ความเหมือนที่แตกต่าง
วันนี้มาแนว"บนความแตกต่าง.....ก็ยังมีความเหมือนกันอยู่"นะจะบอกให้ อันดับแรกนี่เรื่องการศึกษา เพราะใกล้ตัวเรามากที่สุด ณ เวลานี้ เค้าเริ่มให้เด็กหัดทำกิจกรรมกันตั้งแต่ยังอยู่อนุบาลกันเลยทีเดียว ไม่เน้นความสวยงาม แต่เน้นให้เด็กหัดรู้จักทำงานศิลปะกัน อย่างถ้าเป็นเด็กวัย1-2 ขวบ ครูก็จะสอนแบบประมาณว่า วันนี้เป็นวันอะไร พวกเรา(นักเรียน)ต้องทำอะไรมาตกแต่งห้องกันบ้าง ตัดๆ ปะ ๆ แปะ ๆ สวยบ้างไม่สวยบ้าง ก็ถือว่าสวยเพราะเป็นผลงาน ของเด็กๆกัน โดยมีครูทำหน้าที่ปริ๊นรูปภาพออกมาแปะ ลงบนบอร์ดว่าเด็กคนนี้ทำอะไรเอ่ย?? ทำให้นึกถึงสมัยเป็นเด็กนักเรียนประถม พอมีวันสำคัญอะไร พวกเราก็จะต้องพากันหารูปเกี่ยวกับวันสำคัญ นั้นๆมาแปะที่บอร์ด ทำกันเป็นกลุ่ม เหมือนกันกับที่โรงเรียนอนุบาลทำเลยล่ะ เรื่องที่2 การออกไปทัศนศึกษานอกสถานที่ บ้านเราเด็กเล็กชั้นประถมได้ไปทัศนศึกษานอกสถานที่กะเค้าเหมือนกันนะ จำได้สมัยลูกสาวเป็นเด็กครูจะพาออกไปทัศนศึกษา พ่อ แม่ ผู้ปกครองจะต้องเป็นคนจ่ายค่าทัศนศึกษาโดยเหมาจ่าย รวมกันไปในค่าเทอมปีละ 2 หมื่นบาท แต่ที่เมืองไทยเราเด็กๆจะได้ไปทัศนศึกษาไม่บ่อยหรอก พอมาเห็นที่เดนมาร์กนี่ เออ เค้ามีทัศนศึกษาตลอดทุกสัปดาห์กันเลย รัฐฯให้เงินสนับสนุนอย่างเต็มที่ ค่ารถ ค่าน้ำมันเบิกได้ครูเองก็ไม่มีการโกงกิน ใน 1 สัปดาห์ครูจะเช่ารถพาเด็กๆออกไปเที่ยวนอกสถานที่กัน โดยสลับกันไปแตกต่างสถานที่ด้วย .... อาทิตย์นี้ถ้าเด็กคนไหนได้ไปเที่ยวมาแล้วอาทิตย์หน้าก็ต้องอยุ่ห้องเรียน ใครได้อยู่ในห้องเรียนครุก็จะหากิจกรรมให้ทำ เยอะแยะ ระบายสีเอย เย็นปัก ร้อยลูกปัด เอย ผิดกันกับเมืองไทยมากสำหรับเด็กอนุบาลด้วยแล้ว เงินสำหรับโครงการการฯตกมาแต่คำพูด แต่เม็ดเงินหายเข้ากระเป๋าไอ้ตัวเป้งโม๊ดดดดดดดดด โดยเฉพาะเด็กต่างจังหวัดนี่น่าสงสาร ที่เติบโตมาอย่างกะท่อนกระแท่น รู้เห็นอะไรก็ตามมีตามเกิด อันที่ 3 นี่เรื่องคำพูดคำจา คำสแลง มีเหมือนกันกะบ้านเรา คำด่าแปลออกมาก็เหมือนเมืองไทยเยอะแยะ อันนี้ไม่น่าจำแต่อยากบันทึกไว้ อยุ่ห่างกันคนละทวีปโลกแหม... ทำไมคำด่ามันเหมือนกันฟระ ให้ตายสิเด็กตัวน้อยยังด่าเป็น อันที่ 4 เรื่องอาหารการกิน อันนี้น่าเล่าเรื่องเป็นอย่างยิ่ง มีอาหารหลายอย่างเหมือนกันที่เราได้ยินชื่อฟังแล้วเหมือนจะไม่รุ้จักหรือทำไม่เป็นแน่ๆ แต่พอเห็นวิธีทำ พอเห็นส่วนผสม ก็ถึงบางอ้อว่า... อาหารหน้าตา แบบนี้ บ้านชั้นก็มี อย่างเช่นหมูกรอบ เมืองไทยเราเอาหมุไปทอดในน้ำมันตามแต่กรรมวิธี ฝรั่งที่นี่ก็มีหมูกรอบเค้าใช้วิธีอบ อบจนหนังกรอบฟูเหมือนหมูกรอบเลย หรือย่างเช่น Gullasch suppe (กูแลช ซุป) ซึ่งพอเห็นหน้าตาวิธีทำ ก็ทำให้นึกถึง ข้าวหน้าแกงกะหรี่ญี่ปุ่นขึ้นมาในทันใด แม้ว่าส่วนผสมจะต่างกันไปบ้าง แต่หน้าตาออกมาคล้ายคลึงกัน ทำให้เรานึกถึงว่า การศึกษามีส่วนทำให้อาหารต่างชาติเข้ามามีบทบาทได้เช่นกัน คนสมัยเก่าๆที่ได้มีโอกาสมาเรียนต่างประเทศอาจจะได้เห็นการทำอาหารตะวันตกเข้า อาจจะมีใครสักคนนำความรุ้เรื่องการทำอาหารกลับไปเมืองตัวเองด้วย ก็ไปดัดแปลงทำ ตามส่วนผสมของประเทศตัวเองต่อก็เป็นได้ หรือ เรื่องขนมปัง คนจีนก็มีขนมปัง เราจะรู้จักกันในนามที่เรียกว่าปาท่องโก๋ ซึ่งเราก็พึ่งจะมากระจ่างเอาเมื่อได้เห็นส่วนผสมหลักๆของมันว่ามีอะไรบ้าง แทบจะไม่ต่างจากการทำขนมปังฝรั่งเลยอ่ะ ต่างกันตรงปาท่องโก๋ใช้สารทำให้กรอบ(แอมโมเนีย)คนจีนใส่แอมโมเนียเพื่อทำให้ปาท่องโก๋กรอบนอกนุ่มใน แต่ขนมปังฝรั่งจะนิยมนำไปอบจึงไม่จำเป็นต้องใส่แอมโมเนียไง
|
บทความทั้งหมด
|