ตามรักข้ามเวลา...บท 1/2



มินตราเหลียวมองรอบห้อง เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความเป็นอยู่ของสองหนุ่ม สมัยที่ทั้งคู่มาเรียนต่างประเทศ เธอยังเล็กมาก จึงไม่เคยเดินทางมาที่นี่เลยสักครั้ง

ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตั้งแต่โทรทัศน์ เครื่องเล่นดีวีดี ตู้เย็น พร้อมทั้งกันพื้นที่บริเวณมุมห้องไว้สำหรับทำงาน มีคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กวางอยู่บนโต๊ะ ตลอดจนมีตำราเรียนภาษาอังกฤษวางอยู่ในชั้นหนังสืออย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

มินตราถอดแจ็กเกต กลิ่นหอมจากกลิ่นประจำตัวของธันว์ผสมกับกลิ่นน้ำหอมจางๆ โชยมาแตะจมูก เด็กสาวกอดกระชับแนบอก เกิดความรู้สึกอุ่นวาบไปทั่วหัวใจอย่างอธิบายเหตุผลไม่ได้ ครู่ต่อมามีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง เด็กสาวเดินไปเปิดพร้อมด้วยรอยยิ้มบางๆ

“มีอะไรคะพี่ธันว์”

ธันว์เลิกคิ้ว ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อเขาอย่างสนิทสนมจากเด็กสาว เขารู้สึกแปลกๆ ทุกครา ใจคิด แต่ปากตอบออกไปว่า “ผมมีธุระต้องออกไปข้างนอก คุณอยู่คนเดียวได้ไหม”

“โห...กล้าทิ้งบ้านไว้กับคนแปลกหน้าอย่างมิ้นหรือคะ” เด็กสาวถามอย่างขี้เล่น

เขาทำหน้าลังเล ก่อนจะตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่ไว้ใจหรอก แต่ไม่มีทางเลือก”

มินตราอึ้งไปฉับพลัน เธอกระแอมให้โล่งคอแล้วโต้ว่า “งั้นก็ตามสบายเถอะค่ะ มิ้นอยู่คนเดียวได้ และจะดูแลบ้านให้อย่างดี”

“ขอบคุณ ถ้าหิวก็หาอะไรกินในตู้เย็นได้ตามสบาย มีอาหารแช่แข็งเอาออกมาเวฟกินได้”

“พี่จะกลับดึกหรือคะ”

“ไม่หรอก”

“ค่ะ งั้นมิ้นจะรอนะคะ”

ธันว์ชะงัก “ถ้าง่วงก็นอนไปเถอะ ไม่ต้องรอหรอก” ชายหนุ่มตอบแค่นั้นแล้วเดินออกจากห้อง มินตรามองตามหลังอย่างหงอยเหงา อดคิดไม่ได้ว่าผู้ที่เป็นสาเหตุให้เขาต้องรีบร้อนออกจากบ้าน ทั้งที่เพิ่งกลับเข้ามา บางทีอาจเป็นเจ้าของสร้อย S&T

ความไม่สบายใจ ผสมกับความระแวงทำให้เธอเดินเข้าไปในห้องนอนของธันว์ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เด็กสาวมองสำรวจทั่วห้องซึ่งมีขนาดพอๆ กับห้องของพี่ชายเธอ แต่จัดข้าวของเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่ามาก อย่างน้อยก็ไม่มีหนังสือประเภทปลุกใจเสือป่ามาวางแผ่หราอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือเหมือนอย่างของอัตรา เตียงนอนขนาดคิงไซซ์วางชิดผนัง ผ้าปูมีสีน้ำตาลเข้มเข้ากับผนังห้องที่ฉาบด้วยสีน้ำตาลอ่อนๆ ยิ่งเพิ่มความเคร่งขรึมให้บรรยากาศของห้อง ถัดไปเป็นตู้เย็นมินิบาร์บรรจุเครื่องดื่มประเภทน้ำและแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ก็พวกครีมบำรุงผิว มินตราปิดตู้เย็น ก่อนจะเดินไปสำรวจตู้เสื้อผ้าเป็นลำดับถัดไป ซึ่งเป็นตู้แบบบิวต์อินสามหลังติดกันเพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอย

ตู้แรกยาวและกว้าง แบ่งครึ่งบนไว้แขวนเสื้อเชิ้ต ครึ่งล่างเก็บกางเกงผ้า ส่วนตู้ใบที่สอง พื้นที่ครึ่งหนึ่งเป็นเสื้อยืด เสื้อโปโล ส่วนอีกครึ่งเป็นกางเกงยีน ส่วนตู้สุดท้ายแบ่งซอยย่อยออกเป็นช่องๆ เพื่อเก็บผ้าเช็ดหน้า ผ้าพันคอ ถุงมือ หมวกไหมพรม เนกไท ทั้งหมดแยกจากกันเป็นสัดส่วน มินตราผลักลิ้นชักคืน หันมาสำรวจตู้ชั้นล่างสุดที่ออกแบบตามแนวขวางของผนัง เป็นตู้เก็บรองเท้าซึ่งซอยย่อยออกเป็นสองบล็อก บล็อกหนึ่งเก็บรองเท้าหนัง ส่วนอีกบล็อกใช้เก็บรองเท้าเตะและรองเท้ากีฬาซึ่งมีหลายคู่ นั่นแสดงถึงกิจกรรมยามว่างที่โปรดปรานของธันว์ได้เป็นอย่างดี

มินตราปิดลิ้นชัก เดินกลับไปทรุดนั่งบนเตียง ฉับพลันต้องชะงักเมื่อรู้สึกราวกับนั่งทับอะไรบางอย่างอยู่ เธอควานมือไปหยิบขึ้นมาชูตรงหน้า ก่อนจะหวีดร้องเสียงดังเมื่อเห็นเป็นจีสตริงของผู้หญิง เด็กสาวขว้างทิ้ง พร้อมกับลุกยืนและสะบัดมือเร่าๆ อย่างขยะแขยง รู้สึกรังเกียจเตียงของเขาเมื่อคิดว่าธันว์เคยพาผู้หญิงมาเล่นจ้ำจี้มาก่อน เธอชายตาไปมองจีสตริง ซึ่งบัดนี้ตกลงบนหมอนของเขาพอดิบพอดีอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ

เด็กสาวหันรีหันขวางอย่างต้องการอยากรู้ว่าเจ้าของจีสตริงเป็นใคร สายตาปะทะกับคอมพิวเตอร์ เธอจึงเดินไปเปิดอย่างไม่ลังเล หากพลันต้องนิ่งอึ้งเมื่อเห็นภาพผู้หญิงในชุดบิกินี่ถ่ายคู่กับธันว์ในอิริยาบถต่างๆ มากมาย ซึ่งไม่ต่างจากคอลเลคชั่นชุดว่ายน้ำในฤดูร้อน มินตรากัดริมฝีปาก อารามหึงหวงจนหน้ามืดตามัวทำให้เธอตัดสินใจคลิกลบภาพเหล่านั้น แต่ก่อนลบมินตราได้ไรท์เก็บไว้ในซีดี เพื่อป้องกันเขามาเล่นงานในภายหลัง

เด็กสาวปิดคอมพิวเตอร์แล้วสายตาเหลือบไปเห็นกระปุกออมสินหนูตะเภาที่ทำมาจากเซรามิก เธอก้าวไปคว้าอย่างรักใคร่ แต่กลับลื่นหลุดจากมือ หนูตะเภาเป็นสัตว์โปรดของเธอ จำได้ว่าชอบตั้งแต่สมัยที่ธันว์ซื้อมาฝากจากเมืองนอก จึงหลงรักสัตว์เลี้ยงประเภทนี้นับแต่นั้น มินตราหน้าเสียเมื่อเห็นเศษเซรามิกแตกกระจาย เหงื่อเม็ดโป้งๆ ซึมหน้าผากขณะวิ่งตามเก็บเหรียญดอลลาร์มารวบรวมไว้กลางห้อง ยกมือปาดเหงื่อพลางปลอบตัวเองให้ตั้งสติ

มินตรากวาดผงเซรามิก เธอทำความสะอาดห้องของธันว์จนสะอาดเอี่ยมแล้วจึงเดินท่อมๆ ออกไปหาซื้อกระปุกออมสินเซรามิก เด็กสาวถามคนที่เดินผ่านมา ฝ่ายนั้นชี้มือบอกว่าไปอีกสองช่วงตึกจึงจะถึงร้านทาร์เก็ต ทว่าเธอเดินเลยไปห้าช่วงตึกแล้วก็ยังไม่เจอ มินตราปาดเหงื่อ ทั้งที่อากาศหนาวเหน็บแต่มือชื้นเหงื่อ เธอกระชับเสื้อแจ็กเกตแน่นอีกนิด นึกสงสัยว่าคนบอกทางคงบอกส่งๆ เพื่อปัดรำคาญเป็นแน่แท้ เด็กสาวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เอะใจว่าเดินมาไกลมากแล้ว เธอมัวแต่คิดฟุ้งซ่าน จึงไม่ได้จำเส้นทาง เจ้าตัวกลอกตาไปมา นึกโทษว่าเป็นผลข้างเคียงของการเดินทางข้ามมิติเวลา ถึงทำให้เฟอะฟะมากขนาดนี้ เด็กสาวพยายามหาเส้นทางไปยังร้านทาร์เก็ตอีกระยะหนึ่ง จวบจนกระทั่งรู้สึกจนหนทางแน่แล้ว จึงตัดสินใจยอมโบกแท็กซี่ให้พาไปยังห้างที่ใกล้ที่สุด

เจ้าตัวสามารถหาซื้อกระปุกออมสินหนูตะเภาเหมือนตัวเดิมได้ที่ห้างแห่งนั้น ช่วงที่ควักกระเป๋าธนบัตร เพื่อชำระเงินกับแคชเชียร์ เธอทำบัตรเครดิตตกพื้นโดยไม่รู้ตัว เด็กสาวออกมาจากห้างก็ตรงดิ่งกลับบ้านโดยอาศัยแท็กซี่ เจ้าตัวจัดการหยอดเหรียญดอลลาร์กลับคืนกระปุกเหมือนเดิมแล้วทรุดนั่งบนพื้นเอนหลังพิงขอบเตียง เธอรู้สึกอ่อนล้าซึ่งเป็นผลมาจากการเดินเท้าหลายไมล์ เจ้าตัวหลับตาพลางบอกตัวเองว่าขอพักสายตาแค่ครู่เดียว ทว่าที่สุดก็ผล็อยหลับไป ร่างบางค่อยๆ เอนออกห่างจากขอบเตียงแล้วฟุบหลับบนพื้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

มินตราหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ มาสะดุ้งตื่นอีกทีก็ตอนที่มีเสียงเดินขึ้นบันไดมาของคนคู่หนึ่งซึ่งตรงมายังห้องนอนของธันว์...



“สวิตช์อยู่ไหนที่รัก”

“หือ...ไม่ต้องใช้หรอกน่า เสียเวลา” เสียงทุ้มของผู้ชายตอบกลับไปอย่างอ่อนหวานปานกัน

“ไม่เอาค่ะ เปิดไฟก่อน ยี้...ไม่เอาจั๊กจี้”

“…”

“ไม่นะ...เปิดไฟก่อน ฉันอยากเห็นหน้าคุณ” เสียงฝ่ายหญิงพูด ก่อนจะครางกระเส่า

นานเกือบอึดใจ จึงมีเสียงตอบกลับไปว่า “เปิดแล้ว” ตามมาด้วยเสียงครางลึกในลำคอ

“ดีจัง” พึมพำในลำคออย่างถูกใจ

“อะไรดี...ไฟเหรอ” เย้ากลับเสียงอ่อนโยน

“เซี๊ยวจัง คุณต่างหากล่ะที่ให้รสชาติดีเยี่ยม”

“ตัวคุณก็หอม”

“ปากหวานเชียว”

เสียงพูดคุยที่ดังอยู่แว่วๆ ค่อยๆ ดังขึ้นจนอยู่ในระดับปกติพร้อมกับแสงไฟลอดเข้ามาในห้อง ปลุกมินตราให้หายจากอาการงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง เธอตื่นขึ้นในทันทีที่ได้ยินเสียงหยอกล้อของสองหนุ่มสาวคู่นั้น เจ้าตัวพยายามคิดหาทางหนีทีไล่

ใต้เตียงเขา! สมองสั่งการ แต่ช่องแคบนิดเดียว เลิกคิดไปได้เลย..

