เทคนิครับมือภัยฉุกเฉินไฮเทคชนิดต่างๆ










เทคนิครับมือภัยฉุกเฉินไฮเทคชนิดต่างๆ

ถ้าหากท่านเป็นคนหนึ่งที่ชอบสะสมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดต่างๆ แล้วละก็ สักวันหนึ่งอุปกรณ์เหล่านี้อาจจะก่อให้เกิดปัญหาบางอย่างต่อตัวของคุณก็เป็นได้ ในขณะที่การเรียนรู้ว่าจะสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดเหล่านี้ก็ไม่ใช่งานที่ง่ายเสมอไป


ผู้เชี่ยวชาญระดับมือโปรหลายคนมาช่วยอธิบายให้คุณฟังว่าจะใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ต่างๆ ที่คุณมีอยู่ทั้งหมดได้อย่างไร

ถ้าหากท่านเป็นคนหนึ่งที่ชอบสะสมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดต่างๆ แล้วละก็ สักวันหนึ่งอุปกรณ์เหล่านี้อาจจะก่อให้เกิดปัญหาบางอย่างต่อตัวของคุณก็เป็นได้ ในขณะที่การเรียนรู้ว่าจะสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดเหล่านี้ก็ไม่ใช่งานที่ง่ายเสมอไป คุณเคยเจอปัญหาการจัดระเบียบเพลงและภาพถ่ายที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆแล้วหรือยัง? คอมพิวเตอร์ของคุณเคยโดนไวรัสเล่นงานแล้วหรือยัง? คุณเคยกังวลว่ากล้องวิดีโอรุ่นล่าสุดที่คุณซื้อมาเป็นการจ่ายเงินที่แพงเกินไปหรือไม่? ถ้าหากวัดจากอีเมล์ร้องเรียนจำนวนมากจากผู้อ่านที่เราได้รับมา คุณไม่ใช่คนเดียวที่เจอปัญหาพวกนี้แต่อย่างใด ดังนั้นเราจึงตัดสินใจส่งเรื่องราวสยองขวัญของคุณไปให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญอ่าน จากนั้นเราลองมาดูซิว่าพวกเขามีคำแนะนำให้เรื่องราวของคุณจบอย่างมีความสุขได้อย่างไรบ้าง


สถานการณ์สยองขวัญ
"ผมทำกระเป๋าเอกสารหายและขณะที่กำลังเดินทาง ในกระเป๋ามีโน้ตบุก โทรศัพท์มือถือ และพีดีเอ จากนั้นเมื่อผมไม่มีรายการสิ่งที่ต้องทำ และรายชื่อของคนที่ผมต้องติดต่อด้วย ชีวิตของผมก็เริ่มยุ่งเหยิงอย่างมาก ผมต้องขาดประชุมและต้องทำตัวเหมือนคนโง่ที่ต้องโทรติดต่อไปจากทุกคนเพื่อจัดตารางเวลาเสียใหม่"

1.วิธีการเก็บข้อมูลส่วนตัวให้เป็นระเบียบ
การที่คุณต้องใช้ซอฟต์แวร์จำนวนมากเพื่อรับส่งอีเมล์ เก็บที่อยู่และรายการปฏิทิน รวมทั้งยังจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ชนิดต่างๆเป็นจำนวนมากเพื่อเก็บข้อมูลเหล่านี้ด้วย ดังนั้นการทำให้ชื่อและตัวเลขต่างๆที่คุณสามารถเรียกใช้ได้ในทันทีและเป็นข้อมูลที่ทันสมัยเสมอจัดเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร Kelly Perdew กล่าวว่า "ผมจำเป็นต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเทคโนโลยีทั้งหมดที่ผมใช้อยู่ต้องมีข้อมูลสอดคล้องกัน และทำงานได้ 100 เปอร์เซ็นต์อยู่ตลอดเวลา ผมยังจำเป็นต้องมีโปรแกรมสมุดจดเบอร์โทรศัพท์เพื่อใช้โทรติดต่อพ่อแม่ของผมด้วยซ้ำไป เพราะผมเลิกจดจำตัวเลขต่างๆแล้ว Perdew มีระบบป้องกันที่ทำให้ข้อมูลส่วนตัวของตนเป็นระเบียบและปลอดภัยอยู่เสมอดังนี้

-ผู้เชี่ยวชาญ
Kelly Perdew
เจ้าของกิจการดอทคอมที่เดินทางเป็นประจำ รวมทั้งยังเป็นผู้ชนะในเรียลลิตี้เกมโชว์ที่ชื่อ The Apprentice ของซีซันก่อนด้วย ปัจจุบันเขาเป็นพนักงานของ Donald Trump
วิธีแก้ปัญหา

-ทำให้ข้อมูลรายชื่อของคุณเป็นข้อมูลล่าสุดอยู่เสมอ: ในปัจจุบันคุณยังไม่สามารถดาวน์โหลดข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ลงไปในโทรศัพท์มือถือได้ ดังนั้นการซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่จึงมักหมายถึงการกรอกหมายเลขโทรศัพท์ทั้งหมดด้วยมืออีกครั้งหนึ่ง แต่ชีวิตของคุณจะง่ายขึ้นถ้าหากคุณใช้โปรแกรมชื่อ SnapSync (ราคา 29.99 ดอลลาร์ บวกสายเคเบิลอีก 30 ถึง 35 ดอลลาร์ ติดต่อที่ futuredial.com) จะช่วยให้คุณโอนถ่ายรายชื่อระหว่างโทรศัพท์มือถือเกือบทุกรุ่นกับพีซี Windows ได้

-แบกอัพข้อมูลออนไลน์: Perdew กล่าว่า "ผมใช้บริการที่ชื่อ Connected DataProtector (ใช้ได้กับพีซี Windows เท่านั้น ค่าบริการ 9.95 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือ 79.95 ดอลลาร์ต่อปี //www.connected.com) บริการนี้สามารถจัดเก็บไฟล์ Outlook หรือเอกสาร Word, Excel และ PowerPoint ทุกอย่างที่ผมใช้ในแต่ละวันได้ จากนั้นผมจะทำการจัดเก็บไฟล์เหล่านี้เอาไว้ในอินเทอร์เน็ตช่วงกลางคืน" แม้ว่าคุณทำโน้ตบุกหายก็ตาม คุณก็ยังสามารถเรียกใช้ข้อมูลรายชื่อ อีเมล์ และไฟล์ต่างๆผ่านพีซีที่ติดต่อกับเว็บได้อยู่ดี

-ทำงานซ้ำ: คุณควรปรับความสอดคล้องข้อมูลรายชื่อที่อยู่ในโน้ตบุกกับพีซีและพีดีเอเครื่องอื่นๆเป็นประจำ การทำแบบนี้จะช่วยลดโอกาสที่คุณจะสูญเสียข้อมูลไปตลอดกาลได้ โปรแกรมบน Windows อย่าง Intellisync (ราคา 69.95 ดอลลาร์ sync.com) สามารถโอนถ่ายข้อมูลที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ระหว่างคอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์มือถือ Smartphone หรือพีดีเอ (Palm OS หรือ Windows Mobile) เกือบทุกชนิดได้ ส่วนโปรแกรมแจกฟรีของ Apple ที่ชื่อ iSync (apple.com) ทำงานแบบเดียวกันนี้ได้กับอุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่คอมแพตทิเบิลกับเครื่องแมค

-แลกเปลี่ยนความรู้: Perdew เป็นแฟนของเว็บไซต์ที่ชื่อ Likedln (linkedin.com) ซึ่งเป็นเว็บไซต์สร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ทางออนไลน์ เขาบอกว่า "มันเหมือนกับเว็บไซต์เพื่อนคุยแต่ใช้เฉพาะทางธุรกิจเท่านั้น" เขาสามารถเชิญให้เพื่อนร่วมงานเข้ามาใช้ไซต์ร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนรายชื่อที่พวกเขามีอยู่ จากนั้นพวกเขาก็สามารถค้นหาตามรายชื่อเหล่านี้เพื่อดูว่ามีรายชื่อใดที่พวกเขาขาดหายไปบ้าง


สถานการณ์สยองขวัญ
"ดิฉันใช้เงิน 5 พันดอลลาร์เพื่อซื้อทีวีเครื่องใหม่ จากนั้นพบว่าในเวลาแค่สองเดือนผู้ผลิตลดราคาลงครึ่งหนึ่ง แถมในตอนนี้ยังมีเครื่องรุ่นใหม่ที่ดีกว่า แถมยังมีราคาถูกกว่าด้วย"

