ขึ้นเหนือสุดแดนน่าน [ปัว-บ่อเกลือ]

ช่วงนี้คนเริ่มทยอยออกท่องเที่ยวช่วงปลายปี แต่ฝนก็กำลังตกชุ่มฉ่ำอยู่เลยนะครับ คงเป็นอีกปีที่หน้าฝนยาวนาน วันนี้ขอพาเที่ยวทุ่งนาภาคเหนือที่น่าเที่ยวอย่างถึงที่สุดในฤดูแบบนี้ ไปอำเภอขอบๆ จังหวัดน่านอย่างปัวและบ่อเกลือกันครับ

ผมเคยมาเที่ยวเมืองน่านเมื่อ 7 ปีก่อน https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=shiryu&month=01-2017&date=20&group=7&gblog=97 เพราะงั้นสถานที่ดังๆ อย่างวัดภูมินทร์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน พระธาตุแช่แห้ง ฯลฯ รอบนี้ไม่ได้ไปซ้ำนะ ทริปนี้เริ่มวันที่ 28 ก.ค. 66 จากตาก ลำปาง ขึ้นไปนอนแพร่ และออกจากแพร่เช้าวันที่ 29 มุ่งสู่น่านครับ

สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกในน่านที่มาถึงก็คือนี่ครับ แหล่งเตาบ้านบ่อสวก เป็นแหล่งขุดพบเตาเผาโบราณที่อยู่ห่างออกมาจากเมืองน่านเพียง 10 กม. เท่านั้นเอง
 

แหล่งเตาบ้านบ่อสวก
(Ancient Kiln Site:
Ban Bo-Suak)

 

บริเวณนี้เดิมทีเป็นนิคมอุตสาหกรรมโบราณยุคสุโขทัย อยู่ริมลำน้ำสวกและมีดินคุณภาพดีเหมาะทำภาชนะเครื่องปั้นดินเผา คาดว่ามีเตาโบราณฝังอยู่ใต้ดินกว่า 50 เตา แต่จุดที่เข้าชมได้จุใจที่สุดคือพิพิธภัณฑ์เฮือนบ้านสวกแสนชื่น ตรงนี้เป็นพื้นที่เอกชนเลยนะครับ คือบ้านของจ่ามนัสที่ขุดพบเตาโบราณมากมาย โดยเริ่มมีการขุดจริงจังร่วมกับสำนักโบราณคดีในปี พ.ศ.2542 ที่เปิดหลุมแล้วมี 4 เตา
 


เตาจ่ามนัส อยู่ใกล้เรือนพิพิธภัณฑ์ ขนาด 6.5 เมตร x 3 เมตร

 


เตาสุนัน ตั้งชื่อตามภรรยาของจ่ามนัส
อยู่ริมพื้นที่บ้าน ขนาด 6.5 เมตร x 3 เมตร

 


เตาเฮือนบ้านสวกแสนชื่น 2 ขนาด 1.4 เมตร x 5.2 เมตร
ขุดไว้ครึ่งเตา เพราะอีกครึ่งหนึ่งอยู่ในพื้นที่บ้านข้างๆ ครับ

 


เตาเฮือนบ้านสวกแสนชื่น 1 ขนาด 1.8 เมตร x 4.5 เมตร

 
 
 

ในพื้นที่นี้ยังมีเตาที่ยังไม่ได้ขุดอีก บางเตาเริ่มเห็นปล่องทะลุพื้นขึ้นมาแล้วก็มี ส่วนลำน้ำสวกที่มาของดินคุณภาพดีอยู่ข้างบ้านหลังนี้เองครับ แต่แห้งขอดไปตามกาลเวลา

พื้นที่ไม่ได้โอนให้กรมศิลป์เข้ามาดูแล เลยไม่ค่อยมีงบจากทางการลงมาช่วยเหลือเท่าไหร่ เป็นชุมชนโดยเฉพาะครอบครัวจ่ามนัสดูแลกันเอง แต่การขุดสำรวจก็ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เตาเป็นเตาดิน จะแยกจากชั้นดินที่ฝังอยู่ลำบากหน่อย หน้าฝนชั้นดินที่ขุดจะพังลงมาก็ราดลาเท็กซ์รักษาสภาพเตาไว้

มีโบราณวัตถุพวกถ้วยชามแตกหักที่ถูกทิ้งไว้ในเตาตั้งแต่ยุคโบราณ ชิ้นงามๆ ก็เอาไปจัดแสดงบนเรือนพิพิธภัณฑ์ครับ

 


เรือนพิพิธภัณฑ์นี้เป็นเรือนของยายชื่น แม่ของภรรยาจ่ามนัสที่สะสมของโบราณมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จ่ามนัสได้รวบรวมเรื่องราวชุมชนจากคนเฒ่าคนแก่ในพื้นที่เพื่อเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เก็บภาพและบันทึกไว้ในพิพิธภัณฑ์ อยากให้ทุกพื้นที่รวบรวมเรื่องราวของชุมชนตัวเองแบบนี้ไว้เป็นคลังความรู้ เมื่อประวัติศาสตร์ส่วนกลางแตกแขนงลงรายละเอียดของท้องถิ่นลงมา เรื่องราวที่ทรงคุณค่าก็จะถูกร้อยเรียงเข้าไปในประวัติศาสตร์กระแสหลักที่คนพื้นที่อื่นสามารถเข้าถึงได้ด้วย พิพิธภัณฑ์นี้เปิดให้เข้าฟรี สามารถบริจาคให้จ่ามนัสใช้เป็นทุนในการดูแลรักษาพื้นที่ได้ครับ

พระพี่นางกัลยาเคยมาที่นี่ในปี พ.ศ.2542 และพระเทพเคยมาในปี พ.ศ.2544 ได้เข้าร่วมเวิร์คช้อปปั้นหม้อ ซึ่งหม้อใบนั้นยังเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์นี้ครับ

 

ขับรถออกมาหน่อยเดียวจะมี เตาดงปู่ฮ่อ ซึ่งกรมศิลป์เข้ามาดูแลและสร้างเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ครอบไว้ แต่วันที่ไปไม่เปิดอะ ตรงนี้มีเตาเดียวและเล็กกว่าที่บ้านจ่ามนัสครับ
 


ขับรถเข้ามาในเมืองน่าน เที่ยวอีกที่นึงที่คราวก่อนไม่ได้มา คือโฮงเจ้าฟองคำ เรือนโบราณของเชื้อสายเจ้าเมืองน่านที่อนุรักษ์ไว้อย่างดีครับ
 

โฮงเจ้าฟองคำ
(Hong Chao Fong Kham:
The Noble House)

 

เจ้าฟองคำ เป็นหลานของเจ้าศรีตุมมา ซึ่งเป็นเจ้าของคุ้มและเป็นหลานของเจ้ามหาวงศ์ ผู้ครองนครน่านคนที่ 6 สร้างในปี พ.ศ.2454 ปัจจุบันอายุเลยร้อยปีไปแล้ว แต่ยังรักษาสภาพไว้ได้เป็นอย่างดี เจ้าฟองคำเสียไปเมื่อปี พ.ศ.2533 เจ้าของคนปัจจุบันคือคุณภัทราภรณ์ ปราบริปู บุตรสาวของเจ้าฟองคำ เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่ออนุรักษ์เรือนล้านนาไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษาตามเจตนารมณ์ของเจ้าฟองคำ ที่นี่มีการสาธิตการทอผ้า เล่นดนตรีพื้นเมือง และทำขนมโบราณ เรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ยังมีชีวิต

ค่าเข้าชม 20 บาท ปิดวันจันทร์-อังคารครับ เรือนไม่มีที่จอดรถ หาที่ริมถนนในซอยแถวนั้นนะครับ


โฮงแปลว่าบ้านหลังใหญ่ เป็นบ้านใต้ถุนสูง เก็บโบราณวัตถุและทรัพย์สินชิ้นสำคัญของตระกูลไว้ เช่น หมอนและที่นอนเจ้าฟองคำ ผ้ารับเสด็จ ร.7 เงินโบราณ สัปคับ แมว ฯลฯ วันนี้ฝนพรำตลอดวัน แต่ก็ไม่ได้เที่ยวลำบากครับ บรรยากาศดีขึ้นไปอีก


ชิ้นนี้คือกลองมโหระทึกซึ่งในพื้นที่ภาคเหนือพบเพียง 8 ใบเท่านั้น และใบนี้สมบูรณ์ที่สุด ขอบกลองมีกบสำริดขี่กันสามตัว แสดงถึงปีที่สร้างกลองขึ้นมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง


 

หอศิลป์ริมน่าน
(Nan Riverside Art Space)

 



 

ออกจากเมืองน่านขึ้นมาทางเหนือ 40 กม. ระหว่างทางก่อนถึง อ.ปัว จะมีหอศิลป์ริมน่าน แสดงผลงานของคุณวินัย ปราบริปู สกุลเดียวกับเจ้าของโฮงเจ้าฟองคำเลยครับ พื้นที่ 13 ไร่ เปิดปี พ.ศ.2547 ค่าเข้า 20 บาท (พิพิธภัณฑ์ที่นี่แต่ละแห่งถูกม้าก!) มีที่จอดรถสะดวกสบาย อาคารจัดแสดงแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นบนเป็นนิทรรศการถาวร ชั้นล่างเป็นนิทรรศการหมุนเวียน

ผลงานหลายชิ้นดัดแปลงจากมรดกเมืองน่านอย่างภาพกระซิบรักด้วย บางชิ้นมีราคาติดไว้ สนใจก็จองซื้อกันได้นะครับ

 



 

ภาพตะโกน ฝีมือพระเทพช่วงเสด็จจังหวัดน่านปี พ.ศ.2554 ในหอศิลป์มีภาพดัดแปลงจากภาพกระซิบรักหลายชิ้น ท่านเลยเขียนภาพตะโกน แล้วบอกว่า "ต้องตะโกนกัน เพราะกระซิบไม่ได้ยินแล้ว อายุมากกันแล้ว"
 


อีกอาคารหนึ่งคือ เฮือนหนานบัวผัน จัดแสดงภาพถ่ายจิตกรรมฝาผนังเมืองน่าน เชิดชูเกียรติหนานบัวผัน ผู้เขียนจิตรกรรมฝาผนังวัดภูมินทร์และวัดหนองบัว ในนี้ห้ามถ่ายรูปครับ ด้านบนเป็นร้านอาหารมองเห็นวิวแม่น้ำน่าน หน้าร้านจะเห็นโมเดลตัวน็อตทำเป็นรูปกระซิบรักคู่นึง ตะโกนอีกคู่นึง


อาหารที่นี่มีเมนูแค่ 4-5 อย่าง เป็นอาหารท้องถิ่นจานละ 50 บาททั้งหมด ผมกับแม่สั่งข้าวเหนียวหมูย่างน้ำพริกมะแขว่น และสปาเก็ตตี้ไก่ผัดตะไคร้ สะดวกและกินเอาบรรยากาศได้อยู่ครับ ร้านขายของที่ระลึกที่นี่นอกจากสินค้าทำมือแล้วยังมีของโบราณขายด้วยนะ ที่อยากได้ที่สุดคือแอมโมไนต์ขนาด 1 ฟุต ใหญ่มาก! เกรดพิพิธภัณฑ์ ราคาก็พอเอื้อมถึงแค่ 7,500.- แต่วันนี้ไม่ได้ตั้งใจมาซื้อแอมโมไนต์อะ ไว้รอบหน้าถ้ามาแล้วยังอยู่จะพากลับบ้านครับ


เลยจาก อ.เมืองขึ้นไป ผ่าน อ.ท่าวังผา บ้านเกิดของเจ้าคุณพระ (ไม่แวะนะครับ) ก็จะมาถึง อ.ปัว แหล่งทุ่งนางามและวัดฝีมือช่างไทลื้อมากมาย ถึงจะไกลแสนไกลแต่ก็นับเป็นเมืองที่คึกคักรองจากตัวเมืองน่านเลยนะครับ