ช่องว่างระหว่างหัวเตียงกับผนัง! นั่นก็เป็นไปไม่ได้อีก เล็กเท่ารูหนู..

มินตราพยายามคิดหาทางออก ขณะที่มีเสียงเปิดประตูเข้ามา แล้วเสียงของธันว์ก็ดังขึ้นว่า “เห็นไหม เราเดินมาถึงห้องโดยสวัสดิภาพ”

ฝ่ายหญิงส่งเสียงหัวเราะ มือบางทำหน้าที่ถอดเสื้อของเขาตั้งแต่ห้องนั่งเล่นชั้นล่างแล้ว เมื่อเดินมาถึงชั้นบน เนื้อตัวของธันว์จึงมีเพียงกางเกง เขาหย่อนคู่เดตให้ยืนบนพื้นโดยที่ปากแนบชิดไม่ห่างจากริมฝีปากอิ่ม ต่างฝ่ายต่างทึ้งเสื้อผ้าที่เหลืออย่างเร่าร้อน กางเกงสแล็กส์ของธันว์หลุดร่วงจากสะโพก ขณะที่ชุดราตรีของเจอร์ซี่หลุดจากเรียวขา เหลือเพียงชุดชั้นในเซ็กซี่และถุงน่องสีดำเข้าชุดกัน

หญิงสาวผละจากเขาเพื่อพึมพำว่า “เปิดไฟที่รัก ฉันอยากเห็นคุณ”

ธันว์งับซอกคอคู่รัก พลางตอบว่า “แค่ไฟทางเดินก็พอแล้ว อย่าเสียเวลาเลย” ชายหนุ่มซุกไซ้แอ่งไหปลาร้า ขณะที่สองมือโอบทรวงอกอวบอิ่มผ่านบราเซีย เกิดเสียงครางกระเส่าจากฝ่ายหญิงมากขึ้น

“ไม่...ฉันอยากเห็นคุณ” เจอร์ซี่พูดด้วยเสียงขาดเป็นห้วงๆ

ธันว์ควานมือสะเปะสะปะหาสวิตช์ไฟ แสงไฟสว่างพรึบในจังหวะเดียวกับที่เขาเกี่ยวเสื้อชั้นในไร้สายติดมือมาด้วย เจอร์ซี่หัวเราะอย่างมีจริตกับความไวของเขา เธอผวาขึ้นเตียงโดยมีร่างสูงใหญ่ของธันว์ก้าวตามมาติดๆ เตียงนอนขนาดคิงไซซ์ยุบยวบเมื่อต้องรับน้ำหนักของคนทั้งสอง หญิงสาวผลักชายหนุ่มนอนหงายโดยตัวเองขึ้นทาบทับ ก่อนจะเปลื้องผ้าชิ้นสุดท้ายออกจากกายเขา ชายหนุ่มพลิกร่างคร่อมอีกฝ่าย มือและปากสัมผัสนวลเนื้ออย่างเร่าร้อน จังหวะนั้นเองมือของเจอร์ซี่ก็กวาดไปโดนก้อนกลมๆ ที่ซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม เธอชะงักตัวแข็งทื่อ หดมือกลับแล้วยื่นออกไปใหม่อย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อมั่นใจว่าก้อนกลมๆ ที่ว่าเป็นคน ไม่ใช่หมอนข้าง เจอร์ซี่ก็ตวัดผ้าแพรออกก่อนจะร้องกรี๊ดออกมาลั่นห้อง เห็นผู้หญิงอีกคนอยู่บนเตียงของธันว์