2.รู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่ที่ควรซื้อสินค้า
Michael Tchong กล่าวว่า "การแข่งขันในหมู่ผู้ค้าปลีกเป็นไปอย่างดุเดือดกว่าในอดีตมาก ผลที่ตามมาก็คือในตอนนี้ไม่มีเวลาเหมาะๆสำหรับการซื้อสินค้าอีกต่อไป" อย่างไรก็ตามการรู้ตารางเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ๆจะช่วยคุณประหยัดเงินได้อย่างมาก รวมทั้งการเข้าไปศึกษาข้อมูลในเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาก็ช่วยคุณได้เช่นกัน "ส่วนเว็บไซต์ช่วยชอปปิงอย่าง froogle.com และ pricegrabber.com ก็ถือเป็นเครื่องมือที่ดีมาก ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจการแข่งขันเรื่องราคาในตลาดได้ดีขึ้น" แต่เขาก็บอกไม่จำเป็นต้องมีคำตอบสุดท้ายในเรื่องของการประหยัดแต่อย่างใด วิธีการที่ Tchong ใช้ในการเลือกซื้อสินค้าให้ได้ราคาดีที่สุดก็คือ

-ผู้เชี่ยวชาญ
Michael Tchong นักวิเคราะห์ผู้บริโภคของบริษัทวิจัย Iconoculture

วิธีแก้ปัญหา
-อย่าทันสมัยมากเกินไป: ถ้าหากคุณซื้อสินค้าไฮเทครุ่นล่าสุด คุณมักจะต้องจ่ายเงินมากเกินไป รวมทั้งยังเป็นการทำตัวเป็นหนูทดลองกับเทคโนโลยีที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ที่มักมีปัญหาตามมาอีกมากด้วย คุณควรรอต่อไปอย่างน้อยสองสามเดือนหรืออาจจะนานกว่านั้น เพราะการรอจะช่วยให้คุณประหยัดเงินและเรื่องปวดหัวได้

-อย่าเชื่อการโฆษณาสินค้าลดราคา: อย่าเชื่อโฆษณาประเภทการลดราคาแบบสุดๆในช่วงแบกทูสกูลหรือช่วงก่อนคริสตมาสโดยเด็ดขาด เนื่องจากช่วงเวลาเหล่านี้เป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่ซื้อสินค้า ดังนั้นส่วนลดที่ร้านค้าบอกจึงอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น Tchong กล่าวว่า "ในช่วงต้นฤดูร้อนเป็นช่วงที่สินค้าไฮเทคขายไม่ค่อยดี ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงเหมาะที่จะซื้อสินค้าไฮเทค รวมทั้งช่วงลดราคาหลังคริสต์มาส ซึ่งมีการตัดราคาเพื่อช่วยให้ทางร้านนำสินค้าใหม่ๆมาขายได้"

-รู้ว่าเมื่อไหร่สินค้าใหม่จะถูกนำมาขาย: สินค้ารุ่นเก่าจะลดราคาลงทันทีที่สินค้ารุ่นใหม่กว่าออกวางขาย อย่างไรก็ตาม Tchong กล่าวว่าวงจรของสินค้าใหม่ๆในทุกวันนี้เริ่มสั้นลง และคาดเดาได้ยากขึ้น แต่เขาก็มีกฎเกณฑ์พื้นฐานบางอย่างเช่นกัน นั่นก็คือในเดือนมกราคมจะมีงาน Consumer Electronics Show ที่บริษัทต่างๆจะมาประกาศว่าสินค้าที่จะคลอดในปีนี้มีอะไรบ้าง กล้องดิจิตอลมีโอกาสออกวางจำหน่ายได้ทุกช่วงของปี แต่ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในเดือนกุมภาพันธ์และตุลาคม ส่วนการเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่มักจะอยู่ในเดือนกันยายน ในขณะที่เกมคอนโซลจะลดราคาหลังจากงาน E3 Expo ในเดือนพฤษภาคม

-ตัดคูปองเอาไว้ใช้: ตามเว็บไซต์ต่างๆมักมีคูปองส่วนลดและการคืนเงินให้ซึ่งใช้ได้ในเวลาจำกัด การค้นหาข้อมูลคูปองพวกนี้ถือเป็นสิ่งที่คุณค่ากับเวลาที่คุณเสียไปอย่างยิ่ง คุณควรเข้าไปดูในเว็บไซต์อย่าง dealios.com และ techbargain.com ซึ่งมีรายการคูปองใหม่ๆทุกวัน และคุณสามารถซื้อสินค้าในราคาที่ถูกลงอีกสองสามเปอร์เซ็นต์ ถ้าหากคุณซื้อสินค้าผ่านไซต์ Ebates (ebates.com) ซึ่งเป็นคลับออนไลน์ที่จะคืนเงินสดให้คุณถ้าหากคุณซื้อสินค้าผ่านไซต์แห่งนี้


