กลกาล YURI ญรญ โดยผิงดาว บทที่ ๓

บทที่ ๓

ทาฬิดาถูกเรียกตัวให้ไปพบกับนายพลทรงธรรมหลังจากที่ธีรัชและปู่ของเขากลับไปแล้วเธอแปลกใจว่าเหตุใดคุณปู่นายพลของเธอจึงเรียกเธอไปพบในยามวิกาลเช่นนี้

ปกติคุณปู่จะไม่ค่อยพบใครนอกจากจะจำเป็นจริงๆ เธอเดาว่าท่านอาจจะเรียกพบ เพราะแป๊ะเฮงนำนาฬิกาที่เธอเอาไปซ่อมมาคืนให้กับท่าน

“คุณปู่เรียกทามหรือคะ”

เธอเอ่ยถามบุคคลที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โยกตัวโปรด

“อือปู่มีอะไรจะถามเรา มานั่งตรงนี้สิทาม”

ชายชราชี้ไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเก้าอี้โยกของเขา

ทาฬิดานั่งลงเรียบร้อยเธอรอฟังว่าผู้ชราจะเอ่ยอะไรกับเธอ

“เรียนเป็นยังไงบ้างจะจบเมื่อไรล่ะ”

สิ่งที่ออกมาจากปากของคุณปู่ทำให้ทาฬิดาถึงกับอึ้ง

“แฮะๆยังเรื่อยๆ ค่ะคุณปู่”

“พ่อเราบอกปู่ว่าเราเอาแต่เล่นปีนี้ยังเรียนไม่จบใช่ไหม”

เสียงถามนั้นแม้จะฟังดูเรียบๆทำเอาคนถูกถามถึงกับขนลุกซู่

“ค่ะ”ทาฬิดาก้มหน้างุด ยอมรับผิดแต่โดยดี

“ไม่ชอบเรียนล่ะสิแม่เราบังคับให้เรียนก็เป็นอย่างนี้แหละ เราน่ะชอบอะไรที่ผาดโผน ให้ไปเรียนบัญชีคงไม่ชอบสินะ”

“แหม่คุณปู่ขา คุณปู่รู้ไหม มีคุณปู่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ใจทาม มากที่สุด”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะเล่นงานอะไรเธอจึงเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นการออดอ้อน แถมยังลงไปนั่งคุกเข่ากอดเอวของท่านอีก เป็นการประจบไปในตัว

“ไม่ต้องมาพูดเอาใจปู่เลยตกลงเราอยากจะเรียนให้จบหรือเปล่าล่ะ” ชายชราผลักร่างบางๆออกห่างเพื่อที่จะได้สนทนาได้โดยสะดวก

“ต้องเรียนให้จบสิคะแต่ตอนนี้ทามยังไม่อยากเรียน”

“ชอบถ่ายภาพว่างั้น”

“นิดหน่อยค่ะ”ทาฬิดาใช้นิ้วโป้งกดไปที่นิ้วก้อยของเธอ ให้เหลือเนื้อที่ตรงนิ้วก้อยไม่กี่มิล

“แล้วเราชอบอะไรกันแน่ไหนลองบอกปู่มาสิ”

“คุณปู่จะให้ทามไปเรียนหรือคะไปเรียนตอนนี้คงเป็นย่า เด็กๆ ต้องเรียกว่าย่าทามแน่ๆ ไม่เอาหรอกค่ะไว้รอเรียนจบก่อนค่อยไปเรียนเพิ่มดีกว่า” ทาฬิดาหน้ามุ่ยขืนคุณปู่ส่งเธอไปเรียนอะไรในเวลานี้ สมองของเธอคงไม่รับแถมยังต้องมาอายเด็กที่จะมาเรียนร่วมห้องอีกด้วย สู้ไม่เรียนจะดีกว่าไปหาอะไรอย่างอื่นทำให้หายเบื่อง่ายกว่ากันตั้งเยอะ

“ทำไมไม่คิดอย่างนี้ให้ได้ก่อนที่จะไม่ไปสอบล่ะทาม”

