กลกาล YURI ญรญ โดยผิงดาว บทที่ ๑๑ บทที่ ๑๑
มารีรีบกลับมาถึงหมู่บ้านเธอรีบจัดการพิธีศพสองพ่อลูกทันที โชคดีที่เธอกลับมาก่อนตะวันจะตกดินจึงยังพอมีเวลาเตรียมการอยู่บ้าง เธอนึกขึ้นได้ว่าทิ้งทีมหมอเอาไว้ จึงเอ่ยถามกับคนของเธอ หมอล่ะ กลับไปแล้วขอรับคนในเผ่าตอบทันที อะไรนะกลับไปเมื่อไหร่ มารีขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อเช้าขอรับ ทำไมถึงได้กลับไปเร็วนัก พวกหมอเอาหญิงกาลีไปด้วย มารีถึงกับอึ้งหญิงกาลีคงหมายถึงแม่ซึ่งเพิ่งจะคลอดลูกตายไป เมื่อคืน อาการยังไม่ดีต้องออกเดินทางไปอย่างนั้น ฝนยังคงตกไม่หยุด ทั้งคนป่วยคนดี จะเดินทางกลับไปได้อย่างไร เธอรู้ว่าทำไมคนของหมู่บ้านถึงได้ตัดสินใจไล่ผู้หญิงคนนั้นออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่หายดี ตำนานของหญิงคลอดลูกตาย หญิงคนนั้นคือหญิงกาลีน่าแปลกแต่เป็นเรื่องจริง ไม่เคยมีผู้หญิงคนใดในหมู่บ้าน คลอดลูกตาย ในคืนเดือนมืด ผู้หญิงคนนั้นคือคนแรกที่ทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ หากวันใดฟ้ามืดมนเกิดเหตุหญิงคลอดลูกตายในคืนเดือนดับ ฝนฟ้าพิโรธโกรธกริ้ว มีผู้บุกรุกถ้ำต้องห้ามยามนั้นจักเกิดเหตุกาลีแก่ทาคา คำทำนายนั้นทุกคนจำได้ดีเป็นคำสอนสั่งของผู้เฒ่าผู้แก่มานับร้อยๆ ปี เธอไม่แปลกใจเลยที่คนในหมู่บ้านจะหวาดกลัวและขับไล่หญิง คนนั้นให้ออกจากหมู่บ้านทันที เธอควรทำพิธีศพสองพ่อลูกให้เสร็จก่อนที่จะตามกลุ่มของหมอกลับไปยังทาคานาคา ท่านผู้เฒ่ามารีเอ่ยทักผู้อาวุโสสูงสุดในหมู่บ้าน พร้อมกับโค้งคำนับให้เขาเธอเป็นคนเชิญเขาให้มาทำพิธีครั้งนี้ด้วยตนเองไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีศพของพ่อกับลูกมาตายพร้อมๆ กันหนำซ้ำผู้เป็นพ่อยังตายในถ้ำต้องห้ามจึงต้องให้ผู้ที่มีไสยเวทย์สูงสุดของเผ่ามาเป็นผู้ทำพิธีส่งวิญญาณพวกเขาในครั้งนี้ ผู้เฒ่ายืนถือคบไฟปากพร่ำท่องมนต์ของเขา ก่อนที่จะจุดไฟเผาร่างสองพ่อลูก เปลวเพลิงลุกพรึบอย่างรวดเร็วเสียง แกว๊กๆ ดังลั่นอีกครั้ง ทุกคนถึงกับขนลุกทั่วกาย ลางร้ายร้ายยิ่งนัก ผู้เฒ่าหันไปบอกกับมารี เจ้าจงระวังตัวให้ดีหัวหน้า หากทาคาไม่มีเจ้าคงจะวุ่นวายไม่มีวันสิ้นสุด จำคำข้าไว้ผู้ระวังมักเพลี่ยงพล้ำให้แก่ผู้จ้องทำร้าย ค่ะท่านผู้เฒ่าเราจะระวังตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ข้าจะรอเจ้ามารีลูกพ่อ ชายชราโอบกอดร่างบางของมารีเอาไว้แน่นเขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรลูกของเขาได้คำทำนายบ่งบอกชัดแจ้งว่าผู้ที่จะต้องรับศึกในครั้งนี้มีเพียงมารีและหญิงสาวอีกคนหนึ่งเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใครเขาไม่รู้เขาเฝ้าภาวนาว่าให้มารีพบกับผู้หญิงคนนั้นโดยเร็ว ก่อนที่จะสายเกินไป