สถานการณ์สยองขวัญ
"หลังจากแปลงซีดีทั้งหมดมากกว่า 200 แผ่นที่ผมสะสมเอาไว้เป็นไฟล์ WMA จากนั้นผมซื้อเครื่อง iPod ในราคา 350 ดอลลาร์มา แต่เครื่องกลับใช้กับไฟล์เหล่านี้ไม่ได้"

3.วิธีจัดการกับเพลงดิจิตอล
พี่น้อง Andrews กล่าวว่า "เพลงดิจิตอลเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และในตลาดมีฟอร์แมทมากมายเกินไป ดังนั้นคุณจึงมีวิธีเซฟเพลงเก็บเอาไว้หลายวิธีตามไปด้วย นอกจากนั้นคุณต้องเจอกับเทคโนโลยีใหม่ๆอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากเกินไปสำหรับผู้คนทั่วไป" อย่างไรก็ตามตลาดเครื่องเล่น MP3 ก็มีวิวัฒนาการที่ดีขึ้นอยู่เรื่อยๆ รวมทั้งซอฟต์แวร์ที่อยู่เบื้องหลังฟอร์แมทนี้ด้วย ดังนั้นพี่น้อง Andrews จึงมีคำแนะนำที่จะช่วยให้คุณฟังเพลงดิจิตอลที่สะสมเอาไว้ได้อย่างสบายใจทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้ดังนี้

-ผู้เชี่ยวชาญ
พี่น้อง Andrews คู่หูดีเจที่ฟังเพลงดิจิตอลที่เก็บเอาไว้ในเครื่อง iPods เท่านั้น

-วิธีแก้ปัญหา
-เลือกมาตรฐานบางอย่าง: พี่น้อง Andrews บอกว่า "MP3 เป็นฟอร์แมทเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุด และมันสามารถทำงานกับเครื่องเล่นแทบทุกชนิดที่มีอยู่ในตลาดได้" ดังนั้นการแปลงซีดีของคุณไปเป็นไฟล์ MP3 ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างปลอดภัยพอสมควร แต่พวกเขาไม่ขอแนะนำให้คุณแปลงไฟล์เพลงที่ถูกบีบอัดอยู่แล้ว อาทิเช่นการแปลงจาก WMA ไปเป็น MP3 (เนื่องจากมันจะทำให้คุณภาพของเพลงแย่ลง) แม้ว่าวิธีการนี้จะใช้ได้ก็ตาม โปรแกรมเพลงส่วนใหญ่ยอมให้คุณแปลงฟอร์แมทเพลงได้โดยง่าย ตัวอย่างเช่นใน iTunes ให้คุณทำไฮไลท์เพลงทั้งหมดที่มีอยู่ (หรือทีละเพลง หรือทีละอัลบัมก็ได้) คลิกที่ Advanced แล้วเลือก Convert to MP3 แต่ถ้าหากคุณต้องการเพลง MP3 คุณภาพดีที่สุด คุณต้องกลับไปทำขั้นตอนแปลงฟอร์แมตจากซีดีใหม่อีกครั้งหนึ่ง

-อย่าดาวน์โหลดเพลงมาฟัง: พี่น้อง Andrews ไม่ชอบเพลงที่ดาวน์โหลดมาแต่อย่างใด "ถ้าบางครั้งทำแบบนี้ คุณกำลังทำสิ่งผิดกฎหมายอยู่ แถมมันยังเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่าอีกด้วยเนื่องจากคุณภาพของเพลงที่ได้ไม่แน่นอน และแม้ว่าคุณซื้อเพลงออนไลน์อย่างถูกกฎหมาย มันก็ยังไม่คุ้มค่าอยู่ดี เนื่องจากเพลงเหล่านี้มีบิตเรทไม่สูงมากพอที่จะช่วยให้คุณได้คุณภาพของเสียงเพลงเหมือนซีดีต้นฉบับได้" ดังนั้นกฎพื้นฐานก็คือถ้าหากคุณต้องการเพลงมากกว่าสองเพลงจากอัลบัมเดียวกัน คุณควรออกไปซื้อซีดีแล้วมาแปลงเพลงโดยใช้อัตราบีบอัดที่คุณพอใจเองจะดีกว่า

-เก็บซีดีเอาไว้: อย่าโยนซีดีต้นฉบับที่คุณโปรดปรานทิ้งไป คุณควรมองว่าซีดีเหล่านี้ก็คือแบกอัพของคุณนั่นเอง นอกจากนั้นมันยังถือเป็นเครื่องประกันว่า ถ้าหากมีฟอร์แมทใหม่ที่ดีกว่า MP3 คลอดออกมา คุณจะสามารถแปลงเพลงใหม่ได้อีกครั้งหนึ่ง ถ้าหากคุณซื้อเพลงผ่านระบบออนไลน์ คุณควรบันทึกเพลงเก็บเอาไว้ในซีดีด้วย หรือเซฟเก็บไว้ (รวมทั้งไฟล์เพลงอื่นๆ) ไปไว้ในฮาร์ดดิกส์อีกลูกหนึ่ง เพราะถ้าหากคอมพิวเตอร์ของคุณเกิดเสียขึ้นมา คุณจะได้ไม่สูญเงินกับการซื้อเพลงออนไลน์ไปเปล่าๆ หรือเสียเวลาต้องมานั่งแปลงเพลง MP3 ใหม่อีกครั้งหนึ่ง


สถานการณ์สยองขวัญ
"ผมคลิกไปที่โฆษณาป็อบอัพ จากนั้นโฆษณาดังกล่าวก็แอบติดตั้งโปรแกรมอะไรบางอย่างลงไปซึ่งทำให้ข้อมูลในพีซีพี่ชายของผมเสียหายยับเยิน ในช่วงที่พี่ชายของผมต้องทำรายงานกลางเทอมอีกด้วย ข้อมูลพี่ชายของผมหายไปหมดและเขาต้องล้างฮาร์ดดิสก์แล้วติดตั้ง Windows ลงไปใหม่"

4.วิธีฉีดวัคซีนพีซี
ผลของการที่มีพวกเพี้ยนๆที่ชอบเขียนโค้ดมาแกล้งชาวบ้าน ดังนั้นในตอนนี้อินเทอร์เน็ตจึงมีไวรัสมากมายนับไม่ถ้วน นอกจากนั้นคุณยังต้องเจอกับปัญหาอื่นๆ ในรูปของแอดแวร์ สปายแวร์ และโปรแกรมม้าไม้โทรจันอีกด้วย Robert Stephes กล่าวว่า ถ้าหากคุณไม่ยอมเสียเงินเล็กน้อยเพื่อหาทางป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับพีซีของคุณแล้ว "การจ้างผู้เชี่ยวชาญในภายหลังจะทำให้คุณเสียเงินเพิ่มมากขึ้น" เครื่องแมคไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องไวรัส เนื่องจากมันมีผู้ใช้น้อยกว่าจนทำให้เหล่าแฮกเกอร์ไม่ค่อยให้ความสนใจมากนัก แต่ Stephens มีคำแนะนำสำหรับผู้ใช้ Windows ว่าทำอย่างไรจึงจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก

-ผู้เชี่ยวชาญ
Robert Stephens ผู้ก่อตั้งบริษัท Geek Squad ซึ่งเป็นทีมงานที่ให้บริการแก้ปัญหาฉุกเฉินคอมพิวเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง

-วิธีแก้ปัญหา
-ใช้ไฟร์วอลล์: การท่องเว็บ การคลิกที่ลิงก์ต่างๆ และการอ่านอีเมล์ก็อาจทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณติดโปรแกรมชั่วร้ายได้แล้ว วิธีการป้องกันอย่างหนึ่งก็คือการใช้ไฟร์วอลล์ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ทำตัวเป็นบอดี้การ์ดขณะที่คุณท่องอินเทอร์เน็ต หรือพูดง่ายๆก็คือเมื่อคุณติดต่อออนไลน์ คุณต้องใช้ไฟร์วอลล์ มิฉะนั้นแล้วพีซีของคุณอาจถูกโจมตีได้ Windows XP มีไฟร์วอลล์อยู่ในตัวอยู่แล้ว (หรือติดตั้ง Services Pack 2 ผ่านเมนู Windows Software Update ก็ได้) แต่คุณควรใช้ไฟร์วอลล์ชนิดอื่นๆที่มีประสิทธิภาพมากกว่าและแจกฟรีด้วยอย่าง ZoneAlarm (zonealarm.com) หรือโปรแกรมที่ใช้ง่ายอย่าง Norton Internet Security (ราคา 69.95 ดอลลาร์ symantec.com) ซึ่งมีซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและป้องกันเมล์ขยะในตัวด้วย (OS X Macs มีไฟร์วอลล์ในตัวอยู่แล้ว)

