ภารกิจพิชิตอีป้าวัยทอง::เบาหวานหายได้ เพื่อนที่นั่งโต๊ะทำงานใกล้ๆกัน นางเพิ่งกลับมาจากลาคลอดลูกคนที่สอง นางหายไปหลายวันตั้งแต่ WFH จากนั้นก็ลาคลอดต่อ ช่วงนี้เราสองคน ก็เลยจะนั่งอัพเดท ชีวิตของกันและกัน ทีนี้..เราก็เลยเล่าเรื่องเราเป็นเบาหวาน ให้นางฟัง . . ว่าปกติ สมัยก่อนโน้น ไม่ว่าเราจะอ้วนแค่ไหน อ้วนมากกว่า ปัจจุบันนี้อีก แต่กลูโคสในเลือดของเราก็ไม่เคยเกินเก้าสิบกว่า . . แล้ว ตั้งแต่ช่วงโควิดระบาด เราไม่ได้ตรวจสุขภาพประจำปีกัน มันก็เลยไม่ได้เช็ค พอไม่ได้เช็ค เราก็กินระเบิดระเบ้อไปเรื่อยอีก น้ำตาลมันก็เลย ขึ้นปืดๆๆๆๆ แบบไม่รู้ตัวมังนะ . . แต่เราคิดว่า . . จุดที่สำคัญไม่ใช่อยู่ที่ตรวจสุขภาพประจำปีหรอก เพราะไอ้ตรวจประจำปีของออฟฟิต มันก็ตรวจแต่กลูโคส ไม่ได้ตรวจ A1C อยู่ดี คือก่อนตรวจเราก็ทำตัวดีสร้างภาพ เพราะงั้น.. ค่ากลูโคสในเลือดมันก็ ออกมาปกติแบบชนเพดานทุกทีนั่นแหละ . . ซึ่ง..เราอาจไม่รู้หรอกว่าจริงๆ แล้ว ตอนนั้น A1C เราอาจจะทะลุปรอทไปแล้วก็ได้ เพราะ..มันเป็นไปไม่ได้หรอก ที่คนเราจะเป็นเบาหวานภายในไม่กี่เดือน หรือไม่กี่ปี ของแบบนี้ มันต้องสะสมมาเป็นสิบปีโน่นแหละนะ . . ว่าแต่ A1C คืออะไร . . A1C คือค่าน้ำตาลสะสมในระยะเวลาสามสี่เดือน คือจะดูว่าคนนี้ เป็นเบาหวานหรือไม่ นอกจากดูที่กลูโคสในเลือดแล้วยังต้องดูที่ A1C ด้วย เราผู้ซึ่งตั้งแต่เกิดมาเมริงตรวจแต่กลูโคสในเลือดมาตลอด ยังไม่เคย ขอตรวจค่า A1Cหรือที่เรียกว่าน้ำตาลสะสมเลยสักครั้งเดียว ก็เลยไม่รู้ว่า อ่าว.. เลขมันเพิ่มจากค่าปกติไปตั้งแต่เมื่อไร แล้วนะ ที่ตลกคือ อีนี่... ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าเป็นเบาหวาน ปกติถ้าหาหมอก็จะหาหมอปอดอย่างเดียว เพื่อเช็คอัพโรคภูมิแพ้ ทีนี้ . . มีครั้งนึงที่เราคุยกับหมอ แล้วหมอพูด เรื่องลดน้ำหนัก เราก็เลยอยากรู้ว่า เออ ตกลงที่กรูอ้วนนี่เป็นเพราะ อย่างอื่นไหม หรือว่าเราจะเป็นไทรอยกันนะ ก็เลยขอให้หมอส่งตรวจเลือด ให้หน่อย และไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ก็เลยตรวจน้ำตาลไขมันเก๊าไทรอย ไปเลยทีเดียว หมอก็ตอบรับคำขอโดยการส่งไปแผนกอายุรกรรมเลยจร้า เจาะเลือดแล้วก็ต้องไปพบหมออายุรกรรมด้วยใช่มะ ฟังผลเลือดออกมา ปรากฎว่าอีนี่ไม่ได้ได้เปนไทรอยจร้า เมิงอ้วนเพราะเมิงแดรกเองล้วนๆ กรดยูริกก็อยู่ในเกณปกติ แต่น้ำตาลเกินจ้าาาา . . ไขมันก็เกินนิดนึง แต่ไม่ต้องกินยา สรุปเป็นเบาหวานไม่รู้ตัวจร้าา หมอก็ให้ยามากินวันล่ะเม็ด ตอนเช้า . . เนี่ยะ เกือบแล้ว นี่ถ้าไม่รู้แล้วยังแดรกน้ำตาลต่อไป . . อาจจะน็อคตายคาบ้านได้เลยนะ แต่มันก็โอเคแหละ . . โอเคที่เรารู้ตัวตั้งแน่เนิ่นๆ . . อะนะ ทีนี้กลับมาเรื่องที่เราเม้ามอยกับเพื่อนที่่ทำงานโต๊ะข้างๆ ต่อ . . คือก็เล่าให้นางฟังว่าอยู่ดีๆ ก็ไปตรวจเจอเบาหวานแล้ว . . หมอก็สั่งให้มาคุมอาหารสี่เดือน แต่ทำไม่สำเร็จ โดนหมอด่า จากนั้นก็ส่งไปให้นักโภชการการแลคเช่อจนหูชา บลาๆๆ เล่าให้เพื่อนฟังอย่างเมามัน แล้วอีนี่คงเสียงดังมัง . . อีน้องผู้ชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมันก็เลยเดินมาคุยด้วย คือ อีตอนหาหมอรอบแรก เรามีความเข้าใจผิดอยู่อย่างนึงเกี่ยวกับเรื่อง โค้กซีโร่ . . คือเราเข้าใจไปว่า อีโค้กซีโร่มันกินได้ ไม่มีผลต่อเบาหวาน แต่ความจริงแล้ว หมอบอกมันกินไม่ได้เว่ย เราก็เพิ่งรู้ ปกติเราไม่ค่อย คึกษาเกี่ยวกับเรื่องสารให้ความหวานเท่าไร ก็เลยนึกว่ามันกินได้ . . อีน้องผู้ชายคนนี้อ่ะ . . นางไม่ได้เป็นเบาหวาน แต่นางเป็นความดัน แล้วนางก็เป็นพวกที่ชอบกินโค้กซีโร่มาก กินแทบวันละขวด1.5 ลิตรเลย นางก็เลยเดินมาบอกว่า ไม่จริง เนี่ยะ นางกินของนางทุกวัน ไม่เห็นเป็นไรเลย อันที่จริงพวกสารให้ความหวานไรแบบนี้ไม่มีผลต่อน้ำตาลในเลือดก็จริง แต่มันก็มีผลต่อการกระตุ้นอินซูลินอยู่ดี กินไปแล้ว ก็จะทำให้เราเคยชิน และอยากกินหวานไปเรื่อยๆ ก็ได้ . . มังนะ . . คือไงเราก็ต้องเลิกกินอยู่ดีแหละ ไม่ว่าจะเป็นโค้กอะไร . . ทีนี้ . . อีน้องคนนี้นางก็ถามเราว่า . . อ่าว แล้วต่อไปพี่จะทำไง . . เค้าบอกว่า เบาหวานเป็นแล้วรักษาไม่หายนะ ต้องกินยาไปตลอดชีวิต!! ประเด็นมันอยู่ที่ตรงนี้ . . ยังมีคนที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ วันนี้เราเลยอยากจะยกเอาเรื่องนี้ มาเม้ามามอยเล่าสู่กันฟัง . . ความจริงแล้วเบาหวานมันหายได้นะ . . ถ้าคุณเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 อ่ะ เออ . . จะเรียกว่าหายก็ไม่ได้ มันคือการที่เราเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เพื่อย้อนกระบวนการของมันสู่จุดเริ่มต้น เท่านั้นเอง . . เอ่ออ . . เหมือนจะเคยพูดเรื่องนี้ไปแล้วมังนะ จำไม่ได้ ว่าบล็อกไหนแต่จะเล่าคร่าวๆ อีกครั้งก็แล้วก็เน้ออ . . ในร่างกาย ของคนปกติเราจะได้พลังงานจากสองทางคือไขมันและน้ำตาล แต่ไขมันและน้ำตาลมันไม่สามารถทำงานพร้อมกันได้ และถ้าเรา กินน้ำตาลเข้าไป ร่างกายจะเอาน้ำตาลมาใช้ก่อน เพราะน้ำตาล มันเป็นอันตรายต่อร่างกาย และเส้นเลือดมันก็ไม่โอเคด้วยที่จะปล่อย ให้น้ำตาลมันเวียนว่ายอยู่กระแสเลือดเยอะๆ แบบนั้น . . ร่ายกายมันเลย กำจัดน้ำตาลโดยการให้ตับอ่อน หลังฮอร์โมนชนิดหนึ่งออกมา ฮอร์โมนนี้ มีชื่อว่า " อินซูลิน " ไอเจ้าอินซูลินเนี่ยะ หน้าที่ของมันก็คือ เป็นตัวเปิดประตูเซลล์เพื่อนำกลูโคส ส่งเข้าไปในเซลล์ให้พวกเซลล์ต่างๆเอากลูโคสใช้งาน กับรักษาระดับ น้ำตาลในกระแสเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ในกรณีที่เราสูบน้ำตาลเข้าไป ในร่างกายเยอะๆ แล้วไม่ใช้พลังงาน ไม่ออกกำลังกายไรงี๊ อีเจ้าอินซูลิน มันจึงจำเป็นต้องเอาน้ำตาลส่วนเกินที่เหลือค้างอยู่ในเลือดไปเก็บ Stock ไว้ใช้ในยามจำเป็นส่วนนึงจะเก็บที่ในตับในรูปแบบของไกลโคเจ้น แต่พื้นที่เก็บในตับมีน้อยมาก อีกส่วนนึงจึงต้องเอาไปเก็บไว้ในรูปแบบ ของไตรกลีเซอไร์ในถังเก็บไขมัน ซึ่งอีถังเก็บไขมันเนี่ยะ . .มันก็เหมือน ลูกโป่งลูกนึง สามารถขยายไปได้เรื่อยๆ เรื่อยๆ ตามกรรมพันธ์ของ ร่างกายแต่ละคน จะเห็นได้ว่าคนอ้วนบางคน ที่อ้วนมากแต่ยังไม่เป็นเบาหวาน ก็เพราะว่า ไอ้ลูกโป่งไขมันของเขามันสามารถขยายได้มากกว่าคนอื่นนั่นเอง . . กลับมาที่ร่างกายของคนปกติที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน.. อีกครั้ง 55+ ในคนปกติ ร่างกายจะสามารถใช้พลังงานได้ทั้งน้ำตาลและไขมัน เมื่อเรากินน้ำตาลเข้าไป บางส่วนร่างกายเอาไปใช้ ส่วนที่เหลือเก็บ ไว้ในถังเก็บไขมันจนหมด และเราก็ไม่ได้กินน้ำตาลเข้าไปอีก . . . ในจังหวะที่เราไม่ได้เพิ่มน้ำตาลเข้าร่างเนี่ยะ . . ร่ายกายมันก็จะรู้ว่า ตอนเมริงไม่มีน้ำตาลมาเป็นพลังงานแล้วนะ เพราะงั้น . . มันก็เลยต้องเอาไขมันมาใช้แทน งิ๊ . . ในคนปกติทั่วไป ร่างกายมันจะสามารถสลับสวิตช์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ระหว่างใช้น้ำตาลกับใช้ไขมันได้ แต่... ในคนที่เป็นเบาหวานมันทำไม่ได้ มันใช้ไขมันไม่ได้เนื่องจาก คนที่เป็นเบาหวาน(ชนิดที่2) มักจะกินน้ำตาล จนเกินลิมิตตลอดเวลา กินสะสมๆ ไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งถังเก็บไขมันเต็ม เก็บไม่ได้อีก และน้ำตาลมันก็ไม่สามารถค้างอยู่ในเลือดได้ด้วย เพราะมันเป็นพิษ . . อีเจ้าอินซูลินเนี่ยะ มันเลยจำเป็นต้องไปบีบบังคับ ให้เซล์ต่างๆ ทุกเซลล์ ในร่างกายเก็บไขมันเข้าไปแทน เพราะว่า ถังเก็บไขมันมันไม่ยอมเก็บแล้วมันล้นไง จนถึงวันหนึ่งที่อีเซลล์ทั่วไป ที่ว่าเนี่ยะ . . มันถูกบังคับเก็บไขมัน จนมันเก็บไม่ไหวแล้ว มันจึง เกิดการประท้วงต่ออินซูลิน . . ว่าตูไม่เอาแล้ว ตูไม่เก็บแล้ว จะทำไง ก็เรื่องของเมริง อาการแบบนี้ เราเรียกมันว่า . . การดื้ออินซูลิน ร่างกายประท้วงแล้ว แต่เราไม่รู็ไง . . ก็ยังจะกินน้ำตาลเข้าไปอีกๆ . . ตับก็หลั่งอินซูลินต่อเนื่อง เพื่อบีบบังคับให้อินซูนลินมันเอาน้ำตาล ไปเก็บเปนไขมัน แต่เซลล์ทุกเซลล์มันเต็มแล้วไง