ปฏิบัติฝนหลวงพื้นที่ภัยแล้ง-เพิ่มน้ำต้นทุน
นางนรีลักษณ์ วรรณสาย รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตรด้านบริหาร เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่สำรวจของหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงพบว่า หลายพื้นที่ยังคงมีปัญหาขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรนอกเขตชลประทานที่ประสบปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากมีปริมาณฝนธรรมชาติไม่เพียงพอและอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตและคุณภาพได้
มีการขอรับบริการฝนหลวงเป็นจำนวนมาก รวม 760 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 48 จังหวัด 322 อำเภอ โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมากที่สุด จำนวน 433 แห่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่การเกษตร โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงในแต่ละภูมิภาคนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ประกอบการวางแผนการปฏิบัติการฝนหลวง อย่างต่อเนื่องแล้ว ขณะเดียวกันยังมีภารกิจการเติมน้ำต้นทุนให้เขื่อนหลักอย่างต่อเนื่องให้พื้นที่ลุ่มรับน้ำ เพื่อให้มีน้ำเติมลงไปในเขื่อน เป็นน้ำต้นทุนให้ประชาชนได้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง ทั้งการอุปโภคบริโภค การเกษตร และภารกิจอื่นๆที่สำคัญ
วานนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ร่วมกับกองทัพอากาศและกองทัพบก ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 5 หน่วยปฏิบัติการ ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรบางส่วนของ จ.พะเยา ลำปาง สุโขทัย สระบุรี ลพบุรี นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง อุทัยธานี อุดรธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ หนองบัวลำภู นครราชสีมา และสามารถเพิ่มปริมาณน้ำให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนจำนวน 5 แห่ง อ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก และบึงบอระเพ็ด
สำหรับวันนี้มี 3 หน่วยปฏิบัติการที่ไม่สามารถปฏิบัติการฝนหลวงได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของหน่วยฯ พิษณุโลก และหน่วยฯ สระแก้ว เฝ้าสังเกตอาการไม่พึงประสงค์หลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 และเครื่องบินกองทัพอากาศของหน่วยฯ สุราษฎร์ธานีตรวจสอบพิเศษประจำสัปดาห์ ทั้งนี้อีก 10 หน่วยปฏิบัติการยังคงติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด หากมีการเปลี่ยนแปลงเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง พร้อมช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมายได้ทันที