-สแกนทุกอย่าง: Stephens กล่าวว่า "ในปีนี้เราจะไม่เจอไวรัสมากนัก เนื่องจากแฮกเกอร์ได้เปลี่ยนไปใช้สปายแวร์เสียเป็นส่วนใหญ่" สปายแวร์จะคอยเฝ้าดูพฤติกรรมการท่องเว็บของคุณ เขากล่าวว่าเหตุผลหลักที่ทำให้พีซีทำงานช้าลงผิดปกติก็คือการมีโปรแกรมสปายแวร์ซ่อนอยู่ ซึ่งผู้ใช้มักจะติดตั้งลงไปเองได้โดยไม่ตั้งใจได้หลายๆวิธีตั้งแต่การคลิกที่โฆษณาป็อปอัพเพื่อดูเว็บไซต์ลามก หรือแม้แต่การเซ็ตอัพทาสบาร์ยูทิลิตี้และซอฟต์แวร์อื่นๆที่ดูเหมือนไม่มีพิษไม่มีภัยใดๆขึ้นมา โปรแกรม Spy Sweeper (ราคา 29.95 ดอลลาร์ Webroot.com) สามารถค้นหาและทำลายสปายแวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งโปรแกรมแจกฟรีอย่าง AdAware อีกด้วย (lavasoftcom) (ส่วนผู้ใช้แมคยังไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนนี้)

-จ่ายเงินซื้อเพลงและภาพยนตร์: Stephens บอกว่าเขาไม่ได้พยายามโฆษณาชวนเชื่อให้แก่อุตสหากรรมเพลงและภาพยนตร์แต่อย่างใด แต่ไวรัสจำนวนมากสามารถเล็ดรอดเข้าไปในพีซีได้ผ่านทางระบบเครือข่ายแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ ดังนั้นถ้าหากคุณต้องดาวน์โหลดสื่อข้อมูลชนิดต่างๆ คุณควรดาวน์โหลดจากร้านค้าออนไลน์ที่คุณเชื่อใจเท่านั้น


สถานการณ์สยองขวัญ
"ผมซื้อคอมพิวเตอร์มาเครื่องหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปสองเดือน เครื่องเกิดเสียขึ้นมา ผมจึงนำมันกลับไปซ่อม แต่เมื่อผมได้เครื่องกลับมา มันยังเสียเหมือนเดิม เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นติดต่อกันหนึ่งปี จนในที่สุดเวลารับประกันก็หมดและผมมีคอมพิวเตอร์ที่ใช้การไม่ได้อยู่เครื่องหนึ่ง"

5.จะปกป้องการลงทุนของคุณได้อย่างไร
ไม่ว่าพนักงานให้บริการจะบอกว่าอะไรก็ตาม แต่ผู้บริโภคมีสิทธิในการซื้อหรือคืนสินค้าของตนเอง และคุณต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆอย่างเหมาะสมตามที่ระบุเอาไว้ในคู่มือด้วย Ron Berry กล่าวว่า "การใช้สินค้าอย่างไม่ถูกต้อง สินค้าจะไม่ได้รับการคุ้มครองตามที่ระบุเอาไว้ในประกัน" นอกจากนั้นเขายังมีคำแนะนำง่ายๆที่จะช่วยให้คุณเป็นผู้ชนะในการต่อรองเรื่องนี้เสมออีกด้วย

