Groundwater Investigation and Groundwater Exploration (Similar but different)
หลายท่านอาจจะสงสัยครับว่าการสำรวจและพัฒนาน้ำบาดาลนั้น เขาทำกันอย่างไร การสำรวจทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการสำรวจแหล่งแร่ การสำรวจน้ำมัน การสำรวจทองคำ การสำรวจถ่านหิน รวมไปถึงการสำรวจน้ำบาดาล ต่างก็ใช้หลักการและวิธีการที่คล้ายคลึงกัน



ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจหลักการก่อน นั่นก็คือถ้าเราจะหาอะไร เราจะต้องรู้ และ เข้าใจของพฤติกรรมพื้นฐานของมันเวียก่อน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าตำรวจจะหาข่าวเพื่อจะจับคนร้าย เขาจะต้องรู้ข้อมูลเบื้องต้นทั้งหมดก่อน เช่น เพศ อายุ การศึกษา พฤติกรรมทางสังคม ความชอบส่วนตัว คนรัก คนใกล้ชิด คนที่เคารพนับถือ จากนั้นถึงจะลงมือตามสืบหาคนร้ายตามสันดานของมัน เช่นถ้าคนร้ายชอบกินเหล้า เล่นการพนัน สูบบุหรี่ มีความต้องการทางเพศสูง สถานที่ต้องสงสัยที่ควรจะไปหาเบาะแสต้องเป็นสถานที่กลางคืน ตามผับ ตามบาร์ บ่อน คาราโอเกะ สนุกเกอร์คลับ เป็นต้น ถ้าไปหาแถววัด ห้องสมุด หรือ อุทยาน คงเสียเวลาเปล่านะครับ



สิ่งที่กล่าวมาข้างบนคือการสืบสวน (Investigation) ดังนั้นการสำรวจน้ำบาดาลต้องเริ่มจากการสืบสวนก่อน ดังนั้นสิ่งแรกที่เราจะต้องรู้นั่นก็คือพฤติกรรมหรือสันดานของน้ำบาดาลเสียก่อน สันดานของน้ำบาดาลมันชอบไหลจากที่สูงไปหาที่ต่ำ เจอรูหรือรอยแตกไม่ได้มันจะมุดทันที และนิสัยโดยทั่วไปไม่ชอบอยู่กับที่ ไหลไปเรื่อยๆ และถ้าอุณหภูมิเปลี่ยนมันก็จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของมัน ถ้าหน้าหนาวหรืออากาศเย็นมากๆ มันจะขี้เกียจ ไหลช้าๆ แต่ถ้าอุณหภูมิสูงขึ้นหรือร้อนขึ้นมันก็จะไหลเร็วขึ้น (ไฟลนตูดมัน อิอิ) (Viscosity) และที่สำคัญมันนิสัยเจ้าชู้ และชอบสะสม กล่าวคือถ้ามันไหลผ่านไปเจออะไรมันก็จะจีบก่อน พอเธอใจอ่อนยอมละลายมันก็จะพาไปด้วย (Dissolution) แต่ถ้ามันถูกกักขังมันก็จะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่มันจีบและพามา ปล่อยให้เธอเหล่านั้นเผชิญชีวิตตามยถากรรม (Deposition) บางคนที่มันพามาก็จับคู่ใหม่ (Ion exchange) แล้วอยู่กินกันไปเลยก็มี (Mineral forming)



ดังนั้นเมือ่เรารู้พฤติกรรมของน้ำบาดาลแล้ว ทีนี้เราก็เอาพื้นที่มากำหนด (Area base approach) ว่าพื้นที่ที่เรารับผิดชอบ เราจะหาน้ำบาดาลได้อย่างไร นั้นก็คือกระบวนการของการสำรวจ (Investigation) ซึ่งขั้นตอนของการสำรวจจะต้องเริ่มศึกษาโครงสร้างของพื้นที่ศึกษาก่อน (อันไหนเป็นวัด อันไหนเป็นผับ แล้วอันไหนคือสนุกเกอร์คลับ) ซึ่งกว่าเราจะรู้ก็ต้องอาศัยเวลา ซึ่งเราจะต้องรู้ Topography อันไหนเป็นที่ลุ่มอันไหนเป็นที่ดอน (ถ้าแยกไม่ออกก็เรียกสาวๆมา แล้วให้เธอหันหน้ามาที และก็หันหลังมาที ก็จะรู้เอง) จากนั้นก็ต้องเข้าใจ Geomorphology กฏมีอยู่ว่าอันไหนแข็งและทนต่อการกัดกร่อนจะอยู่บนยอดเขา (High resistance) อันไหนอ่อนจะอยู่ตีนเขา แล้วก็มองไปที่ยอดเขา ตีนเขา ว่าเป็นหินอะไร มีรอยแตกหรือไม่ ลักษณะการเรียงตัวเป็นอย่างไร มีรอยคดโค้งหรือไม่ (Structural geology) จากนั้นก็ลองจินตนาการว่าถ้าเราเอาน้ำราดลงไป แล้วมันจะไปไหน ไหลไปทิศทางได ไหลช้าหรือไหลเร็ว มุดลงรูตรงไหน แล้วจะไปโผล่ตรงไหน (Hydrology) จากนั้นก็เอากระดาษขึ้นมาวาด ว่าตำแหน่งใดเป็นบ้าน ตำแหน่งใดเป็นผับ ตำแหน่งใดเป็นวัด และบริเวณไหนเป็นหลังคา บริเวณไหนเป็นใต้ถุน (Conceptual model)



ทีนี้มาพูดถึงกระบวนการสำรวจที่เรียกว่า Exploration กันดีกว่า การสำรวจประเภทนี้จำเป็นต้องใช้เครื่องมือเข้ามาช่วย และเครื่องมือที่ว่านั่นก็คือเครื่องมือทางธรณีฟิสิกส์ (Geophysic instruments) ซึ่งเครื่องมือสำรวจธรณีฟิสิกส์มีหลายชนิด แล้วแต่เราจะเลือก ถ้าใครขี้เกียจก็เอาเหล็กมาสองแท่ง มางอแล้วถือเดินแกว่งไปแกว่งมา พอมันตีเข้าหากันก็แสดงว่าข้างล่างน่าจะมีอะไรบางอย่างที่นำไฟฟ้า (GT200) ถ้าขยันขึ้นมาหน่อยก็ลองเอาไฟฟ้าช็อตดินดู ถ้ามันช็อตลง ก็แสงดว่าข้างล่างมีตัวนำไฟฟ้า (Low resistivity) ถ้ายังสงสัยอยู่ก็ให้ระเบิดดินดูเล่นๆก็ได้ (Seismic survey) ก็จะพบโครงสร้างยึกยือ (เสียเงินไปตั้งเยอะยังแปลไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร) ส่วนช่างเจาะก็จะคอยถามว่าเป็นงัยบ้าง นายช่าง หาเจอหรือยัง อิอิ



ถ้ายังสงสัยก็อาจจะสำรวจด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม เช่น Gravity survey, Electro Magnetic Time Domain, Magnetotelleric, Ground penetrate radar, NMR เป็นต้น เพื่อเสริมความมั่นใจครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าเราไม่เข้าใจหลักการของน้ำบาดาลแล้ว ผมบอกได้เลยว่าเจ๊งชัวร์ ถ้าเป็นบริษัท ก็ถูกไล่ออกแหงๆ



หลังจากผ่านกระบวนการสำรวจภาคสนามแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนของการเจาะสำรวจ และการหยั่งธรณีหลุมเจาะ จึงจะครบกระบวนการของ Groundwater Exploration นะครับ ดังนั้นข้อมูลทั้งหมดก็จะนำมาประมวลผล เพื่อกำหนดจุดเจาะที่เหมาะสม ความลึก และชนิดหินที่คาดว่าจะเจอ และหน้าที่ของนักธรณีคือจะต้องเป็นที่ปรึกษาให้กับช่างเจาะ เลือกชนิดเครื่องเจาะ และกำหนดวิธีการเจาะที่เหมาะสม และผลที่ได้ก็มักจะประสบความสำเร็จครับ



อ้อลืมบอก ถ้าคุณเป็นนักอุทกธรณีวิทยา แล้วไม่มีจินตนาการ เขียน Conceptual model ไม่ได้ คุณก็จะหาทางออกให้องค์กรไม่เจอ เพราะนักอุทกธรณีวิทยาคือสถาปนิคใต้ดิน ครับ




Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2554 22:37:40 น.
Counter : 1709 Pageviews.

2 comments
แคดเมียม Cadmium ความอันตรายของมัน สมาชิกหมายเลข 4149951
(8 เม.ย. 2567 07:11:22 น.)
สรุปวิชาโลกดาราศาสตร์และอวกาศชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.5) เรื่องทรัพยากรธรณี นายแว่นขยันเที่ยว
(28 ก.พ. 2567 00:03:41 น.)
มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 347 Rain_sk
(28 ก.พ. 2567 08:43:19 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
  
คุณ DoY กลับเมืองไทยไปแล้วเป็นยังไงบ้างคะ แวะมาทักทายค่ะ
โดย: Little Red Riding Hood วันที่: 26 มีนาคม 2554 เวลา:9:33:49 น.
  
เจาะไปเถอะน้ำบาลดาลไม่มีคนรู้คนเห็นน้ำก็ฟรี แต่พอแผ่นดินทรุดตัวก็เห็นกันทั้งประเทศละ แต่ไม่มีใครรู้หลอกว่าคุณทำ
ดีชัวอยู่ที่ตัวทำสูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
โดย: chals IP: 49.48.209.139 วันที่: 21 มีนาคม 2556 เวลา:1:00:22 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Pimtada.BlogGang.com

Duke of York
Location :
Sheffield  United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด