เตรียมทำฝนเติมน้ำเขื่อนรับหน้าแล้ง
นางนรีลักษณ์ วรรณสาย รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศยังคงประสบปัญหาน้ำท่วมและน้ำล้นตลิ่งเนื่องจากอิทธิพลของพายุที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ได้รับผลกระทบรวม 31 จังหวัด ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายไปบางส่วนแต่ยังคงเหลือ 17 จังหวัดที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง ซึ่งหน่วยงานทุกภาคส่วนเร่งให้ความช่วยเหลือในการเร่งระบายน้ำเพื่อลดความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน
ในส่วนกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังคงติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทำการวิเคราะห์และวางแผนช่วยเหลือพื้นที่ที่ยังมีความต้องการน้ำโดยไม่ให้มีผลกระทบต่อพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม และมีการปรับแผนในการเปิดหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 จึงยังคงตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจำนวน 5 หน่วยปฏิบัติการ ได้แก่ ภาคเหนือ คือ จ. เชียงใหม่ จ. ตาก จ. พิษณุโลก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน คือ จ. อุดรธานี และ จ. ขอนแก่น โดยมีเป้าหมายหลักในการเติมน้ำให้กับเขื่อนและอ่างเก็บน้ำที่ยังคงมีความต้องการน้ำและมีปริมาณน้ำน้อยกว่า 30% ซึ่งน้ำในเขื่อนจะเป็นน้ำต้นทุนสำหรับการอุปโภคบริโภค และเพื่อการเกษตรในช่วงฤดูแล้งที่จะมาถึงด้วย
สำหรับผลการปฏิบัติการฝนหลวงกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเติมน้ำให้กับเขื่อนที่ยังคงมีปริมาณน้ำน้อยทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จ. เชียงใหม่ เขื่อนกิ่วลม จ. ลำปาง เขื่อนภูมิพล จ.ตาก เขื่อนสิริกิติ์ จ. อุตรดิตถ์ เขื่อนน้ำอูน และอ่างเก็บน้ำห้วยกระเฌอ อ่างเก็บน้ำโคกภูใหม่ จ. สกลนคร โดยช่วงเช้านี้(3ตค64 )สภาพอากาศเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 1 หน่วยฯ คือหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ. เชียงใหม่ จึงมีการขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงโดยมีเป้าหมายคือพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนกิ่วลม เขื่อนกิ่วคอหมา และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่มีการขอรับบริการ
หน่วยปฏิบัติการในพื้นที่อื่น ๆ จะติดตามสภาพอากาศตลอดทั้งวัน หากสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงและเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวงจะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือ
พื้นที่เป้าหมายโดยระมัดระวังไม่ให้มีผลกระทบต่อพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม เป็นหลัก