กลกาล YURI ญรญ โดยผิงดาว บทที่ ๗ บทที่ ๗
ล่ามที่นาลันทาติดต่อเอาไว้มาขอพบทาฬิดาในเวลาบ่าย ทาฬิดาจึงลงมาพบกับเขา เพราะคิดว่าคงเสียมารยาทหากไม่ลงมาเขาคงเสียเวลาหากเธอผิดนัด ตามความเข้าใจของเธอ ล่ามและไกด์สองคนในร่างเดียวผู้ที่จะพาเธอไปไหนต่อไหนจะต้องเป็นผู้ชายเธอไม่ค่อยจะเห็นผู้หญิงของที่นี่เป็นไกด์นำเที่ยวมากนัก น่าแปลกเหมือนกันทาฬิดาจึงมองหาแต่ผู้ชายเท่านั้น ไปไหนของเขาน้อหรือว่าเราลงมาช้าไป ทาฬิดามองซ้าย มองขวาในห้องนั้นไม่มีใครเลยสักคน แล้วจะไปตามเธอลงมาทำไมกัน เธอเดินออกไปด้านหน้าที่พักเห็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งโยนเหรียญเข้าปากตุ๊กตากบซึ่งวางอยู่บนเก้าอี้เล่นกันอยู่จึงเดินเข้าไปหวังจะถาม แล้วจะถามว่าอะไรดีล่ะ ทาฬิดาเริ่มงงตัวเองเธอพูดภาษาอะไรไม่ได้เลย เอาวะโฮลา เธอทักพร้อมกับยกมือขึ้น ขอโทษนะคะไม่ทราบว่าคนไหนเป็นล่ามคะ ทาฬิดาพยายามเรียบเรียงภาษาอังกฤษของเธอให้พอฟังออก ทุกคนเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดนอกจากผู้หญิงคนหนึ่ง การแต่งกายของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรกับหญิง ชาวพื้นเมืองทั่วไปลักษณะคล้ายอินเดียแดงแถวๆ อเมริกา สวมหมวกสาน ใบใหญ่เอาไว้บนศีรษะ จนแทบจะมองไม่เห็นใบหน้า ฉันเองค่ะเธอพูดเป็นภาษาอังกฤษชัดเจนตอบกลับทาฬิดามา อ้าวสวัสดีค่ะ ฉันทาม ค่ะสวัสดีฉันมารีค่ะมาเป็นล่ามของคุณ คุณเป็นผู้หญิงหรอกหรือคะ ค่ะคุณนักโบราณคดีบอกกับเจ้านายของฉันว่า เธอต้องการผู้หญิงมาเป็นล่ามให้คุณ อืมทาฬิดาพอเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาทันทีนาลันทาคงกลัวเธอจะเป็นอันตรายหากต้องไปไหนสองต่อสองกับล่ามและไกด์นำทางของเธอจึงเลือกผู้หญิงให้มาทำงานนี้ จะไปกันเลยไหมคะ ไปไหนคะทาฬิดาหน้าตื่น ไปหาช่างซ่อมนาฬิกาไงคะ ไกด์และล่ามสาวออกอาการงงไม่แพ้กัน ตอนนี้หรือคะ ค่ะนาฬิกาคุณเสียไม่ใช่หรือคะ เปล่าค่ะฉันไม่ได้จะซ่อมนาฬิกา ฉันจะหาคนทำนาฬิกา ไม่มีหรอกค่ะที่นี่มีแต่ช่างซ่อมไม่มีคนทำ ว่าแล้วเชียวทาฬิดาหน้าเสีย คุณอยากให้ช่างทำนาฬิกาอะไรให้หรือคะ ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะอย่าเข้าใจผิด ฉันอยากรู้ว่า สมัยก่อน ที่นี่มีช่างทำนาฬิกาหรือเปล่าเท่านั้นแหละค่ะ ในเปรูมีช่างทำนาฬิกาเหมือนกันค่ะ เหรอคะความรู้สึกของทาฬิดาเหมือนกองไฟที่กำลังจะใกล้ดับบังเอิญได้เชื้อเพลิงใหม่จึงลุกโชนขึ้นอีกครั้ง