“มีอะไรเจอร์ซี่ กรี๊ดอะไร” ธันว์ถาม เป็นจังหวะเดียวกับเหลือบไปเห็นมินตรา เจ้าตัวสบถดังลั่นพร้อมกับดีดตัวลุกจากเตียงราวกับติดสปริง ตรงไปหยิบกางเกงที่ตกบนพื้นมาสวมลวกๆ แล้วกระชากเสื้อคลุมในตู้มาสวมทับอย่างรวดเร็ว ไม่ต่างจากเจอร์ซี่ที่รีบกระตุกผ้าห่มขึ้นพันเนื้อตัว ตามองมินตราสลับกับธันว์อย่างเป็นอริ

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันธันว์ คุณเอาผู้หญิงขึ้นเตียงพร้อมกันสองคนเลยเหรอ ชอบเซ็กส์หมู่รึไง”

ธันว์กลอกตาขึ้นเพดาน “ไม่ใช่อย่างนั้นนะเจอร์ซี่”

“ไม่ใช่แล้วทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงอยู่บนเตียงคุณ”

“เด็กคนนี้เป็น...” ธันว์กลอกตาอีกคำรบเมื่อนึกหาคำอธิบายดีๆ ไม่ออก เขาลืมไปเสียสนิทว่ามินตรามาพักด้วย ก่อนหน้านี้เจอร์ซี่โทรศัพท์มาขอให้เขาช่วยไปเป็นคู่ควงงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อน นั่งกินจนงานเลิก จึงพากันกลับมายังห้องของเขา ชายหนุ่มเสยผม หันไปเผชิญหน้ากับแม่ตัวยุ่ง ทำท่าจะเอ่ยปากพูดแต่เสียงแหลมสูงของเจอร์ซี่ก็ตวาดขึ้นก่อน

“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร หรือว่าคู่นอนคนใหม่ของคุณ”

“ไม่ใช่นะ”

“ไม่ใช่แล้วเป็นใคร”

ธันว์เสยผมอย่างยุ่งยากใจ ทำอะไรไม่ถูกมากขึ้น เขามองหน้ามินตราอย่างจนปัญญา

มินตรามองคนทั้งคู่เต็มตามากขึ้นเมื่อเห็นว่าแต่งตัวมิดชิดแล้ว เธอก็พูดกับธันว์โดยที่สายตาไม่คลาดจากเจอร์ซี่

“ตอบเขาไปสิคะพี่ธันว์ว่ามิ้นเป็นอะไรกับพี่ ไม่ต้องอายหรอกค่ะ ความสัมพันธ์ของเราไม่ใช่เรื่องที่น่าปกปิด” มินตราพูดด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน แววตาเต้นพราวระยับอย่างยั่วเย้าชนิดที่ธันว์มองออก เขาจึงเบิกตาโตอย่างคาดไม่ถึง คิ้วขมวดมุ่นก่อนจะตามมาด้วยอาการอยากจะจับตัวเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน

“นี่ใช่ไหมเด็ก MIT ที่คุณบอกว่าเลิกกันไปแล้ว ที่จริงพวกคุณยังคบหากันอยู่” น้ำเสียงเจอร์ซี่กล่าวหา

“ไม่นะเจอร์ซี่ กับลินดาผมเลิกไปแล้วจริงๆ พระเจ้า...คุณกำลังเข้าใจผิดนะ”

“ถ้าเลิกแล้วทำไมถึงมาอยู่บนเตียงคุณ ทำยังกับรอให้คุณมาส่งส่วยอย่างงั้นแหละ”

มินตราสะดุ้งกับคำพูดที่ไม่ขัดเกลาของเจอร์ซี่ เธอยิ้มแหยๆ ก่อนจะข่มความอายโต้กลับไปอย่างเด็กก๋ากั่นว่า “ส่งส่วยอะไรกัน ฉันไม่ได้รอให้พี่ธันว์มาเล่นจ้ำจี้ซักหน่อย ก็แค่ขึ้นมานอนเล่นบนเตียงรอให้เขามาปลุกเท่านั้น ฉันก็ทำอย่างนี้อยู่บ่อยๆ อย่างนั้นไม่ใช่เหรอคะพี่ธันว์?” ประโยคหลังหันไปถามธันว์ด้วยน้ำเสียงหารือ

