วิถีชุมชนเก่าย่านเจริญกรุง-ตลาดน้อย

หลังจากพาเที่ยววัดใหม่ๆไปแล้วเมื่อ 3 เอ็นทรี่ที่ผ่านมา วันนี้กลับมาสู่แดนดินถิ่นกรุงเทพมหานครครับ เมืองหลวงแห่งนี้มีชุมชนเก่าที่คงสภาพเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนซ่อนตัวอยู่มากมายแม้กระทั่งใจกลางเมืองกรุงเทพ ก่อนกลับไปโหมดประวัติศาสตร์เที่ยวกรุงธนบุรีวันนี้ขอพาเที่ยวย่านเมืองเก่าแถวเจริญกรุง-ตลาดน้อย ซึ่งถูกปรับปรุงภูมิทัศน์ผ่านเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2563 (Bangkok Design Week 2020) ซึ่งมากับธีม Resilience: New Potential for Living | ปรับตัว > อยู่รอด > เติบโต

Bangkok Design Week 2020 จัดขึ้นในช่วงวันที่ 1-9 ก.พ. 2563 เพื่อแสดงการเตรียมพร้อมและปรับตัวของชุมชนต่างๆ ให้รับมือกับความเปลี่ยนแปลง เพื่อสามารถอยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ เป็นแนวคิดที่ดีมากๆครับ แต่ในงานเป็นเพียงการเชิญครีเอทีฟมาสร้างผลงานศิลปะตามชุมชนเหล่านี้ให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ได้สร้างตลาดใหม่หรือการขนส่งที่จะพาคนเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจให้ชุมชนมีโอกาสเอาตัวรอดไปอย่างยั่งยืน สถานที่หลายแห่งที่คนสนใจกันมากๆ อย่างศุลกสถานหรือบ้านเลขที่ 1 ก็ไม่ใช่ที่ๆ เปิดให้เข้าชมปกติ หลังเทศกาลนี้ก็จะกลับไปปิดตัวอีกครั้ง แรงดึงดูดให้คนเข้ามาเที่ยวชมชุมชนก็ลดลงไปอีก

แต่สำหรับคนท่องเที่ยวถ่ายภาพ งานนี้เป็น a must เลยครับ สถานที่หลายแห่งเลยเทศการนี้ไปแล้วก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะได้เข้าไปอีกไหม

งานออกแบบกรุงเทพฯ กระจายตัวอยู่กลางกรุงเทพทั้งสามย่าน ทองหล่อ-เอกมัย อารีย์-ประดิพัทธ์ และย่านอื่นๆ แต่ที่ผู้คนให้ความสนใจมากที่สุด และมีสถานที่ออกงานมากที่สุดคือย่านเจริญกรุง-ตลาดน้อยที่จะพาเที่ยวกันในบล็อกนี้ละครับ


แผนที่ย่านสร้างสรรค์เจริญกรุง-ตลาดน้อย จาก Guidebook ของงานออกแบบกรุงเทพฯ
(click ที่ภาพเพื่อชมภาพขยาย)

เจริญกรุง-ตลาดน้อย เป็นชุมชนริมน้ำที่เก่าแก่และเป็นต้นแบบย่านสร้างสรรค์ลำดับแรกของกรุงเทพฯ ตลอดเส้นทางจะมีทั้งอาคารผู้ประกอบการท้องถิ่นผสมผสานกับศิลปะของครีเอทีฟที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในงานนี้ ถึงอาคารเก่าทั้งหมดในย่านนี้จะมีอายุไม่เกินยุครัตนโกสินทร์ แต่ก็ทิ้งร่องรอยอดีตชวนให้ตามหา

ถ้ามารถส่วนตัวแนะนำให้จอดที่นี่เลยครับ โรงแรมริเวอร์ซิตี้ มีที่จอดมากมาย ค่าจอดชั่วโมงละ 40 บาท เปิด 10.00 - 22.00 น. โรงแรมนี้เป็นแหล่งค้างานศิลปะ จอดรถแล้วมาเดินดูได้เพลิดเพลินเลยครับ แต่อย่าเพลินมาก เดี๋ยวค่าจอดแพง

 
หน้าโรงแรมมีสำนักงานใหญ่ของน้ำปลาตราปลาหมึกอยู่  แต่โรงงานที่ผลิตน้ำปลาอยู่ที่สมุทรสงครามและสมุทรปราการนะครับ

มาเจออาร์ตแรกตั้งแต่ที่จอดรถเลย บอกให้รู้ว่าแถวนี้คือตลาดน้อยนะจ๊ะ เดี๋ยวจะกลับมาที่ตลาดครึ่งหลังของทริปนี้ครับ ขอลงใต้ไปเที่ยวบางรักก่อน

124

 

ขอเริ่มต้นจากหมายเลข 23 ในแผนที่เลยครับ บ้านเลขที่ 1 เป็นอาคารทรงยุโรปยุคนีโอคลาสสิค ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน แต่ในอดีตที่นี่คือบ้านของขุนราชพิมาน ขุนนางสมัย ร.5 และเคยใช้เป็นที่ตั้งกรมพระคลังข้างที่ (สนง.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์) บริษัทสุราฝรั่งเศส และโรงเรียนอาชีพช่างกลแห่งแรกของไทย ก่อนจะย้ายไปเป็นช่างกลปทุมวัน ปัจจุบันเป็นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
 

ตัวอาคารบูรณะหมดแล้ว แต่ร่องรอยของเดิมหลายอย่าง เช่นภาพเขียนสีสเตนซิลลายดอกไม้ด้านบนผนัง ยังคงเป็นของเดิมครับ
 

โซนโกดังของบ้านเลขที่ 1 นี้ เป็นอาคารที่หลุยส์ ที เลียวโนแวนส์ บุตรชายของแอนนา เลียวโนแวนส์ เคยเช่าใช้ประกอบกิจการค้าไม้ ช่วงสมัย ร.5 ที่สัมปทานให้ต่างชาติมาตัดไม้ส่งออกนอกจนป่าโล้นเกือบหมดประเทศนั่นละครับ ปัจจุบันใช้เป็นครัวของบ้านเลขที่ 1 และในงานได้จัดแสดงเป็น Haus of Everything เป็นนิทรรศการเพื่อแสดงให้เห็นว่าสื่อสิ่งพิมพ์ยังไม่ตาย พิมพ์ภาพผลงานจากศิลปินมากมายเต็มโกดัง ชอบภาพไหนก็ซื้อก้อปปี้กลับบ้านได้
 

ATT19 หรือแอทไนน์ทีน เดิมเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีนชื่ออาทรศึกษา แต่ปิดตัวลง และเจ้าของ Lek Gallery ข้างๆ ได้ปรับปรุงอาคารอายุกว่าร้อยปีแห่งนี้เป็นพื้นที่เพื่อคนรักงานศิลปะมีจัดแสดงผลงานศิลปะและของตกแต่งบ้าน
 

 
ทางเดินไปท่าเรือด่วนสี่พระยา มีงานศิลปะบนกำแพงนิดหน่อย ฝั่งตรงข้ามคือไอคอนสยาม
 

 

 

ถนนเจริญกรุงซอย 30 ที่ตั้งของบ้านเลขที่ 1 นี้เรียกว่าตรอกกัปตันบุช มาจากชื่อของจอห์น บุช นักเดินเรือชาวอังกฤษที่เข้ามารับราชการในสมัย ร.5 จนมีตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมเจ้าท่า และได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยาวิสูตรสาครดิฐ และพำนักอยู่บริเวณนี้ (ไม่รู้ว่าหลังไหนแต่ไม่ใช่บ้านเลขที่ 1 นะครับ) ตอนนี้แลนมาร์คของถนนเส้นนี้คือกำแพงของสถานทูตโปรตุเกสที่แกะสลักโดย Vhils ศิลปินชื่อดังชาวฝรั่งเศส
 

เลี้ยวโค้งมาจะเจอ โกดัง 30 ที่ปรับจากโกดังเก่าเป็นครีเอทีฟคอมมูนิตี้ที่รวมร้านขายผลงานศิลปะ ร้านอาหาร โรงหนัง และ co-working space
 

ซอยเจริญกรุง 32 เป็นพื้นที่แสดงสตรีทอาร์ตที่ทำไว้ตั้งแต่งาน Bukruk Urban Arts Festival ที่พากลุ่มศิลปินเขียนกำแพงมาวาดสตรีทอาร์ตไว้ทั่วกรุงเทพในปี พ.ศ.2559 ตัวซอยไปสิ้นสุดที่ท่าเรือ CAT Tower
 

อาคาร CAT Tower และอาคารไปรษณีย์กลางตั้งอยู่ริมถนนเจริญกรุง หน้าอาคารมี Creative Market เป็นพื้นที่ขายของ แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรนะครับ ร้านค้ามาตอนสี่โมงเย็น มีแค่พื้นที่โชว์ของอย่างมุ้งกรองฝุ่น หรือป่าจำลองของ GC ให้เข้าไปดู ติดกับไปรษณีย์กลางมีศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ TCDC ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ขายตั้งแต่ผลงานไปจนถึงวัตถุดิบที่เอาไปผลิตงานออกแบบ
 

แวะเติมพลังก่อนครับ ปากซอยเจริญกรุง 34 ทางเข้าวัดม่วงแคมีร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด ทีแรกตั้งใจจะมาหาร้านเก่าแก่อร่อยๆกิน แต่โดนกลิ่นน้ำซุปยั่วยวนเลยต้องกินอาหารข้างทางซะแล้ว แต่อร่อย!! เป็ดนุ่ม น้ำซุปหอม รสชาติกำลังดีไม่ต้องปรุงมาก ไปหารีวิวอ่านดู อ้าว นี่มันร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อนี่หว่า รู้งี้น่าสั่งเนื้อมาลองสักชาม
 

ท้องอิ่มแล้วก็เดินทางต่อครับ เดินเข้าซอยวัดม่วงแคมาจะพบ ดรุญบรรณาลัย เป็นห้องสมุดสำหรับเด็กปฐมวัยที่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2559 โดยปรับปรุงจากบ้านโบราณอายุเกือบ 100 ปี และคงลักษณะของบ้านเดิมไว้ มีมุมอ่านหนังสือและสนามเด็กเล่น ในนี้มีร้านน้ำขายด้วยนะครับ กินล้างปากหลังอาหารได้พอดี
 

เดินเข้าไปในซอยต่อ ตรอกที่เชื่อมระหว่างซอยวัดม่วงแค (เจริญกรุง 34) และเจริญกรุง 36 เป็นชุมชนมัสยิดฮารูณ ตั้งอยู่ระหว่างวัดม่วงแคและศุลกสถาน มัสยิดฮารูณตั้งขึ้นโดยโต๊ะฮารูณ บาฟาเดน ที่อพยพจากอินโดนีเซียมาตั้งถิ่นฐานที่ประเทศไทย ตั้งแต่สมัย ร.3 ประมาณปี พ.ศ.2371 หลังแรกเป็นเรือนไม้ และปรับปรุงเป็นอาคารปูนดังปัจจุบัน กุโบร์หรือสุสานชุมชนนี้มีบุคคลสำคัญเช่นอดีตจุฬาราชมนตรี ด่วน สุวรรณศาสน์ ฝังอยู่ รอบมัสยิดเป็นชุมชนอิสลามที่เก่าแก่ มีร้านตามข้างทางที่ขายอาหารอิสลามมีชื่อเสียงก็หลายร้านครับ
 


ทางเข้าชุมชนจากซอยเจริญกรุง 36

 


ร้านหอยทอดฮาวาริมถนนนี่ก็มีลูกค้าเต็มร้านเลย

 


ร้านค้าชุมชนเต็มตลอดสองข้างทาง
ถึงจะเป็นซอยลึกแต่ก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ขาดสาย

 


กระเบื้องประดับจากงานออกแบบกรุงเทพฯ
บางอันก็ดูแพง บางอันก็ดูเหมือนผนังห้องน้ำ

 


ร้านโรตีคุณไหม นี่ก็คิวเยอะเหมือนกัน


 


โรตีใส่ไข่อันละ 35.- แป้งหนานุ่ม คนละแบบกับโรตีทั่วไป
ที่จะกรอบนิดๆ แล้วแต่คนชอบครับ ส่วนมะตะบะไม่ได้ลอง

 


แมวจร

 


มัสยิดฮารูณ

 
ข้างประตูทางเข้าชุมชนจากซอยเจริญกรุง 36 ขวามือคือ บ้านพักตำรวจน้ำ ปัจจุบันเป็นอาคารอนุรักษ์ของกรมศิลปากร สามารถขึ้นไปด้านบนได้ แต่ต้องรอคิวครับ เขาให้ขึ้นทีละกลุ่ม ไม่งั้นแห่ขึ้นไปบ้านอายุกว่าร้อยปีคงพัง ด้านบนมีจัดแสดงนิทรรศการนิดหน่อย เลยไม่ได้ขึ้นไปครับ ด้านหน้ามีศิลปะที่ดูยังไงก็ไม่เข้ากับพื้นที่สักนิดตั้งอยู่หลายอัน
 
 

 
ออกมาถึงซอยเจริญนคร 36
นี่คือไฮไลต์ของทริปนี้ครับ
"ศุลกสถาน"

 

ศุลกสถาน (อ่านว่า สุน-ละ-กะ-สะ-ถาน ไม่ใช่ สุ-ลก-สะ-ถาน นะจ๊ะ) หรือโรงภาษีร้อยชักสาม เป็นอดีตที่ทำการของกรมศุลกากร ซึ่งสมัยนั้นมีชื่อหน่วยงานว่าศุลกสถาน ตั้งแต่ พ.ศ.2431 โดยมีพระยาภาสกรวงษ์ (พร บุนนาค) เป็นอธิบดีศุลกากรคนแรก สถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคศุลกสถานแบ่งเป็น 3 อาคาร ที่โดดเด่นที่สุดคือตึกกลางซึ่งวางตามแนวแม่น้ำ เป็นอาคารสูง 3 ชั้น ยกเว้นมุขกลางที่สูง 4 ชั้น ส่วนตึกทิศเหนือและทิศใต้สูงสองชั้น ใช้เก็บภาษีขาเข้าในอัตราส่วนร้อยละสาม (ร้อยชักสาม) หลังที่ทำการศุลกากรย้ายไป อาคารนี้ก็ถูกใช้เป็นที่ทำการตำรวจน้ำ จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นสถานีดับเพลิงบางรัก ก่อนถูกปิดตัวเพื่อเตรียมให้เอกชนเข้ามาทำการปรับปรุงเมื่อปีที่แล้วนี้เอง
 
ศุลกสถาน
The Custom House

 

 


ภายในอาคารที่ถูกทิ้งร้าง

 


ตึกทิศใต้

 

ศุลกสถานเป็นสถานที่ของราชพัสดุ ซึ่งเปิดให้บริษัท ยู ซิตี้ ร่วมกับกรมศิลปากรเข้าบันทึกรูปแบบศิลปกรรม ก่อนปิดอาคารเพื่อปรับปรุงเป็นเวลา 6 ปี ปกติมีกล้องวงจรปิดรอบอาคารเลยนะครับ ห้ามถ่ายรูปเด็ดขาดแม้กระทั่งนอกอาคารก็ห้าม! แต่ในงานออกแบบกรุงเทพนี้อนุญาตให้คนเข้าชมได้ โดยจะมีการจัดแสดงผลงานภาพถ่ายของท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน ในตึกกลาง แต่ต้องจองล่วงหน้าบนเว็บ (ซึ่งผมกดเข้าไปล่วงหน้าสองวันก็เต็มไปเรียบร้อยแล้ว) ถ้ามาจองคิวหน้างานไปถึงบ่ายโมง เปิดรับคิวบ่ายสาม เข้าได้ตอนห้าโมง บัยๆ จ้ะ สภาพภายในอาคารสามารถส่องเอาจากตึกอื่นๆได้ ลักษณะใกล้เคียงกัน นิทรรศการภาพถ่ายก็ไม่ได้น่าสนใจอะไร อยากถ่ายรูปนอกอาคารมากกว่า
 



อาคารจะปรับปรุงเสร็จในปี พ.ศ.2568 ซึ่งการบูรณะจะพยายามทำให้คงสภาพเดิมมากที่สุด แต่กลิ่นอายความเก่าแก่และมนตร์ขลังก็คงลบเลือนไปเช่นเดียวกับอาคารโบราณอื่นๆ ในงานนี้ครับ
 

 
ตึกทิศเหนือ
 

ถัดไปอีกซอยนึง ซอยเจริญกรุง 40 เป็นที่ตั้งโรงเรียนอัสสัมชัญที่โด่งดัง เป็นโรงเรียนโรมันคาทอลิกแห่งแรกของประเทศ ก่อตั้งโดยบาทหลวงเอมิล ออกัสต์ กอลมเบต์ ในปี พ.ศ.2428 เป็นโรงเรียนเล็กๆ ก่อนหมู่ภราดาจะเดินทางมายังกรุงเทพ และสานต่องานด้านการศึกษาจากบาทหลวงกอลมเบต์ สร้างเครือคณะภราดาเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทยขึ้น ประกอบด้วยโรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย โรงเรียนเซนต์หลุยส์ รวมทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่ใช้คำนำหน้าว่า "อัสสัมชัญ" ด้วยกัน 12 แห่ง

ชื่ออัสสัมชัญมาจาก Le Collège de l'Assomption (สถานที่สำหรับระงับบาปและหาวิชาความรู้) ภายในพื้นที่โรงเรียนมี โบสถ์อัสสัมชัญ สร้างในปี พ.ศ.2368 โดยบาทหลวงปาสกัล เพื่ออุทิศแก่พระแม่มารีที่ได้เสด็จขึ้นสวรรค์ ที่เห็นในปัจจุบันนี้คือโบสถ์ที่สร้างใหม่ในปี พ.ศ.2452 ลุงยามให้เข้ามาได้แค่นี้นะครับ ข้างในเขามีงาน

 

เที่ยวลงมาสุดบางรักแล้วครับ คราวนี้ขึ้นไปโซนตลาดน้อยบ้าง เหลืออีกครึ่งทริปนะเออ ตามมากันเลยพวกเราาาา...
119   117117117

เดินผ่านหน้าริเวอร์ซิตี้ ซึ่งเราใช้เป็นที่จอดรถ และผ่านโรงน้ำปลาตราปลาหมึกมา จะพบ
วัดพระแม่ลูกประคำ (กาลหว่าร์) หรือ Holy Rosary Church ที่นี่เป็นที่ตั้งโรงเรียนเหมือนกันครับ โรงเรียนกุหลาบวิทยา ตามชื่อ Holy Rosary Church สอนตั้งแต่ประถมถึง ม.6 ไม่ค่อยคุ้นชื่อแต่หน้าโรงเรียนแสดงความยินดีกับเด็กที่เอ็นท์ติดเยอะเหมือนกัน สมัยก่อนเคยแยกสองโรงเรียน เป็นหญิงล้วนกับชายล้วน แต่ตอนนี้ควบรวมเป็นสหศึกษาแล้ว

พี่ยามอนุญาตให้เข้าไปด้านในได้ บริเวณนี้เป็นที่ดินของชาวโปรตุเกสที่อพยพมาจากกรุงศรีอยุธยา กลุ่มเดียวกับที่ไปสร้างบ้านกุฎีจีนที่ฝั่งธน แต่ไม่ยอมรับการปกครองของสงฆ์ชาวฝรั่งเศสเลยแยกตัวออกมาตั้งชุมชนในฝั่งนี้ ก็นับเป็นชุมชนคริสต์เก่าแก่ไล่เลี่ยกับกุฎีจีนที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพเลยครับ มีการสร้างโบสถ์กาลหว่าร์ขึ้นในปี พ.ศ.2329 สมัย ร.1 กาลหว่าร์มาจากคำว่ากาลวารีโอ ซึ่งเป็นภูเขาที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน รูปร่างที่เห็นในปัจจุบันนี้ถูกปรับปรุงขึ้นในสมัย ร.3 เป็นศิลปะแบบโกธิค ประดับกระจกสีภายใน ผมว่านี่สวยเป็นลำดับต้นๆของโบสถ์คริสต์ในประเทศไทยเลยนะ  