ค่ะแต่เป็นตัวเรือนนะคะ ไม่ใช่เครื่องด้านใน อ้าวแล้วกันเมื่อเชื้อเพลิงที่ถูกสาดเข้าไปในกองไฟหมดลง ทุกสิ่งทุกอย่างจึงดับมอดลงอย่างสิ้นเชิง จะมีอีกที่ก็โรงงานผลิตนาฬิกาค่ะ คงไม่ใช่แล้วล่ะคะไม่เป็นไรค่ะ คุณพอจะพาฉันกับน้องไปหาอะไรทานจะได้ไหมคะ ได้สิคะ รอสักครู่นะคะฉันจะไปตามน้องลงมา ทาฬิดาว่าจบจึงเดินกลับไปที่ห้องพักของเธอเพื่อตามอัปสรให้ไปหาอะไรกินพร้อมกัน
ตลาดในเมืองทาฬิดาเห็นผู้หญิงหลายๆคนนำพืชผักและผลไม้ที่พวกเธอปลูกมาวางขาย โชคดีที่ตลาดยังไม่วายพวกเธอจึงได้เห็นของพื้นเมืองวางขายเต็มไปหมด แม่ค้าแต่ละคนใส่หมวกมาแทบทั้งนั้นหมวกที่สวมใส่รูปทรงแตกต่างกันบ้างเหมือนกันบ้าง เธอจึงอยากจะซื้อหมวกมาใส่บ้างจึงบอกกับมารีไกด์และล่ามของเธอ ขอโทษคะทามอยากได้หมวกสักใบ หมวกคนถูกวานถึงกับงง ไหนตอนแรกว่าจะหาคนทำนาฬิกา ค่ะหมวกแดดร้อนๆ ใส่หมวกปีกกว้างน่าจะดี ค่ะมารีเดินไปยังร้านขายหมวกใกล้ๆ กันนั้น ให้ทาฬิดาเลือกตามความต้องการ หมวกพวกนี้สานด้วยมือค่ะราคาค่อนข้างแพงสักนิด มารีหยิบหมวกใบหนึ่งขึ้นมาให้ทาฬิดาดู อ้าวเหรอคะ ค่ะปกติแล้ว แต่ละหมู่บ้านจะมีหมวกลักษณะเฉพาะของตัวเอง ถึงขนาดนั้นเลยหรือคะอัปสรตาโต ที่พี่สวมอยู่ของหมู่บ้านอะไรคะ ของทาคานาคาค่ะมารีตอบด้วยรอยยิ้ม ทาคานาคาชื่อแปลกจัง เผ่าทาคานาคามีประวัติยาวนานมากค่ะ สืบเนื่องได้นับพันปี โหอัปสรตาโตอีกรอบ น่าไปเที่ยวจังค่ะทาฬิดาว่า น่าจะบอกอากลางให้ไปเที่ยวด้วยนะพี่ทาม อัปสรหันไปชวนทาฬิดาหากนาลันทารู้ว่ามีชนเผ่าอายุตั้งเกือบ พันปีอยู่ที่นี่คงตื่นเต้นยิ่งกว่าพวกเธอหลายร้อยเท่า เอาใบไหนทาฬิดาหันไปถามอัปสร นี่ก็ได้พี่ไปกันเถอะจิ๊ดหิวข้าว อัปสรเร่ง ตั้งแต่เช้าพวกเธอยังไม่ได้กินอะไรหนักๆเลยสักนิด นอกจากขนมปังแข็งๆ รสจืดๆ ไม่กี่ชิ้น ตรงนั้นมีร้านอาหารค่ะมารีชี้ไปฝั่งตรงข้ามถนน ร้านอาหาร ดูไม่เหมือนร้านขายของกินอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่พวกเธอยืนอยู่จริงๆ แนะนำอาหารให้พวกเราหน่อยสิคะ ได้ค่ะที่นี่เรามีไก่ย่าง ข้าวน้ำมันมะกอก แซนวิส พิซซ่า มันฝรั่ง ขอพิซซ่าอัปสรว่า ขอข้าวกับไก่ย่างดีกว่าค่ะ ทาฬิดาคิดว่าหากสั่งพิซซ่าเหมือนอัปสรเธอคงไม่อยู่ท้อง ไม่ลองชิมมันฝรั่งหน่อยหรือคะเปรูของเรามีมันฝรั่งหลากหลายชนิดให้เลือก เหรอคะก็ได้ค่ะ ทาฬิดาตกลงทันทีเธอยากรู้เหมือนกันว่าอาหารพื้นเมืองจะอร่อยถูกปากเธอบ้างหรือเปล่า หลังอาหารมื้อนั้นอัปสรอิ่มจนถึงกับจุก พิซซ่าทั้งถาดเป็นของเธอคนเดียวส่วนทาฬิดานั้นแค่ข้าวกับไก่ย่างเกือบครึ่งตัว บวกกับมันฝรั่งราดซอสอโวคาโดพื้นที่ในท้องของเธอไม่เหลือที่ว่างให้กับอย่างอื่นอีกเลย สองสาวจึงออกอาการพะอืดพะอมเมื่อมารีสั่งของหวานมาวางไว้ตรงหน้าพวกเธอ ทานสิคะอร่อยนะ มารีว่าเธอตักของหวานในถ้วยของเธอ เข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ พี่ทามกินดิจิ๊ดยกให้ อัปสรเลื่อนถ้วยของเธอไปไว้ตรงหน้าทาฬิดา ไม่ไหวแล้วพี่อิ่ม อ้าวแล้วสั่งไปทำไม อัปสรคาดคั้นทั้งๆที่เธอเองมีส่วนร่วมสั่งอาหารตรงหน้าด้วยเช่นกัน ตอนสั่งมันหิวตอนนี้อิ่มแล้วไง ทาฬิดาทำหน้าบอกบุญไม่รับ เอาไงดีพี่ห่อกลับบ้านได้หรือเปล่า ลองถามดิพี่ จิ๊ดเสียดาย ถ้าต้องทิ้ง เผื่อดึกๆ จิ๊ดจะได้มีของกิน พอจะใส่กล่องกลับบ้านได้ไหมคะทาฬิดาหันไปถามมารี ได้สิคะมารีจึงหยิบจานอาหารและขนมนำไปให้กับเจ้าของร้าน หลังจากที่มารีกลับมานั่งที่โต๊ะไม่นานนักเจ้าของร้านนำถุงหูหิ้วมาวางเอาไว้บนโต๊ะ พูดคุยกับมารีได้สักพักทาฬิดาจึงจ่ายเงินค่าอาหารให้กับเขา แล้วจึงเดินออกมาจากร้านเพื่อกลับไปยังที่พักของพวกเธอ
นาลันทากลับมาถึงที่พักค่อนข้างดึกกว่าทุกวันอัปสรรอส่งข่าวเรื่องเธออยากไปเที่ยวหมู่บ้านของมารี เธอจึงต้องนั่งรอเพื่อขออนุญาต อาของเธอก่อน อากลางอัปสรส่งเสียงเรียกมาแต่ไกล มีอะไรเรา นาลันทาหันไปถามหลานสาวตัวแสบเธอกลับมายังไม่ทันได้นั่งพัก ต้องมาหยุดสนทนากับหลานสาวก่อนเธอเดาไม่ออกว่าอัปสรจะก่อเรื่องอะไรอีกมาแบบนี้คงต้องสร้างวีรกรรมอะไรสักอย่างให้เธอปวดหัวอีกแน่ๆ พรุ่งนี้จิ๊ดกับพี่ทามจะไปเที่ยวหมู่บ้านของมารีค่ะอากลาง ก็ไปสิอาจะไปว่าอะไร นาลันทาโล่งใจ นึกว่าอัปสรไปเดินเหยียบอ่างกะปิของใครพัง เย้ๆดีใจจัง อากลางไม่ไปด้วยกันหรือคะ อัปสรกระโดดตัวลอยเข้ากอดอาของเธอไม่คิดว่านาลันทาจะใจดีปล่อยให้เธอไปเที่ยวได้ง่ายๆ พวกเราไปกันเถอะอายังทำงานไม่เสร็จเลย นาลันทาปฏิเสธ มารีบอกจิ๊ดว่าหมู่บ้านของเธอ มีอายุตั้งพันกว่าปีนะคะอากลาง อาน่าจะไปกับพวกจิ๊ดด้วย ขออาทำอะไรให้เสร็จก่อนดีกว่าว่าแต่หมู่บ้านที่ว่านั่นอยู่ที่ไหน ไม่รู้เหมือนกันค่ะจิ๊ดไม่ได้ถาม อัปสรส่ายหน้าปฏิเสธ เธอลืมถามมารีว่าหมู่บ้านอะไรนั่นอยู่ตรงไหนบนแผนที่แต่ก็ ช่างเถอะอยู่ตรงไหนไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญที่นาลันทาอนุญาตให้เธอไปกับทาฬิดาเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง อ้าวแล้วกัน คงไม่ไกลมังคะมารีไม่ได้บอกอะไร บอกว่าหมู่บ้านเธออายุยาวแค่นั้น พี่ทามก็เลยสนใจอยากจะไปเที่ยวแล้วก็ไปถ่ายรูป อัปสรเดามั่วกลัวนาลันทาจะไม่ให้เธอไปเที่ยว ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงต้องนั่งจับเจ่าอยู่แต่ในที่พัก ซึ่งนั่นไม่ใช่นิสัยของเธอ งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะอย่าซนจนหลงทางก็แล้วกัน ได้เลยค่ะอากลางถ้ามีสัญญาณโทรศัพท์ จิ๊ดจะโทรมาบอก อากลางนะคะจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องโทรมาบ่อยนักหรอกเปลืองเงิน แล้วกันแค่นี้ต้องงกด้วย อัปสรหน้ามุ่ย นี่ๆแม่คุณรู้อะไรไหม ใช้มือถือข้ามประเทศมันแพงแค่ไหน ไม่รู้ล่ะ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ต้องโทรมาอีกอย่างในถ้ำคงไม่มีสัญญาณ โทรมาก็ต้องฝากข้อความเสียเงินสองต่อ ก็ได้ๆจิ๊ดไปนอนก่อนนะ จะได้ตื่นแต่เช้า พรุ่งนี้มารีจะมารับอัปสรรีบเดินกลับเข้าห้องพักของเธอ เป็นเอามากหลานฉันนาลันทาส่ายหน้า ก่อนที่จะเปิดประตูห้องพักของเธอ เพื่อกลับเข้าไปพักผ่อนวันนี้เธอเพลียเหลือเกิน
มารีมาตามที่ได้นัดกับทาฬิดาและอัปสรเอาไว้เธอรีบมาตั้งแต่เช้า กว่าพวกเธอจะเดินทางไปถึงหมู่บ้านคงใช้เวลาจนเกือบจะค่ำ หากไม่รีบเดินทางตั้งแต่ตอนนี้อาจจะมืดบนทางระหว่างหุบเขาได้ นาลันทามารอส่งหลานสาวตัวแสบเมื่อเห็นหน้ามารีจึงเอ่ยถาม จะไปหมู่บ้านอะไรกันคะ ทาคานาคาค่ะ ไกลไหมคะ อยู่อีกฝั่งของเขาค่ะ คุณเพิ่งมาจากหมู่บ้านหรือคะ เปล่าค่ะฉันพักอยู่แถวๆ นี้ อ๋อค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ เที่ยวให้สนุกนะเด็กๆ นาลันทาไม่อยากซักอะไรมากนักเธอต้องไปเตรียมตัวเดินทางไปทำงานเช่นกัน การทักทายจึงจบลงเพียงเท่านั้น ไปก่อนนะคะอากลางอัปสรกอดอาสาวของเธอ ส่วนทาฬิดายกมือไหว้เพื่อลานาลันทาอีกคน ทาฬิดากระชับเป้สะพายหลังของเธออีกครั้งนี่คงจะเป็นครั้งแรกที่เธอได้ท่องเที่ยวในดินแดนแปลกตาแห่งนี้โดยที่ไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เธอต้องดูแลอัปสรอีกคนเท่ากับว่าเธอจะ ทำตัวไม่ได้เรื่องอย่างเมื่อก่อนไม่ได้อีกต่อไป การเดินทางไม่ได้ง่ายอย่างที่เคยคิดเอาไว้ทาฬิดาลงจากรถตู้เพื่อต่อรถมอเตอร์ไซด์เข้าไปในหมู่บ้านหุบเขาลงจากรถเธอคิดว่าหมู่บ้านนี้แหละคือที่หมายของเธอ อาการปวดเอวกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง เราจะพักกันที่ไหนคะทาฬิดาเอ่ยถามไกด์ของเธอ ยังค่ะเราต้องเดินขึ้นเขาลูกนี้ไป