ธันว์เกิดอาการขนลุกขนพองกับน้ำเสียงหวานหยดย้อยนั้น เขามองเด็กสาวอย่างตำหนิกับการจงใจแสร้งทำให้เจอร์ซี่เข้าใจผิด ชายหนุ่มยังคงพูดอะไรไม่ออก ยิ่งเห็นนัยน์ตาวับแวมอย่างที่ดูออกว่าแกล้งเล่นหูเล่นตาด้วยแล้วก็ยิ่งอึ้ง บอกกับตัวเองว่าเขาโดนฤทธิ์เดชของแม่สาวแปลกหน้าคนนี้เข้าให้แล้ว หนุ่มลูกครึ่งก้าวเข้าไปหาคู่เดต หวังจะลูบแขนปลอบประโลม แต่อีกฝ่ายขยับหนี

“เจอร์ซี่ฟังนะ นี่ไม่ใช่ลินดา ดูดีๆ สิ เธอเป็นคนไทย เป็นน้องของอาร์ต” ธันว์หมายอัตราซึ่งมีชื่อฝรั่งว่าอาร์ต

“คุณพลาดไปแล้วธันว์ น้องของอาร์ตยังเล็กมาก ไม่ใช่ตัวโตเท่ากับช้างอย่างนี้”

มินตราสะดุ้ง ทำท่าจะโต้ แต่ธันว์ถลึงตาใส่อย่างปราม เธอจึงเงียบ

ชายหนุ่มพูดว่า “ผมหมายถึงน้องที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง เด็กคนนี้เป็นญาติของอาร์ต เพิ่งจะมาจากเมืองไทย”

“คุณพูดไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้วธันว์ เดี๋ยวก็น้องเดี๋ยวก็ญาติ เตรียมข้อมูลให้ชัวร์ก่อนดีไหมแล้วค่อยมาบอกฉัน” เจอร์ซี่ก้มหยิบเสื้อผ้าบนพื้น มืออีกข้างยังคงขยุ้มผ้าห่มแล้วจึงสาวเท้าออกไปจากห้อง

ธันว์มองตามคู่เดตอย่างไม่สบายใจ เขาหันกลับมาจ้องเด็กสาวที่ทำหน้าไขสือด้วยนัยน์ตาคาดโทษ และราวกับแม่ตัวแสบกลั้นเสียงหัวเราะไม่อยู่ เธอปล่อยออกมาคิกหนึ่ง และพอเหลือบเห็นว่าเขาจ้องเขม็ง เธอก็ทำท่าไร้เดียงสาด้วยการเบิกตาโตราวกับทารกแรกเกิดเพิ่งลืมตาดูโลก ก่อนจะกะพริบปริบๆ แล้วลดเรียวปากลงกลายเป็นเส้นตรงบางเฉียบ

ชายหนุ่มเพ่งมองอย่างเอาเรื่อง “ผมหวังว่าคุณจะมีเหตุผลที่ดีพอให้กับผมเมื่อผมกลับมา” ธันว์กล่าวด้วยเสียงเย็นๆ ยังคงมองเด็กสาวที่นั่งพับเพียบอยู่บนเตียงด้วยแววตาคาดโทษ

มินตรากัดริมฝีปากเมื่อใบหน้าบึ้งตึงมองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เธอก้มหน้างุดไม่ยอมสบตาด้วย

“ผมจะไปส่งเพื่อนและหวังว่าคุณจะไม่รีบเข้านอน เพราะเรามีเรื่องที่ต้องคุยกันยาว” ธันว์พูดจบก็กระชากประตูออกและปิดประตูตามหลังดังโครม

เด็กสาวนิ่วหน้า เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยแว่วๆ ดังอยู่ข้างล่างทำนองแก้ตัวกับการที่เธอโผล่มาอยู่บนเตียงโดยที่เขาไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ก่อนจะได้ยินเสียงเปิดและปิดประตู แล้วจึงตามมาด้วยเสียงเครื่องยนต์แล่นจากไป มินตราเม้มปากแน่นแล้วเชิดปลายคางขึ้นสูง บอกถึงนิสัยดื้อรั้นและเอาแต่ใจ


*******









Create Date : 13 เมษายน 2553
Last Update : 20 เมษายน 2553 17:46:52 น.
Counter : 626 Pageviews.

5 comments
Desdemona's Song by Erich Korngold ปรศุราม
(23 มิ.ย. 2568 10:51:22 น.)
the apple falls far from the tree - ลูกไม้หล่นไกลต้น-(DNA mutation ? ) ปรศุราม
(21 มิ.ย. 2568 16:39:37 น.)
가고파 (Hope to go) by KIM Dong-jin (김동진) ปรศุราม
(20 มิ.ย. 2568 10:45:44 น.)
จงรัก(ตัวเอง)อย่างไร้เงื่อนไขนะคะ nonnoiGiwGiw
(20 มิ.ย. 2568 10:08:54 น.)
  
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โดย: TREE AND LOVE วันที่: 13 เมษายน 2553 เวลา:13:21:39 น.
  
สวัสดีวันปีใหม่ไทยค่ะ

หนูมิ้นเป็นคนมั่นใจดีจัง

แร๊งงงงงงงงงงง

ชอบค่ะ ฮ่าๆ


พี่ธันว์เจ้าชู้เหมือนกันนะเนี่ย (เวลาพิมพ์ชื่อพี่ธันว์ทีไรชอบพิมพ์เป็น"พี่ธันย์"แบบนี้ทุกที)
โดย: Hero's girl วันที่: 13 เมษายน 2553 เวลา:21:06:28 น.
  
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะคุณอุ๋ย
มีความสุขมากๆนะคะ
หนูมิ้นยังแสบเหมือนเดิม แต่น่ารักมากๆ ค่ะ
อ่านตอนนี้แล้วหมั่นไส้พี่ธันว์ค่ะ สมควรที่ต้องเป็นฤาษีรอหนูมิ้นโตละ โทษฐานที่เจ้าชู้ดีนัก อิอิ
โดย: pantan IP: 58.9.19.43 วันที่: 13 เมษายน 2553 เวลา:21:38:35 น.
  
อารมณ์เสียขึ้นมาทันทีเลยน้าธันว์ เจอร์ซี่ไม่เรียกชื่อฝรั่งของธันว์ว่าไรอันเหรอคะ

-มินตราเหลียวมองรอบห้อง....และเมื่อเรียนจบพวกเขา(จบ)ก็ประกาศขายบ้านหลังนี้ในทันที....===>พวกเขาก็ประกาศขายบ้าน

-มินตราถอดแจ็กเกต....เกิด(ความรู้)อุ่นวาบไปทั่วหัวใจ....===>ความรู้สึก

-"ค่ะ งั้น(พี่)จะรอนะคะ"===>มิ้น

-บิวท์อิน===>บิวต์อิน

-เนคไท===>เนกไท

-ปราดเหงื่อ===>ปาดเหงื่อ

-กางเกงสแล็กซ์===>กางเกงสแล็กส์

-เกินเลือดกินเนื้อ===>กินเลือดกินเนื้อ

-เครื่องยนตร์===>เครื่องยนต์
โดย: mimny วันที่: 13 เมษายน 2553 เวลา:23:19:21 น.
  
พี่ไม่ใช้ชื่อฝรั่งไรอันอีกแล้วค่ะ ต้นฉบับที่ปรับใหม่แก้มาใช้เป็นชื่อธันว์ชื่อเดียว เพราะคิดว่าฝรั่งก็ออกเสียงได้ง่าย เลยไม่ได้ใช้ชื่อฝรั่งจ้า


สวสดีวันสงกรานต์จ้าน้องเนส คุณเอ๋ และน้องมิ้ว รวบถึงคนแรกที่ทักทายด้วยจ้า
โดย: คณิตยา วันที่: 14 เมษายน 2553 เวลา:10:18:33 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Kanittaya.BlogGang.com

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]

บทความทั้งหมด