“ก็...”ทาฬิดาพยายามจะหาคำตอบที่ทำให้เธอเจ็บตัวน้อยที่สุด

“ก็อะไรก็ทามคิดไม่ทันใช่ไหม” น้ำเสียงนั้นปนหัวเราะนิดๆ

“คุณปู่”ทาฬิดาอึ้งไปนิดหนึ่ง

“เอางี้ปู่มีอะไรจะบอก”ผู้สูงอายุกว่าจับไหล่ของหลานสาว คนเดียวของเขาให้หันหน้ามามองเขาให้ชัดๆ

“อะไรคะ”

“ไหนๆเราไม่ต้องไปเรียนแล้วใช่ไหม จะเรียนอีกทีเทอมหน้า ปู่จะ ให้เราไปทำธุระให้ปู่สักเรื่องจะได้หรือเปล่า”

“ธุระอะไรคะ”

“ไปต่างประเทศแทนปู่หน่อย”

“โหไปต่างประเทศเลยหรือคะ” ทาฬิดาตาลุกวาว

“ใช่ไปต่างประเทศ ปู่มีค่าใช้จ่ายให้เรา”

“คุณปู่จะให้ทามไปเรียนภาษาหรือคะไม่เอาหรอกค่ะ อย่ามาหลอกทามให้ยากเลย ทามเกลียดจะตายไป”

“เปล่าปู่จะให้เราไปหาคำตอบให้ปู่ต่างหาก”

“คำตอบคำตอบอะไรคะคุณปู่”

ทาฬิดาเกิดอาการงงขึ้นมาฉับพลันคำตอบอะไรกันแน่หนอที่คุณปู่ของเธอต้องการจะเฉลยให้กระจ่างแถมยังต้องเดินทางไปถึงต่างบ้านต่างเมือง จะไปที่ไหนนั้นเธอยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ

“เราพูดสเปนได้หรือเปล่าไหม”

“ได้นิดๆค่ะ ไม่มากนักหรอกค่ะ แค่สวัสดี โฮลา ลาก่อน อะดีโอส แต่อังกฤษพอใช้ได้ค่ะไม่อดตายแน่ๆ”

“งั้นคงต้องหาล่ามให้”ผู้ชรากว่าเอนหลังพิงเก้าอี้โยกตามเดิม

“จะให้ทามไปสเปนหรือคะ”

“ไม่ใช่”

“อ้าวแล้วทำไมต้องพูดสเปน”

“เพราะประเทศที่เราจะไปต้องใช้ภาษาสเปน”

“หือประเทศอะไรคะ”

“เปรู”

“อ๊าย...จริงหรือคะคุณปู่ คุณปู่ใจดีที่หนึ่งเลย ทามอยากไปเปรูมากเลยค่ะ”ทาฬิดาแทบจะกระโจนกอดคุณปู่ของเธอประเทศในแถบนั้นถือเป็นประเทศในฝันติดหนึ่งในสิบที่เธออยากจะไป

“ไม่ใช่แค่เปรูเราต้องไปคาบสมุทรยูคาทันด้วย”

“หาอะไรนะคะ” ทาฬิดาตาโต อยู่ๆ ราวกับสวรรค์ประทาน เธอจะได้ไปอเมริกากลางจริงๆหรือเนี่ย โอ้ว..พระเจ้า

“เตรียมตัวให้พร้อมปู่จะให้เราเดินทางวันมะรืน”

“เอ๊ยอะไรจะเร็วขนาดนั้นคะคุณปู่ ทามยังไม่ได้เตรียมตัวเลยค่ะ วีซ่าก็ยังไม่ได้ขอพาสปอร์ตหมดอายุหรือเปล่าไม่รู้”

“ไม่หมดหรอกปู่เอามาจากแม่ของเราตั้งแต่อาทิตย์ก่อน วีซ่าก็ขอให้เรียบร้อยตั๋วเครื่องบินก็เรียบร้อย เหลือแต่เรานั่นแหละที่จะต้องเอาตัวเองขึ้นเครื่องไปเท่านั้นคนรู้จักของปู่จะเดินทางไปบรรยายที่นั่นวันมะรืน ปู่ฝากเราไปกับพวกเขาด้วย”

