กินยาคุมกำเนิดแล้วผิวสวย หน้าใสจริงหรือ ยาคุมกำเนิดมีสองชนิด คือ ชนิดฮอร์โมนรวม (เอสโตรเจนและโปรเจสติน) และฮอร์โมนเดี่ยว (โปรเจสติน) โดยชนิดแรกได้รับความนิยมมากที่สุด ส่วนชนิดฮอร์โมนเดี่ยวแนะนำให้ใช้กรณีมีข้อห้ามใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร แบบ 21 เม็ด ทุกเม็ดจะมีตัวยาทั้งหมด (ไม่มีเม็ดแป้ง) แนะนำทานตรงเวลา ทุกวัน วันละ 1 เม็ด จนหมด แล้วหยุดยา หลังหยุดยาประมาณ 1-3 วันจะเริ่มมีประจำเดือน ก่อนจะเริ่มทานแผงใหม่ ให้เริ่มวันที่ 5 ของประจำเดือน (ถ้าจำยากคือ เมื่อหมดแผง ให้หยุด 7 วัน เริ่มทานแผงใหม่วันที่ 8 แบบ 28 เม็ด โดยทั่วไปมีตัวยาฮอร์โมน 21 เม็ดและ “เม็ดแป้ง” อีก 7 เม็ด (บางยี่ห้ออาจเป็น ยา 24 เม็ดต่อเม็ดแป้ง 4 เม็ด) ช่วงที่รับประทานเม็ดแป้งไปประมาณ 1-3 เม็ดจะเริ่มมีประจำเดือนมา พอหมดแผง สามารถเริ่มแผงใหม่ได้เลย เหมาะสำหรับผู้ที่ลืมง่าย เพราะไม่ต้องนับวันที่เว้น ก่อนเริ่มแผงใหม่ ยาคุมกำเนิด กับเรื่องผิวสวย -แม้ว่า เอสโตรเจนจะทำให้ผิวพรรณดี แต่การทานในปริมาณที่มากไป เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดฝ้าและมะเร็งเต้านมได้ -บางคนเวลาก่อนมีประจำเดือน เราอาจจะรู้สึกว่า ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล หน้าอกใหญ่ขึ้น สะโพกผาย อันที่จริงเกิดจากภาวะน้ำคั่ง หรือน้ำสะสมตามร่างกายจากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศหญิง โดยที่ไม่ได้กินยาคุม ดังนั้นคำกล่าวที่ว่า กินยาคุมแล้วผิวเปล่งปลั่ง อาจไม่ถูกเสียทั้งหมด -ยาคุมอาจไม่ได้ตอบโจทย์สิวทุกประเภท โดยจะใช้ได้ดีกับสิวจากฮอร์โมน การที่เราจะสังเกตว่าคนไข้มีสิวจากฮอร์โมนหรือไม่นั้น คือ สิวมักจะเห่อทุกรอบเดือน พอประจำเดือนหมดสิวก็ยุบ หรือ อีกกรณีคือ ผู้ที่มีลักษณะของฮอร์โมนเพศชายเยอะ มีหนวด ขนยาว สิวรักษาไม่ค่อยหาย ประจำเดือนมาไม่ปกติ อาจจะเป็นถุงน้ำในรังไข่ กลุ่มนี้ก็ตอบสนองต่อยาคุมดีเช่นกัน อ่านกินยาคุมกำเนิดแล้วผิวสวย หน้าใส เพิ่มเติม >>> |
บทความทั้งหมด
|