 

เดินเลยวงเวียนตลาดน้อยมา จะมีธนาคารไทยพาณิชย์สาขาตลาดน้อย นับเป็นธนาคารแห่งแรกของไทย ก่อตั้งโดยกรมหมื่นมหิศราราชหฤทัยตั้งแต่สมัย ร.5 ตอนแรกตั้งเป็นธนาคารบุคคลัภย์ จากนั้นขยายกิจการเป็นแบงค์สยามกัมมาจลในปี พ.ศ.2449 และเปลี่ยนเป็นธนาคารไทยพาณิชย์ ในปี พ.ศ.2482 รูปแบบอาคารเป็นศิลปะแบบบาร็อค วันนี้ปิดไม่ให้เข้านะครับ
 

อาคารเก่าข้างซอยแฟลตทรัพย์สิน ปกติปิดตาย แต่ในงานนี้เปิดครับ ให้ชื่อว่า เหลียวแลตลาดน้อย จัดแสดงนิทรรศการความต้องการของมนุษย์จากเรื่องแอนิมอลฟาร์ม และไอเดียการใช้ชีวิตในวันที่กรุงเทพจมน้ำ เรียกว่าบางกอกซีแลนเดีย
 

ตรงข้ามกันมีตรอกศาลเจ้าโรงเกือก ทางเดินแคบๆ มีการนำสิ่งของเหลือใช้มาตกแต่งจัดแสดงเป็นนิทรรศการศิลปะร่วมกับภาพเขียนกำแพง ตรอกนี้เป็นทางเข้าสู่ตลาดน้อยครับ
 

 

 

ตลาดน้อย หรือตะลักเกี๊ยะ เป็นตึกแถวสมัย ร.5 บุกเบิกตั้งถิ่นฐานโดยชาวจีนฮกเกี้ยน ก่อนชาวจีนกลุ่มอื่นๆจะตามมา และเป็นชุมชนริมน้ำเก่าแก่ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่วัดปทุมคงคา ไปจนถึงปากคลองผดุงกรุงเกษม เดิมทีบริเวณนี้เป็นพื้นที่ซ่อมเรือ เรือที่เข้ามาที่กรุงเทพจะผ่านป้อมวิไชยประสิทธิ์ที่วังเดิมฝั่งธน จ่ายภาษีที่ศุลกสถาน แล้วเทียบท่าเอาของลงที่สำเพ็ง (ก่อนท่าเรือของกรุงเทพจะย้ายไปคลองเตยและแหลมฉบังในเวลาต่อมา ส่วนสำเพ็งกลายเป็นถนนไปแล้ว) จากนั้นจะแวะไปซ่อมแซมชิ้นส่วนเรือที่เสียหายที่ตลาดน้อย ซึ่งชุมชนช่างเหล็กนี้ก็กลายสภาพเป็นเซียงกงในเวลาต่อมา
 
ตลาดน้อย

จากนี้ไปเป็นโซนริมน้ำของตลาดน้อยครับ มีอาคารเก่าแก่เปิดให้เข้าตั้งแต่ศาลเจ้าโรงเกือก ย้านริมน้ำ โซวเฮงไถ่ ศาลเจ้าโจ๋วซือก๋ง ไปจนถึงสวนศิลป์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆเพียบ แบบไม่ต้องรองานออกแบบกรุงเทพฯ ร้านรวงและศาลเจ้าเหล่านี้พร้อมเปิดให้เข้าไปชมอยู่แล้วครับ

ศาลเจ้าโรงเกือก หรือศาลเจ้าฮ้อนหว่องเจ้าประทานลาภ มีลานด้านหน้าเป็นที่ทำกิจกรรมของชาวตลาดน้อย ทั้ง เล่นกีฬา เล่นดนตรี ฉายหนังกลางแปลง เล่นงิ้ว ฯลฯ แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป ผู้คนไม่ได้ผูกพันกับวัดและศาลเจ้าดังเช่นแต่ก่อนแล้ว ในงานออกแบบกรุงเทพฯ จึงจัดกิจกรรม "เทพประทานเพลง" ช่วงกลางคืนให้คนมาหยอดเหรียญร้องคาราโอเกะแสงจะสว่างสวยงามไปทั้งลาน แล้วนำเงินไปบำรุงศาลเจ้า
 

 

 

บ้านริมน้ำตลาดน้อย เป็นบ้านเก่านำมาตกแต่งเปิดเป็นคาเฟ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ขายทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เปิด พฤ.-อา. 11.00 - 21.00 น.
 

เลยมาอีกนิดคือ โซวเฮงไถ่ เป็นคฤหาสน์จีนเก่าแก่ที่ใช้ไม้ประกอบกันโดยไม่ใช้ตะปูเลย จะขึ้นไปชมด้านบนแค่สั่งเครื่องดื่มแก้วเดียวก็ขึ้นไปถ่ายรูปตามสะดวกเลยครับ (แต่ผมไม่ได้ขึ้นอะดิ เวลาน้อย) กลางบ้านมีสระว่ายน้ำและใช้เป็นโรงเรียนสอนดำน้ำด้วย บอลกลมๆกลางบ่อนี่คือผลงานศิลป์ Sunsetless ของงานออกแบบกรุงเทพฯ ครับ คอนเซปต์คือการตรึงตะวันไม่ให้ลับฟ้า ....คือโคตรเกะกะมุมถ่ายรูปเลย
 

 
 


กำลังช่วยกันวาดแผนที่ชุมชน


 


เซียงกงอยู่ใกล้ๆนะครับ แต่เจ้าของรถกับซาเล้งคงไม่มาเอาแล้วหละ ทิ้งไว้เป็นมุมถ่ายรูปยอดนิยมดีกว่า

 


กลุ่มอาคารเก่าแก่ของชาวจีนแถวศาลเจ้าโจวซือกง

 


ศาลเจ้าโจวซือกง หรือวัดเล่งซุ่นยี่
สถานที่กินเจยอดนิยมที่สานต่อเทศกาลมากว่า 200 ปี
โจวซือกงเป็นเทพเจ้าที่ช่วยปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ

 

 
และปลายทางของรูทท่องเที่ยวครั้งนี้คือ สวนศิลป์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ (พิพิธภัณฑ์ชุมชนตลาดน้อย) ที่ท่าน้ำภาณุรังษี โดยกลุ่มคนรักตลาดน้อยร่วมกับสถาบันอาศรมศิลป์และกรมธนารักษ์ ได้รีโนเวตโรงกลึงเก่าริมน้ำเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น และสร้างสวนป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นพื้นที่สีเขียว เพราะเขตนี้เป็นเขตที่มีพื้นที่สีเขียวน้อยที่สุดในกรุงเทพ และพื้นที่ชุมชนที่สามารถเข้าได้ถึงริมน้ำก็แทบไม่มีเหลือแล้ว ชุมชนเก่าไม่เหมาะกับความเป็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งการขนส่งหรือที่จอดรถก็ไม่ดี ทำให้คนหนุ่มคนสาวย้ายออกไปกันมาก และพอดีตอนก่อสร้างก็ถึงวาระร้อยปีชาตกาลของ อ.ป๋วย ซึ่งเป็นคนตลาดน้อยพอดี จึงปรับปรุงพื้นที่นี้เป็นอนุสรณ์ถึงท่าน
 

ฟังดูเหมือนเป็นความตั้งใจที่ดี แต่ถึงจะเป็นพื้นที่ของกรมธนารักษ์ เจ้าของโรงกลึงผู้เช่าพื้นที่ใช้งานก็ยังไม่หมดสัญญานะครับ การที่สถาบันอาศรมศิลป์เจอโรงกลึงทำเลเหมาะๆ แล้วไปใช้แรงกดดันจากชุมชนไล่เจ้าของเก่าออกไปโดยเขาไม่ยินยอม ก็เป็นดราม่าอยู่ช่วงนึง สุดท้ายเจ้าของแบ่งพื้นที่ให้ครึ่งนึง ได้มา 200 ไร่จาก 400 ไร่

ภายในจัดนิทรรศการ Portrait of Charoenkrung เป็นภาพถ่ายครอบครัวชุมชนเจริญกรุง ที่โรงเรียนสังเคราะห์แสงตระเวนถ่ายมา 3 เดือน ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนอพยพมาสร้างตัวต่อยอดกิจการ ส่งต่อให้ลูกหลาน และฝ่าฟันเอาตัวรอดตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย

 

วัดอุภัยราชบำรุง ทีแรกไม่ได้อยู่ในโปรแกรม แต่ก็เป็นวัดสวยของชุมชนตลาดน้อยเช่นกันน้องเลยเดินพาไปดู เดิมชื่อวัดญวนตลาดน้อย เป็นวัดพุทธมหายาน สร้างราวปี พ.ศ.2330 ชื่ออุภัยราชบำรุง แปลว่าได้รับพระบรมราชูปถัมป์จากกษัตริย์สองรัชกาล คือ ร.4-5 ซึ่งรู้จักกับองฮึง เถระฝ่ายญวน และแต่งตั้งขึ้นเป็นเจ้าอาวาสของวัดญวนตลาดน้อยพร้อมปฏิสังขรณ์วัดทั้งสองรัชกาล

เข้าไปมีควันธูปตลบอบอวล มีเสียงสวดดังกังวาล เป็นร้องสดนะครับ พระท่านเสียงดีทีเดียว

 

รอบๆ ศาลเจ้าโจวซือกงไปจนถึงสวนศิลป์ อ.ป๋วย เต็มไปด้วยร้านอะไหล่เก่า บริเวณนี้คือ เซียงกง ตลาดค้าอะไหล่เก่า เป็นออริจินอลต้นกำเนิดเซียงกงทั่วประเทศเลยนะครับ ตามที่เล่าไปว่าเดิมที่นี่คือแหล่งซ่อมเรือที่เป็นจุดกำเนิดของชุมชนตลาดน้อยตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ คนจีนที่มาตั้งรกรากในแถบนี้หลายครัวเรือนมีความเชี่ยวชาญอาชีพการทำเหล็กและถอดชิ้นส่วนแยกอะไหล่ พอท่าเรือย้ายออกจากสำเพ็งไป ที่นี่ก็ปรับตัวทำมาค้าขายชิ้นส่วนรถยนต์เป็นส่วนมาก ถึงจะเป็นโซนที่ไม่สวยงาม แต่นี่ละแกนหลักของตลาดน้อย และอยู่ได้ตามธีมปรับตัว>อยู่รอด>เติบโต อย่างแท้จริง ตรอกแคบๆ เปลี่ยนเป็นถนนเศษเหล็กก็ช่วยให้บรรยากาศอินดี้แบบที่ครีเอทีฟไม่ต้องมาช่วยตกแต่ง
 

จากนั้นก็เดินกลับไปเอารถที่จอดทิ้งไว้ที่ริเวอร์ซิตี้ตั้งแต่เช้าครับ ค่าจอดเป็นร้อย แต่ได้รูปมาหลายร้อย เดินเท้าล้วนๆนะทริปนี้ ได้เห็นอีกวิถีชีวิตของสังคมเมือง แม้ยุคนี้จะเกิด urbanization ผู้คนย้ายถิ่นฐานเข้ามาหางานทำในเมืองกันมาก เมืองขยายตัวขึ้น แต่คนที่เคยอยู่อาศัยในชุมชนเก่าๆ ที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบเดิมไว้ก็แห้งเหี่ยวลงไปเรื่อยๆ ด้วยการที่ชุมชนเหล่านี้ไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันนี้แล้ว คนหนุ่มสาวย้ายออกไปอยู่ในโซนอื่นที่รถไฟฟ้าผ่านหรือขนส่งมวลชนสะดวกกว่านี้ หรืออย่างน้อยสุดก็มีที่จอดรถส่วนตัวให้ ในขณะที่แหล่งน้ำที่หล่อเลี้ยงชุมชนก็เน่าเสีย อากาศที่เคยสดชื่นก็เต็มไปด้วยฝุ่นควันและ PM2.5 นักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูป street life ก็ไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนเท่าไหร่ (อย่างเจ้าของบล็อกวันนี้จ่ายค่าโรตีและโกโก้เย็นเข้าชุมชน 115 บาท แต่จ่ายค่าที่จอดรถให้โรงแรมไป 160 บาท) การบอกให้ปรับตัวมันพูดง่ายแต่ทำไม่ได้ง่ายนะครับ ขึ้นกับเขามีต้นทุนในการปรับตัวและบริบทสังคมมันเอื้อให้เขาปรับตัวมากน้อยแค่ไหนด้วย ซึ่งเหล่าสถาปนิกผู้ผลักดันงานออกแบบกรุงเทพฯ ก็เข้าใจจุดนี้ดี จึงทิ้งท้ายไว้ใน guidebook ว่า

"ถึงแม้ว่าการร่วมมือในวันนี้จะยังไม่อาจเปลี่ยนแปลงให้เห็นผลอย่างชัดเจนในระยะเวลาอันสั้น แต่ความคิดสร้างสรรค์ในรูปแบบต่างๆที่ถูกถ่ายทอดออกมาตลอดช่วงเทศกาลฯ จะช่วยให้เรามองเห็นความพยายามของเมืองและผู่ที่เกี่ยวข้องในการจัดการปัญหาเพื่อหันมาเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตมากขึ้น"




 



Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2563
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2563 22:06:59 น.
Counter : 8503 Pageviews.

49 comments
สงกรานต์หรรษา จันทราน็อคเทิร์น
(18 เม.ย. 2567 11:24:41 น.)
Slow Life ในเมืองเลย Alex on the rock
(15 เม.ย. 2567 07:44:23 น.)
วัดพระธาตุเสด็จ อำเภอเมือง ลำปาง tuk-tuk@korat
(14 เม.ย. 2567 13:54:44 น.)
春和歌山市 : ทำไมต้องวากะยามะ mariabamboo
(15 เม.ย. 2567 11:06:33 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเริงฤดีนะ, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณตะลีกีปัส, คุณกะว่าก๋า, คุณSai Eeuu, คุณmcayenne94, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณtoor36, คุณKavanich96, คุณBeHB, คุณInsignia_Museum, คุณTui Laksi, คุณThe Kop Civil, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณJinnyTent, คุณtuk-tuk@korat, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณอุ้มสี, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณ**mp5**, คุณkae+aoe, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณRinsa Yoyolive, คุณtanjira, คุณschnuggy, คุณอาจารย์สุวิมล

  

Wow..วันนี้คุณชีริวพามาเที่ยวกลาง
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:11:43:49 น.
  
เอ๊ย พี่ก็ไปมา อัพบล็อกไปแล้ว 2 ตอน กะว่าจะชวนคนไปเดินเที่ยวงานฯ งานดีมากค่ะ พี่ก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง

เดินเที่ยวตลาดน้อย ย่านนี้ก่อนหน้านั้นก็ไปมา อัพบล็อกแล้ว แต่พี่เล่าเรื่องไม่สนุกเหมือนคุณชีริว
โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:12:15:13 น.
  
สวัสดีมีสุขค่ะ

ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ
ดูเพลินมากค่ะ

โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:13:51:05 น.
  
นี่ถ้าน้องชีริวเป็นไกด์
พี่ก๋าคิดว่าลูกทัวร์ที่ไปด้วย
จะได้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์อย่างมากมายมหาศาลเลย
หาคนที่สนใจ และรู้จริงเรื่องประวัติศาสตร์น้อยลงไปทุกทีๆนะครับ

หลายรูปในบล็อกนี้
ทำให้พี่ก๋าอยากออกไปเดินถ่ายรูปเลยล่ะครับ
ชอบงานศิลปะ ชอบอาคารเก่าๆ

ช่วงนี้พี่ก๋าทำงานตลอดเลย
ไม่ได้หยุดไปไหนเลยครับ


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:15:22:43 น.
  
เป็นบล็อกที่ทรงคุณค่ามากค่ะ
โดย: Sai Eeuu วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:18:15:29 น.
  
น่าตามรอยมากๆเลยค่ะ
มีแต่ที่สวยๆ เกร๋ๆ ทั้งนั้นเลย
โดย: VELEZ วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:19:11:52 น.
  
แปะโหวตก่อนนะค้า
มาอ่านวันหน้า ง่วงจัง
โดย: mcayenne94 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:22:31:42 น.
  
มาเที่ยวด้วยครับ เดี๋ยวมาอีกรอบครับ
อัพบล็อกเมืองโบราณโคกไม้เดนแล้วครับ

โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:23:28:40 น.
  
ผมเห็นภาพที่บล็อกของพี่หนู และจำได้ว่าคุณชีริวเคนเอาไปลงในเฟสบุ๊คด้วย ก็เรียกได้ว่าได้เห็นมุมมองหลายๆ มุมที่เราอาจไม่เคยเห็นในเมือง

หลายๆ ที่ที่คุณชีริวพูดถึง ซอย XX ผมต้องไปดูในแผนที่กูเกิ้ลเอาเลย เพราะนึกไม่ออก ถึงแม้ว่าสมัยก่อนจะผ่านแถวนั้นบ่อยก็ตาม ตั้งแต่สมัยยังไม่มีเอเชียทีค และโรงแรมที่คุณชีริวไปจอดรถ ผู้คนยังเรียกติดปากว่าโรงแรมแม่น้ำ

วิธีชีวิตของคนเมืองเปลี่ยนไปเยอะ ถนนเจริญกรุงแต่ก่อนมีคำกลอนว่า กว้างใหญ่มาดูตอนนี้สิจะรู้เลยว่ามันแคบ ยิ่งถ้ารถเมล์ขับค่อมเลนนี่น่าห่วงมาก แซงไม่ได้เลย

ตามมาชมบรรยากาศด้วยคนครับ จริงๆ ผมอยากเดินในเมืองแล้วถ่ายรูปเล่นเหมือนกัน แต่เจอปัญหา PM2.5 ทำให้แผนการหลายๆ อย่างพังไม่เป็นท่าเหมือนกัน
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:23:54:28 น.
  
ขอบคุณที่แบ่งปัน
โดย: Kavanich96 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:1:32:17 น.
  

สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:7:43:20 น.
  
เห็นแล้วก็ชอบแนวคิดนี้ครับ
ทำทุกตารางนิ้วให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว อย่างน้อยพวกเรากันเองก็จะได้มีที่น่าไป ปรับภูมิทัศน์ให้ดูดี ไปทางไหนก็น่ามอง
ฝั่งธนเองก็มีย่านที่น่าสนใจน่าค้นหามากมายครับ
โดย: Insignia_Museum วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:12:42:29 น.
  
รร.ริเวอรซิตี้ ดีอยู่มาก
จะบอกว่า"ดีอยู่อย่าง"ก็ไม่ตรงนะ
มีงานศิลป์เก๋ๆแสดงสม่ำเสมอ
เสียดาย..ปริมาณคนดู ไม่มากเท่าที่ควร
ทั้งๆที่ส่วนใหญ่ก็ดูฟรีเสียด้วย

ตลาดน้อยไม่เคยลงเดิน..เพียงนั่งรถผ่าน*แบงค์สยามกัลมาจน*
โกดังบ้านเลขที่ 1ซอยกัแตันบุช น่ามาเดินนะคะ
พี่อ้อเคยมาสถานฑูตโปรตุเกส นานมากแล้ว
สมัยยังไม่มีงานศิลปะ
*โกดัง 30 ก็น่าทำความรู้จัก
ไว้มีโอกาส(เร็วไปนี้) จะได้มาเดิน
มาเที่ยวดูStreet art
ไว้ up art blog
*ก๋วยเตี๋ยวเป็ดนี่เมนูโปรดพี่อ้อเลย
กินได้ทุกวัน ทุกมื้อ ทุกเวลา
ขอให้ ร่อยและไม่มีกลิ่นสาป

โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:16:08:30 น.
  
โอ้โห...Bangkok Design Week 2020
อยากไปมั๊กมาก อ่านในเว็บหนึ่ง ชอบมากเลยอยากไปเดินชม
แต่พอมาชมภาพคุณชีริว รีวิวในบล็อกนี้ คุ้มค่าอย่างยิ่ง
เหมือนเดินตามไปเที่ยวด้วยเลย พร้อมเล่าเรื่องราว
ได้มากกว่าที่เคยรู้ สุดยอดคร้า...ไปเองคงเดินชมได้
ไม่เท่านี้ ชอบๆๆ มากค่ะ ขอบคุณค่ะ
โดย: Tui Laksi วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:20:37:18 น.
  
อ่านบล็อกคุณชีริวแล้วได้รับความรู้เต็ม ๆ เลยครับ ผมเคยเดินและปั่นจักรยานไปแถวนั้น เจอตึกเก่า ๆ กำแพง เคยไปถ่ายภาพด้วย แต่ไม่มีความรู้เลย พออ่านบล็อกนี้แล้วต้องไปแก้ตัวใหม่เสียแล้วครับ
โดย: The Kop Civil วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:21:11:16 น.
  
แนวคิดในการจัดเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2563
จนถึงความร่วมแรงร่วมใจในการจัดงานนี้ขึ้นมาน่าชื่นชมมากค่ะน้องชีริว

โอกาสที่จะไปเยือนชุมชนเก่าที่ซ่อนตัวอยู่หลายแห่งในกรุงเทพฯถ้าไม่ตั้งใจไปก็ยากมาก
งานนี้เหมือนจุดเริ่มต้นดีๆที่ทำให้ผู้คนหันมาสนใจชุมชนเก่าเหล่านี้นะคะ

ว่าแล้วก็ตามน้องชีริวเที่ยวย่านเจริญกรุง-ตลาดน้อยก่อน

จากบ้านเลขที่ 1 ชอบความสวยหวานของงานเพ้นท์ดอกไม้ค่ะ
มีการจัดแสดง Haus of Everything ด้วย
จากอาคารภายนอกถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ว่าภายในจะเต็มไปด้วยผลงานของศิลปินมากมายขนาดนี้นะคะ

พื้นที่เพื่อคนรักศิลปะ ATT19 อายุกว่าร้อยปีถูกปรับปรุงทำให้ได้ใช้ประโยชน์ รู้สึกขอบคุณเจ้าของแกลลอรี่ข้างๆ

กำแพงของสถานทูตโปรตุเกสเก๋มาก น่าภูมิใจกับศิลปินนะคะ
ที่ผลงานอยู่คู่บ้านเรามาถึงวันนี้

โกดัง 30 โครงสร้างเหล็กดูเหมือนชั้นเดียวแต่มีโรงหนังด้วย
ต่อด้วยสตรีทอาร์ทที่ซอยเจริญกรุง 32 สวยๆ
และ Creative Market ที่ร้านรวงเตรียมเปิดตอนเย็น

คืนนี้พี่ต๋าของจบที่ก๋วยเตี๋ยวเป็ดน่าอร่อยก่อน คราวหน้าน้องชีริวคงสั่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อแน่ๆ
ขอบคุณน้องชีริวมากค่ะที่พาเที่ยว
เดี๋ยวพี่ต๋าแวะมาใหม่

ขอบคุณกำลังใจนะคะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:23:26:37 น.
  

มาเที่ยวด้วยค่ะ
โดย: newyorknurse วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:3:47:01 น.
  
เอนทรี่นี้เที่ยวเพลินมากกกกก นี่ยังไม่เคยไปตระเวนกินตลาดน้อยและเที่ยวแบบนี้เลย

แหม สมัย ร.5 เนี่ยนะตัดป่าหมดประเทศ เราว่าช่วงสักสามสิบปีที่แล้วนี่ยิ่งกว่าอีกนะ เหอๆ

เห็นเตี๋ยวเป็ดแล้วนึกถึงป๊า ป๊าเราทำเตี๋ยวเป็ดอร่อยมากนะ แต่แกตายไปแระ ไม่ต้องมาขอให้ทำให้กินหละ 555

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
nonnoiGiwGiw Diarist ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:9:44:03 น.
  
มาแล้ว ๆ พอหยุดร้านที่ไร
พาลขี้เกียจไม่อยากจะทำไรเลย เบื่อ ๆ ด้วย

หือ ค่าจอดรถคิดรายชั่วโมง
ชั่วโมงละ 40 บาท ออกจะโหดไปนักหน่อยนะ
เอารถจอดที่นี่แล้วเดินๆๆๆ เท่าที่ดูน่าจะจ่ายค่ารถอานอยู่นะ

มีจุดที่น่าสนใจถ่ายรูปเยอะแยะไปหมด
ถ้าคนที่ชอบแนวศิลปะ แนว ๆ นี้ น่าจะเดินเพลินเลยนะ
แถมยังมีที่กินเป็นระยะ มีแรงเดินชมได้ทั้งวัน

โบสถ์กาลหว่าร์ นี่สวยนะ
พี่ไม่ค่อยได้เที่ยวโบสถ์ เที่ยววัดมากกว่า
อาจเป็นเพราะสถานที่ไปไม่ค่อยมีโบสถ์ให้ชมด้วยแหละ
เออ ๆ เคยไปเที่ยวที่สมุทรสงครามอยู่โบสถ์หนึ่ง
จำชื่อไม่ได้ละ ยังไม่ได้บล็อกด้วย นานแระ นั้นก็สวยดี

เดินตามแล้วเหนื่อย เดินเที่ยวขาลากเลยอ่ะ
แต่ดูรูปเพลินดีนะ ทริปนี้เดินไป ชมไป ถ่ายรูปเก็บไว้หลายจุดเลย
พาเดินเที่ยวไม่เกรงใจ สว.เดินกระเผลกตามเลยนะ

ตึกไทยพาณิชย์เก่า ที่เป็นธนาคารแห่งแรกก็สวยดี
เสียดายไม่เปิดให้เข้าไปชมเนอะ
ส่วนตึกศุลกสถานเหมือนเมืองนอกเลยอ่ะ
เห็นแค่ภาพเดียวนี่ไม่คิดว่าอยู่ในเมืองไทยนะ

ขำลูกบอลกลม ๆ สีขาวกลางสระนั่น
เออ เกะกะจริง พี่ก็ว่ามันไม่เค้ากับตัวอาคารนะ

กว่าจะเดินกลับมาถึงที่จอดรถ
ขอตังค์ค่าไปฉีดยาหัวเข่าด้วย ปวดเข่าอิบอ๋าย
เดินตามชีริววันนี้เนี่ย สมแล้วค่าจอดรถร้อยกว่าบาท
เทียบกับค่ารูปมาทำบล็อกนี้ให้ชม ก็ชื่นชมในความเสียสละ
จ่ายค่าที่จอดรถแพงกว่าค่าน้ำนะ 5555

สรุปได้ดีนะ ทุก ๆ การเปลี่ยนแปลงม้นต้องใช้เวลา
แต่ถ้านึกถึงส่วนรวม นึกถึงระยะยาว
มันน่าจะพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นไม่มากก็น้อย
ค่อยเป็นค่อยไป

ตอนนี้เราเจอพิษไวรัสโคโรน่า
เพราะมีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก
แล้วไวรัสนี้ก็ส่งผลกระทบไปทั่วโลก
การพัฒนาอะไรก็แล้วแต่ผลที่ได้ช้าแน่นอน
ที่ดีอยู่ก็ชะลอตัวหมด ไม่รู้อีกกี่วันกี่เดือน เผลอ ๆ เป็นปี
กว่าจะผ่านช่วงนี้ไปได้เนอะ

ที่ทำงานของชีริวเป็นยังไงบ้าง ไม่กระทบอะไรใช่มั้ย
ร้านพี่เงียบไปเยอะเหมือนกันนะ ตอนแรกคิดว่าไม่น่าจะกระทบมาก
เพราะคนจีนไม่ใช่ลูกค้าหลักของพี่ จะหนักไปทางญี่ปุ่นกับฝรั่ง
แต่พอไวรัสไปทั่วโลกแบบนี้ แล้วก็เศรษฐกิจภายในของเราด้วย
เลยกระทบเยอะกว่าที่่คิดไว้

ตึกที่ปล่อยให้เช่าที่โครงการแม่ริมพลาซ่า
ก็ถูกคืนเมื่ออาทิตย์ก่อน ค่าเช่าไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า
เพราะธุรกิจเค้าแย่ เดิมเค้าทำรถเช่าเที่ยวโซนม่อนแจ่ม
ม่อนแจ่มปิด คนจีนหาย เงินหมุนไม่พอ เลยเหนื่อยเลย

คนช่วยผ่อนแบงค์หายไปหนึ่งรายแระตอนนี้
กระทบจากเศรษฐิกิจช่วงนี้ ไม่รู้ต่อไปจะเจอไรอีก
ที่ร้านเป็นกำลังหลักก็อืดเอาการ
สู้ต่อไป โอจิน บอกตัวเองนะ 5555
โดย: JinnyTent วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:11:58:28 น.
  

น่าสนใจมาก แต่ไม่ได้มาเที่ยวเอง
ขอบคุณที่พามาเที่ยวค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:13:41:32 น.
  
ดีใจที่คุณชีริวพาเที่ยวแถวนี้
เพราะตอนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ใหม่ๆ
พี่อยู่หลังวัดม่วงแคนี่แหละ เป็นบ้านพักข้าราชการ
กรมศุลกากร ในซอยที่เรียกว่าโรงภาษีเก่า
ท้ายบ้านมีทางออกไปหลังวัดม่วงแค
เที่ยวงานวัดทุกปี ตอนนั้นก็อายุหกเจ็ดขวบ
ยังไม่ได้เข้าโรงเรียนเพราะหนีสงครามไป
ไอ้ที่หนีไปก็แถวทองหล่อเอกมัยที่อยู่ตอนนี้แหละ

ไว้พรุ่งนี้มาใหม่นะคะ

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:15:30:40 น.
  
แถวริเวอร์ซิตี้ ผมทำงานอยู่ริมน้ำเจ้าพระยาเป็นกัตตาคารรับ
แขก ตปท.กับคนไทย(ตอนนี้มิได้ทำแล้ว)

เมื่อก่อนผมไปบ้าง ส่งทีมงานไปเช็คสต๊อกสินค้ากับของสดใน
ห้องเย็น

แต่ยั้งไม่เคยไปเที่ยวแบบที่คุณชีริวรีวิว..คือผมมิได้ไปไกลนัก
เลยเห็นบางอย่าง รู้งีั้ไปดู ข้ามฝั่งโน้นตรงท่าเรือหรือซอกแซก
เห็นบ้านคนรุ่นเก่าดูดี น่าสนใจ

วันก่อนผมไปอีสานไปดูอิฐหินทรายแกะสลักอยู่สองสามตอน
เสียดายคุณชีริวมิได้ไปดู แต่ไม่เป็นไรเพราะเดาว่าจะเคยไปแล้ว
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:19:06:36 น.
  
ที่ไหนพี่ก๋าก็หลงครับ 555
แต่ก็อยากไปเที่ยวทุกที่เลยครับ
บางทีก็ทึ่งนะ
น้องชีริวไปเที่ยวแต่ละเมือง
เหมือนทำการบ้านอย่างละเอียดก่อนไปเลย

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:23:03:30 น.
  
น้องชีริวโชคดีจังค่ะที่ได้ชมศุลกสถานก่อนปิดปรับปรุง
ภาพอาคารที่ถ่ายนี้กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ได้เลยนะคะ
พออาคารปรับปรุงเสร็จในปี 2568 หน้าตาอาคารก็คงเปลี่ยนไปแล้ว

หลานสาวพี่ต๋าเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ ยังไม่เคยไปโรงเรียนหลานเลย

โบสถ์และธนาคารไทยพาณิชย์สถาปัตยกรรมสวยมาก
เดินต่อไปยังตลาดน้อย ชมศาลเจ้า วัดและสวนศิลป์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์
ได้รู้จักสถานที่ใหม่ๆและได้ความรู้ด้วย
ขอบคุณน้องชีริวที่พาเที่ยวนะคะ หากตามรอยคงไม่ได้ชมทุกอาคารสถานที่แบบนี้
แล้วจะตามเที่ยวกับน้องชีริวต่อค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:0:44:25 น.
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Music Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog

ไว้จะตามรอยมั่งจ๊ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:3:53:42 น.
  

สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว

อ่านเม้นท์พี่จิน
ใช่เลยครับ ตอนนี้ธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบหนักมาก
พี่ก๋าว่าคนตกงานหลักหมื่นนะ
หลายหมื่นคนตกงานทันทีครับ
เพราะบริษัทของคนจีน พอทัวร์ไม่มาก็ปิดเลย
คนไทยตกงานเป็นเบือ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:7:33:20 น.
  
มาเดินตามคุณชีริวไปต่ออีกสักพัก
ตอนนี้ยิ่งอ่านช้าเพราะพออ่านไปสักพักตาก็ฟาง

พี่อยู่แถวนั้นหลายปีอยู่
คือพอตั้งตัวได้หลังสงครามประมาณสองปี
พ่อพี่ก็ปลูกบ้านในซอยพุทธโอสถตรงข้ามกับป.ณ.กลาง
แล้วอยู่แถวนั้นมาอีกหลายปี
แต่ส่วนต่างๆของบริเวณนี้ ณวันนี้
ก็เปลี่ยนไปจากที่พี่เคยเห็นเป็นอันมาก
เนอะ ก็มันตั้งกว่า 70 ปีผ่านไปแล้ว
ตอนนั้นคุณชีริวก็อาจเดินอยู่แถวนั้นในวัย 80 ก็ได้นา

พี่ยังอ่านไม่จบแต่จะมาอ่านจนจบค่ะ
น่าจะอีกสองวัน

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:8:20:59 น.
  
ปีนี้พี่อัพบล็อกช้าลงมาก
และอาจปิดเม้นส์บางกรุ๊ปบล็อก
ด้วยเหตุผลหลาย ๆ ประการ

แต่ว่าไม่ทิ้งบล็อกไปไหนนะ
เพราะขี้เกียจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ละ
ใช้พื้นที่เดิมบันทึกเรื่องราวที่น่าจดจำไปเรื่อย ๆ
ความทรงจำจะได้ไม่กระจัดกระจาย
Line Facebook ig และ Bloggang
แค่ 3 ตัวนี้ก็แย่งเวลาอ่านหนังสือ
และเวลาทำกิจกรรมอดิเรกอย่างอื่นของพี่ไปเยอะแล้ว

ทำเท่าที่มีความสุขที่จะทำ
อะไรที่ทำมากไปแล้วบั่นทอนจิตใจตัวเอง กวนใจตัวเอง
พาลทำให้ความสุขในชีวิตประจำวันแหว่งไปด้วย
เลือกที่จะถอยดีกว่า

มา ๆ มื้อแรกต้องเลี้ยงซี ไม่เลี้ยงไม่ได้หรอก
แขกแก้วมาเยือนก็ต้องต้อนรับกันหน่อย จะขายของลูกเดียวได้ไง
เลี้ยงเพื่อนสองสามคนไม่ได้ทำให้จนลงหรอกน่า อิอิ

ถ้ามาหลังสงกรานต์นะ ให้ฝนตกสักรอบสองรอบก่อน
ไม่อยากให้มาช่วงนี้อากาศขมุกขมัวมาก แย่มากเลย
วันนี้ขับรถมาร้าน เจอรถน้ำของเทศบาลพ่นน้ำตามถนน
ช่วยไม่ได้มาก แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรอ่ะนะ
โดย: JinnyTent วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:10:32:25 น.
  
มาเดินเที่ยวย่านเจริญกรุง-ตลาดน้อยด้วยคนครับ
เสียดายเปิดให้เที่ยวชมแบบเฉพาะกิจ
บ้านเลขที่ 1 นี่ใหม่ปิ้งเลยครับ แต่โกดัง มีเบาะโซฟาหลากสีมาวางให้เซลฟี่ด้วย55
ศุลกสถาน น่าไปถ่ายรูปมากๆครับ ถ้าปรับปรุงแล้วน่าจะเหมือนบ้านเลข 1
โบสถ์วัดพระแม่ลูกประคำคล้ายๆกับวัดนิเวศน์ธรรมประวัติ อยุธยา
สมัยนี้ ตลาดเทียมทำขึ้นมาเยอะมาก แต่ตลาดเก่าจริงๆไร้การเหลียวแล
ช่วงนี้ ททท.เน้นทำตลาดเที่ยวเมืองรอง
แล้วมาเจอไข้หวัดโคโลนาอีก ท่องเที่ยวเงียบกริบ

จากบล็อกเมืองโบราณโคกไม้เดน วันที่ผมไป ก็มีอีก 1 ครอบครัวขึ้นไปชม
มีธูปมาไหว้พระในเจดีย์ที่สร้างใหม่บนเขา


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:13:14:31 น.
  
สวัสดีอีกรอบเด้อ

เท่ากับที่จริงมันไม่ใช่เพราะร.5 อะจิ อ่านแล้วเหมือนเพราะร.5 เลย มันเป็นเรื่องของเจ้าผู้ครองนครด้วยใช่ไหมอ้ะ

เออ เรื่องเสื้อผ้าขนแกะ คิดเหมือนกันเลย

แกะทำหน้าเคลิ้มจริงๆ มันมีจุดที่เค้าโดนแล้วจะเคลิ้ม นิ่งทำให้กร้อนขนได้อะแหละ

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:13:56:45 น.
  
จากบล็อก
นางเอกมีเซ็นต์พิเศษ สามารถเห็นผีได้ครับ 55 สปอยล์เสียเลย
กิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์วิวสวยมาก ในหนังถ่ายออกมาแล้ว อยากไปเที่ยวเลยครับ เพลงก็เพราะ ผมอวยไปเยอะละ 555
โดย: The Kop Civil วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:15:39:54 น.
  
แวะมาเยี่ยมครับ
โดย: **mp5** วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:20:46:25 น.
  
จากบล็อกการ์ตูน
สำหรับ 12 เรื่องที่ได้ดูในตอนที่ 1 (เดี๋ยวมีตอนที่ 2) ถ้าไม่นับ โจโจ้ กับสาวใสหัวใจบ้านทุ่ง ผมให้คะแนนเรื่อง เมื่อเด็กสาวปะทะเมด ไว้สูงนะ ดูแล้วมันดีต่อใจจริงๆ ถึงจะเสื่อมๆ บ้างก็ตาม

CCS ภาคใหม่แล้วครับ ป้า CLAMP จับทางได้ว่าคนชอบซากุนะเยอะ เลยเขียนต่อซะเลย //หมาป่าเครื่องเทศ เดี๋ยวผมเอาโฮโระมาแสดงในบล็อกดีกว่า

แฝดห้าตอนจบไม่จบแบบฮาเร็มครับ ที่ญี่ปุ่นและที่ไทยเป็นประเด็นให้ด่ากันด้วยเพราะผู้อ่านไม่พอใจกับผลที่ได้ ผมก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่ายัยนี่จะเป็นนางเอกตัวจริง

เอาเข้าจริงๆ ถ้าเป็นเรื่องจริงมันแยกไม่ออกหรอก แฝดสองถ้าซี้ๆ อาจจะแยกออก แต่แฝดห้านี่ยากเลยครับ



"นี่แหละรสชาติของคนแกล้งอ่านบล็อก!" --- มุกนี้เด็ดน่าเอาไปทำมีมแล้วแปะในบล็อก
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:23:57:49 น.
  
กรุงเทพเป็นเมืองที่น่าเดินเที่ยวอีกเมือง เป็นสวรรค์ของฝรั่ง ( ที่ชอบแสงแดด )จริงๆ แต่สำหรับคนไทยต้องรอช่วงฤดูที่อากาศเย็นสักหน่อย เป็นเมืองสวรรค์ฟ้าอมรจริงๆ
ไม่น่าเชื่อว่า สิ่งที่สงสัยจะได้มาอ่านละเอียดในบันทึกของ น้องชีริวแล้ววันนี้ ไปไอคอนสยามเห็นตึกเก่าขนานแม่น้ำ ศุลกสถานนี่เองเก็บภาษีได้เยอะร้อยชักสาม สร้างตึกซะใหญ่โตเชียว
บริษัทนี้ห้ามถ่ายภาพอีกแม้แต่ด้านนอก แต่ถ่ายจากอีกฝั่งแม่น้ำก็ติดได้นินา แปลก รอปี 2568 คงจะสวยสง่างาม

สถาปัตยกรรมเก่าๆที่นำมาลง สวยงาม ชอบเรือนไม้ของบ้านพักตำรวจน้ำ เปิดเป็นบานหน้าต่างได้ตลอดแนว หน้าต่างและชายคาไม้แกะสลักนิดๆดูน่ารัก

โซวเฮงไถ่ บ้านจีนโบราณ พี่เย็นอ่านนิตยสารสัมภาษณ์เจ้าของบ้านมาตั้งแต่ยังเด็ก ตั้งแต่สมัย เจ้าของบ้านชายยังมีชีวิตอยู่ จนเล่มล่าสุด สาวน้อยซินเดอเรลล่า เจ้าของคฤหาสน์บัดนี้กลายเป็นคุณย่าสูงวัยประมาณเดียวกับพี่เย็นผู้อ่านเรื่องราวของบ้านมาอย่างยาวนาน บ้านได้ถูกดัดแปลงไปเป็น โรงเลี้ยงสุนัขจำหน่าย และ สถานที่สอนดำน้ำใจกลางกรุงเทพฯ อาคารไม่ได้เข้าในโครงการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมเก่าแก่ เพราะเจ้าของต้องการใช้ประโยชน์จากบ้านและไม่ต้องการย้ายออกไปที่ไหน...เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลจริงๆ..แม้จะแอบเสียดายอยู่ในใจก็ตาม

กรุงเทพฯ ยังมีมุมประวัติศาสตร์และความงดงามอีกหลายจุด ค่อยๆผ่านการเจียรไนไปเรื่อยๆค่ะ
โดย: mcayenne94 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:18:45:36 น.
  
เสียดายงานจบไปแล้ว
ทำได้ดีมากๆๆ ขอชื่นชมเลย แต่เสียทีรินไม่รู้ข่าวว่าจัดงานด้วยแหละ
เพราะไม่รู้แหล่งข่าว

ศุลกสถาน นี่สวยมากจริง อลังการจริง
เปิดให้ถ่ายรูปในวันงานได้ด้วย แต่ก่อนหน้าตั้งกล้องวงจรปิดห้ามถ่าย
ทำไมว้าาา 555

น่าจะไปถ่ายพรีเวดดิ้งเหมือนกันนะสำหรับคุ่รัก มุมได้มากๆ เลยแหละ
ตลาดน้อยนี่ของกินเยอะ ที่รุ้มา แต่อาหารเธอกินมานี่อยากกินบะหมี่เป็ดมากจ้าาา
หิวยามดึกเลยขอบอกๆ

สรุปคือน่าไปถ่ายรูปเล่น แต่ขาดการประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึงคนเลยไม่รุ้ข่าวสาร จริงๆ น้า

โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:23:46:33 น.
  
สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว

ใช่ครับ
ชีวิตคนเรา
ประมาทแค่ครั้งเดียว
ก็อาจไม่มีโอกาสให้ประมาทได้อีก

สองสามวันก่อนเพื่อนพี่ก๋าเพิ่งเสียลูกชายไป
ลูกเพิ่งอายุ 23 ปีเองครับ
เพิ่งเรียนจบ
และอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการทำงานเอง

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:6:40:06 น.
  


สวัสดีค่ะชีริว

ทำมายยย ทำไมพี่ไม่มีโมเม้นท์ที่อยากเดินไปนั่นนี่โน่นแล้วถ่ายรูป
555 คาดว่าเวลาไม่เอื้อ สภาพร่างไม่อำนวยมั้งคะ รึเปล่า?

บ้านเราเมืองเรามีที่สวยงามตามยุคตามสมัยเยอะนะคะ
ยิ่งเก่าๆ ยิ่งมองดูแล้วขลังดีค่ะ

ชีริวเป็นไกด์ที่ดีเลยนะคะ


จากบล็อก ปั้นขลิบที่นี่มีหลายใส้มากค่ะ แล้วแต่คนชอบ
ปั้นขลิบกับกระหรี่พั๊ฟใช้แป้งต่างกันค่ะ แต่อร่อยทั้งคู่นะคะ
แต่พี่ชอบตัวเล็อกมากกว่าตัวใหญ่เลยเลือกกินปั้นขลิบ

จริงๆกาแฟน่จะรสชาติควรตามใจลูกค้าป่ะคะ พี่ว่าน่าจะนะคะ

ดูแลสุขภาพดีดีนะคะชีริว โควิคกำลังระบาด

โดย: tanjira วันที่: 1 มีนาคม 2563 เวลา:7:41:26 น.
  
จากบล็อก ถ้าท่องเพื่อเอาไปสอบ แปบๆ มันลืมจริงๆ นะ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 1 มีนาคม 2563 เวลา:11:39:10 น.
  
พูดถึงปัญหาที่ไทยเราเผชิญทุกวันอยู่นี้
ประชาชนต้องช่วยเหลือตัวเองแทบจะทุกเรื่อง
คาดหวังอะไรไม่ได้สักอย่าง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนอย่างแท้จริง
ตุนหน้ากากไว้เยอะเปล่านิ พี่นิตุนไว้กะให้ถึงพ.ค. 555

เริ่มหาซื้อหน้ากากเก็บไว้นานแล้ว แบบ N95
ส่วนของเด็ก ๆ ที่ร้านซื้อให้เป็นแบบอนามัยกันไวรัส
เด็กมันไม่ซื้อเอง นี่ต้องซื้อให้ บังคับให้ใส่ทุกวัน
คชจ.กับหน้ากากบานเบอะ ทั้งให้พ่อแม่ สามีและลูก
กับลูกจ้างอีกสิบกว่าคน ภาระกิจควานหาหน้ากาก

กว่าจะตุนให้เพียงพอต่อทุกคนกับระยะเวลาที่ต้องใช้ได้
เสียเวลาและเหนื่อยเงินในเป๋าตังค์พอสมควร
แต่พอมีไว้ก็อุ่นใจนะ น่าเห็นใจที่คนขาดแคลนไหวตัวช้า
หรือบางคนรอพึ่งรัฐบาล ฝันไปเถอะ

ส่วนบล็อกพี่บันทึกไว้เหมือนชีริวเลย
เวลาเพื่อนถามถึง ก็โยนลิ้งค์ให้ลิ้งค์เดียวจบ
บางทีก็เปิดให้ลูก ๆ ดู ว่าเนี่ยเมื่อก่อนเราไปนู๊นนี่นั่น จำได้มั้ย
เป็นไดอารี่ออนไลน์ ที่บันทึกภาพและเรื่องราวที่เขียนไว้ในบล็อก
สำหรับครอบครัว และบางอย่างเราแบ่งปันให้คนอื่นได้ด้วย

แต่พอมันมีผลประโยชน์เรื่องรางวัลการโหวต
มันก็มีข้อครหา ติฉินนินทา ความคิดเห็นแตกต่างกันไป
บางทีมันไปทำลายน้ำใจและมิตรภาพจากการเล่นบล็อก

จากที่เมื่อก่อนไม่มีผลประโยชน์ก็ไม่มีใครทะเลาะกับใคร
ใครอยากจะอัพบล็อกยังไงก็อัพไป
แค่แวะมาทักทายกัน ตามประสาคนรู้จักกัน
แบบมาหามีอะไรให้ดูบ้างละ บลาๆ

แต่พอมีเรื่องผลประโยชน์ มีรางวัล
เริ่มมีแบบว่า เฮ้ยทำอย่างนั้นไม่ดี ไม่ถูก ไม่ควร
เริ่มไม่เกรงใจ ก้าวก่าย และไร้มารยาท
เพียงเพื่อผลของรางวัลกันมากขึ้น

หลายคนทำบล็อกดี ๆ แล้วถอยเพราะเหตุนี้
อยู่ดี ๆ ก็มีความสุขอยู่แล้ว ทำบล็อกให้เปลืองตัวเปลืองหัว
ไม่ชอบสังคมแบบนี้ ชวนกลับมาเขียนยังไงก็ไม่กลับ

วันนี้มีคน inbox มาถามเรื่องแคคตัสเพราะเห็นจากบล็อก
ก็ตอบไป ดีใจที่บล็อกตัวเองมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง
มีหลายรายแล้วที่เห็นบล็อกแล้วหลังไมค์มาถามต่อทางเฟชบุ๊ค

วันนี้มาทักทายแบบเชิงบ่น
คนแก่ก็เงี้ย บ่นๆๆ ระบายแล้วก็สบายใจละ 555
ไวรัสยังน่าห่วงมาก ๆ รักษาตัวเองด้วยเน้อ
โดย: JinnyTent วันที่: 1 มีนาคม 2563 เวลา:19:06:14 น.
  
สวัสดีอีกรอบเน้อ

คือ ถ้ามันมีทุกภาคส่วนที่มีผลมันก็โอเค เพราะตอนแรกอ่าน เรารู้สึกว่าเหมือนโทษร.5อย่างเดียวเลยไง มันเลยรู้สึกว่า มันใช่เหรอ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 2 มีนาคม 2563 เวลา:9:02:36 น.
  
ใช่ครับน้องชีริว
นี่เป็นชุดนักเรียนของ รร.ต้นกล้าครับ
พี่ก๋าตามถ่ายภาพ รร. ไว้ตั้งแต่หมิงเรียนอนุบาลจนจบ ป.6 เลยครับ
รูปลูกเพื่อนก็อยู่ที่คอมพี่ก๋าเยอะอยู่นะ
มีงานทีไร ถ้าไม่ติดอะไรก็ไปถ่ายรูปตลอด
เพื่อนหมิงหลายคนก็เรียนกันมาตั้งแต่อนุบาล 1 จนจบ ป.6 เหมือนกันเลยครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 มีนาคม 2563 เวลา:22:56:09 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 มีนาคม 2563 เวลา:5:57:47 น.
  
ไหน ๆ ขอลิ้งค์ไทม์ไลน์ชีวิตของโนบิตะหน่อย อยากเห็น
โดย: JinnyTent วันที่: 3 มีนาคม 2563 เวลา:11:51:57 น.
  
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมให้กำลังใจพี่กับนุ้งนะคะ

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 3 มีนาคม 2563 เวลา:17:11:12 น.
  


มาบอกชีริวว่าฝันดีค่ะคืนนี้ 555

อ่ะม่ายช่ายยย มาบอกว่าปั้นขลิบแถวบ้านพี่มีหลายใส้มากค่ะ
อย่างน้อยๆก็ 5 ใส้ได้มั้งคะ แถวสระบุรีมีเกือบ 10 ใส้เลยค่ะ

ส่วนกาแฟ พี่ว่าคนเราชอบรสชาติต่างกันนะคะ
พี่ไม่ชอบเข็มๆค่ะ ชอบออกนุ่มๆกลิ่นหอมๆค่ะ


โดย: tanjira วันที่: 3 มีนาคม 2563 เวลา:20:04:17 น.
  
สวัสดีอีกรอบเด้อ

จริง พวกนี้กินให้คุ้มยาก ยกเว้นมีเนื้อแพงๆ ให้เลือกไม่อั้น ที่จริงรอบนี้ก็พลาดนะ ไม่ควรเน้นกินสุกี้ ควรเน้นกินเมนูต่างๆ มากกว่าอ้ะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 4 มีนาคม 2563 เวลา:8:54:16 น.
  
ไปอ่านมาแล้วจร้า
ป๊าดโซะ กระทู้ว่ายาวแล้ว เม้นส์ยิ่งยาวกว่าหลายเท่า
แบบนี้ทำเอาเจ้าของกระทู้ชื่นใจไปนานเลยอะ
สมแล้วที่ตั้งอกตั้งใจ ทำไทม์ไลน์ของโนบีตะขึ้นมา
ได้เห็นภาพทุกช่วงชีวิตของโนบีตะ ตั้งแต่เด็กจนโตมีลูก

อ่านเม้นส์ยิ่งมันส์กว่า บางคนเค้าอินและซาบซึ้งจริง ๆ เนอะ
เป็นกระทู้ที่เรียกน้ำตาแห่งความทรงจำและคิดถึงโนบีตะ
อ่านคอมเม้นส์ที่ 535 ตื้นตันใจนะ
พี่รู้สึกว่าเค้ากลั่นความรู้สึกมาจากหัวใจจริง ๆ ของเขา
ดีจังที่เรื่องราวในกระทู้ของชีริว สะกิดใจให้เค้าคิดอะไรได้บ้าง
ซึ่งไม่ใช่แต่เขา มีหลายคนที่เข้ามาเม้นส์
รับรู้ได้ว่าเค้าดีใจ เหมือนได้เจอเพื่อนเก่าจริง ๆ

ความทรงจำโดราเอม่อนสำหรับพี่ไม่ประติดประต่อ
แต่คุ้นทุกช่วงที่ชีริวเล่า เหมือนเคยอ่านและเคยดูการ์ตูนทุกตอน
แต่ไม่ได้ดูประติดประต่อหรือรันเป็นเรื่องราวยาว ๆ แบบนี้

น้องเต็นท์ลูกชายคนโตพี่ก็ถูกพ่อเค้าล้อเป็นโนบีตะ
ผลการเรียนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เค้ายิ่งปืนแม่น
(หมายถึงปืนของเล่น) เหมือนเดะมั้ย 555

สำหรับพี่ คิดว่าโนบีตะน่ารักและจิตใจดี ขี้สงสาร
แม้เค้าไม่ได้เก่งเลิศเลอ แต่เค้าเป็นเด็กไม่ก้าวร้าวและเจ้าเล่ห์
ชีวิตจริงพี่ไม่ชอบเด็กก้าวร้าว และจะสั่งสอนลูกเรื่องนี้ตลอด
พี่ให้ความสำคัญกับอีคิวมากกว่าไอคิว
ไอคิวมันเรียนรู้ได้จากข้างนอก แต่อีคิวมันเริ่มต้นจากครอบครัว
แล้วม้นจะเป็นพื้นฐานทางด้านจิตใจเค้าไปตลอดชีวิต

ปอลอ : รูปโปร์ไฟล์ LINE ปัจจุบันของพี่
มีคนล้อว่าเหมือนซิซูกะ แสดงว่าสวยใช่มั้ย 5555

โดย: JinnyTent วันที่: 4 มีนาคม 2563 เวลา:19:31:57 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องชีริว

ครั้งนี้ นับว่า มาตอบและเม้นท์บล็อกเธอช้าที่สุดละนะ และคงไม่เม้นท์มากมายเหมือนบล็อกก่อนๆ ขออ่านอย่างละเอียด
อย่างเดียว เพราะยังเป็นไข้ โทรม อยู่กับไข้หวัด ที่ติดจากเพื่อน
ที่ไปอินเดียด้วยกัน งวดนี้เป็นหนักกว่าทุกครั้งนี่ขนาดฉีดวัคซีนไข้
หวัดใหญ่แล้วนะเนี่ย

อ่านบล็อกเธอนานสองชั่วโมงกว่า อ่านไปจินตนาการไป
เห็นภาพแล้ว ก็ถามตัวเองว่า บ้านครูตั้งแต่เกิด ก็อยู่แถวมหาพฤฒาราม ตลาดน้อย บางรัก เจริญกรุง (สองแห่งหลัง
นี้ ตามพ่อไปส่งน้ำหวานตามร้านค้า จ้ะ) ทำไมครูไม่รู้จักสถานที่ที่ ชีริวเล่าเลย ยกเว้น ไปรษณีย์กลาง ตลาดน้อย ศาลเจ้า
และชุมชนโรงเจ ที่ครูกับแม่ไปไหว้เจ้า ช่วงเวลากินเจ เดือน
เก้าของคนจีน อาจจะเป็นช่วงที่ครูยังเล็กอยู่เนาะ

งานนี้ เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2563 (Bangkok Design Week 2020) ซึ่งมากับธีม Resilience: New Potential for Living | ปรับตัว > อยู่รอด > เติบโต
Bangkok Design Week 2020 จัดขึ้นในช่วงวันที่ 1-9 ก.พ. 2563 งานนี้ ครูก็เพิ่งรู้ข่าวจากบล็อกเธอนี่แหละ เป็นงาน
จัดช่วงตรุษจีนด้วย
ความรู้ที่เธอนำมาเขียนบล็อกนี้ ครูว่า มีมากกว่าที่ครูจะ
ไปชื่นชมเองเสียด้วยซ้ำ เพราะไปดูแล้ว ก็ไม่ได้ความรู้เท่ากับ
การมาอ่านบล็อกเธอแหละ ห้าห้า
ครูไปอินเดีย ตามรอย และนมัสการ สังเวชนียสถาน
11 วัน ได้ความรู้ที่พระอาจารย์ที่เป็นวิทยากร บรรยายถึงสถาน
ที่ต่าง ๆ ที่เราไปกราบไหว้ในฐานะชาวพุทธ พระอาจารย์เรียน
อยู่ที่ อินเดีย เมืองพาราสี ทั้งโท และเอก ถึง 7 ปี ดังนั้น
ท่านจึงมีความรู้บรรยายเรื่องสถานที่ต่าง ๆ ให้พวกเราฟังได้
อย่างละเอียดลออ มาก ๆ สถานที่ต่าง ๆ ที่ท่านพาไป ทัวร์
ทั่ว ๆ ไป ก็ไม่ได้พาไปมากมายขนาดนั้น ไม่ใช่ลักษณะชโงก
ทัวร์ แต่ละสถานที่ที่ไป เป็นซากเหมือนโบราณสถานที่ที่อ่าน
จากบล็อกของชีริวทั้งนั้น มีสถูปใหญ่ ๆ หลายแห่ง ครูยัง
คิดถึงเธอเลยว่า ถ้าเธอมาชม มาเห็นคงชอบมากทีเดียวนะเนี่ย

บล็อกนี้ เขียนแค่นี้ก่อนนะ ง่วงมาก อยากนอนอย่างเดียว ความแก่มาเยือนจริง ๆ จ้ะ

โหวดหมวด ท่องเที่ยว
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 5 มีนาคม 2563 เวลา:15:10:02 น.
  

แปลงร่างเป็นพระยาน้อย
มาชมตลาดน้อยพลางๆ
เดินผ่านๆก่อน
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 7 มีนาคม 2563 เวลา:6:47:28 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Shiryu.BlogGang.com

ชีริว
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 89 คน [?]

บทความทั้งหมด