มาที่วัดแรก
วัดต้นแหลง เป็นวัดโบราณสร้างโดยช่างชาวไทลื้อในปี พ.ศ.2127 สำหรับวิหารนี้สร้างราวปี พ.ศ.2425 หลังคาวิหารประดับนาคสามเศียรตามสไตล์ไทลื้อ ประดิษฐานพระประธาน หลวงพ่อมหานิโคตรฤกษ์ ต้นแหลงหรือภาคกลางเรียกต้นยวงผึ้ง เป็นต้นไม้ใหญ่ที่เคยมีในหมู่บ้านนี้เป็นจำนวนมาก เป็นที่มาของชื่อวัด


ขับเข้ามาในตัวชุมชน บริเวณหอนาฬิกาที่ตกเย็นจะเป็นถนนคนเดินจะมี วัดพระธาตุเบ็งสกัด สร้างในปี พ.ศ.1826 โดยพญาภูคา ผู้ครองเมืองย่าง เพื่อฉลองการสร้างเมืองวรนครเป็นเมืองใหม่ให้กับขุนฟอง บุตรบุญธรรม โดยสร้างเจดีย์ครอบบ่อลึกลับแห่งหนึ่ง ที่พอยื่นไม้ลงไปแล้วจะถูกตัดเป็นท่อนๆ เป็นที่มาของชื่อพระธาตุเบ็งสกัด

 


ถ้าห่างออกมาจากถนน 101 ที่เป็นเส้นหลักแล้ว พื้นที่ปัวจะเป็นทุ่งนากับภูเขาสัก 90% ของพื้นที่ได้ครับ ยิ่งหน้าฝนยิ่งชุ่มฉ่ำสวยงาม

 


บริเวณนี้ทำเป็นกำแพงแสดงขอบเขตเมืองวรนครในอดีต
ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอปัวครับ

 


วัดร้องแง สร้างในปี พ.ศ.2310 โดยเจ้าหลวงช้างเผือกงาเขียว ชาวไทยลื้อผู้ปกครองเมืองรินทร์ในเขตสิบสองปันนา ได้ถูกศัตรูรุกรานจนต้องถอยร่นลงมาบริเวณลำน้ำล่องแง (มีต้นแงมาก) และสร้างวัดร้องแงขึ้น วัดค่อนข้างแคบที่จอดรถน้อยนะครับ จอดตรงพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านไทลื้อหน้าปากซอยแล้วเดินเข้ามาก็ได้


สุดท้ายละครับ วัดที่ดังที่สุดของเมืองปัว คือ วัดภูเก็ต เอ้า งงชื่อ! บริเวณนี้คือบ้านเก็ต พอวัดอยู่บนภูก็เลยชื่อวัดภูเก็ตไงครับ เก็ตมั้ย? จะจอดรถด้านล่างแล้วเดินผ่านชุมชนทอผ้าขึ้นบันไดวัดมา หรือจะวนขึ้นมาจอดด้านบนเลยก็ได้ครับ วิวนามองจากภูเก็ต (ภูของบ้านเก็ต) คือนาปู่สาม ยกรางวัลให้เป็นนาผืนที่สวยที่สุดในทริปนี้เลยครับ ด้านหลังนั่นคือดอยภูคาที่จะขึ้นไปพรุ่งนี้


เทียบกับวัดอื่นที่ผ่ามาแล้ววัดนี้ค่อนข้างใหม่แต่ก็สวยงามทั้งจิตรกรรมและประติมากรรม พระประธานคือหลวงพ่อแสนปัว ด้านบนมีโรงแรมธรรมะที่ได้รับการอุปถัมป์จากสมเด็จช่วงวัดปากน้ำภาษีเจริญให้เป็นที่พักของผู้มาปฏิบัติธรรมด้วยนะ


จากวัดภูเก็ต ลงมาทางใต้ของปัวอีก 5 กม. จะมาถึง ฝายแก้ง เป็นฝายกั้นลำน้ำกูนเพื่อกักเก็บน้ำ กรมชลประทานได้ปรับปรุงจากฝายเดิมที่ชาวบ้านสร้างตามภูมิปัญญาท้องถิ่นให้เป็นฝายคอนกรีตเสริมเหล็กในปี พ.ศ.2547


ลำน้ำเหนือฝายมีลักษณะเป็นแก่งโขดหินเรียกว่า วังศิลาแลง หรือที่มีชื่อเล่นว่าแกรนด์แคนย่อนเมืองปัว เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เกิดจากธารน้ำไหลผ่านซอกหินผา ถ้าเป็นหน้าแล้งจะเห็นร่องหินชัดเจนกว่านี้นะครับ ตอนนี้น้ำแรงมาก ทางเดินก็ลื่นสุดๆ ดีว่าเขามีเชือกให้จับไปตลอดทาง


กลับเข้าตัวเมืองปัวตอนบ่ายสาม วันนี้เที่ยวได้ตามแผนแล้วครับ เวลาที่เหลือขอชิลเรื่อยเปื่อย แวะเข้า Cocoa Valley เป็นทั้งรีสอร์ทและคาเฟ่ผลิตภัณฑ์โกโก้ชื่อดังของน่าน คนเยอะจนตกใจ! สั่งโก้โก้คราฟท์แก้วนึงนั่งรอครึ่ง ชม. (เกรดซูเปอร์ดาร์คเข้มสะใจแก้วละ 115 บาท โกโก้ธรรมดา 75 บาท) ถ้ามากันหลายคนน่าจะสนุกนะครับ ช็อคโกแลตกับเค้กน่ากินเยอะมาก


บริเวณวัดปรางค์กลางเมืองจัดเป็น ถนนคนเดินเมืองปัว หรือเตียวกาดแลง เปิดทุกเย็นวันศุกร์เสาร์ โชคดีผมไปวันที่ 29 ก.ค. เป็นวันเสาร์พอดี อันนี้ได้เที่ยวแบบไม่ตั้งใจ จอดรถแถวลานจอดหน้าโรงพักเก่าแล้วเดินเข้ามาครับ ถือเป็นถนนคนเดินที่ไม่ใหญ่ ร้านก็ไม่ได้มากหรือหลากหลายอะไรนะครับ มีอาหารภาคเหนือขายนิดหน่อย นอกนั้นประมาณตลาดนัดทั่วไป


ไหนๆ ก็มาเดินแถวนี้แล้ว เที่ยววัดปรางค์เสียหน่อยครับ วัดปรางค์ สร้างในปี พ.ศ.2230 มีพระธาตุทรงระฆังคว่ำเป็นที่มาของชื่อวัด

 

แต่จุดขายของวัดนี้คือต้นดิ๊กเดียมที่มีลักษณะพิเศษคือหากลูบเบาๆ ที่ลำต้น กิ่งและใบจะสั่นไหวเหมือนถูกจั๊กจี้ (เจ้าของบล็อกลองแล้วพบว่าลมมันพัด) ต้นนี้ปลูกตั้งแต่ปี พ.ศ.2451 เลยนะครับ อายุเกิน 100 ปีแล้ว
 


วันนี้จองที่พักไว้ที่ ปัวนาน่านแคมปิ้ง เป็นที่พักกลางทุ่งนา เดินทางเข้าที่พักตอนห้าโมง ซึ่งก็ดีแล้วที่รีบเข้า เพราะหาไม่เจอครับ! ตามกูเกิ้ลไปเข้าคันนาสถานเดียว ความยากคือถนนแต่ละซอยไม่ได้เชื่อมกันแต่กูเกิ้ลคิดว่ามันเชื่อมกัน กว่าจะคลำหาที่พักเจอใช้เวลาไป 40 นาที พอถึงแล้วก็เบาใจว่าที่พักนั้นมีจริง เป็นที่พักหลังเล็กแต่แข็งแรงครับ คืนนี้ฝนถล่มหนักมาก น้ำยังไม่รั่วแม้แต่หยดเดียว  บรรยากาศการนอนกลางนาหน้าฝนนี้คือฟินสุด คุณป้าเจ้าของที่พักก็น่ารักมาก เอาผลิตผลในสวนมาแจกจ่ายให้กินตลอด (ลำไยอร่อย)

 


ที่โหดสุดในการพักที่นี่คือทางเข้าครับ ถ้ารถโหลดต่ำหน้าท้องก็กินหญ้าเต็มๆ ถนนเป็นของเทศบาล ต้องรองบลงมาอย่างเดียว
เราจึงควรทำให้การเมืองดี

 


ทางเดินริมนาบรรยากาศดีทั้งยามเย็นและยามเช้าหลังฝนตก

 


นั่งกินข้าวเย็นที่ซื้อมาจากถนนคนเดินที่ระเบียงหน้าที่พัก
ปลาตะเพียนย่างไข่แน่นมาก

 


มื้อเช้าแบบชาวบ้านครับ รีเควสต์กับคุณป้าได้เลยว่าอยากกินเช้ากี่โมงแกตื่นมาทำให้ มื้อนี้หกโมงเช้าครับ เดี๋ยวผมจะขึ้นดอยภูคาต่อ

 
 
 

อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
(Doi Phu Kha National Park)

 

ครอบคลุมพื้นที่ 8 อำเภอของจังหวัดน่าน ป่ามีความอุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยสัตว์และพันธุ์ไม้หายาก อีกทั้งมีความเชื่อว่าบรรพบุรุษของชาวน่านอพยพลงมาจากดอยภูคา ยอดดอยมีความสูง 1,980 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดน่าน ภาพนี้คือวิวจากจุดพักรถแรก ขึ้นดอยมาหน่อยเดียวก็เจอความสดชื่นแล้ว มาตอนหน้าฝนแบบนี้เขียวชอุ่ม แต่หมอกเต็มถนนเลยครับ ขับรถกันดีๆ นะ


จุดขายของดอยนี้คือชมพูภูคา ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่ออกดอกช่วงต้นปีเป็นดอกพุ่มสีขาวอมชมพู สวยงาม และพบเพียงที่นี่ที่เดียวในประเทศไทย แต่หน้านี้ยังไม่มีดอกจ้ะ ...แป่ว!

