เมนูนี้ถือได้ว่าเป็นเมนูที่กินแล้วนึกถึงอดีตได้ดีแท้ๆ

นึกเมนูอยู่นานว่าทำอะไรกินดีหนอ? นายกระจอกไม่ชอบกินปลาซาบะย่างซีอิ๊ว
เราเลยต้องแบ่งกันคนละครึ่งตัว
กลายเป็นตาอิน กะตานา หาปลาเอามากินกัน แต่เราไม่แย่งกัน...เราแบ่งกันเป็นสัดส่วนอิอิ
ในส่วนของนายกระจอกนี่เราก็แค่นำปลาไปย่างแล้วก็จัดการตำน้ำจิ้มรสแซ่บให้ต่างหาก
กินกับข้าวสวยร้อน ๆ กินไปเหงื่อแตกพลั่กไปเพราะเราใส่พริกไป8เม็ด
ลืมไปนิดส์....ว่าเราไม่ได้กินน้ำจิ้มรสแซ่บด้วยกระหน่ำเพลิน ผลคือสามีปากบาน
แถมเจอข้อหาว่าจะ ฆาตกรรมเอาง่าย ๆ ด้วยนะเนี่ย ฮี่ ฮี่

เรื่องเล่าเมื่อวันวานฯ
อือนะพอได้กินปลาซาบะย่างซีอิ๊วนี่ นึกถึงตอนที่แต่งงานครั้งแรกกับพ่อเด็ก...
...แล้ว.....ต้องย้ายมาอยู่กับครอบครัวของสามีที่วรจักร
ประมาณว่า เมื่อสัก25ปีที่ผ่านมา
จำได้ว่าตอนทอ้งลูกชายคนแรกอยากกินปลาซาบะย่างซีอิ๊วมากกกกกกกกกก
เรากะพ่อเด็ก.........ชอบขับรถไปซื้อปลาซาบะย่างซีอิ๊วร้อนๆ
ที่ถนนเยาวราชมากินกันเรื่อย
เรามีร้านประจำร้านหนึ่ง.....ชอบตรงน้ำจิ้มเค้าอ่ะ
เค้ามีให้2แบบคือ แบบน้ำจิ้มซีอิ๊วดำผสมน้ำขิง กะ น้ำจิ้มทะเลรสจัดจ้าน



เวลาจะออกไปซื้ออะไรกินนอกบ้านกินกันนี่ต้องระวังอย่างยิ่ง คือแอบ(ออก)ไป
ส่วนใหญ่พ่อเด็กจะต้องคอยมองว่าเมื่อไรหนอ?บ้านเหล่าม่า
ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกะบ้านสามีจะปิดประตูบ้านนอนกันสักที
บางวัน 3
ทุ่มเค้ายังไม่พากันปิดประตูบ้านก็ต้องรอ ๆ จนกว่าเค้าจะปิดประตู
อยากกินมากก็ต้องอดทนรอ...อ่อลืม...เหล่าม่าก็คือ ย่า หรือ ยาย อาม่า ก็คือ แม่ของสามี
แต่ที่พูดถึงนี่คือ ย่า ของพ่อเด็ก เค้ายังเป็นคนรุ่นเก่าอยู่ที่ห้ามลูก หลาน ออกไปกินข้าว
นอกบ้าน ต้องกิน
รวมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา....ที่บ้านอาม่า
แม่สามี (อาม่า)จะเป็นคนทำอาหารเองหมด เรามีหน้าที่ไปจ่ายตลาดให้
ตอนเช้า กลางวันใครอยากกินอะไร เหล่าม่าไม่บ่น ไม่ว่า เพราเค้าไม่รู้ไม่เห็น
แต่....ตอนเย็นนี่สิจะต้องกินข้าวรวมกันพร้อมหน้าพร้อมตากัน ห้ามใคร
ออกไปกินร้านอาหารโดยไม่จำเป็นเด็ดขาด ถ้าไม่อยากโดนบ่นไม่เลิกก็ห้ามให้รู้เด็ดขาด
แหม...แต่บางทีตกดึกก็หิวหง่ะ แถมตอนท้องด้วยหิวบ่อยซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
ต้องไปแบบเงียบๆ นี่สิมันไม่ค่อยอยากทำหรอกนะ แต่ เฮ้อออออออออ
อือ ไงก็ขอให้ทั้งอาเหล่าม่า และ อาม่า สงบสุขอย่างชั่วนิรันดร์
จาก(อดีต)ลูก และ หลาน สะใภ้
นึกแล้วก็ขำดีนะ อดีตเรื่องอาหารการกิน.