนอย่างสงสัย
“ถ้าไม่ใช่สักอย่าง ไหนเธอลองบอกชั้นสิ ว่าลูกสาวชั้นหายไปไหน”


************************************


“อะไรนะ เธอส่งแกไปฮอกวอตส์งั้นเหรอ!!!” แขกร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากเพื่อน คุณนายเดมมิ่งพยักหน้า “ก็ไหนเธอสัญญากับชั้นไว้แล้วไงล่ะมาเรีย ว่าพวกเธอจะเลี้ยงแกให้เหมือนมักเกิ้ลธรรมดา ไม่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์เด็ดขาด!!!”
“ชั้นรู้” คุณนายเดมมิ่งพูดเสียงอ่อย “แต่ชั้นไม่มีทางเลือกนี่”
“ตอนที่แกอายุครบ 11 แล้วไม่ได้จดหมายของฮอกวอตส์น่ะ พวกเราโล่งใจมาก เพราะว่าเราจะได้ไม่ผิดคำพูดของคุณ” คุณเดมมิ่งที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้น
แขกเชิดหน้า “แกไม่มีทางได้รับจดหมายอยู่แล้ว เพราะชั้นใช้คาถาป้องกันกับแกไว้ เพื่อให้แกเป็นเหมือนเด็กทั่ว ๆ ไป”

“แต่ปรากฏว่า หลังจากที่แกอายุครบ 16 ได้ไม่กี่วัน เราก็เอาแกไปฝากไว้กับครอบครัวหนึ่ง เพราะเราต้องเดินทางไปต่างประเทศเลยไม่อยากทิ้งแกไว้คนเดียว ตอนที่เราอยู่ที่นั่น เราได้รับจดหมายจากฮอกวอตส์ว่าแกได้รับอนุญาตให้เข้าเรียนได้เป็นกรณีพิเศษ”
แขกขมวดคิ้ว ถ้าอย่างนั้น...คาถาของเธอก็เสื่อมน่ะสิ แต่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเธอแน่ใจว่าได้เสกคาถาป้องกันอย่างดีให้กับลูกสาว คาถาที่จะทำให้ ‘เขา’ ไม่รู้ว่ามีออโรร่าอยู่ในโลกนี้

“แล้วเธอบอกออโรร่าไปว่ายังไงบ้าง”
“ทุกอย่าง”
“ทุกอย่าง? หมายความว่ายังไงมาเรีย”
คุณนายเดมมิ่งหลบตา “ความจริงที่อยู่ที่ออโรร่าควรจะรู้ รวมทั้งเรื่องที่เขาไม่ใช่ลูกของเราด้วย”
“ว่าไงนะ!!!” แขกผุดลุกอย่างตกใจปนโกรธจัด

แขกยืนนิ่งไปชั่วครู่ แล้วเธอก็หันไปมองเจ้าของบ้านอย่างเย็นชา “เธอทำให้ชั้นผิดหวังมากมาเรีย” คุณนายเดมมิ่งหน้าเสีย เธอเบียดหน้าเข้าสามีอย่างไม่รู้ตัวเพื่อหลบสายตาที่มองมา “สุดท้าย...แม้แต่เธอก็ทรยศชั้น”
“ชั้นไม่เคยทรยศเธอ” คุณนายเดมมิ่งเถียงเสียงสั่น
“เธอทรยศชั้น” แขกย้ำ “เธอทำลายความไว้วางใจที่ชั้นมีต่อเธอ”
คุณเดมมิ่งกอดภรรยาแน่นเมื่อเห็นอีกฝ่ายล้วงอะไรบางอย่างออกมา “คนทรยศ...จะต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม...อิมเปริโอ!!!”







Create Date : 22 พฤษภาคม 2549
Last Update : 23 พฤษภาคม 2549 13:24:01 น.
Counter : 328 Pageviews.

0 comments
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
The Last Thing on My Mind - Tom Paxton ... ความหมาย tuk-tuk@korat
(1 ม.ค. 2567 14:50:49 น.)
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)

Traveler-hpfictionroom.BlogGang.com

s_sut
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]

บทความทั้งหมด