เอาจริงๆ ผมมาดูต้นไม้หายากอีกต้นนึงครับ เต่าร้างยักษ์ พืชดึกดำบรรพ์ตระกูลปาล์มที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ ผมเห็นจุดบนหนังสือแผนที่ของ NOSTRA เล่มที่ใช้พลิกๆ หาที่เที่ยวเพลินๆ ก็มาสะดุดเอาคำว่า "ป่าเต่าร้างยักษ์" ต้นไม้โบราณหายาก แถมอยู่โคตรไกลสุดดินแดนน่าน ความแฟนตาซีมาเต็มครับแบบนี้ เป็นจุดกำเนิดให้กับทริปนี้เลย เจ้าต้นข้างๆ ป้ายอุทยานนั่นละครับ เต่าร้าง มาทักทายกันตั้งแต่ทางเข้าเลย แต่ต้นนี้ยังเล็กอยู่นะ


ไซส์โตเต็มที่เท่านี้เลยครับ พวกเต่าร้างสามารถพบได้ตามดอยทั่วไปหรือร้านขายต้นไม้ แต่ถ้าเต่าร้างยักษ์ที่มีขนาด 10 เมตร+ จะมีที่นี่ที่เดียวในประเทศไทย จะขึ้นเฉพาะป่าลึกบนความสูง 1,500 - 1,700 เมตร และมีเมฆหมอกปกคลุมตลอดปี ในป่าลึกๆ คงมีต้นใหญ่กว่านี้อีก


ขับขึ้นดอยมายาวๆ เลยครับ ยิ่งสูงยิ่งหนาว หมอกยิ่งเยอะ ประมาณ 25 กม. จากทางขึ้นดอย จะมาถึง ลานดูดาว เป็นจุดกางเต๊นท์ยอดนิยมของอุทยาน มีร้านกาแฟนะ แต่ฤดูนี้คนยังไม่ค่อยขึ้นดอยกัน แถมเช้าตรู่จนฟ้ามืดมัว บรรยากาศเลยชวนหลอนไปอีก (อ๊ะ ริมผามีต้นเต่าร้างยักษ์ด้วย)


ชื่อของดอยนี้มาจากตำนานเจ้าหลวงภูคาหรือพญาภูคา เป็นผู้พาผู้คนอพยพจากเมืองเงินยาง (อ.เชียงแสน) ลงมาตอนใต้ แล้วสร้างเมืองเล็กๆ ตามลำดับจนถึงเมืองน่านตามนี้ครับ
  • พุทธศตวรรษที่ 18 พญาภูคา สร้างเมืองย่าง (ต.ศิลาเพชร ที่เชิงดอยภูคา)
  • ขุนฟอง (ลูก) สร้างวรนคร (เมืองปัว ตามที่เล่าด้านบน)
  • พ.ศ.1902 พญาการเมือง (หลาน) สร้างเวียงภูเพียงแช่แห้ง (บริเวณพระธาตุแช่แห้ง) ก่อนย้ายไปสร้างเมืองน่านในปี พ.ศ.1911
 
 


ศาลเจ้าหลวงภูคา จุดเพิ่มพลังมูครับ
กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองในการเดินทาง

 


จุดถ่ายรูปที่ความสูง 1,715 เมตร เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยอดนิยม
แต่วันนี้ไม่มีพระอาทิตย์ให้เห็นครับ
ไม่เห็นกระทั่งป่าข้างล่าง หมอกอย่างโหด!

 


ใช้เวลาข้ามดอยชั่วโมงครึ่งก็ลงถึงพื้นดินที่ อ.บ่อเกลือ โดยสวัสดิภาพ เดี๋ยวขากลับจะข้ามดอยอีกเส้นนึงนะครับ ขณะนี้เราอยู่หลังเขา คือพื้นที่ที่ถูกภูเขาปิดล้อมทุกด้าน เป็นมุมอับที่สุดของน่านแล้ว และอยู่สุดขอบประเทศไทยด้วยครับ เลยไปคือลาว แต่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญมาตั้งแต่โบราณ และมีสงครามแย่งชิงพื้นที่ตรงนี้ตลอดประวัติศาสตร์เพราะมีของมีค่าอย่างเกลือครับ
 

บ่อเกลือสินเธาว์
(Salt Pit)

 

เดิมบริเวณนี้มีชื่อว่าเมืองบ่อ เป็นที่ตกตะกอนของน้ำทะเลในยุคเพอร์เมียน (280 ล้านปีก่อน) กลายเป็นชั้นเกลือใต้ดิน เมื่อถูกน้ำใต้ดินก็เกิดเป็นบ่อน้ำเกลือขึ้น ที่นี่มีบ่อเกลือทั้งหมดเก้าบ่อ คือบ่อหลวง (2 บ่อ) บ่อหยวก บ่อเวร บ่อน่าน บ่อกำกิ๋น บ่อแคะ บ่อเกล็ด และบ่อเจ้า ตามตำนานเจ้าหลวงภูคาได้ยินนายพรานเล่าถึงการค้นพบแหล่งเกลือ จึงนำผู้คนจากเงินยางมาตั้งรกรากที่นี่ เป็นบรรพบุรุษของชาวบ่อเกลือ และพงศาวดารน่านได้บันทึกไว้ว่าบ่อเกลือเป็นสาเหตุให้พระเจ้าติโลกราชแห่งล้านนายกทัพมายึดเมืองน่านในปี พ.ศ.1993 ด้วย แล้วน่านก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของล้านนามานับแต่นั้น เพราะเกลือเป็นเหตุ ช่วงหลังคนนิยมบริโภคเกลือทะเลมากขึ้นเพราะการคมนาคมขนส่งสะดวกขึ้น แถมมีไอโอดีน ทำให้การผลิตเกลือสินเธาว์ลดลงไปมากครับ

ปัจจุบันบ่อเกลือแห้งไปเกือบหมดแล้ว เหลือแค่ที่บ้านบ่อหลวงสองบ่อ เรียกว่าบ่อเหนือ และบ่อใต้ ที่ดำเนินกิจการมาตั้งแต่ยุคโบราณยาวนานกว่า 800 ปี ที่นี่จะไม่ผลิตเกลือในช่วงเข้าพรรษา และมีพิธีบวงสรวงเจ้าหลวงบ่อ ทุกวันแรม 9 ค่ำ เดือน 5 ถึงแรม 12 ค่ำ เดือน 5 เลี้ยงเจ้าเลี้ยงผี ซึ่งช่วงนั้นจะห้ามนำรถเข้าออกหมู่บ้านเป็นเวลา 3 วัน แต่ยังสามารถเดินเท้าเข้ามาได้ เมื่อลงจากภูคาหมู่บ้านแรกที่พบคือ ชุมชนบ่อหลวงเหนือ เป็นชุมชนทำเกลือที่ใหญ่ที่สุด แต่ถนนในหมู่บ้านค่อนข้างแคบ แต่สามารถหาที่จอดเหมาะๆ ข้างทาง หรือไปจอดที่วัดบ่อหลวงแล้วเดินย้อนมาก็ได้


บ่อหลวงที่ชาวบ้านช่วยกันขุดขึ้นเป็นบ่อลึก 30 เมตร และ operate มา 800 ปี ชาวลัวะที่มาต้มเกลือต้องส่งส่วยเกลือเข้ารัฐจนเพิ่งหยุดส่งไปไม่นานนี้เอง ที่นี่มีศาลบูชาเจ้าหลวงบ่อ
 

 

 

ชาวบ้านในชุมชนยังใช้วิธีต้มเกลือแบบโบราณคือต้มในโรงเรือนปิดมิดชิด มีเตาดินเหนียวขนาดใหญ่วางกระทะ เหนือกระทะแขวนตะกร้าไม้ไผ่สานสำหรับใส่เกลือ ชาวบ้านจะตักน้ำเกลือจากบ่อมาใส่ตุ่มที่ขอบบ่อ น้ำจะไหลไปตามท่อ เข้าบ่อพักในโรงต้ม แล้วแต่ละบ้านก็ตักน้ำเกลือใส่กระทะรองด้วยใบตองแล้ววางบนเตา 4 ชม. จนน้ำเกลือระเหย ตักเกลือไปพักบนตะกร้า ผึ่งให้แห้ง หนึ่งกระทะต้มได้เกลือประมาณ 15 กก. ครับ เมื่อต้มได้ 5 วัน 6 คืน ก็พักกระทะสักหนึ่งที ไม่งั้นทั้งกระทะทั้งเตาแตกหมด


บางบ้านนำเกลือที่ได้จากการต้มมาคั่วบนเตาถ่านอีก 1 ชม. เพิ่มความร่วนแห้ง

 

ดอกเกลือของที่นี่ได้จากการต้มเกลือที่อุณหภูมิต่ำจนผลึกเกลือสมบูรณ์เป็นเอกลักษณ์ รสชาติกลมกล่อมไม่เค็มโดด เกลือภูเขาบ่อเกลือน่านขึ้นทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาประเภทสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ด้วยนะ


ที่นี่มีผลิตภัณฑ์เกลือหลากหลาย ทั้งเกลือบริโภค เกลือสปาขัดผิว เกลือล้างผัก เกลือแช่เท้า ดอกเกลือ สบู่ดอกเกลือ ไข่ต้มเกลือ ฯลฯ ราคาสบายกระเป๋า

 


วิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์แปรรูปไทยลัวะบ้านสะเกี๊ยะ มีทั้งน้ำมัลเบอรี่ น้ำเสาวรส ชาดอกกาแฟ ฯลฯ ร้านกาแฟน่าจะทำสูตรกาแฟเกลือสักหน่อยเป็นจุดขายแบบร้าน Salt Lake แม่กลอง

 


หรอยแรงแกงใต้ เขียนว่าเป็นลูกสาวนายหนัง อยากกินขึ้นมาเลย ครัวนายหนังเป็นร้านปักษ์ใต้ในเมืองนครศรีธรรมชาติที่รสชาติจัดจ้านสะใจสุด แต่ตอนนี้ยังไม่พอดีมื้อ (เพิ่ง 9 โมงครึ่ง) เลยไม่ได้กินจ้า

 
 
แม่น้ำมางด้านหลังหมู่บ้าน
หน้าฝนน้ำไหลเชี่ยวสุดๆ

ลงมา 100 เมตร จะมาถึง ชุมชนบ่อหลวงใต้ ขับรถลงมาจอดก็ได้นะครับ ตรงนี้จอดสะดวกกว่าข้างบน ร้านค้าก็ไม่แน่นเท่า


บ่อเกลืออายุ 800 ปี เก่าแก่เท่ากับบ่อบน แต่จำนวนตุ่มจำนวนท่อน้อยกว่ากันเยอะ ที่นี่มีโรงต้มเกลือไม่กี่หลัง มีศาลบูชาเจ้าชางคำ
 

 

 

ปั๊มหลอดยังคลาสสิคเลย เมืองนี้น้ำมันแพงเอาเรื่องเลยนะครับ ต้องขนข้ามภูเขามา
ถ้าไม่เติมปั๊มหลอดก็มีปั๊มเก่าๆ อยู่ในตัวเมืองปั๊มนึง น้ำมัน ปตท. เหมือนกัน


ขึ้น อุทยานแห่งชาติขุนน่าน เที่ยวน้ำตกกันครับ หน้าฝนไม่ได้เห็นชมพูภูคา แต่ทุ่งนาและน้ำตกก็สวยงาม ขุนน่านเป็นภูเขาสูงติดกันเป็นแนวยาว ยอดที่สูงที่สุดสูง 1,745 เมตร ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นป่าดิบเขา
 
น้ำตกสะปัน
(Sapan Waterfall)

น้ำตกสะปัน เป็นน้ำตกที่เข้าถึงง่ายที่สุดของอุทยาน ออกจากบ่อเกลือขึ้นเหนือไป 8 กม. สามารถจอดรถที่ทางเข้าน้ำตกได้ ใช้เวลาเดินจากที่จอดรถไปน้ำตกชั้นสุดท้าย 25 นาทีครับ
 


น้ำตกที่นี่มีสามชั้น เดินเข้ามา 100 เมตรจะถึงน้ำตกชั้นที่ 1 "สบปี"

 


ชั้นสองจะอยู่ไกลสักหน่อย เดินต่อจากชั้นที่ 1 มา 150 เมตร ผ่านสะพานข้ามลำน้ำ ทางเดินป่า และบันไดปูน

 

และนี่คือ "ผาขวาง" น้ำตกชั้นที่ 2 ครับ น้ำซัดผ่านโขดหินฟุ้งกระจาย




ชั้นที่ 3 "ตาดมุ่น" ห่างจากชั้น 2 เพียง 60 เมตร สวยที่สุด ถ้ามาแล้วก็มาให้ถึงชั้น 2-3 เถอะครับ


ลงจากน้ำตกมาหาข้าวเที่ยงกิน ระหว่างขาขึ้นเห็นป้ายขาหมูสะปันก็สะดุดใจ เที่ยงนี้ฉันต้องได้กินขาหมู! ว่าแล้วก็จัดไปครับ เป็นร้านอาหารของที่พัก ขุนเขาธารา มีเมนูอื่น แต่แทบจะหมดเกลี้ยง สั่งได้แต่ขาหมูครับ คากิก็หมด แต่อร่อยจริงจัง หมูนุ่มละลาย ใช้ผักกูดแทนคะน้ายิ่งอร่อย มันไม่มีก้านแข็งๆ กับใบขมๆ วิวมองลงไปเห็นที่พัก แต่ก็สวยงามสบายตา


อีกร้านดังที่คนเที่ยวสะปันนิยมแวะกันก็คือ โก.ด.2499 เป็นร้านริมผา ขายอาหารตามสั่งและกาแฟโบราณ วิวมองเห็นภูเขาและทุ่งนาด้านล่างสวยเลย


เวลาเหลือครับ แวะ พระตำหนักภูฟ้า สักหน่อย อยู่ทางตอนใต้ของบ่อเกลือ ตำหนักนี้ถูกสร้างในปี พ.ศ.2542 ไว้เป็นที่ประทับของพระเทพตอนมาเยี่ยมชมบ่อเกลือ ตอนนี้ปิดไม่ให้เข้าชมแต่ชมภายนอกได้นะครับ พระเทพมีตำหนักสร้างไว้ที่น่านสองแห่งคือตำหนักธงน้อยที่ อ.เมือง และตำหนักภูฟ้าที่นี่


ใกล้กันมีการสร้าง ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา ที่ถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตรให้ประชาชน และมีสินค้าชาวบ้านให้เลือกซื้อ

 
ไม่ค่อยมีอะไรครับ เข้ามาแล้วชอบสุดก็ตัวเนี้ย
แมลงอะไรสักอย่างเจอในห้องน้ำ ถามเพจนี่ตัวอะไรก็ไม่มีใครตอบได้


ข้ามภูคาอีกรอบเพื่อกลับเมืองน่านครับ คราวนี้กลับเส้น 1081 ทางใต้บ้าง เป็นถนนที่มีจุดถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก เยอะแค่ไหนไปชมกัน

"โค้งพับผ้าบ่อเกลือ" มีเนินให้ถ่ายเห็นถนนพับคดเคี้ยว แต่จุดถ่ายรูปชัดๆ ค่อนข้างแคบ ลงไปยืนได้ทีละคนเองครับ


"ถนนเลข 3" จุดถ่ายรูปที่โด่งดังที่สุด ชาวบ้านเรียกถนนนี้ทั้งเส้นว่าถนนเลข 3 ไม่ได้หมายถึงสุขุมวิทนะครับ หมายถึงถนน 1081 ที่มีโค้งเลข 3 อันโด่งดังนี่แหละ ตรงนี้มีคนลงมาถ่ายรูปกันมากขนาดมีข้าวของวางขายเกิดเป็นชุมชนเมือง ถ่ายง่ายด้วยครับ ถนนมันสูง ถ่ายไม่ให้ติดคนได้สบายๆ




 
"โค้งรูปตัว U" จุดถ่ายรูปกว้าง แต่จะถ่ายให้เห็นทั้ง U ต้องรอจังหวะคนโล่งๆ หน่อย


นอกจากนี้ยังมีโค้งเลข 0 และจุดอื่นๆ อีกหลายจุดเลยนะครับ ใครสะดวกถ่ายรูปตรงไหนก็จอดรถลงมาได้เป็นระยะๆ ได้รูปกันเป็นอัลบั้มกว่าจะถึงพื้นดิน

ทางกลับเข้าเมืองน่านแวะกินข้าวในป่าทำมาครับ เป็นรีสอร์ทสวยในสวนยางริมแม่น้ำน่าน จากทางเข้าร้านผ่านสวนยางเข้ามาอีกเป็น กม. เลยครับ ที่นี่เป็นที่พักและมีร้านอาหารด้วย
 

 

 

ขับมาสักพักจะถึงที่จอดรถ และมีเจ้าหน้าที่บริการขับรถกอล์ฟพาเข้าไปถึงร้านอาหารครับ ร้านชื่อ ป่ากำกิ๋น เป็นฟิวชั่นอาหารท้องถิ่นและอาหารฝรั่ง สั่ง อกเป็ดรมควันบรั่นดี ซุปข้าวโพดเนื้อปู และข้าวซอยไก่ พระเจ้า... มันไม่อร่อยแฮะ ทั้งที่ร้านออกจะดูดีขนาดนี้ทำไมข้าวซอยมันสู้ที่ซื้อจากถนนคนเดินเมืองปัวเมื่อวานไม่ได้ด้วยซ้ำ เนื้อปูในซุปข้าวโพดก็กลิ่นอย่างกับตกแกงปูมา แต่บริการดี วิวเลิศจริง อันนี้ต้องคารวะ


วันนี้พักแถวๆ พระธาตุเขาน้อย เคยมาแล้ว แต่ไหนๆ ก็อยู่ใกล้ซะขนาดนี้แล้วก็ขอเที่ยวสักหน่อยครับ จุดชมวิวยอดฮิตของเมืองน่าน ♥


คืนนี้พักที่ Casa Foresta Nan ราคาแทบไม่ต่างจากคืนก่อนๆ เท่าไหร่ แต่ห้องดูดีมากกกกก แยกอยู่คนละหลังเลย มีที่จอดรถทุกหลัง เพดานสูงโปร่งสบาย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ และราคานี้รวมอาหารเช้าด้วยนะ ด้านหน้าที่พักเป็นร้านเบเกอรี่ Monka เสียดายไม่พอดีมื้อเลยไม่ได้ลองเลยครับ


วันที่ 31 ก.ค. 66 และเป็นวันที่ 4 ของการเดินทาง วันนี้ดิ่งกลับ กทม. อย่างเดียวเลยครับ ก่อนอื่น ขอทำบุญไหว้พระสักหน่อย (วันนี้เป็นวันเกิด จขบ.) หน้าที่พักมี วัดพญาวัด ที่ตั้งของเวียงวัดพญาวัดที่สร้างก่อนสร้างเมืองน่าน มีอายุราว 600 ปี ปัจจุบันกำลังบูรณะอุโบสถอยู่ ด้านหลังมีเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม 5 ชั้น ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น 60 องค์ เป็นเจดีย์โบราณที่ได้รับอิทธิพลจากเจดีย์กู่กุดที่ลำพูน


ถ้ามาน่านอีกก็จะพักที่นี่อีกครับ ที่พักดี มีซากอิฐให้เที่ยว เป็นการท่องเที่ยวที่รีเฟรชมาก จากนั้นก็มาเผาพลังทิ้งตอนเดินทางกลับ ผมออกจากน่านแปดโมงเช้า กินมื้อเที่ยงที่พิษณุโลก และกินมื้อเย็นที่อยุธยา ก่อนถึง กทม. ทุ่มนึง

 


ปีนี้หน้าฝนน่าจะยาวไปอีกเป็นเดือนเลยครับ ใครสนใจเที่ยวปัว-บ่อเกลือ ยังคงไปชมนาสวยหน้าฝนได้ทันนะ


 



Create Date : 28 ตุลาคม 2566
Last Update : 28 ตุลาคม 2566 14:03:24 น.
Counter : 1545 Pageviews.

55 comments
พาหาของกิน ตลาดเก่าบางใหญ่ อาหารอร่อยหลากหลายราคาไม่แพง นายแว่นขยันเที่ยว
(19 เม.ย. 2567 00:21:59 น.)
ข้าวหมูแดงสุณี ตลาดพลู & ข้าวหมูแดงศิริพร โภชนา เสาชิงช้า & ขนมครกไข่ เจริญกรุง103 peaceplay
(24 เม.ย. 2567 06:22:08 น.)
สงกรานต์หรรษา จันทราน็อคเทิร์น
(18 เม.ย. 2567 11:24:41 น.)
วัดพระธาตุเสด็จ อำเภอเมือง ลำปาง tuk-tuk@korat
(14 เม.ย. 2567 13:54:44 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณเริงฤดีนะ, คุณThe Kop Civil, คุณกะว่าก๋า, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณSweet_pills, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณสองแผ่นดิน, คุณtoor36, คุณmariabamboo, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณNENE77, คุณtanjira, คุณkae+aoe, คุณnewyorknurse, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณ**mp5**, คุณกิ่งฟ้า

  

เจิมๆๆ
หอศิลป์ริมน่าน..เคยสวัสดีกับ อจ.ที่เป็นเจ้าของ
ในส่วนที่เป็นตึกนิทรรศกาล และ สอนวาดเขียน
(ตึกใหม่ด้านใน


ส่วนเรือนไม้เก่าๆริมน้ำข้างๆ..นั้น
ยังจำไม่เคยลืมเลือน..
้ดินลงไปชมภาพวาดจากศิลปินนิรนามภายใน 2 คน มีคนเข้าชม 2-3 คน..ก่อนหน้าเรา
และผ่านไป

เหลือตัวเราจะกลับออกยืนที่ประตู
แฟน ขึ้นไปยืนถ่าย บนบันได ขึ้น ทางเข้าด้านนอก
รีๆรอๆม่ถ่ายซะที..เราถามรออะไร
เขาบอก .
รอให้ชายชราที่ใส่เสื้อหม้อฮ่อม
หลังแม่อ้อ..เดินพ้นเฟรมไปก่อน

เราหันไป..ไม่ใครนี่หว่า


หุหุหุ

แล้วจะมาอ่าน..ต่อค่ะ
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 28 ตุลาคม 2566 เวลา:19:33:09 น.
  
พี่ก๋ายังไม่เคยไปน่านเลยครับ
มาบล็อกนี้บล็อกเดียว
เหมือนเที่ยวได้ครบในที่หลักๆที่โด่งดังของน่านเลย
ชอบที่สุดน่าจะเป็นหอศิลป์ครับ
อยากให้มีแบบนี้เยอะๆในทุกจังหวัดเลย

วัดน่านก็สวยนะครับ
มีความเล็กๆแต่สวยงาม
วัดทางเหนือวิหารจะเล็กๆ
เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวเลยครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 ตุลาคม 2566 เวลา:21:50:02 น.
  
สวัสดีค่ะน้องชีริว

น่านเป็นอีกจังหวัดที่อยากไปมาก
ได้แต่ไปจังหวัดใกล้เคียง
นาปู่สามสวยสดชื่นจังค่ะ
พี่ต๋ามาลงชื่อและขอบคุณน้องชีริวก่อนนะคะ
โดย: Sweet_pills วันที่: 29 ตุลาคม 2566 เวลา:0:36:03 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 ตุลาคม 2566 เวลา:5:32:03 น.
  
เที่ยวฤดูฝน หรือฝนตกผมชอบมากกว่าฤดูแล้งครับ ชุ่มฉ่ำใบ
ไม้เขียวดี..

ลำน้ำสวก... ผมเดาเอาจะครับคุณชีริว สวก ภาษาเหนือแปล
ว่า ดุ.. น้ำคงจะไปแรงหรือตกไปเป็นอันตราย 555

คนรักศิลป รักของเก่าโบราณมีเยอะครับ ผมคนหนึ่งที่ชอบน่าทึ่ง
ด้วย.. เคยไปเห็นแถวดงละคร นครนายก..เป็นป่าไผ่ไร้คนดูแล
จึงมีการแฮ่.. ต้มเหล้า หมักไว้จิบแล้วเมามาก ๆ อาหย่อย

เห็นเมืองน่านกับที่เที่ยวข้างบน ถ้าจะไปเที่ยวต้องวางแผนว่า
จะอยู่นานกี่วัน ดูแล้วคงจะอยู่ห่างไกลกัน.. ภูมิประเทศเป็นป่าเขาบ้านเมืองแบบไทยเหนือเก่า ๆ คงรักษาไว้มากพอสมควร

แต่ที่น่าวิตก เห็นภาพดอยที่ถูกถางเตียนโล่งน่ากลัวสภาพ
ป่าจะเสียหายถ้ามีมากกว่านี้

แต่มาคิดถึงภาพ ุภูเขาที่ ตปท. เป็นเขาหัวโล้นมีแต่หญ้ากับหินแล้ว ทำไมเขาอยู่ได้มีน้ำด้วยแถมอากาศหนาวเย็น
แล้วทำไม ๆ ของไทย/ลาวจึงน้ำป่าไหลหลากน่ากลัวฤดูร้อนก็ร้อนสุด ๆ
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 29 ตุลาคม 2566 เวลา:7:36:53 น.
  
เจิมไม่ทันแล้ว เดี๋ยวมาใหม่ มาตอบก่อน
จริงๆ มีอีกบล็อกเกี่ยวกับเรื่องยูกิโอ แต่มันเฉพาะทางเกินไป ปล่อยไปดีกว่าครับ อ่านไม่รู้เรื่องหรอก 555 แต่ในอนาคต ยอดวิวพุ่งแน่ๆ ผมสนยอดวิวมากกว่าแล้วครับ

หลายเดือนที่ผ่านมาผมก็วุ่นวายกะชีวิตมาก ตารางงาน สิ่งที่ต้องทำ แน่นไปหมด ปีนี้น่าจะมีบล็อกรีวิวหนังสือการ์ตูนที่ยังไม่ได้อ่านอีกบล็อกมั้งที่อยากชวนไปดู (อัปเดือนหน้า) ปลายเดือนเลย เดี๋ยวอัปแล้วมาชวนครับ

นิทรรศการจุนจิ อิโตะ ผมยังสองจิตสองใจว่าจะไปชมดีมั้ย ไม่ใช่เรื่องที่ติดตามด้วยเลยไม่อินเท่าไหร่ แต่มันก็น่าสนเพราะไม่ใช่ว่าจะมาจัดที่ไทยง่ายๆ คงกลับไปคิดอีกทียังมีเวลาให้ตัดสินใจอีกนานพอสมควร คุณชีริวเอามาอัปบล็อกได้มั้ยครับ น่าจะเป็นบล็อกที่หลายๆ คนสนใจนะ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 29 ตุลาคม 2566 เวลา:10:20:46 น.
  
พี่ก๋าเป็นเด็กเรียบร้อยที่มีปัญหากับอาจารย์มากที่สุดครับ 555
คือไม่ยอมก็คือไม่ยอมจริงๆ
คุยกับหัวหน้าคณะสองหนเลยครับ
ทั้งที่เทคโนฯ และลาดกระบัง 555

แต่ถ้าให้มองย้อนกลับไปตอนนี้
ก็คงมีวิธีอื่นที่ดีกว่า
แต่ในตอนนั้น ในวัยนั้น
พี่ก๋าเลือกเดินหน้าชนกำแพงครับ 555

จริงๆแล้วพอพี่ก๋าเรียนจบ
อาจารย์ก็คงเข้าไปทำกิจกรรมกับนักศึกษาอยู่นะครับ
เพียงแต่นิสัยของเด็กแต่ละรุ่นคงไม่เหมือนกัน
พอดีพี่ก๋าไม่ยอมครับ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นกิจกรรมนักศึกษา
แล้วเป็นกิจกรรมที่ไม่จำเป็นต้องมีครูมาคอยสั่ง
ก็เลยไม่ยอม ทำแล้วมันอึดอัดน่ะครับ

ก็แบบเดียวกันเลย
ถ้าโตกว่านี้ ก็คงไม่ทำแบบนั้น
มันคงมีทางออกที่นุ่มนวลกว่าแน่ๆ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 ตุลาคม 2566 เวลา:20:47:56 น.
  
ตามเที่ยวน่านด้วยครับ ครั้งก่อนไปไม่ถึงบ่อเกลือครับ
ชอบเที่ยวเหนือฤดูหนาวครับ

โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 29 ตุลาคม 2566 เวลา:21:31:02 น.
  
ตามมาเที่ยวน่านด้วยคนครับ เป็นจังหวัดที่เคยไปมาหลายครั้งแต่ยังเที่ยวไม่ทั่วเลยครับ มาหาความรู้จากบล็อกคุณชีริวด้วยครับ
วิวนามองจากวัดภูเก็ตสวยมากครับ อยากไปเลย วัดภูเก็ตก็สวยด้วยครับ
ผมขอปักหมุดที่พักไว้ด้วยคนครับ ตอนแรกตั้งใจจะไปวิ่งที่น่านแต่ดันชนตลอดเลย ดอยภูคายังไม่เคยไป สะปันก็ยังครับ อยากไปสักครั้งเหมือนกัน น้ำตกที่สะปันสวยมากครับ น้ำเยอะด้วย
โดย: The Kop Civil วันที่: 29 ตุลาคม 2566 เวลา:21:57:46 น.
  
ปีนี้หน้าฝนยาวนะครับ แต่ออกพรรษาแล้ว เดี๋ยวน่าจะซาลง

เตาโบราณน่าสนใจครับ คงต้องค่อยๆ ขุดออกมาล่ะครับ พวกของเก่าของโบราณถ้าไม่ได้สนใจจริงๆ อาจเบื่อได้ง่ายๆ เหมือนกัน

สมัยก่อนพวกเจ้าตามหัวเมืองต่างๆ ไม่ค่อยมีกล่าวในหนังสือเรียนเท่าไหร่เลย ถ้าอยากทราบต้องออกมาหาอ่านเองจาหนังสือข้างนอกแทบทั้งนั้น เจ้าถิ่นมองกล้องด้วย ทรัพย์สินชิ้นสำคัญสินะครับ

ผมชอบภาพแบบศิลปะประยุกต์นะ มันดูร่วมสมัย และเป็นมีมได้ดี ซึ่งมันทำให้ชิ้นงานหลักดังยิ่งขึ้นไปด้วย

อาหารผมเดาว่าคงสะดวกเขาทำแหละครับ เลยกำหนดไว้ไม่กี่เมนู วัดต้นทางเหนือถึงจะต่างกันแต่ดูแล้วก็พอรู้ว่ามาจากทางเหนือ ตรงำแพงแสดงขอบเขตเมือง ตัวอักษรดูไม่ค่อยเข้ากับกำแพงเท่าไหร่ น่าจะทำให้มันดูกลมกลืนกันหน่อย วัดภูเก็ตตอนแรกงง แต่พออธิบายก็เข้าใจครับ ต้นดิ๊กเดียมแปลกดีครับจุดขายเลยนะนั่น

ที่พักนี่ดูแล้วแบบพักจริงๆ เลยะนะครับ เน้นนอน รีเควสเวลาอาหารเช้าได้ด้วย

ขึ้นดอยด้วย หมอกจัดจริงๆ ครับ จากภาพเชื่อแล้วว่าหมอกโหดจริง มองไม่เห็นข้างหน้าด้วย มองเห็นข้างหน้าไม่กี่เมตรเองมั้ง เห็นน้ำเป็นสีออกแดงแบบนี้ ต้องระวังหน่อย น้ำแรงแน่นอน

จุดชมวิวยอดฮิตของเมืองน่าน ตอนผมไปน่านพลาดซะงั้น เอาเถอะ ตอนนั้นไปเพราะงานด้วยแหละ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 29 ตุลาคม 2566 เวลา:23:36:10 น.
  
ภาพน้ำตกสะปันสวยมากกกค่ะ

น้องชีริวพักกลางนาหน้าฝนน่าสบายจริงๆ
กลางคืนคงเงียบสงบมากนะคะ
อาหารเย็น-เช้าที่ระเบียง ได้บรรยากาศดีๆ
น่าเจริญอาหารเป็นพิเศษด้วยค่ะ

บ้านจ่ามนัสเป็นพื้นที่ทรงคุณค่าอีกแห่ง
ชื่อเตาตั้งให้เกียรติเจ้าของบ้านและภรรยา
รวมถึงเฮือนหนานบัวผัน ก็ตั้งชื่อให้เกียรติหนานบัวผัน
ชื่อก็จะคงอยู่ไปนานเท่านาน น่าภูมิใจไปกับลูกหลาน

วัดทุกแห่งที่น้องชีริวพาชมก็งดงามมาก
พี่ต๋าอยากเที่ยวทุกแห่งรวมถึงบ่อเกลือสินเธาว์ด้วย
ผลึกเกลือแบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน มีเอกลักษณ์ดีนะคะ
อ้อ อยากขับรถบนถนนเลข 3 ด้วยค่ะ
ภาพสวยราวกับในโฆษณารถยนต์เลย

ขอบคุณน้องชีริวที่พาเที่ยวนะคะ
สนุกเพลิดเพลินและให้ความรู้ด้วย
น้องชีริวจะพาเที่ยวที่ไหนอีก พี่ต๋าจะตามเที่ยวต่อค่ะ
โดย: Sweet_pills วันที่: 29 ตุลาคม 2566 เวลา:23:36:53 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 ตุลาคม 2566 เวลา:5:00:00 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องชีริว

มาอ่านการท่องเที่ยว เมืองน่าน ของเธอ จ้ะ อ่านตั้งแต่เมื่อคืน
จนจบ โหวดไปก่อน เม้นท์ไม่ไหว กลับจากอินเดีย เท้าบวม นั่ง
เครื่องบินแค่ 4-5 ชั่วโมง เป็นหวัดยังไม่หาย อากาศที่อินเดีย เลย์
ลาลัค หนาวมาก เพื่อนครูป่วย ต้องไปให้หมอตรวจและฉีดยา 2คน
และต้องซื้อกระป๋องอ๊อกซิเจน ดม หลายกระป๋องอยู่
สถานืั้ท่องเที่ยว อ่านจนจบ นับได้ประมาณ 18 แห่ง เช่น
แหล่งเตาบ้านบ่อสวก เตาดงปู่ฮ่อ หอศิลป์ โฮงเจ้าฟองคำ ครู
ได้ไปมาแล้วเหมือนกัน ร้านอาหารหนาวบังผัน วัดต้นแหลง ได้ความรู้ ชื่อของ ต้นแหลง คือต้น ยวงผึ้ง นั่นเอง
วัดพระธาตุ เบ็งสกัด วัดนี้ ตอนไปเที่ยวน่าน ก็ได้ไปไหว้
พระที่วัดนี้ จ้ะ วัดร้องแง ชื่อประหลาด แต่ได้ความรู้ ชื่อวัด มาจาก ต้น แง วัดศิลาแลง ฉายา แกรนแคนยอนเมืองปัว
Cocoa valleg ที่นี่ ก็ไปมาแล้วเหมือนกัน จ้ะ โกโก้
แพงมากเหมือนกัน ถนนคนเดินเมืองปัว วัดปรางค์ จุดขายคือ
ต้น ดิ๊กเดียม ต้นนี้ พวกครูก็ไปดูมาเหมือนกัน
อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ต้นเต่าร่างยักษ์ ตระกูลปาล์มที่หายาก อุทยายแห่งชาติขุนน่าน น้ำตกสะปัน สวยมากเลย จ้ะ
ตำหนักภูฟ้า ศูนย์ภูฟ้า โค้งเลข 3 ไปถ่ายรูปเหมือนกัน โค้งตัวยู
ยังไม่ได้ถ่ายรูป สุดท้าย วัดพญาวัด
คุณภาพ ในการเขียนเรื่อง ท่องเที่ยว ยังเต็มเปี่ยม ได้รู้
ประวัติ สถานที่ต่าง ๆ ได้รูปที่สวยงาม จ้ะ

โหวดหมวด ท่องเที่ยว
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 31 ตุลาคม 2566 เวลา:17:08:43 น.
  
สวัสดีครับคุณชีริว
ไม่เห็นหน้าเห็นตากันนานเลย กลับมาก็ปล่อยบล๊อกที่เห็นแค่ชื่อผมก็ต้องรีบเข้ามาอ่านเลยครับ
เพราะเนี้ย...มีความคิดว่าอยากไปน่าน แนวปัวงี้ ถ้าเปิด Google map เห็นเส้นทางแล้วเครียด
คือผมอาจจะเป็นจรวดทางเรียบ แต่เอาจริงๆ ผมขับสายเขาอะไรแบบนี้ไม่ค่อยเก่งนัก
งวดทีแล้วแค่แม่กำปองผมก็ทำเบรกไหม้.......

