"สทนช."เร่งเก็บกักน้ำฝนปลายฤดู-เพิ่มน้ำต้นทุนรับมือเอลนีโญ
สทนช.คุมเข้มบริหารจัดการน้ำช่วงปลายฤดูฝน ลดผลกระทบต่อประชาชน ขณะนี้ฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ใช้วิกฤตเป็นโอกาสเร่งเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด หวังเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนต่างๆ โดยเฉพาะลุ่มเจ้าพระยาและEEC รับมือสภาวะเอลนีโญ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในช่วงปลายฤดูฝนว่า สถานการณ์เอลนีโญทำให้ปริมาณฝนตกในประเทศไทยปีนี้น้อยกว่าค่าปกติประมาณ 14% โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางปริมาณฝนน้อยกว่าค่าปกติถึง 31% และภาคตะวันออก 26%
อย่างไรก็ตาม จากการแจ้งเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 26-29 ก.ย. 66 ให้ระมัดระวังฝนตกหนัก และฝนตกหนักมากในหลายพื้นที่ เนื่องจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางจะเคลื่อนผ่านประเทศไทยตอนบนตามแนวร่องมรสุม ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนัก โดยจะมีฝนตกหนักมากในบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง
รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนและแหล่งน้ำต่างๆ ทำให้มีปริมาณน้ำเก็บกักเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้จากการคาดการณ์ในช่วงสัปดาห์นี้จะมีปริมาณน้ำไหลลงอ่างขนาดใหญ่ 35 แห่งทั่วประเทศ ประมาณ 4,700 ล้าน ลบ.ม. โดยเฉพาะใน 4 เขื่อนหลักเจ้าพระยา จะมีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ รวมกันประมาณ 1,300 ล้าน ลบ.ม. รวมทั้งยังจะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง ในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้อีกประมาณ 220 ล้าน ลบ.ม. สามารถสนับสนุนความต้องการใช้น้ำทั้งภาคอุปโภค-บริโภค การรักษาระบบนิเวศ ภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรต่อเนื่อง และไม้ผล ได้อย่างเพียงพอ