หมู่บ้านจะอยู่ด้านหลังเขาค่ะ หาอะไรนะอัปสรถึงกับต้องร้องออกมาดังๆ ภูเขาที่เธอเห็นตรงหน้าไม่ใช่ภูเขาลูกเล็กๆมันมหึมาจนเธอตกใจ บนยอดเขานั้นยังมีหิมะปกคลุมอีกด้วย จะให้เธอเดินไปหลังเขาคงต้องขอเวลาทำใจอีกสักหน่อย อีกประมาณกี่ไมล์คะทาฬิดาถามขึ้น ราวๆสักสิบไมล์ค่ะ แม่เจ้าสิบไมล์หนึ่งไมล์เท่ากับหนึ่งจุดหกกิโล สิบไมล์ก็ราวๆ สิบหกกิโล เดินพื้นราบพอว่า เดินขึ้นเขาเนี่ยนะ เป็นลมดีก่า อัปสรออกอาการถอดใจขึ้นมาทันที เราไม่มีม้าหรือลาหรืออะไรพอที่จะพาเราไปได้หรือคะ ทางเดินเลาะไปตามไหล่เขาค่ะถ้าใช้สัตว์น่าจะอันตราย อีกอย่างคือทางแคบมาก เดินเท้ายังอันตรายเลยค่ะ หาคราวนี้เป็นทาฬิดาที่ออกอาการถอดใจขึ้นมาอีกคน ตกลงจะไปไหมคะมารีเอ่ยถามทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกสองสาวแสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้งว่าไม่อยากจะไป ไปค่ะมาแล้วก็ต้องไป ทาฬิดารีบสวนตอบทันควัน จิ๊ดอยากเปลี่ยนใจเลยพี่ทามอัปสรหันไปบอกกับผู้สูงวัยกว่า เราจะอยู่ที่นี่คนเดียวได้เหรอจิ๊ด นั่นแหละพี่ประเด็นหลักเลย เอาน่าไอ้น้องไหนๆ ก็ไหนๆ เรามาด้วยกัน ต้องร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกันสิ แต่มันต้องเดินตั้งสิบหกกิโลนะพี่อัปสรยังชั่งใจกึ่งๆ อยู่ ปอดหรือไงเรายังเด็กอยู่แท้ๆ ทาฬิดาเยาะเย้ยขึ้นมาทันที ใครว่าล่ะคนอย่างจิ๊ดไม่ปอดอยู่แล้ว ไปก็ไป เธอเดินหน้าฉันเดินหลังอัปสรผายมือให้กับผู้สูงวัยกว่าอีกสองคน พวกคุณเดินนำไปก่อนเลยค่ะฉันปิดท้ายเอง มารีบอกยิ้มๆ งั้นขอไปหาเสบียงก่อนดีกว่าค่ะขืนเดินไปไม่มีอะไรกิน จะแย่เอานะคะคุณ ทาฬิดายังต้องการทำใจอีกสักพักแม้อากาศที่นี่จะเย็นสบาย แต่เวลานี้เธอเหงื่อท่วมทั้งตัว อาการหนาวๆ ร้อนๆที่ได้เห็นเส้นทางซึ่งต้องเดินไป ทำให้เธอคิดหนัก อย่างน้อยๆต้องมีน้ำพกติดตัวไปคนละขวดหรือสองขวด ทางเดินที่เธอเห็นนั้นค่อยๆไต่ไปตามลาดเขา ขึ้นไปข้างบนเรื่อยๆ ไม่มีทางที่ต้องเดินราบไปกับพื้นเลยสักนิดทั้งคดเคี้ยว ทั้งลาดชัน จริงของมารี คนเดินยังยากหากนั่งบนหลังม้าคงลำบากกว่าเป็นหลายเท่า จากตรงนี้เธอยังมองไม่เห็นหมู่บ้านของมารีหวังว่าเดินไปเรื่อยๆ คงมีจุดหมายปลายทางที่คุ้มค่ากับการเดินทางของพวกเธอหากไม่เป็นเช่นนั้น พวกเธอคงเสียดายแรง เสียดายเวลา เอาวะเป็นไงเป็นกัน สู้โว้ยไอ้ทาม อยู่ๆ ทาฬิดาพูดออกมา ทำให้อีกสองคนมองหน้ากัน เป็นอะไรมากหรือเปล่านะทาฬิดา |
บทความทั้งหมด
|