-ผู้เชี่ยวชาญ
Ron Berry รองประธานอาวุโสกลุ่ม Council of Better Business Bureaus

-วิธีแก้ปัญหา
-ระวังเรื่องแผนการให้บริการ: คำนึงถึงอายุการใช้งานและราคาของตัวสินค้าเมื่อคุณตัดสินใจซื้อบริการรับประกันเพิ่มเติม แผนการรับประกันเพิ่มเติมมักไม่ใช่สิ่งที่คุ้มค่าสักเท่าใดนักนักเว้นเสียแต่คุณจะซื้อสินค้าที่มีราคาแพง และมีอายุการใช้งานระยะยาวอย่างทีวีหรือพีซี เนื่องจากค่าซ่อม ค่าอะไหล่ และค่าบริการอาจแพงพอๆกับการซื้อเครื่องใหม่เลยก็เป็นได้ คุณต้องตรวจสอบว่าในสัญญาระบุเรื่ององค์ประกอบเหล่านี้เอาไว้ทั้งหมดแล้ว รวมทั้งต้องมีเงื่อนไขที่ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนด้วย แต่คุณไม่ควรเชื่อคำพูดของพนักงานขายในขณะที่เขากำลังโฆษณาการรับประกันสินค้าของตนอยู่ Berry เตือนว่า "พนักงานขายบางคนอาจจงใจตีความผิดๆเพื่อขายประกันสินค้าเพิ่มเติมราคาแพง" ดังนั้นคุณควรอ่านรายละเอียดทั้งหมดด้วยตนเอง

-โทรติดต่อบริษัทบัตรเครดิต: ถ้าหากบัตรเครดิตที่คุณใช้อยู่มีขั้นตอนปกป้องผู้ซื้อเอาไว้ด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะเป็นการคืนเงินบางส่วนมาให้แม้ไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม ในกรณีที่ร้านค้าไม่ยอมคืนเงินให้คุณ ส่วนการรับประกันผู้เช่ามักจะครอบคลุมสิ่งของที่ถูกขโมยหรือเสียหายอยู่แล้ว แม้ว่าคุณจะใช้สินค้าเหล่านี้นอกบ้านก็ตาม

-ลงทะเบียนทุกอย่าง: การเคลมประกันของคุณจะง่ายขึ้นอย่างมาก ถ้าหากคุณยอมเสียเวลา 5 นาทีในการลงทะเบียนสินค้าชิ้นใหม่ที่ซื้อมาผ่านระบบออนไลน์ (ถ้าหากคุณกลัวเมล์ขยะ คุณต้องระบุลงไปด้วยว่าคุณไม่ต้องการได้รับอีเมล์และการติดต่ออื่นๆอีก) รวมทั้งเก็บใบเสร็จและใบรับประกันสินค้าทุกชนิดที่คุณซื้อเอาไว้ เนื่องจากเอกสารเหล่านี้สามารถใช้เป็นหลักฐานเพื่อยื่นขอเคลมประกันได้

-ขอความช่วยเหลือจาก BBB: ถ้าหากคุณถูกเอาเปรียบโดยบริษัทที่ไม่ยอมรับประกันสินค้าของตนเอง คุณสามารถติดต่อหน่วยงาน Better Business Bureau (bbb.org) ใกล้บ้านได้ โดยภายในเวลา 30 วัน องค์กรแห่งนี้จะพยายามหาทางออกระหว่างตัวคุณกับผู้ผลิตหรือร้านค้าที่คุณซื้อสินค้ามา ถ้าหากร้านค้าผู้ถูกร้องเรียนยังไม่ยอมทำสิ่งต่างๆให้ถูกต้องและเป็นสมาชิกของ BBB แล้ว BBB จะจ้างอนุญาโตตุลาการเพื่อมาทำหน้าที่ตัดสินทางกฎหมายได้


สถานการณ์สยองขวัญ
"ผมทำภาพลูกสาววัยสองขวบทุกภาพที่ผมถ่ายเก็บไว้หายไป เมื่อโน้ตบุกของผมถูกขโมยไปจากรถยนต์ ผมไม่มีแบกอัพ ไม่ได้อัดรูปเอาไว้ และไม่มีข้อมูลเก็บไว้ที่อื่นเลย"

6.วิธีเก็บภาพดิจิตอลอย่างเป็นระเบียบ
Jason Crantz กล่าวว่า "ภาพถ่ายดิจิตอลถือเป็นเรื่องที่สับสนมากที่สุดเรื่องหนึ่งในสาขาเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภค เนื่องจากผู้ใช้ต้องเรียนรู้ข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับกล้อง การพิมพ์ และซอฟต์แวร์ต่างๆทั้งหมด" ข่าวดีก็คือคุณสามารถศึกษาคำศัพท์ต่างๆได้ไม่ยากนัก รวมทั้งการทำความเข้าใจสิ่งต่างๆและปกป้องภาพถ่ายดิจิตอลของคุณได้โดยการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของคุณเท่านั้น

-ผู้เชี่ยวชาญ
Jason Crantz บรรณาธิการภาพถ่ายและวิจัยของนักถ่ายภาพดาราที่มีชื่อเสียงอย่าง Patrick McMullan