ทาฬิดาเดินทางกลับทาคานาคาอย่างทุลักทุเลมาว่ายาก เดินทางกลับยิ่งยากกว่า คนป่วยนอนอยู่บนแคร่ สอดด้วยไม้ยาวสองท่อนให้พ่อและพี่ชายของเธอแบกขึ้นเขา โดยมีกลุ่มของทาฬิดาคอยระวังหลังให้ ทาฬิดาไม่เคยคิดมาก่อนว่าการเดินทางมาเที่ยวของเธอต้องมาเจอกับเรื่องยุ่งยาก ความเชื่อของคนเป็นสิ่งยากที่จะลบล้างยิ่งเป็นความเชื่อระดับตำนาน เชื่อสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นยิ่งลบความเชื่อเหล่านั้นยากกว่าสิ่งอื่น โชคดีที่โกกนทสามารถพูดภาษาสเปนได้ไม่เช่นนั้นพวกเธอคงลำบากในการสื่อสารกับคนท้องถิ่น เธอรู้จักกับโกกนทมาหลายปีไม่เคยรู้มาก่อนว่าโกกนทสามารถสื่อสารภาษาอื่นได้นอกจากภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ หลังจากนี้เธอคงต้องกลับไปเรียนภาษาอื่นบ้าง คุณปู่ของเธอพูดถูกโลกใบนี้ไม่ได้สื่อสารกันแค่ภาษาเดียว ยังมีภาษาอีกมากมายนับไม่ถ้วนที่คนบนโลกใช้สื่อสารกัน จะว่าดีก็ดี จะว่าไม่ดีก็ไม่เชิงที่ว่าดีนั้นคือยุคล่าอาณานิคม ทำให้คนบนโลกใบนี้จากที่เคยใช้ภาษาถิ่นก็หันไปใช้ภาษาของเจ้าอาณานิคม เช่น อังกฤษประเทศซึ่งได้ชื่อว่าเป็นดินแดนพระอาทิตย์ไม่มีวันตกดิน เพราะประเทศนี้มีอาณานิคมไปทั่วโลกตั้งแต่ออสเตรเลีย แคนนาดา แอฟริกาใต้ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เห็นจะมีมาเลเซียกับพม่า อินเดีย และอีกหลายประเทศซึ่งเป็นเมืองขึ้นของเกาะอังกฤษ ส่วนในดินแดนอื่นๆในโลกตกเป็นของสเปน ฝรั่งเศส จึงทำให้ประเทศผู้ตกอยู่ใต้อำนาจเหล่านั้นหันมาพูดภาษาของเจ้าอาณานิคมจนกลายเป็นภาษาหลักที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศนั้นๆ ข้อเสียก็คือวัฒนธรรมดั้งเดิม ถูกทำลายทิ้งไปจนเกือบจะสิ้นซาก ถูกบังคับให้นับถือศาสนาอื่นหากใครไม่ยอมเข้ารีต อาจจะถูกใส่ความ ถึงขั้นประหารชีวิตจนทำให้บางประเทศแทบไม่หลงเหลือร่องรอยอารยธรรมของตนเอาไว้ให้ลูกหลานได้เห็น กับบางประเทศนั้นพยายามปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมของตน ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมของเจ้าอาณานิคมจนกลายเป็นประเพณีใหม่ แต่ยังแฝงความเชื่อเก่าๆ ของตนเอาไว้ในนั้นด้วย ทาฬิดาเชื่อว่าประเทศนี้ทำอย่างหลังเสียมากกว่าปรับเปลี่ยนความเชื่อใหม่ ผสมผสานกับความเชื่อเก่าของบรรพบุรุษตนแต่ไม่ทำให้สเปนเห็นเป็นสิ่งผิดจึงทำให้ประเพณีบางอย่างยังคงทำสืบเนื่องกันมาจนถึงทุกวันนี้ ที่น่าแปลกก็คือเผ่าทาคาทั้งสองเผ่า ทำไมถึงได้ยึดติดกับความเชื่องมงายอยู่ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงไปเหมือนเผ่าอื่นๆ บ้างเลยหรือไร โอ๊ยเสียงคนป่วยร้องออกมาเบาๆ ร่างบนแคร่คงกระทบกระเทือน จึงร้องออกมาอย่างนั้น วางลงก่อนโกกนทบอกพ่อกับพี่ชายของคนป่วย พอจะมีโคคาบ้างไหมเธอเอ่ยถาม ทั้งสองคนรีบล้วงลงไปในกระเป๋าสะพายลักษณะคล้ายๆย่ามของพวกเขา หยิบเอาใบไม้ออกมาคนละกำ เอาให้เธอกินมากเท่าไหร่ยิ่งดี โกกนทบอก คนเจ็บของเธอจึงต้องกินใบไม้นั้นเข้าไปเพื่อระงับความเจ็บของตัวเอง น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างโกกนทรู้ว่าเธอคงเจ็บปวด คนผ่าตัดใหม่ๆ ไม่ควรถูกเคลื่อนย้าย การกระทบกระเทือนนิดเดียวอาจทำให้คนป่วยเจ็บเจียนตาย หลังจากรอให้คนป่วยสงบลงเพราะฤทธิ์ใบโคคาโกกนทรีบสั่งให้เดินทางต่อ พวกเธอยังเดินมาได้ไม่ถึงครึ่งทาง หากรอช้ากว่านี้คนป่วยจะเจ็บหนัก และอาจจะเสียชีวิตได้ ขบวนของทาฬิดาจึงเริ่มเดินทางอีกครั้งพวกเธอลืมไปด้วยซ้ำว่า ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่ค่ำเมื่อวาน โกกนทและภัทรมลสั่งให้ทุกคนเคี้ยวใบโคคามาคนละใบสองใบเรี่ยวแรงของพวกเธอจึงยังไม่หมด สักพักอาจไม่แน่พวกเธอทุกคนอาจจะเป็นลมเพราะความหิวทั้งหมดก็เป็นได้
ทำไมเด็กๆยังไม่กลับ นาลันทาเอ่ยถามมุจลินทร์ ไม่รู้สิคะอาจจะไปค้างที่ไหนก็ได้ มีโทรศัพท์ทำไมไม่โทรมาบอก อาจจะไม่มีสัญญาณก็ได้นะคุณใจเย็นๆ เถอะน่า มุจลินทร์ปลอบเธอได้ยินมาชัดๆ ว่านาลันทาบ่นอัปสรเรื่อง ห้ามใช้โทรศัพท์พร่ำเพรื่อ กลัวจะสิ้นเปลือง ในกรณีนี้เธอฟันธงได้ว่าผิด ทั้งอาทั้งหลาน เดี๋ยวเถอะกลับมาจะตีให้หลังลายเชียว เที่ยวอะไรกันนักหนา ข้ามวันข้ามคืน ลองไปถามที่บริษัทนำเที่ยวดูไหมจะได้รู้ว่าพาเด็กๆ ไปที่ไหน มุจลินทร์นึกขึ้นได้วันก่อนเธอทั้งคู่ไปเดินตามหาไกด์และล่ามให้กับทาฬิดาที่ตลาดหากกลับไปถามที่นั่นคงจะรู้ว่ามารีพาเด็กๆ ไปที่ไหน นาลันทาไม่รีรออะไรอีกความเป็นห่วงหลานสาวและทาฬิดา พุ่งทะยานถึงขีดสุดเกินขีดจำกัดของคำว่ารอ ที่ตลาดไม่มีร้านที่เธอเคยพบกับมารีเธอจึงถามกับคนแถวๆ นั้น พอจะรู้ไหมว่าไกด์ที่เคยมานั่งรอนักท่องเที่ยวอยู่ที่ไหน นาลันทาชี้ไปที่บริเวณซึ่งเธอเคยพบกับมารีแต่ในเวลานี้ไม่มีโต๊ะตัวเล็กๆ ตั้งอยู่เหมือนเช่นวันก่อน คงรับแขกไปเที่ยวนั่นแหละถ้ามีแขกจะไม่มีคนมาตั้งโต๊ะ พอรู้ไหมคะว่าหมู่บ้านของมารีอยู่ที่ไหนนาลันทาถามแม่ค้าซึ่งตั้งแผงขายของอยู่ติดกับโต๊ะเล็กๆ ของมารี เธอจำได้ว่าวันก่อนเธอยังช่วยอุดหนุนซื้อของจากร้านนี้ไปหลายอย่าง ทาคานาคาไกลมาก แม่ค้าบอกด้วยสำเนียงแปล่งๆ ไปยังไงพอรู้ไหม ต้องนั่งรถต่อมอเตอร์ไซด์และเดินเท้าขึ้นเขาทาคาไป หลายชั่วโมงแม่ค้าบอกเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา หา...นาลันทาถึงกับพูดไม่ออก เธอไม่คิดว่าหมู่บ้านของมารีจะอยู่ไกลจากที่แห่งนี้มากถึงขนาดนั้น ใจเย็นๆคุณ เรารออีกสักพักดีกว่า ถ้ามันไกลขนาดนั้นจริงๆ คงไปกลับสองวันนั่นแหละ อะ.. มุจให้สามวันเลยดีกว่าเผื่อจะเดินเที่ยวที่หมู่บ้านนั่นด้วย หลานสาวเราหายเราตายกันแค่สองคน แต่ถ้าหนูทามหายไป ล่ะก็ชีวิตพวกเราทั้งหมด คนต้องตายไปพร้อมๆ กัน ทำไมล่ะ ท่านนายพลไม่เอาพวกเราไว้แน่ๆมุจ นาล่ะกลัวจริง พอได้ยินในสิ่งที่นาลันทาพูดทำให้มุจลินทร์ถึงกับร้อนๆ หนาวๆ ตามไปด้วย ถูกของนาลันทา หากอัปสรเป็นอะไรไปมีเพียงพวกเธอเท่านั้นที่จะเดือดร้อน เพราะอัปสรคือหลานสาวของพวกเธอ แต่กับทาฬิดาทายาทเพียงคนเดียวของท่านายพลใหญ่ ผู้มีอำนาจล้นฟ้าแถมยังมีพ่อเป็นนายพลร่วมด้วยอีกคน หัวของพวกเธอคนต้องเอาไปขึ้นเขียงรอการประหารกันทั้งตระกูล ดีไม่ดีอาจจะไม่มีใครได้ผุดได้เกิดเลยด้วยซ้ำ ยิ่งคิดยิ่งนึกหวั่นเธอทำได้แค่ภาวนาให้เด็กทั้งสองคนกลับมาหาพวกเธอในเร็ววัน
ศรรักให้อัปสรกับพิมมาดาช่วยเธอหยอดวัคซีนให้กับเด็กๆหลังจากนั้นจึงพาอัปสรและพิมมาดาออกไปเดินชมหมู่บ้านทาคานาคา พี่หมอชอบที่นี่หรือคะ อัปสรเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าศรรักชื่นชมธรรมชาติอยู่นาน นานๆจะได้เห็นอะไรเขียวๆ อย่างนี้สักที อยู่ที่โน่นมีแต่ทะเลทราย มีแต่เมืองเฟคๆต้นไม้ปลูกเอง น่าเบื่อจะตายไป สู้ที่นี่ไม่ได้ มีต้นไม้เกิดเองตามธรรมชาติมีนาขั้นบันได มีของกินสารพัด ที่นี่แหละ สุดยอดแล้วน้องเอ๊ย เป็นเจ้าหญิงไม่ดีหรือคะน้าศร ไอ้ดีมันก็ดีหรอกนะลูกหนูเสียอย่างเดียวไปไหนมาไหน มีคนแห่ตามเป็นฝูง ดีออกจะตายไปจะได้ไม่ต้องถือของเอง เหมือนนักโทษต้องมีผู้คุมไปไหนมาไหนด้วยตลอดมันอึดอัดบอกไม่ถูก สายตาของศรรักมองลงไปเบื้องล่างเธอเห็นเหมือนกับกำลังมีคนแบกอะไรสักอย่างขึ้นมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ ลูกหนูขอกล้องส่องทางไกลน้าหน่อย ศรรักบอกอย่างนั้น พิมมาดาจึงยื่นกล้องส่องทางไกลของเธอให้กับศรรักทันที ตายแล้วมีคนป่วยมา ศรรักร้องลั่นเธอล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือผ่านดาวเทียวของเธอออกมา โทรไปหาใครสักคนฟังความได้ว่า ขอเฮลิคอร์ปเตอร์หนึ่งลำ มารับคนป่วยที่หมู่บ้านทาคานาคาจากนั้นจึงรีบวิ่งกลับไปที่หมู่บ้านไปบอกกับผู้ช่วยของเธอให้รีบลงไปรับคนป่วยขึ้นมา อย่างน้อยๆคนที่แบกมานั้นจะได้พักเหนื่อยบ้าง กลุ่มผู้ชายถึงหกคนรีบวิ่งไปตามคำสั่งของศรรักทันทีส่วนศรรักรอเตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์เท่าที่คิดว่าจะต้องใช้ อย่างน้อยๆ คนต้องมี ถังออกซิเจนอากาศบนนี้บางเบากว่าอากาศด้านล่าง คนธรรมดายังหายใจแทบไม่ทัน แล้วคนป่วยล่ะคงหายใจลำบากกว่าหลายเท่า กว่าจะแบกคนป่วยขึ้นมาถึงหมู่บ้านเฮลิคอร์ปเตอร์ที่ศรรักโทร ให้มารับคนป่วยก็มาถึงพอดี เอาคนป่วยขึ้นเลยศรรักสั่ง ค่าใช่จ่ายเรียกเก็บที่ท่านชีคเธอสั่งอีกครั้ง จากนั้นจึงให้ผู้ช่วยของเธอ ติดไปกับเฮลิคอร์ปเตอร์ลำนั้นด้วย ขอบใจนะศรถ้าไม่ได้แกคนเจ็บคงแย่ โกกนทบอก เกิดอะไรขึ้นวะไอ้นททำไมแกต้องแบกมาอย่างนี้ เรื่องมันยาวไว้ค่อยเล่า พวกฉันเหนื่อย ตั้งแต่เมื่อคืนแทบไม่ได้นอน อ้าวทำไมล่ะ ศรรักเลิกคิ้วถาม เพื่อนของเธอไปทำอะไรมาไหนว่าจะไปทำคลอดผู้หญิงท้องแก่แล้วทำไมถึงต้องรีบตาลีตาเหลือกกลับมาอย่างที่เธอเห็น มันต้องมีอะไร ไม่ชอบมาพากลเกิดกับเพื่อนของเธอแน่นอน บอกแล้วไงว่าเหนื่อยหาอะไรให้กินหน่อย หิวไส้จะขาดอยู่แล้วเพื่อน โกกนทบ่นใช่แต่ความหิวอย่างเดียวที่คืบคลานเข้ามาหาเธอ มีทั้งความง่วง ความเหนื่อยล้าและอาการอยากจะสละทุกสิ่งออกจากร่างกาย หากทำได้ เธออยากจะหลับสักสิบวันสิบคืนไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกเลย เธอหันไปมองอีกสองคนทั้งคู่คงรู้สึกไม่ต่างจากเธอ
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและกินข้าวเสร็จ โกกนทเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับศรรักฟังแล้วจึงขอตัวไปนอนพร้อมกับภัทรมลและ ทาฬิดาผ่านไปเกือบสิบสองชั่วโมง จนฟ้าสางทั้งสามคนยังไม่ตื่น นอนขี้เซากันจังเลยแฮะอัปสรบ่นเบาๆ จิ๊ดก็ลองเดินขึ้นเดินลงเขานี้ดูเองสิแล้วจิ๊ดจะรู้ ลูกหนูเคยแล้วเหรอ เคยสองหนแทบตาย แล้วทำไมไม่เอาแมงปอไปล่ะ อัปสรพูดถึงเฮลิคอร์ปเตอร์ที่บินมารับคนเจ็บไปเมื่อวาน มันไม่มีที่จอดข้างล่างต้นไม้เยอะไปหมด น้าศรบอกว่าจะอันตราย อ้าวแล้วกัน อย่างนี้น่าจะทำรอกเนอะ หรือไม่ก็กระเช้าไฟฟ้า จะได้สะดวกหน่อยไม่ต้องเดินขึ้นเดินลง จริงด้วยทำไมน้าไม่คิดได้ตั้งแต่แรกนะ ขอบใจนะจิ๊ดที่ช่วยน้าคิดศรรักหยิบโทรศัพท์เครื่องเมื่อวานขึ้นมาอีกครั้งเธอโทรบอกใครสักคนถึงความคิดที่จะทำกระเช้าไฟฟ้าจากด้านล่างขึ้นมาด้านบน บอกอีกว่า ให้ ส่งคนและเครื่องมือเข้ามาในพื้นที่ได้เลยไม่ต้องรออะไร คนรวยเนี่ยคิดอะไรทำได้ทุกอย่างเลยเนอะว่าปะ อัปสรกระซิบกระซาบกับพิมมาดา น้าศรก็เป็นอย่างนี้แหละไม่ต้องไปสนใจหรอก อยากรวยแบบน้าศรบ้างจังจะได้มีโทรศัพท์โทรผ่านดาวเทียม เอ๊ยโทรศัพท์ ตายแล้วต้องโทรบอกอากลางสงสัยป่านนี้โดนด่าเละแน่เลย ทำไงดี อัปสรล้วงกระเป๋ากางเกงของเธอหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา แต่มันกลับไม่มีสัญญาณอะไรใดๆบ่งบอกว่าสามารถโทรไปหานาลันทาได้ เอาโทรศัพท์น้าศรไหมจะขอยืมให้ พิมมาดาเสนอ จะได้เหรออากลางต้องบ่นยาวเป็นกระบุง เปลืองเงินแย่เลย งั้นให้น้าศรโทรบอกให้สิจะได้ไม่คุยยาว ใช่ๆเอาอย่างนั้นดีกว่า อัปสรไม่รอช้า รีบทำตามที่พิมมาดาเสนอทันทีขืนมัวชักช้าไปมากกว่านี้ มีหวังอากลางของเธอ คงบ่นจนหูชาไปหลายวัน |
บทความทั้งหมด
|