เดี๋ยวผมกลับไปอ่านบล๊อกเก่านะครับ จริงๆ ผมก็ไม่ใช่สายวัด หรือพิพิธภัณฑ์ แต่ทำการบ้านไว้หลายๆ แนวก็ดีครับ

ทำไมชื่อ ยายชื่น กับจ่ามนัส คุ้นจังครับ.... แต่ก็อยากลองไปปั้นหม้อดูนะครับ

หอศิลป์นี่น่าสนใจครับ ปกติผมชอบเดินๆ งานที่ดัดแปลมาจากศิลปะโบราณอย่างเท่ครับ ต้องไปดูแล้ว

ดูหน้าตาอาหารที่ร้านเฮือนหนาวบัวผัน น่าทานมากครับ เห็นแล้วหิวทันที 55555
ชอบวัดต้นแหลงกับวัดร้องแงๆ เอ้ย แงเดียว....ครับ บาปชัดๆ ผมตั้งใจจะแวะพระธาตุแช่แห้งด้วย รู้สึกว่าศิลปะเหนือ ๆเท่ดีครับ มันมีความล้านนา ผสมพม่า ผสมสาว เรียกว่าเห็นแล้วรู้เลยว่าศิลปะเหนือฝั่งนั้นแน่นอน ว่าแต่วัดภูเก็ตทำไปอยู่น่าน5555

โอ้!!! Cocoa Valley นี่อย่างสวยครับ ชอบมาก ถ้าขับไหวอยากไปเลยครับ

ต้นดิ๊กเดียม....หืออออ ผีตานีไหมครับ....

อาหารที่ที่พักดูดีนะ แต่แมลงทอดนี่ไม่ได้ T_T ผมอยากลองพักโฮมสเตย์ดูเหมือนกัน น่าจะได้บรรยากาศดี

โอ้ ต้นไม้ยักษ์ ใหญ่จริงๆ ครับ เหมือนที่ไหนนะที่คุณชีริวเคยพาไป แถวๆ อุทัยอ่ะครับ ดูโบราณๆ ดี เหมือน the lost world
อันนี้คุณชีริวนอนเต้นท์ด้วยไหมครับ แหม่...อยากเลย แต่คงต้องไปกับเพื่อน แฟนคงไม่มัก เหอะๆ

เดี๋ยวๆๆๆๆ อะไรคือ หรอยแรง แกงใต้ที่ปัว 555555555555
แต่แม่น้ำแรงจริง เคยเห็นคลิปน้ำป่าที่สะปัน น่ากลัวมากครับ

หือ.....แมลงอะไรให้ห้องน้ำครับ 555 ระวังโดนกัดแล้วกลายเป็น Super Hero นะ
โค้ง 1081 ที่อย่างเอาครับ อยากไปถ่ายรูปอยู่เหมือน แต่สงสารตัวเองกับรถมาก โค้งเลข 3 นี่เบรกไหม้แน่

โอ้ ร้านป้ากำกิ๋นนี่เคยได้ยินตามรีวิว ว่าดีครับ อันนี้อาจจะแนวผม ต้องไปลองซะแล้ว
ข้าวซอยไม่อร่อยหรอครับ ผิดหวังเลยงี้ ข้าวซอยที่ผมว่าอร่อยแบบว้าวนะ ข้าวซอยฟ้าฮาม กับข้าวซอยนิมมานห์ ที่เชียงใหม่ครับ

เห็ฯด้วยครับว่าไปเที่ยวธรรมชาติแบบนี้ สดชื่น เหมือนได้ชาร์จพลังงานจริงๆ ครับ
แต่รถติดขากลับอาจจะใช้พลังทั้งหมดหมดไปเลย 55555
ชอบมากครับ ไว้ตามไปบ้าง แต่ขอทำใจเรื่องขับรถแพร้บ
สรุปขับยากไหมครับ ถ้าผมเช่า Civic 1.8 ซักคัน จะสบายไม่อ้วกใช่ไหม
โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 1 พฤศจิกายน 2566 เวลา:12:47:25 น.
  
จากบล๊อก
สวนทิวลิปนี่ไม่มี youtuber คนไหนเลยบอกผมว่าคนเป็นล้านอยู่ที่นั่น... คนเยอะมากครับ
จริงครับ ระยองหาที่เที่ยวยากหน่อย แต่จริงๆ ผมแค่ใช้เวลาอยู่ที่ชายหาดหน้าโรงแรมก็สุดยอดแล้ว พักผ่อนแท้จริงมาก
คราวหน้าว่าจะไปพายคายัคซักหน่อย

ร้านฮารุมิกิ ไม่เคยได้ยินเลยครับ ผมไปแต่ร้านหล้า ผับบาร์ 5555
เกือบไปกินแหลมเจริญซีฟู้ด แต่เช็คราคาแล้วแพง ดีที่กลับตัวทันครับ
โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 1 พฤศจิกายน 2566 เวลา:12:50:42 น.
  
สวัสดีจ้าชีริว
พาเที่ยวน่านแบบจุใจเลยนะนี่
ได้ดูเตาโบราณ ไหว้พระ เที่ยวน้ำตกสวยๆอีก
อาหารก็มีรีวิวที่พักก็มา เที่ยวดอย มีวิวทุ่งนาสวย
มีถนนสวย มีภาพศิลปะให้ชมอีก
เป็นการเที่ยวที่คุ้มค่าไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่ากันเลยทีเดียว
เหมือนได้เที่ยวน่านทั้งจังหวัดเลยนะนี่
อยากกินไจ่ต้มเกลือจัง (ไปลองต้มไข่ใส่เกลือดูดีกว่า)
แถมท้ายมีซากอิฐให้สำรวจถือว่าcompleteเลย
มีแมวด้วยล่ะ


โดย: NENE77 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2566 เวลา:23:02:50 น.
  
สวัสดีค่ะชีริว

พี่ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ
พี่เพิ่งรู้ว่าน่านมีบ่อเกลือด้วยนะคะ
คราวก่อนไปอัมพวาพี่ซื้อดอกเกลือมาไว้กินค่ะ
เขาว่าดีกว่าเกลือทั่วไปนะคะ

ชอบน้ำตก ตาดมุ่น สวยมากค่ะ

ถนนสวยเชียวนะคะ มีโอกาสพี่อยากไปถ่ายรูปบ้าง

มีความสุขกับการทำงานในเมืองกรุงแล้วนะคะชีริว
โดย: tanjira วันที่: 2 พฤศจิกายน 2566 เวลา:6:54:36 น.
  
ตามเที่ยวด้วยค่ะ
โดย: kae+aoe วันที่: 2 พฤศจิกายน 2566 เวลา:8:22:02 น.
  
ส่วนใหญ่จะชินกับวาซาบิมากกว่าวะบิซาบินะครับ 555

เมื่อมองทุกสิ่งลงไปให้ลึกเราควรเห็นเป็นความงาม
หรือเห็นเป็นความไม่มีครับ
.
.

เป็นคำถามที่น่าสนใจมากเลยครับ
ถ้าตอบแบบเร็วๆ
พี่ก๋าจะนึกถึงการมองเห็น "ความจริง" มากกว่าครับ
เพราะความงามบางอย่างก็ไม่จริง

ส่วนความไม่มีนั้น
ถ้ามันมี เราก็จะต้องมองไม่เห็นแน่ๆครับ
เพราะถ้ายังเห็น "ความไม่มี" อยู่
ก็แปลว่ามันยังมีอยู่ เราถึงมองเห็นมันนะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 พฤศจิกายน 2566 เวลา:23:15:14 น.
  
สวัสดีค่ะน้องชีริว

เตาไมโครเวฟบ้านพี่ต๋ามีระบบย่างแต่ไม่ได้ใช้ระบบนี้นานมากแล้วค่ะ
มีครั้งนึงพี่ต๋าลืมเปลี่ยนจากย่างเป็นไมโครเวฟ
ก็มีเสียงเปรี๊ยะๆ ควันขึ้น หลังจากนั้นก็ใช้ทำหน้าที่เดียวมาตลอดค่ะ

ขอบคุณกำลังใจนะคะน้องชีริว



โดย: Sweet_pills วันที่: 3 พฤศจิกายน 2566 เวลา:23:21:57 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 พฤศจิกายน 2566 เวลา:5:56:41 น.
  
อ่านเรื่องนี้เรื่องเดียว เหมือนได้ไปเที่ยวน่านเลย ขอบคุณเจ้าของบทความมากๆนะคะที่นำมาเล่าให้ได้ชม ได้อ่าน เห็นภาพตามเลย
โดย: สมาชิกหมายเลข 7534323 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2566 เวลา:6:34:54 น.
  
อ้อ ลืมไปค่ะ แมลงในรูป น่าจะเป็นพวกผีเสื้อชนิดหนึ่ง มีความคล้ายผีเสื้อของทางแถบอินเดียนะคะ อ้างอิง >> https://www.mothsofindia.org/eudocima-spp
โดย: สมาชิกหมายเลข 7534323 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2566 เวลา:6:39:24 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องชีริว

ขอบใจที่มาให้กำลังใจ เม้นท์ บล็อก ตะพาบ ที่บล็อกครูจ้ะ
เหนื่อยกับทริป เลย์ ลาลัค อินเดีย มาก กลับมาไม่ได้พักเลย ต่อด้วยงาน ธาตุทอง คืนถิ่น ซึ่งจะจัดในวันที่ 11 พ.ย. นี้จ้ะ ยังไม่รู้จะได้เล่าเรื่องให้อ่านอย่างไร เก็บเรื่องราวค่อนข้างยาก เพราะเป็นทริปที่ลูกศิษย์จัด โปรแกรมมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพราะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพการณ์ที่เกิดขึ้น ดินฟ้าอากาศ และเพื่อนที่ไปด้วยเกิดป่วย 2 คน ลูกศิษย์ที่จัด ต้องพาเข้า ร.พ. คลินิก 2 คน อากาศก็หนาวมาก เดินก็เยอะ แต่ก็คุ้มค่ากับ
ธรรมชาติที่สวยงาม จ้ะ ยังไม่ได้ลงเฟสเลย อิอิ

โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 4 พฤศจิกายน 2566 เวลา:11:28:12 น.
  
จากบล๊อก

หมอกลงนี่ผมจบเลย สายตายิ่งไม่ค่อยดีอยู่ ทุกวันนี้ถ้าไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์ เพื่อนขับตามหลังนี่รู้เลย เพราะทรงจะแปลกๆ 5555
โอ้...มาสด้า 2 ดีเซล มันแรงอยู่แล้วครับ! เหลือๆ ทางเรียบๆ จากออกตัวทางสั้นๆ นี่ผมยอม....

อ้อ อุทัยนี่เอง ใกล้แค่นี้ มีโอกาสจะไปเที่ยวดูครับ นอนซักคืนสบายๆ

ดื่มนมไหนก่อนครับ 555555555
ใช่ครับ เสียดายเวลานอน ยิ่งรู้ยิ่งหงุดหงิด
เรื่องกาแฟ คนรู้จักผมหลายคนก็แบบนั้นครับ กินไม่กินไม่มีผล กรนได้ตลอด

ฮาโลวีน แอลดูง่ายครับ ทำงานต่อได้ด้วย 5555

บางไซต์ฝุ่นละเอียดๆ กำลังเยอะๆ เค้าก็มี N95 ให้ใส่ครับ พวกผมก็ใส่เพราะกลัวมะเร็งปอด แต่ต้อง ecomode ครับ หายใจไม่ออก

ไอ่เพื่อนนี่ทีแรกผมนึกว่าหายใจไม่ออกจาก N95 เห็นวิ่งมาเหนื่อยๆ แต่มันพูดจางงๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องมาก่อนแล้ว คงท้องเสียแล้วแล้วขาดนี้งี้มั้งครับ แต่คนนี้เมาก็หลับนะครับ นั่งกัน 2 คนนี่หลับคาโต๊ะมาแล้ว ผมนี่บอกเลยว่า กุไม่กินกับเมิง 2 คนแล้ว หามไม่ไหว!
โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 6 พฤศจิกายน 2566 เวลา:16:50:11 น.
  
ดูยูทูปช่องที่ยูทูปเบอร์เขาไปเที่ยวที่พม่า
ดูแล้วนึกถึงชีริวเลยนะ เจดีย์เยอะมาก
และค่อนข้างสมบูรณ์เลยล่ะ
ไม่คิดจะไปสำรวจแถวเพื่อนบ้านบ้างเหรอ
แต่ตอนนี้อย่าพึ่งไปดีกว่าเหมือนจะมีเรื่องราวกันอยู่

โดย: NENE77 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2566 เวลา:13:56:23 น.
  
สวัสดีครับคุณชีริว

เพิ่งตามมาเที่ยวน่านครับ
ยังไม่ตกรถทัวร์ใช่ไหมครับ..
(คุณชีริวบอกจนเขาล้างรูปกันหมดแล้ว 55)

เห็นภาพเตาจ่ามนัสภาพแรก นึกไปถึงวัวกำลังหมอบ
ด้านหน้ารูปคือสองขาหลัง แหะๆ จินตนาการกันไป

แมวที่โฮงเจ้าฟองคำแอบขโมยซีนนะ น่ารักครับ
เห็นภาพทุ่งนาเขียวๆ แบบนี้สบายตาจัง ขนาดดูจากรูป
ถ้าได้เห็นจากที่จริง มีแดด มีลม ฉ่ำใจเลยนะครับ
การท่องเที่ยวแบบคุณชีริวนี้ดีมากเลยครับ
ผมนะ ถ้าไม่มีเพื่อนชวน หรือคนจัดโปรแกรมให้ ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนอะไรก่อน

โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 8 พฤศจิกายน 2566 เวลา:23:57:03 น.
  
สวัสดีค่ะชีริว

แวะมาทักทายค่ะ

โดย: tanjira วันที่: 10 พฤศจิกายน 2566 เวลา:14:59:31 น.
  
เท่าที่่อ่านดู พิพิธภัณฑ์นี้เป็นเรือนของยายชื่นแม่ของภรรยา
แสดงว่าจ่ามนัสน่าจะเป็นฝ่าที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง (ภรรยา) ใช่มั้ยครับ
ดูจากรูปมีการดูแลรักษาดีทั้งที่เป็นที่ของชาวบ้านแท้ ๆ แถมเข้าชมฟรีด้วย
พออ่านไปถึงว่าเคยมีเชื้อพระวงศ์เสด็จมาทำเวิร์คช็อปถึงที่ด้วย
ครอบครัวนี้คงดูแลที่นี่อย่างดีชั่วชีวิตแน่เลยครับ ^^


จริง ๆ หน้าฝนนี่ถ่ายรูปสวยนะครับ นอกจากบรรยากาศดูซอฟท์แล้ว
พื้นเปียกมันจะมีเงาสะท้อนขึ้นมา ถ้ามีแสงก็เห็นเป็นประกายด้วย
พวกคนถ่ายภาพสถาปัตยกรรมบางคนชอบภาพแบบนี้ครับ
บางทีพื้นไม่เปียกก็เอาน้ำไปสาดให้เปียกเพื่อที่จะถ่ายรูปก็มี ^^"


แอมโมไนต์ขนาด 1 ฟุต 7500 บาทนี่ไม่แพงเลยครับ
ถ้าเจออีกทีคุณชีริวต้องรีบจับจองแล้วล่ะ
เพราะราคามันดูเป็นมิตรกว่า Myth EX ตัวใหม่ ๆ อีก 55



เพิ่งรู้ว่าเต่าร้างยักษ์เป็นของหายาก ไม่รู้อันเดียวกับเต่าร้างมั้ย
ถ้าใช่อันเดียวกัน มันไม่น่าจะสูญพันธุ์ง่าย ๆ นะ
ท้ายซอยบ้านผมมีขึ้นเองต้นนึง ลูกมันร่วงเกลื่อนพื้นจนต้องตัดทิ้ง
แต่ตัดแล้วก็งอกใหม่อีก ตัด ๆ งอก ๆ เหมือนพืชจากดาวนาเม็กเลยแฮะ


อื้อหือออออ ขาหมูขุนเขาธารา ท่าทางน่าอร่อยจริง
ขนาดจอมมารชีริวให้ 5 ยิ้มเต็ม แสดงว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ
โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 12 พฤศจิกายน 2566 เวลา:16:22:57 น.
  
ที่มาคุย
จะให้ผมขยี้เหรอครับ อย่าเลย เดี๋ยวบล็อกแตกนะเออ ปล่อยมันไปเถอะ เอาเข้าจริงปีนี้ผมยังคิดอยู่ว่าจะเอาแบบเดิมดีมั้ย (ไม่ติดสายสะพาย) ทีมงานดันไม่เปิดเผยสีของสายสะพายก่อนล่วงหน้าด้วยนี่สิ ถ้าเปิดเผยก่อนได้ก็ดีจะได้ตัดสินใจได้ง่าย (ติดเพราะสีสวยเนี่ยะนะ 555) บางปีสีสวย แต่บางปีก็ไม่ค่อยส่วย อย่างปีที่ผ่านมาผมว่าสีไม่สวยเลย

เอาเฉพาะที่แกะแล้วเป็น 100 เลยครับ ถึงเงินเก็บจะเข้าเป้า แต่ผมว่าต้องลดการซื้อลงแล้วล่ะ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 12 พฤศจิกายน 2566 เวลา:21:47:14 น.
  
ใช่ครับ
เป็นทริปบางปูเมื่อหลายปีก่อน
แต่มีภาพนึงที่ญี่ปุ่นด้วยครับ

พี่ก๋ายังไม่เคยตั้งยอดเงินเลยครับ
แต่ไปทริปนึงสามคนน่าจะเยอะอยู่นะ 5555

เนเธอร์แลนด์ถ้าไป
น่าจะไปดูงานศิลป์หลายที่เลยครับ


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 พฤศจิกายน 2566 เวลา:22:58:12 น.
  
ลืมไป จริงๆ ผมมีบล็อกนึงเผื่อคุณชีริวสนใจ ตำราเรียนเด็กประถมจีน สนใจลองเข้าไปดูได้ครับ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 12 พฤศจิกายน 2566 เวลา:23:04:21 น.
  
สวัสดีค่ะน้องชีริว

ขอบคุณน้องชีริวมากนะคะที่แวะชมเมนูบ้านพี่ต๋า
พะแนงพี่ต๋าใช้น้ำพริกสำเร็จรูป
มีเจ้าประจำที่แนะนำและจัดน้ำพริกให้ได้ก็สะดวกค่ะ
พะแนงเนื้อกับพะแนงกุ้งก็น่าทำด้วย
พี่ต๋าไม่กินเนื้อแต่ทำให้คนที่บ้านได้ค่ะ

ขอบคุณกำลังใจนะคะน้องชีริว







โดย: Sweet_pills วันที่: 13 พฤศจิกายน 2566 เวลา:0:12:25 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 พฤศจิกายน 2566 เวลา:5:18:33 น.
  
สวัสดีค่ะชีริว

ช่วงเย็นแดดร่มลมตก อากาศดีค่ะ

ขอให้มีความสุขกับทุกทริปที่จะไปนะคะชีริว
พี่รอชมรูปสวยๆค่ะ

โดย: tanjira วันที่: 13 พฤศจิกายน 2566 เวลา:8:48:36 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 13 พฤศจิกายน 2566 เวลา:9:46:56 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องชีริว

ครูเพิ่งกลับจาก เทอร์มินอล 21 ไปแจ้งยกเลิกสัญญาทรู มัน
ขี้โกงมากจ้ะ เราเป็นลูกค้าเป็นสิบ ๆ ปีหลังจากเกษียณ มันให้โปร
เดือนละ สามร้อยกว่ามาก จากหกร้อยกว่าบาท คือ 50% นั่นแหละ
บอกว่า จะต่อให้โดยอัตโนมัติ อยู่ ๆ มันก็แจ้งมาเป็นราคาเต็ม ครู
โทรไปถามว่า ไหนบอกต่อให้โดยอัตโนมัติ แล้วทำไมเสียเต็ม มันบอกว่าโปรนั้นมันหมดแล้ว เอ้า! แล้วทำไมไม่แจ้งเรา เก็บเงินเราเต็มได้อย่างไร ครูไปเที่ยวอินเดีย เลยโดนไปอีกเดือน กลายเป็นต้องจ่ายมันสองเดือน ครูเลยขอเลิกสัญญา วันนี้ไปยกเลิกสัญญา
มันบอกว่าตอนนี้มีโปร 299 บาท ครูบอกไม่เอาแล้ว จะไปค่ายอื่น
แล้ว มันก็บอกว่า ยังยกเลิกไม่ได้ ต้องเอาเครื่องของมันไปคืนให้อีก
โห! มันเอาเปรียบลูกค้าจริง ๆ ตอนนี้มันรวมกับดีแท็ก ได้ มันเลย
ไม่สนใจลูกค้าเก่าเลย แย่มาก ขี้โกงด้วย จ้ะ ขอบอก

ตอนนี้กลับถึงบ้าน เหนื่อยมาก ต้องไปคืนมันก่อนวันที่ 15 นี้
ไม่งั้นมันก็คิดเราเต็มเดือนอีก เฮ้อ ! คบไม่ได้จริง ๆ

ขอบใจชีริว ที่เข้ามาชิม ต้มยำ ของครู ครูไม่ถนัดเรื่องอาหาร
หรอก ที่เขียน ๆ หลายบล็อก เพราะยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย แล้ว
อีกอย่าง ได้อ่านของน้องต๋า ของ น้องโอ เขาทำอาหาร หน้าตา
น่ากิน เลยเกิดแรงบันดาลใจ ลองเขียนดู น้องต๋า น้องโอ ก็ชม
ว่า หน้าตาน่าอร่อย ห้าห้าห้า ได้กำลังใจ ทำเอง ชิมเอง เออ!
ก็อร่อยใช้ได้ นะเนี่ย อิอิ
เสร็จจากงานคืนสู่เหย้าแล้ว คงได้พักเป็นเดือน ได้นอนเต็ม
อิ่มมากขึ้น จ้ะ ตะพาบก็เพิ่งเขียนเมื่อคืน ส่งเรียบร้อย เดี๋ยวว่าง ๆ
คงมีคิวเรื่องเที่ยว เรื่องงานธาตุทองคืนถิ่นเขียนบ้าง จ้ะ ขอบใจนะ
ที่แวะเข้ามาเยี่ยมบล็อกครู ให้กำลังใจ จ้ะ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 13 พฤศจิกายน 2566 เวลา:13:37:12 น.
  
สวัสดีครับคุณชีริว

มีคนให้ทฤษฎีกับ "ฝนราชการ" ไว้แบบนั้นแหละครับ อากาศเย็นพอดี ฝนตก.....แล้วต้องพอดี๊พอดีกับคนเลิกงานตลอด ใครปักตะไคร้นี่เขินเลย

ผมว่า ต่อใบขับขี่ทุก 5 ปี น่ารำคาญจริง แต่ก็ดีนะ เพราะหลายคนดันไม่ใน Condition ที่ควรขับรถ แล้วทะลึ่งขับขี่ อย่างที่เห็นอุบัติเหกตุปล่อยๆ renew กันทุก 5 ปี อย่างน้อยๆ จะได้รู้ว่า ไอ่นี่ไม่ชัก ไม่บ้า ไม่หูหนวก

อะเมซอนมันอยู่ตรงข้ามครับ 5555 ถือว่ามาได้ถูกจังหวะ ของขาดพอดี
ผมไม่ติดกาแฟครับ เพราะกินน้อยมาก แก้วนึงผมกินแค่2นิ้วจากปากแก้ว หรือมากหน่อยก็ครึ่งแก้ว เหมือนคุณชีริวแหละครับ กินเยอะหน่อยใจสั่น แถมปวดท้องอีก

โอ้ยยยยยย ไนท์มันไม่อยู่ๆ อยากลูบตรูดผมหรอออออ
แต่ไนท์ยังอยู่ดีครับ 55555
โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 13 พฤศจิกายน 2566 เวลา:18:33:24 น.
  
แวะมาจริงๆ ด้วย ยุคเฮียสีนี่สุดๆ เลยครับแกเล่นฮาร์ดพาวเวอร์อย่างเดียวเลย
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2566 เวลา:21:16:34 น.
  
สวัสดีครับ

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมบล็อกครับคุณชีริว

เรื่องนี้แต่ละตอนก็จบแบบเคลียร์ครับ ไม่งงค้าง
โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 14 พฤศจิกายน 2566 เวลา:21:30:25 น.
  
ตั๋วหนัง 140 เป็นโปรวันพุธรอบเช้าสุดครับ (ปกติ 200+ เหมือนกัน)
ที่มันราคาถูกเพราะเป็นรอบที่ดูลำบาก...เหมือนฉายแก้บน
คิดดู หนังฉาย 10:40 แต่ประตูห้างเปิดให้คนเข้า 10:30
กว่าผมจะซื้อตั๋วเสร็จก็เลย 10:40 แล้วอะ -_-"

M Cash มีแววได้ใช้เร็ว ๆ นี้ครับ (SF ใกล้บ้านกลายเป็น Major แล้ว T^T)
มีข่าวว่าหนัง Ghibli จะเข้าปลายเดือนนี้ ผมคงต้องดู Major นี่แหละ
โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 18 พฤศจิกายน 2566 เวลา:0:08:09 น.
  
บล็อกนี้เป็นบล็อกความรู้เลย ไม่คิดว่าท่องเที่ยวแต่เก็บข้อมูลมาขึ้นได้ขนาดนี้ จริงๆ เราว่าค่าเข้าชมพวกพิพิธภัณฑ์บ้านเราราคาถูกเกินไป แต่ราคาขนาดนี้คนยังไม่ค่อยจะไปเลย ขืนเก็บแพงกว่านี้ร้างแน่ แมวนั่นจริงๆ เป้นเจ้าของปลอมตัวมา

ร้านอาหารคราวนี้ระดับ กลางๆ แบบกลางจริงๆ ในภาพไปเที่ยวได้จังหวะดีเหมือนกัน แม้จะฝนตกแต่ภาพก็ออกมาดูดี เกลือจริงๆ แล้วบ้านเราไม่ค่อยส่งเสริมเท่าไหร่ ลองเทียบกับต่างประเทศเขาส่งเสริมกันเป็นเรื่องเป็นราวว่าเกลือจากถิ่นไหน ของบ้านเราดูมั่วๆ ไม่รู้แหล้งผลิตเลยก็มี ในภาพน้ำตกสวยดีหาวันหยุดไปเที่ยวน้ำตกที่ไหนสักแห่งบ้างน่าจะดี
โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 23 พฤศจิกายน 2566 เวลา:0:50:48 น.
  
ว่าจะมาแปะลิงค์ไว้พอดี เพราะเดี๋ยวจะถึงกำหนดอัปงานเขียนถนนสายนี้มีตะพาบแล้ว

งานหนังสือรอบนี้เหมือนเป็นการปลดปล่อยหลังจากที่ไม่ได้ไปงานหนังสือมา 2 ปีได้ หนังสือทั่วไปที่ได้มายังไม่ครบครับ บางเล่มของหมด บางเล่มเห็นแล้วอยากซื้อแต่ไปซื้อคราวหน้า เพราะจำนวนเล่มที่ซื้อมันยอดถึงโปรลดราคาสูงสุดเท่าที่เราต้องการแล้ว

ผมอยากเพิ่มเวลาออกกำลังกายให้ได้มากกว่านี้ ณ ปัจจุบันผมวิ่งได้แค่วันเสาร์ หรืออาทิตย์ สัปดาห์ละครั้งเท่านั้นซึ่งมันน้อยเกินไป ผมออกกำลังกายติดกันสองวันไม่ไหวเหนื่อยเกิน แต่ถ้ามีวันหยุดนักขัตฤกษ์ก็จะได้วิ่งเพิ่ม กำลังว่าจะเพิ่มพวก HIIT หรือ WORKOUT ในวันธรรมดาสักครึ่งชั่วโมง/วัน แต่กลับถึงบ้านก็เหนื่อยแล้ว เดี่ยวค่อยๆ ดูว่าเอาไงอีกที

ผมวิ่งก็วิ่งแถวบ้านครับ วิ่งในหมู่บ้าน เดี๋ยวนี้กลายเป็นกิจกรรมที่ขาดไม่ได้แล้วในรอบสัปดาห์ netflix ผมใช้ ID น้อง เลยไม่ค่อยได้ดูเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เรื่องเดียวกันที่ดูก็ต้องรอ ตอนนี้ดูเรื่อง "ขอให้รักเรานี้ได้มีความสุข" น่ารักมาก แต่เต็มที่ได้สัปดาห์ละตอน (ไม่ไหร่จะดูจบเนี่ยะ) มีพรีด๋อยไว้แล้วด้วย ผมได้ดูการ์ตูนจริงส่วนมากจะดูใน Youtube ช่วงก่อนไปทำงาน ไม่ก็หลังเลิกงาน ช่วงหลังถ้ามีที่นั่งผมหลับครับ เอาจริงกับชีวิตมากเกินไปมันเหนื่อย


ป.ล. ปีนี้จะมีอีก 2 บล็อกที่เป็นไฮไลท์ส่งท้ายปี อัปเดือนหน้า บล็อกต่างโลก (ชื่อชั่วคราว) กับ บล็อกเปิดโหวต (ชื่อชั่วคราว) เป็น 2 บล็อกที่อยากได้ความคิดเห็น โดยเฉพาะบล็อกเปิดโหวต
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2566 เวลา:21:35:09 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 พฤศจิกายน 2566 เวลา:5:22:07 น.
  
จากบล็อก
การแจกเงินเราเชียร์ให้ทำให้สำเร็จด้วยความจริงใจ เพราะถ้าทำไม่สำเร็จ พรรคนี้จะไม่เหลืออะไรอีกเลย แต่ก็ต้องตอบคำถามของประชาชนให้ได้ด้วยว่า ที่เคยพูดไว้สมัยหาเสียงคืออะไร แต่ก็คงตอบว่ามีไว้เพื่อหาเสียง
โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 2 ธันวาคม 2566 เวลา:18:44:10 น.
  
สวัสดีค่ะน้องซีริว พี่กิ่งแวะมาเยี่ยมชมก่อนที่จะพักไปอีกรอบค่ะ เพราะตาข้างที่เปลี่ยนเลนส์แผลหายดีแล้วกลับมีเยื่อบางๆมาปิดขอบตาดำแล้วต้องรีบไปลอกออกก่อนที่จะปิดตาดำจนมองไม่เห็นค่ะ พี่กิงเข้ามาไม่นานก็ต้องพักไปอีกรอบต้องขอโทษด้วนะคะที่มาช้า แต่มาแล้วได้อ่านได้ชมเมืองน่านจนจุใจเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยตัวเองจริงๆได้สาระความรู้ครบครันเลยค่ะน้องซีริวเขียนบล็อกได้เก่งจริงๆค่ะ

พี่กิ่งขอบคุณที่ไปให้กำลังใจที่บล็อกนะคะ คงจะเป็นปีหน้าแหละค่ะตาถึงจะรักษาหายดีไว้พี่กิ่งกลับมาใหม่นะคะ ขอให้น้องซีริวและครอบครัวมีความสุขปีใหม่ที่จะถึงนี้นะคะและจะรออ่านบล็อกเกาะคาด้วยค่ะ




โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 3 ธันวาคม 2566 เวลา:22:39:43 น.
  
ดองบล็อก~

มีบล็อกที่อยากเรียนเชิญครับ
[Nendoroid Story] ตัวตนจากอีกโลก

กับอีกบล็อกคือบล็อกล่าสุดเป็นการเลือกนักแสดง (อีกแล้ว) มีโอกาสก็ลองไปเลือกนะครับ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 27 ธันวาคม 2566 เวลา:0:23:34 น.
  
ขอบคุณมากครับแวะไปทั้ง สองบล็อกเลย เป็นสองบล็อกส่งท้ายปีเลยครับ

จากบล็อกลงคะแนน จริงๆ ผมควรแก้เป็น "เพิ่มค่าจิตใจมุ่งมั่น" มากกว่า แต่เพื่อนๆ แวะมาคอมเม้นต์แล้วพูดถึงเรื่องความแข็งแกร่งไปแล้ว มันแก้ไม่ทันแล้ว ทุกอย่างเกินความควบคุมไปแล้ว เลยปล่อยเลยตามเลยไปเลยครับ 555

ตอนนี้คะแนนเริ่มฉีกแล้วครับ แต่ยังไม่แน่เหมือนกัน อาจมีแซงทางโค้งก็ได้

เท่าที่ได้รับแจ้งมากิจกรรมโหวตยังอยู่ครับ แค่ไม่มีเงินรางวัลสนับสนุนในส่วนของ ตะพาบ และ Food for Fun
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 27 ธันวาคม 2566 เวลา:23:25:27 น.
  
จะหมดปี 2023 แล้ว
รูปใน head blog บล๊อกนี้ ชีริวเอามาเขียนบล๊อกบ้างยังเนี่ย
พอขึ้นปีใหม่ปุ๊บ สงสัยแอบเนียนมาเปลี่ยนตัวเลขเป็นปี 2024 แหง ๆ

โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 30 ธันวาคม 2566 เวลา:0:08:55 น.
  
โหวตหมวดพิเศษให้น้องชีริวค่ะ

สวัสดีวันส่งท้ายปี 2023

ขอให้น้องชีริวมีความสุขมากๆ มีสุขภาพแข็งแรง
ตลอดปี 2024 ที่จะถึงนี้นะคะ
โดย: Sweet_pills วันที่: 31 ธันวาคม 2566 เวลา:9:19:26 น.
  
สวัสดีปีใหม่ครับน้องชีริว

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 มกราคม 2567 เวลา:4:45:33 น.
  
สวัสดีปีใหม่ค่ะชีริว

ขอให้ชีริวมีความสุข มีสุขภาพที่แข็งแรงนะคะ
โดย: tanjira วันที่: 2 มกราคม 2567 เวลา:20:04:23 น.
  
สวัสดีปีใหม่ครับคุณชีริว

ขอให้คุณชีริวมีความสุข สุขภาพแข็งแรง
สำเร็จ สมหวังในสิ่งที่ตั้งใจนะครับ

โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 3 มกราคม 2567 เวลา:23:14:24 น.
  
สวัสดีปีใหม่ครับ
โดย: The Kop Civil วันที่: 5 มกราคม 2567 เวลา:9:28:31 น.
  
ตามมาเที่ยวจ้า
โดย: อุ้มสี วันที่: 6 มกราคม 2567 เวลา:16:45:16 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Shiryu.BlogGang.com

ชีริว
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 89 คน [?]

บทความทั้งหมด