เต็มไม่ไหว ไม่มีใครเชื่อฟังมันแล้ว . . การที่อินซูลินค้างสูงในกระแสเลือดตลอดเวลา จึงทำให้คนอ้วน ที่ถังไขมันเต็มแล้ว หิวตลอดเวลา กินเท่าไรก็ไม่อิ่ม . . แล้วพอคนพวกนี้กินแป้งและน้ำตาลเพิ่มเข้าไปอีกๆ . . แต่ร่างกาย ไม่สามารถเอาไปเก็บในรูปแบบของไขมันได้ ร่างกายก็เลยต้อง บังคับเอาน้ำตาลที่เกินออกจากกระแสเลือดโดยผ่านทางไต ไปกับปัสสาวะ . . กลายเป็นชื่อของโรคที่เรียกว่า "เบาหวาน" หรือ การถ่ายเบาที่มีน้ำตาลหวานๆ ผสมออกมาด้วยนั่นเอง จนถึงจุดที่เลวร้ายที่สุด ตับแม่มถอดใจ ว่า . . กรูไม่อยากผลิต อินซูลินให้พวกเมิงแล้ว เพราะกรูผลิตให้แล้วพวกเมริงก็ไม่เชื่อฟัง เพราะงั้น.. พอไม่มีอินซูลิน พวกนุดที่เป็นเบาหวานบางคนที่เกิด ภาวะนี้ . . พวกนางก็เลยไม่สามารถเอาน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ เพราะอินซูลิน ที่ทำงานกระดุจไลน์แมนส่งอาหารเข้าสู่เซลล์ไม่ทำงานแล้ว ไลน์แมนอินซูลินมันประท้วงไม่ยอมทำงาน น้ำหนักพวกเค้าเหล่านี้ ก็เลยลดลงๆ เพราะร่างกายกินน้ำตาลไม่ได้ ร่างกายก็เลยต้องไปบีบบังคับ ใช้พลังงานจากอาหารที่สะสมไว้ตามกล้ามเนื้อแทน . . กล้ามเนื้อก็หายอี๊ก เตาเผาชั้นดีเลยนั่น แถมไขมันก็ใช้ไม่ได้เพราะอินซูลินค้างอยู่ในเลือด . . ร่างก็มีแต่พังแต่พัง ทุกวันๆ . . พอนุดเบาหวานพวกนี้ไปหาหมอ คุณหมอก็เลยต้องสั่งยามาให้กิน ซึ่งจริงๆแล้ว มันก็คืออินซูลินอัดเม็ด นั่นแหละ บางคนอาหารหนักก็อาจจะมาในรูปแบบเข็มฉีดยา เจาะลงพุงไปเลย . . ยัดอินซูลินเข้าร่างไป เอากำลังเข้าขู่ บีบบังคับให้เกิดกระบวนการสลายน้ำตาลออกจากเลือดแล้ว เปลี่ยนเป็นไขมันเก็บไว้ในเซลล์ทั้งๆ ที่่เซลล์ก็เต็มจนไม่ไหวแล้ว แต่ . . แบบนั้นมันก็เหมือนเป็นการแก้ที่ปลายเหตุว่าไม๊ . . แล้วยังไงต่อไป . . ถ้าเราดูตามหลักทางชีววิทยา . . แล้ว ถามคำถามกับตัวเองว่า . . ชั้นอยากจะหายจากเบาหวานต้องทำไง . . คำตอบคือ. . ตูก็ต้องย้อนกระบวนการไปจุดเริ่มต้นสิ ใช่แล้ว . . สิ่งที่ต้องทำก็คือ..เราต้องย้อนกระบวนการให้ร่างกายมันเลิกประท้วง และกลับมาใช้ไขมันได้อีกครั้งสิ.. ทำไงล่ะ . . ก็ลดแป้งและน้ำตาลสิ ก็มันเกินนิ . . ใช้ก็ไม่ได้ เก็บก็ไม่ได้ ยังจะกินเข้าไปอีกเรอะ . . งดแม่มเลย จากนั้นก็ให้ร่างกายมันสลายเอาพลังงานจากไขมันและไกลโคเจน ที่สะสมไว้ออกมาใช้แทน . . เริ่มแรก เราอาจจะต้องกินโปรตีนแทรกไขมัน เข้าไปหน่อย . . เราเลือกกินได้ไขมันดีๆ มีอยู่ตั้งหลายอย่าง กินนำร่องให้ร่างกายมันชินกับการใช้ไขมัน พอหลังจากกินอาหารไป 4 ชั่วโมง ร่างกายใช้พลังงานจากอาหารที่กินเข้าไปไปใช้หมดแล้ว และ เราไม่ได้กินเอาน้ำตาลเพิ่มเข้าไปอีก ทีนี้ร่างกายมันก็จะเริ่มเอา ไขมันที่สะสมไว้ออกมาใช้ ค่อยๆ สลาย ไขมันที่พอกตามตับออกมา เป็นน้ำตาลลงสู่กระแสเลือด เอาไขมันที่ก่อนหน้านี้ถูกบังคับเก็บ ไว้ในเซลล์เอาออกมาใช้ไปเรื่อยๆ จนไอ้ถังเก็บที่มันเต็ม กลับมาพร่องอีกครั้งหนึ่งถึงวันนั้นแล้วระบบต่างๆ ของร่างกาย มันก็จะสามารถกลับมาใช้งาน ได้ตามปกติอีกครั้งหนึ่งนั่นแหละ . . Note : ที่อธิบายไปนี้ หมายถึงคนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 นะ เบาหวาน ชนิดที่ 2 ที่ระบบรวนเพราะเกิดจากการกินที่ผิดปกติ เป็นระยะเวลานาน มันก็สามารถแก้ไขได้ ส่วนเบาหวานชนิดที่ 1 ที่เกิดจากตับไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ ที่เป็นเหตุจากพันธุกรรม แบบนั้น.. ก็ต้องรักษาโดยการฉีดอินซูลินเข้าร่างกายไปตลอดชีวิตเท่านั้น รักษาไม่หาย ถือเป็นคนละประเด็นกันกับเบาหวานชนิดที่ 2 นะคะ เอาล่ะ . . หลักการมันก็ประมาณนี้แหละ . . กลับมาปัจจุบันของเรากัน การกิน LCHF ของเรา เอ่อ ตอนนี้น่าจะเป็น ZCHF มากกว่าสินะ ดำเนินมาได้อาทิตย์กว่าแล้ว . . แต่เหมือนเราจะประสบปัญหาบางอย่าง คือ หลังจากที่เราปรับเอาเครื่องเทศเข้ามาในเมนูอาหาร อัตราของ น้ำหนักและไขมันของเราก็เกิดขึ้นๆ ลงๆ หมายถึงวันนี้ขึ้นพรุ่งนี้ลง สลับกันมาสี่วันแล้ว ไม่รู้เป็นเพราะอะไร . . กำลังหาสาเหตุอยู่ กับอีกอย่างหนึ่งคือ . . เรางงๆ กับมื้อเช้าว่าเราควรกินหรือไม่กินดี พอกินไปแล้ว กลางวันมันก็จะไม่หิวเลย ไม่อยากกินเลย แต่ก็กลัว ว่าถ้าไม่กินแล้วตอนเย็นมันจะหิวไหม เราก็เลยกินๆ ไป . . . แล้วพอไม่กินมื้อเช้ามันก็เหมือนจะอึนๆ มันไม่หิวนะ แต่มันอึนๆ 555+ แต่วันนี้ เราตัดสินใจไม่กินมื้อเช้าแระนะ . . หลังจากลองวัดน้ำตาล ปลายนิ้วดูแล้วก็ยังอยู่ในเกณฑ์สูงเหมือนเดิม เพราะงั้นก็ช่างความอึนเหอะ ในเมื่อไม่หิวก็ไม่ต้องกิน . . ส่วนเมนูอาหารในช่วงนี้จะหน้าตาประมาณนี้อ่ะ อยากบอกว่า ตั้งแต่ปลดล็อคเครื่องเทศเนี่ยะ เราบ้ากินคื่นช่ายมาก นี่คิดว่า อาทิตย์หน้าจะปลดล็อคผักใบเขียวแล้วนะ . . เนื่องจากอยากกินผักบุ้งง่ะ แต่อย่างไรก็ตาม นอกจากปัญหาสองอย่างนี้แล้ว . . ก็ไม่มีปัญหาอื่นอีก และข่าวดีคือ น้ำตาลเราเริ่มลดแล้วนะ วัดจากน้ำตาลปลายนิ้วตอนเช้า ตอนนี้ มันค่อยๆลดลงแล้ว ถึงจะลงไปทีละนิดๆ ก็เหอะ เพราะงั้น ไม่สนใจน้ำหนักหรือไขมันละ ช่างแม่ม ตูจะสนแต่น้ำตาลอย่างเดียวพอ ยังสู้นะ . . กำลังใจเต็ม 100% เลยแหละ . . บันทึกโดย . . ตัวหนอนกิ๊วๆ ปอลอ. เนื่องจากพรุ่งนี้อาจไม่ได้เข้าบล็อก เพราะงั้น อัพมันสองบล็อกในวันนี้เลยแล้วกันนะ ฮ่าาาา |
บทความทั้งหมด
|