“อ้าวแล้วกัน คุณปู่วางแผนเอาไว้แต่แรกก็ไม่บอกทามปล่อยให้ทามคิดว่าจะต้องไปทำเรื่องเอง”

“ไปกับพวกเขาพักกับพวกเขา แต่ต้องไปทำงานให้ปู่ สัญญากับปู่ก่อนว่าจะหาคำตอบมาให้ปู่ให้ได้”

“ขึ้นอยู่กับคำถามนั่นแหละค่ะคุณปู่อยากให้ทามหาคำตอบเรื่องอะไร เกี่ยวกับอะไร ถ้าหาได้ง่ายๆ ทามก็สบายได้คำตอบเร็วทามจะได้เที่ยวต่อ ได้คำตอบช้าคงต้องอยู่หาคำตอบอีกยาว”

“เข้าทางเราเลยสิใช่ไหม”

“แหม่คุณปู่ก็ ทามอยากไปเปรูมาตั้งนานแล้วนะคะ อยากไปดูมาชูปิ๊กชูว่าจะสวยแค่ไหนอีกอย่างนะคะคุณปู่ขา เขาว่าที่นั่นเป็นดินแดนแห่งสุริยะเทพ มีภูเขาอยู่ทั้งสี่ทิศน่าสนุกดีออก เผลอๆ น้า ถ้าทามได้ไปที่นั่น ทามอาจจะได้พบคนรักของทามก็ได้”

“อยากมีคนรักมากหรือไงเราเจ้าฮงไม่ใช่คนรักของเราหรือไง”

“โอ๊ยคุณปู่เอาอะไรมาพูด ไอ้ฮงมันแค่เพื่อนทามค่ะ อย่างของทามพ่อเทพบุตรต้องหล่อๆผิวเข้มๆ ไม่ใช่หน้าตี๋อย่างไอ้ฮง ไม่เอาหรอก ตาไม่มีเหล่าเต้งลูกเกิดมาต้องมาเสียเงินทำศัลยกรรมเหมือนพ่อ”

“เรานี่เหลือเกินจริงๆเอาเถอะ ไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า หาหยูก หายาที่จำเป็นไปด้วยจะได้ไม่ลำบากถ้าไม่สบายขึ้นมา”

“เดี๋ยวค่ะคุณปู่ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะให้ทามไปหาคำตอบเรื่องอะไรที่ไหน ยังไง”

“ไว้ปู่จะบอกเราพรุ่งนี้วันนี้ดึกแล้วไปนอนเถอะ ปู่จะไปเข้านอนแล้วเหมือนกัน”

“ค่ะๆทามไปนอนก่อนน้า ฝันดีค่ะคุณปู่” ทาฬิกาโผเข้ากอดคุณปู่ของเธอเพื่อลากลับไปยังบ้านหลังเล็ก ซึ่งเธอแยกตัวออกไปอยู่ที่นั่น โดยให้เหตุผลว่าต้องการความเป็นส่วนตัว เพราะเธอไม่อยากส่งเสียงดังรบกวนผู้ใหญ่ในบ้านในยามวิกาล

“ขอผมรู้คำตอบก่อนนะครับไม่อย่างนั้นผมคงนอนตาไม่หลับ” ลับหลังทาฬิดา ชายผู้ชราเอ่ยกับความว่างเปล่ารอบๆตัวเขาเขาไม่รู้ว่าคนที่เขาต้องการจะสื่อสารด้วยนั้นจะได้ยินที่เขาพูดด้วยหรือเปล่าเพียงแค่หวังว่าความตั้งใจของเขานั้น อีกฝ่ายอาจจะสามารถรับรู้ได้

“ครับท่านเรียบร้อยดีทุดอย่างครับเหลือแค่เดินทางเท่านั้น ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ ผมเข้าใจผมจะดูแลหนูทามอย่างดี น่าเสียดายนะครับที่ท่านไม่ได้เดินทางไปด้วยตัวเองไม่อย่างนั้นคงสนุกแน่ๆ เลยครับท่าน” ทุติพูดกับโทรศัพท์ของเขา

เขาได้รับการร้องขอจากนายพลทรงธรรมนายพลใหญ่ผู้เคยให้ความช่วยเหลือเขามาสมัยที่เขาต้องเข้าป่าไปสำรวจโบราณสถานเมื่อสามสิบกว่าปีก่อนหากครั้งนั้นเขาไม่ได้นายพลทรงธรรม เขากับลูกน้องคงหลงป่าเสียชีวิตอยู่ในป่าดิบรกนั้น ไม่ได้มานั่งหายใจอยู่จนทุกวันนี้

“ผมอยากไปเหมือนกันผมแก่แล้วไม่ใช่หนุ่มๆ เหมือนเมื่อก่อน จะเดินไปไหนมาไหนยังลำบากถ้าต้องไปสมบุกสมบันเหมือนเมื่อก่อนผมคงจะแย่”

“เสียงของท่านยังทรงพลังอยู่เลยครับ”

“แค่เสียงไม่ใช่ร่างกาย ผมฝากด้วยก็แล้วกันนะทุติ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ผมไม่อยากรบกวนคุณเลย”

“ไม่เป็นไรจริงๆครับ ผมต้องไปที่นั่นอยู่แล้ว ท่านไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับผมยินดีและเต็มใจเป็นอย่างมาก ที่จะได้รับใช้ท่าน”

“ทามเรื่องมากนิดหน่อยนะทุติพ่อกับแม่ตามใจมาตั้งแต่เด็ก”

“หนูทามคงไม่ก่อเรื่องอะไรวุ่นวายให้กับผมหรอกครับเธอดูน่ารักเรียบร้อยจะตายไป”

“นั่นมันตอนเป็นเด็กตอนนี้โตเป็นสาวแล้ว เรื่องมากที่สุด เอาแต่ใจตัวเองตลอด กับปู่อย่างผมยังจะมาเล่นแง่อีกนะ”

“ฮ่าๆตามไสตล์วัยรุ่นกระมังครับท่าน”

“นั่นแหละผมขอขอบใจคุณอีกครั้งนะถ้าทามหาคำตอบให้ผมได้ ผมคงนอนตายตาหลับ”

“ครับท่าน”

“ไปทำงานของคุณเถอะผมรบกวนแค่นี้แหละ แล้วเจอกันวันเดินทาง” ปลายสายบอกกับทุติอย่างนั้น

“ครับท่าน”สิ้นคำของทุติ เสียงโทรศัพท์เปลี่ยนเป็นสัญญาณ ตุ๊ดๆเขาจึงวางหูโทรศัพท์ให้เข้าที่

“ท่านนายพลโทรมาหรือคะ”นาลันทาเอ่ยถาม

“อือท่านโทรมาขอบใจพวกเรา ที่จะพาหลานสาวของท่านไปด้วยว่าแต่คุณจะเอาหลานสาวไปด้วยจริงๆ หรือเปล่า”

“ค่ะนาว่าจะพายายจิ๊ดไปด้วย รายนั้นอยู่บ้านก็รังแต่จะสร้างปัญหาสู้ให้แยกตัวออกมาดีกว่า มุจก็จะไปกับเราด้วยนะคะ บอกว่าอยากไปถ่ายรูป”

“ครั้งนี้คงสนุกสินะมีคนตามทีมเราไปตั้งหลายคน”

“กลัวจะวุ่นมายมากกว่าสนุกสิคะจารย์ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่”

นาลันทาไม่อยากจะคิดถึงความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดตามมาตอนไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองทั้งหลานสาว ทั้งคนรัก ที่สำคัญหลานของนายพล

“เอาน่าไหนๆ จะได้เดินทางไกลทั้งที เราก็ต้องมีทีมของพวกเราไปเยอะหน่อย นี่ก็ว่าถ้าใครว่างๆจะให้ตามหลังเราไป ครั้งนี้เจ้ามือใหญ่ให้เราอยู่แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย”

“ใครคะ”

“ท่านนายพลทรงธรรมนั่นแหละท่านบอกว่า ท่านจะเป็นนายทุนให้กับพวกเราเอง”

“ว่าแต่ท่านมาทุ่มงบมากมายอย่างนั้นให้เราทำไมหรือคะ”

“พูดไปก็ตลกท่านฝันแล้วก็อยากรู้คำตอบ”

“หาแค่ฝัน ถึงกับเอาเงินตั้งมากมายมาให้เราเลยหรือคะ”

“ถ้าฝันธรรมดาๆก็ดีไปสิ แต่นี่ท่านฝันมาหลายสิบปี”

“ฝันยังไงคะ”

“ท่านบอกว่าตั้งแต่ท่านได้นาฬิกาเรือนหนึ่ง ท่านก็ฝันว่ามีผู้หญิงมาหาท่านมาบอกกับท่านว่าเป็นราชินีของอาณาจักรอะไรสักอย่าง แรกๆ ท่านคิดว่าท่านอ่านหนังสือมากไปหลังๆ ท่านยังฝันอยู่ ที่สำคัญ นาฬิกาเรือนนั้นช่วยชีวิตท่านเอาไว้แต่มันไม่ได้แค่ช่วยชีวิตเท่านั้น เมื่อมันเสียต้องเอาไปซ่อมคนในบ้านนั้นจะตายไปหนึ่งคน แรกๆ ท่านไม่ได้คิดอะไร หลังๆท่านลองสังเกตมันเกิดเรื่องอย่างนั้นจริงๆ ท่านก็เลยอยากจะพิสูจน์ว่าสิ่งที่ท่านฝันจะเป็นเรื่องจริงหรือแค่ฝันไป”

“มันก็เป็นไปได้นะคะที่จิตของท่านจะผูกติดกับอดีตชาติ จนสามารถรับรู้อะไรต่อมิอะไรจากอดีต”

“ผมว่าท่านอาจจะรู้ตัวว่ากำลังจะเป็นอะไร”

“อ้าวเหรอคะ”

“ท่านบอกกับผมว่านาฬิกาเรือนนั้นเสียอีกแล้ว ท่านก็เลยให้ผมพาหลานสาวของท่านไปกับเรา”

“เพื่อ”แววตาของนาลันทาบ่งบอกว่าเธอกำลังสงสัย

“เพื่อตอบคำถามในใจของท่านว่าผู้หญิงที่บอกว่าเป็นราชินีคนนั้น ต้องการอะไรจากครอบครัวท่านน่ะสิที่สำคัญไปกว่านั้นคือ หลังจากที่หลานสาวของท่านเกิดผู้หญิงคนนั้นมาเข้าฝันบอกกับท่านว่า เจ้าของนาฬิกาเรือนนั้นมาแล้วให้ท่านเอาไปคืนเจ้าของที่แท้จริง พอท่านเอาไปรับขวัญหลานท่านไม่เคยฝันอะไรอีกเลย”

“แปลกถ้าผู้หญิงที่บอกว่าเป็นราชินีมีอยู่ในอดีตจริงๆ คงอายุเป็นพันปีจะมีนาฬิกาได้ยังไง แปลกมาก”

“นั่นสิน่าแปลกมาก ผมลองดูนาฬิกาเรือนนั้น มันไม่น่าจะมีอายุเกินร้อยปี นาฬิกาที่เรารู้ๆกันมันเริ่มผลิตเป็นนาฬิกาพก ตั้งแต่ศตวรรษที่สิบหก แต่ไอ้นาฬิกาข้อมือเนี่ยมันเกิดราวๆปีหนึ่งแปดหกแปดหรือหกเก้านี่แหละเท่าที่ผมจำได้ แค่ร้อยสี่สิบกว่าปีเท่านั้นเองนะ”

“อืมน่าแปลกมาก” ยิ่งฟังนาลันทายิ่งคิดตาม ยิ่งคิดตามเธอยิ่งแปลกใจหนักขึ้นเรื่อยๆหรือครั้งนี้พวกเธอจะต้องเจอกับอะไรประหลาดๆ อีกหรือเปล่าคงไม่ใช่แค่การไปประชุมสัมมนาทั่วๆ ไปอีกแน่ๆ เธอ ไม่อยากจะคาดเดาเรื่องล่วงหน้าเธอไม่ใช่นักพยากรณ์ ขอให้ความคิด ของเธอเป็นแค่เพียงความคิดเท่านั้น จะดีที่สุด

“ที่สำคัญไปกว่านั้นนาฬิกาเรือนนั้น ทำด้วยโลหะที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ผมเคยเอามันไปให้ผู้เชี่ยวชาญดูเขาบอกว่า โลหะนี้หาได้ยากมาก เขาขอผมเอาไปทดสอบ แต่ท่านนายพลไม่ให้ บอกว่ากลัวหายเราก็เลยยังไม่รู้ว่ามันทำมาจากโลหะอะไร ที่แน่ๆ ก็คือ มันแข็งแรงมากๆขนาดเสือกัดฟันยังหัก คุณคิดดูเองก็แล้วกัน”

“โหถึงขนาดฟันหักเลยหรือคะ” นาลันทาตาโต

“ครับผมเห็นมากับตา ตอนนั้นท่านนายพลมาช่วยพวกผม พวกเราหลงป่ากันท่านบังเอิญแวะมาล่าสัตว์พอดิบพอดี เสือมาจากทางด้านหลัง ท่านยกมือขึ้นบังตัวเองมันกัดข้อมือของท่านไป เรานึกว่าตายแน่ๆ ที่ไหนได้ เสือฟันหัก เพราะกัดสายนาฬิกาท่านยังให้เขี้ยวเสือกับผมมาเลย นี่ไง ผมเอาไปแกะเป็นพระห้อยคออยู่เนี่ย”

ทุติล้วงสายสร้อยห้อยพระของเขาออกมาให้นาลันทาดู

ทุติคงไม่โกหกเธอสิ่งที่อยู่ในมือของทุติคือเขี้ยวเสือของแท้ แน่นอน ไม่ใช่เขี้ยวหมูป่าเอามาหลอกแค่มองเธอก็รู้ว่ามันคือของจริง

สิ่งที่เธอเป็นกังวลไม่ใช่เขี้ยวเสือนั้นแต่เป็นนาฬิกาข้อมือเรือนนั้นต่างหาก อยากรู้จริงๆว่ามันจะแตกต่างจากนาฬิกาทั่วไปตรงไหน แถมเธอยังอยากเห็นสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ในนาฬิกาเรือนนั้นอีกด้วยจะใช่ราชินีที่ทุติพูดถึงหรือเปล่า งานนี้คงสนุกกว่าที่คิดเอาไว้ถ้าเจ้าของนาฬิกาตัวจริงออกมาปรากฏกายให้พวกเธอได้เห็น

จะบรื้อหรือจะว้าว แล้วแต่สถานการณ์จะพาไป




Create Date : 09 กันยายน 2557
Last Update : 9 กันยายน 2557 20:24:48 น.
Counter : 402 Pageviews.

0 comments
: รูปแบบของชีวิต : กะว่าก๋า
(17 เม.ย. 2567 04:37:20 น.)
Oh!! my sassy boss ตอนที่ 22 หน้า 2 unitan
(16 เม.ย. 2567 10:34:46 น.)
เรา คือ เอไอ ชีวภาพ..ที่ ทุกอย่าง ทำงาน อัตโนมัติ..อวิชชา ไม่รู้ โง่ ทุกข์..โดย อัตโนมัติ 15 CXO.Asia
(15 เม.ย. 2567 05:12:22 น.)
๏ ... คืนฟ้าไร้ดาว ... ๏ นกโก๊ก
(14 เม.ย. 2567 09:49:36 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Ping-dow.BlogGang.com

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด