เร่งปั๊มแปลง GAP ชี้ใบเบิกทางส่งออกนอกยกระดับขึ้นห้าง




 
กรมวิชาการเกษตร ลุยต่อยอดผลิตพืชปลอดภัยมาตรฐาน GAP  ลำไยคว้าแชมป์ผ่านรับรองมากสุด  ตั้งเป้าปี 64 มุ่งรักษาแปลงเก่าพร้อมเพิ่มแปลงใหม่ยอดรวมกว่า 1 แสนแปลง  ดันเกษตรกรรีบสมัครเข้าระบบก่อนผลผลิตออกสู่ตลาด  ชี้ GAP ช่วยยกระดับผลผลิตขึ้นห้าง  เป็นใบเบิกทางส่งออกคู่ค้าสำคัญทั้งจีน สหรัฐ และสหภาพยุโรป

นายพิเชษฐ์  วิริยะพาหะ  อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  เปิดเผยว่า  จากสถานการณ์การค้าโลกในปัจจุบันประเทศผู้นำเข้าสินค้าเกษตรทั่วโลกต่างให้ความสำคัญต่อการนำเข้าสินค้าเกษตรที่ได้มาตรฐานด้านสุขอนามัย  หรือมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านอาหารเพิ่มมากขึ้น จนทำให้กฎระเบียบต่างๆ ถูกกำหนดขึ้นมามากมายเพื่อปกป้องความปลอดภัยของผู้บริโภคภายในประเทศ  




 




 
ประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตสินค้าเกษตรและอาหารเพื่อส่งออกรายใหญ่ของโลกจึงต้องปรับตัวและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสินค้าเกษตร  โดยเร่งผลักดันและส่งเสริมให้เกษตรกรสมัครเข้าสู่ระบบการผลิตทางการเกษตรที่ได้มาตรฐาน GAP ซึ่งเป็นการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนดตั้งแต่กระบวนการผลิตในไร่นาไปจนถึงมือผู้บริโภค

กรมวิชาการเกษตรในฐานะที่เป็นหน่วยตรวจรับรองมาตรฐาน GAP ได้จัดทำแผนการตรวจรับรองเป็นประจำทุกปีโดยแยกเป็นตรวจแปลงใหม่ที่ยื่นสมัครขอรับการรับรอง ตรวจต่ออายุแปลง  และตรวจติดตามแปลงที่ใบรับรองยังไม่หมดอายุ   โดยในปี 2564 ตั้งเป้าหมายการตรวจรับรองแปลงทั้ง 3 ประเภทไว้จำนวน 120,000 แปลง 




 




 
เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรเข้าสู่ระบบการผลิตที่ปลอดภัยตามมาตรฐาน GAP ซึ่งการเข้าสู่ระบบดังกล่าวจะทำให้เกษตรกรมีการวางแผนการผลิต  และใช้ปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย และสารเคมีได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม  เป็นการลดต้นทุนการผลิต  ผลผลิตที่ได้รับมีคุณภาพได้มาตรฐาน  ปลอดภัยจากสารตกค้างและการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ 

ทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ  เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าสามารถนำไปวางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดได้   ทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตสูงขึ้น  ก่อให้เกิดความยั่งยืนต่อการประกอบอาชีพเกษตรกรรม




 




 
ปัจจุบันมีแปลงที่ผ่านการตรวจรับรองและได้รับเครื่องหมาย Q ซึ่งเป็นเครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรจำนวน 210,461 แปลง คิดเป็นพื้นที่กว่า 1,380,000 ไร่ โดยพืชที่ผ่านการรับรองมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ลำไยจำนวน 39,128 แปลง  ทุเรียนจำนวน 35,785 แปลง  มังคุดจำนวน 21,419 แปลง  กลุ่มพืชผัก 20,000 แปลง  และมะม่วงจำนวน 7,160 แปลง 

เนื่องจากมาตรฐาน GAP ไม่ใช่มาตรฐานบังคับแต่เป็นความสมัครใจของเกษตรกร  จึงต้องการให้เกษตรกรเห็นความสำคัญและสมัครเข้าสู่มาตรฐานGAP กันให้มากขึ้น  เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญต่ออาหารที่มีกระบวนการผลิตที่ปลอดภัยต่อสุขภาพมากขึ้น  ดังนั้นการเลือกซื้อผลผลิตทางการเกษตรจึงต้องมาจากแหล่งผลิตที่ได้รับการยอมรับมาตรฐานความปลอดภัย   




 




 
นอกจากนี้ประเทศที่นำเข้าสินค้าเกษตรส่วนใหญ่จะเน้นมาตรฐานด้านความปลอดภัยอาหารเป็นหลัก  ดังนั้น  GAP จึงเหมือนเป็นใบเบิกทางช่วยให้เกษตรกรที่ต้องการต่อยอดการขายสินค้าในประเทศให้สามารถส่งออกไปต่างประเทศได้

เกษตรกรที่สนใจสมัครขอรับรองมาตรฐาน GAP ควรวางแผนยื่นคำขอการตรวจรับรองก่อนถึงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิต  โดยสามารถยื่นคำร้องขอรับรองได้ที่หน่วยงานในส่วนภูมิภาคของกรมวิชาการเกษตร ได้แก่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรทุกจังหวัด หรือที่สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตทั้ง 8 เขต






 
 



Create Date : 12 พฤศจิกายน 2563
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2563 18:28:28 น.
Counter : 680 Pageviews.

0 comments
Insurance is a fundamental aspect of modern life สมาชิกหมายเลข 8094586
(20 เม.ย. 2567 00:25:54 น.)
ดราม่า "ออกัส วชิรวิชญ์" : สรุปประเด็นร้อนฉ่า สมาชิกหมายเลข 7995226
(17 เม.ย. 2567 17:07:47 น.)
วันที่หิมะยังคงอยู่ Rain_sk
(27 มี.ค. 2567 02:00:05 น.)
รถเจาะบาดาลน้ำลึก 80-300 เมตร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี โทร 062-1705084 สมาชิกหมายเลข 5575925
(25 มี.ค. 2567 01:55:50 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thailand-agriculture.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 3402302
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด