…ธรรมะวันนี้…  

     ร่างกายไม่เจ็บป่วย ใจไม่เป็นทุกข์ นี่แหละ คือ ความสุขที่แท้จริง

    :-พระนพดล สิริวิโส
_______________________

   พระบูชาพระพุทธศาสนาเป็นกฎของธรรมชาติก็คือ
กฏอิทัปปัจจยตา นั่นเอง
   “กฏอิทัปปัจจยตา” พระผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งมวล
แต่ไม่มีสิ่งใดสร้าง กฏอิทัปปัจจยตา
เพราะกฏอิทัปปัจจยตา เป็นปฐมเหตุซึ่งเป็นเหตุแรกสุด

   :-พระคัมภีรญาณ ภิกขุ
_______________________

   การพูดแต่ละครั้ง ไม่ควรทำให้ผู้อื่น เสียใจ เสียหน้า เสียหาย เสียความรู้สึก วันนี้มีโอกาสพูด ให้พูดดี มีโอกาสทำ ให้ทำดี เพราะบางทีพรุ่งนี้อาจไม่มีโอกาส

    :-หลวงพ่อจรัญ ธิตธัมโม
_______________________

   จงอยู่ใน..ปัจจุบัน ทำปัจจุบัน..ให้ดีที่สุด อนาคต..ย่อมดีตามมา
   :-พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
_______________________

   "สมบัติโลก"
คืนสู่โลกทั้งหมด ความพลัดพราก เป็นของธรรมดา
ทรัพย์สมบัติทุกชิ้น ที่หามาจากโลกนี้ ยศตำแหน่ง หน้าที่การงาน คำสรรเสริญติชม ทุกสรรพเสียง ความสุขรื่นรมย์ทุกประการ คนรัก สัตว์เลี้ยง สิ่งของที่สะสม ห่วงหาอาลัย สุดท้ายคืนโลกหมด
เหมือนฝันไป จำต้องตื่น

:-พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
_______________________

  เมื่ออยู่กับครูบาอาจารย์ก็ หนักแน่น ออกไปอยู่ตามลำพัง ก็หนักแน่น อยู่กับหมู่กับพวกก็ หนักแน่น  ถึงจะอยู่คนเดียวก็ หนักแน่น
มีคนเคารพยกย่องก็ ไม่หวั่นไหว ถ้าไม่มีใครเลย ก็ไม่ตระหนก
นี่คือผู้มีหลัก ใจมีหลัก

 :-หลวงพ่ออินทร์ ถวาย สินตรีสโก
_______________________

ความรักของท่านแม่
   การเจ็บไข้ไม่สบายก็เนื่องมาจาก 
เศษของกรรมปาณาติบาต แม้ทำไปเพราะหน้าที่และความกตัญญู
ลูกจงทำใจให้เฉย แต่ต้องดูแลรักษาโรค
   การป่วยไข้ถือเป็นปกติธรรมดา
ร่างกายไม่มีอะไรทรงตัว ความตายก็ธรรมดา เราก็รู้แล้วตามความเป็นจริง ต้องวางเฉย ที่เรียกว่า “สังขารุเปกขาญาณ” จงอย่าให้จิตใจหดหู่ จำไว้เสมอว่า ลูกไม่ได้โดดเดี่ยวเดียวดายสู้ทุกข์โดยลำพัง
เลิกคิดเช่นนี้ ลูกน่าจะรู้ดีว่า
ผู้มีพระคุณหลายท่านให้การสงเคราะห์และอยู่กับลูกของแม่ตลอดเวลา

   :-หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
_______________________

   ให้สังเกตอายตนะสัมผัสกระทบให้มากแล้วดูอารมณ์จิตที่ไหวไปตามอายตนะนั้นด้วยปัญญา อย่าลืมคำว่า ปัญญาของพระพุทธศาสนา คือรู้เท่าทันกองสังขาร ชื่อว่าปัญญา
(กองสังขารแห่งกายและกองสังขารแห่งจิต)
   อนึ่ง การเจริญวิปัสสนาญาณจักต้องทำให้ถึงขั้นหมดอาลัยในชีวิต
คือ ไม่เป็นห่วงเป็นใยในขันธ์ ๕ อีก
หรือหมดความยินดียินร้ายในขันธ์ ๕

   :-หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
_______________________

   ท่านที่เข้าถึงความเป็นพระโสดาบันหรือกำลังจะเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันจะต้องทรงพรหมวิหาร ๔ ตามปกติ เมื่อทรงพรหมวิหาร ๔ แล้วก็เป็นปัจจัยให้ศีลบริสุทธิ์ด้วยทรงพรหมวิหาร ๔ เป็นปัจจัยระงับโทสะและพยาบาท
ทำให้โทสะและพยาบาทคลายตัว แล้วก็พรหมวิหาร ๔ เป็นปัจจัยให้คนใจดี พอใจในการให้ทานแล้วก็ทานตัวนี้ เป็นปัจจัยตัดโลภะ คือ ความโลภ ทำให้จิตใจของท่านที่เป็นพระโสดาบัน มีอารมณ์บริสุทธิ์ผุดผ่องไม่มีความโลภคือปรารถนาในการยื้อแย่งเขาพอใจในการหาได้ด้วยสัมมาอาชีวะ

   :-หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
_________________

อย่าติดดี
   "อย่าเป็นคนดี อย่าไปถึงระดับนั้น เพราะถ้าเป็นคนดีแล้ว ต้องรำคาญคนไม่ดี ทุกวันนี้คนที่ไม่ดีมากกว่าคนดีเยอะ ไปที่ไหนก็กลุ้มใจ มีแต่ความไม่พอใจเหมือนกับคนที่สูบบุหรี่เลิกแล้ว ดูคนอื่นสูบก็ไปเทศน์ให้เขาฟัง นี่เรียกว่าติดดี ท่านไม่ให้ติด แม้จะเป็นความดี ท่านก็ไม่ให้เราติด เพราะว่าความติดเป็นทุกข์สร้างความทุกข์ใจ"

   :-หลวงพ่อชา สุภัทโท
_______________________

   เราเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ได้มอบมรดกอันดี เราได้ศึกษาและรับเอาอาวุธอันคมกล้า คือ ศีล สมาธิ ปัญญา มาเป็นเครื่องมือปราบพวกศัตรูหมู่มารร้าย ทำไมเราจึงปล่อยจิตใจให้กิเลสมันมาขี่คอเราเล่นจนเงยหัวไม่ขึ้น

   :-หลวงปู่ขาว อนาลโย
_______________________

   ทาน เป็นการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ
   ศีล เป็นเครื่องปัดป่ากิเลส
   ภาวนา อบรมจิตใจให้ฉลาดและเที่ยงตรงต่อเหตุผลความถูกต้อง ดังนั้น ควรหันมาฝึกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะการภาวนาช่วยแก้ความยุ่งยากลำบากใจทุกประเภท...ที่เป็นภาระหนัก

   :-หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
_______________________

  “ความกังวลใจเป็นภัยเป็นพิษ สำรวมความคิดชีวิตเบิกบาน“

   :-หลวงปู่จันทร์ กุสโล
_______________________

   การแผ่เมตตาเป็นการสร้างนิสัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ นิสัยตรงนี้เลยกลายเป็นบุคคลที่ดี มีคุณธรรม คือเมตตาธรรม พรหมวิหาร คือ  เมตตา กรุณา มุทิตา  อุเบกขา

   :-หลวงปู่อุทัย สิริธโร
_______________________


...............................................


ขอขอบคุณที่มาจาก :  เพื่อน LINE