Marshall เป็นแบรนด์เครื่องเสียงที่ได้รับความนิยมในหมู่นักดนตรี รวมไปถึงวงดนตรีชื่อดังระดับโลกหลายต่อหลายวง อาทิ Oasis, Muse, Bring Me The Horizon อีกทั้งยังเคยถูกพบเห็นในทัวร์คอนเสิร์ตของศิลปินเดี่ยวชื่อดังไม่ว่าจะเป็น Justin Timberlake, Lana Del Ray แต่ Marshall คงจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสและกระทบไหล่ศิลปินชื่อดังระดับโลกแบบนี้ หากไม่ได้ถูกคิดค้นและพัฒนามาจากพรสวรรค์ของ Jim Marshall
จิมเติบโตมาพร้อมๆ กับความผิดปกติทางร่างกายตั้งแต่เด็ก เค้าเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลบ่อยมาก โดยความผิดปกติทางร่างกายที่ว่านี้ก็ได้แก่ ความผิดปกติในเรื่องของกระดูก ซึ่งคุณพ่อของเค้าได้แนะนำวิธีการบริหารกล้ามเนื้อด้วยการเต้น Tap เผื่อว่าการขยับร่างกายด้วยวิธีการเต้นนี้ จะช่วยทำให้กระดูกของเค้าแข็งแรงขึ้นมาได้บ้าง และถ้าทุกคนเคยรู้จักหรือเคยเห็นการเต้น Tap ผ่านตากันมาบ้าง จะบอกว่าการเต้นลักษณะนี้ไม่ได้เป็นแค่การเต้นธรรมดาๆ แต่มันยังเป็นการเต้นที่ให้จังหวะเหมือนกับเครื่องดนตรีด้วยเช่นกัน
ซึ่งต้องบอกว่าความหลงใหลที่จิมมีให้กับเสียงดนตรีนั้น ไม่เคยแผ่วเลยทุกคน แล้วยิ่งพอมาจับงานสายดนตรีมันเลยยิ่งปลุกปั่น promotions ความกระหายในตัวให้เพิ่มมากขึ้น จน Jim Marshall and Son ถือกำเนิดขึ้นมา มันคืออะไร ? มันคือร้าน Music Store ที่จิมสร้างขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองกับครอบครัว โดยร้านตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และอย่างที่บอกว่ามันคือ Music Store ดังนั้นมันจึงเต็มไปด้วยเครื่องดนตรีหลากหลายประเภท แต่ด้วยความที่ว่าดนตรีที่มาแรงในยุคนั้นส่วนใหญ่มักจะเป็นแนว Jazz เลยทำให้ฐานลูกค้าใหม่ๆ ของเค้ายังไม่ค่อยมีเท่าไหร่
แต่ถ้าจะบอกว่าร้านของเค้าไม่มีลูกค้าเลย ก็ไม่ถูกนะ เพราะส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามามักจะเป็นกลุ่มลูกศิษย์ที่เคยเรียนตีกลองกับเค้า ไปจนถึงกลุ่มเพื่อนของลูกชาย ที่ในสมัยนั้นเรียกกันว่าเป็นกลุ่ม Young Rock Musicians ที่เป็นกลุ่มนักดนตรีแนวใหม่ สวนทางกับแนวเพลง Jazz ที่กำลังบูมสุดๆ และเมื่อโปรถูกพูดถึงปากต่อปากมากขึ้น ร้าน Jim Marshall and Son ก็เลยกลายเป็นมีชื่อเสียงขึ้นมาในหมู่นักดนตรี ที่มักจะชอบแวะเวียนเข้ามาดูสินค้า พูดคุย คือให้ฟีลเหมือนเป็น Community ประมาณนั้นเลย
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชื่อเสียงของ Jim รวมถึง Marshall ก็ได้ถูกพูดถึงกันมาเรื่อยๆ ซึ่งแบบนี้เราไม่ได้มองว่าเค้าเป็นคนที่มีความสามารถเพียงอย่างเดียวนะ แต่การที่เค้าประสบความสำเร็จแบบนี้ได้ เรามองว่าส่วนหนึ่งมันก็มาจากพรสวรรค์และความหลงใหลด้านดนตรีที่อยู่ในตัวของเค้าด้วย
และหลังจากเครื่องขยายเสียงตัวแรกของแบรนด์ถือกำเนิดขึ้น ร้าน Jim Marshall and Son ก็ได้เปิดสาขาที่ 2 ตามมา โดยสาขานี้มีความหลากหลายของตัวสินค้ามากขึ้น บวกกับความต้องการรวมถึงความสนใจจากลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นด้วย จนกลายเป็นว่าเมื่อความต้องการมันถาโถมเข้ามา จนเค้ากับลูกชายลงมือทำกันเองไม่ไหว เลยได้ขยายกิจการจนกลายเป็นโรงงานขึ้นมาแทนที่
ผลิตภัณฑ์ของจิมถูกนำมาใช้ในวงดนตรีระดับโลกชื่อดังมากมายอย่างที่บอกกัน อีกทั้งถ้าเราจะยกย่องว่าเค้าเป็นบุคคลที่ทุ่มเทและรักในวงการดนตรีอย่างแท้จริง เรามองว่าไม่แปลกอะไรเลย ด้วยความอุทิศตัวที่จิมมีให้กับวงการดนตรีนี้ ทำให้ชื่อของเค้าได้ไปปรากฏอยู่บน Hollywood Walk of Fame ในปี ค.ศ. 1985 รวมถึงยังได้รับรางวัล Queen's Award for Enterprise อีกด้วย
ชื่อของ Father of Loud ยังคงอยู่ตลอดไป ชื่อของ Marshall ก็เช่นกัน
หลังจากประสบความสำเร็จกับการผลิตเครื่องขยายเสียง จนตอนนี้ได้ผันตัวเองให้กลายมาเป็นแบรนด์สินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มากขึ้น ทั้งมีการวางแผนการตลาดโดยจัดส่วนลด หรือ ลดราคา ซึ่งเพื่อนๆอาจจะได้เห็นทางออน์ไลน์กันมาบ้างแล้ว เรียกว่าความนิยมของ Marshall ก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นๆ ในทุกวัน แต่จุดสังเกตนึงที่ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองไหม แต่เรารู้สึกว่ากลิ่นอายของโปรดักส์ทุกตัวของ Marshall มันมักจะแฝงไปด้วยความเป็น Rock Music ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นโปรดักส์ที่เกี่ยวข้องกับ Rock Music โดยตรง แต่ก็ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เบาๆ ที่เราสามารถสัมผัสได้ในตัวโปรดักส์ของเค้า