วิธีแก้ปัญหา
-ทำตัวให้เป็นระเบียบ: ใช้โปรแกรมเพื่อรวบรวมและจัดระเบียบภาพถ่ายที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆของพีซี โปรแกรมพวกนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณสามารถเก็บภาพถ่ายเอาไว้ในจุดเดียว เพื่อช่วยให้เรียกดู พิมพ์ และอัพโหลดไปบนเว็บโดยง่ายแล้ว โปรแกรมเหล่านี้ยังมีคุณสมบัติตกแต่งภาพแบบพื้นๆให้มาด้วย แม้ว่าซอฟต์แวร์ที่แถมมาพร้อมกับตัวกล้องถือว่าเพียงพอแล้วก็ตาม Crantz แนะนำให้ใช้โปรแกรมที่ชื่อ FotoStation 4.5 (ราคา 110 ดอลลาร์ totoware.com) ที่ช่วยให้คุณใส่คำอธิบายลงไปในภาพได้ด้วย และจะทำให้การค้นหาภาพที่คุณเก็บไว้ทำได้ง่ายขึ้น

-เก็บภาพถ่ายเอาไว้ในโลกไซเบอร์: Crantz กล่าวว่า "เว็บไซต์ภาพถ่ายออนไลน์จัดเป็นสถานที่ที่คุณสามารถเก็บภาพถ่ายเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย แถมยังเรียกใช้ได้โดยง่ายอีกด้วย นอกจากนั้นคุณยังสามารถประหยัดเงินได้อีกเพราะคุณไม่จำเป็นต้องซื้อที่เก็บข้อมูลนั่นเอง" เว็บไซต์อย่าง Shutterfly.com (ฟรี) หรือ ofoto.com (ฟรี ถ้าหากคุณซื้ออะไรบางอย่างอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อปี หรืออัดภาพเพียงใบเดียวก็ได้) ซึ่งมีพื้นที่ให้คุณเก็บภาพได้ไม่จำกัด ยอมให้คุณอัพโหลดภาพไปเก็บไว้ จัดเรียงอัลบัมเอาไว้แลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆ หรือสั่งอัดภาพก็ได้

-อัดภาพ: นำภาพที่คุณคิดว่าดีที่สุดไปเก็บเอาไว้ในเมมโมรีการ์ดหรือซีดี จากนั้นนำไปให้ร้านอัดถ่ายรูปอัดภาพให้ (ร้านถ่ายรูปบางแห่งยังมีตู้ที่ให้บริการตนเองอีกด้วย) ถ้าหากคุณพิมพ์ภาพเองที่บ้าน คุณต้องใช้หมึกและกระดาษซึ่งติดคำว่า "archival" เอาไว้ด้วย มิฉะนั้นแล้วภาพถ่ายของคุณจะจางลงอย่างเห็นได้ชัดภายในเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น

-แบกอัพ: ฮาร์ดดิสก์ทุกรุ่นจะต้องเสียขึ้นมาสักวันหนึ่ง ดังนั้นคุณควรซื้อฮาร์ดดิสก์ลูกที่สอง (แบบติดตั้งภายในหรือภายนอกก็ได้) เพื่อใช้สำหรับแบกอัพ คุณสามารถใช้วิธีลากไฟล์ภาพของคุณไปเก็บเอาไว้ในฮาร์ดดิสก์ลูกที่สอง หรือใช้ซอฟต์แวร์อย่าง Retrospect (ราคา 89.95 ดอลลาร์ dantz.com) เพื่อแบกอัพไฟล์ที่คุณเลือกเอาไว้ไปเก็บโดยอัตโนมัติตามช่วงเวลาที่คุณกำหนดก็ได้ ฮาร์ดดิสก์ Maxtor OneTouch II (ราคา 279.95 ดอลลาร์ maxtor.com) เป็นฮาร์ดดิสก์แบบติดตั้งภายนอกความจุ 250 GB ซึ่งมีซอฟต์แวร์ Retrospect ติดตั้งเอาไว้แล้ว คุณสามารถแบกอัพโดยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น


สถานการณ์สยองขวัญ
"เมียของผมเอาพีซีเครื่องเก่าไปโยนทิ้ง โดยที่ไม่ได้ลบข้อมูลส่วนตัวของเราออกจากฮาร์ดดิสก์ด้วย ผมได้รับคำเตือนเรื่องการโกงบัตรเครดิตของผมสองครั้ง ดังนั้นผมจึงต้องเปลี่ยนหมายเลขบัตรเครดิต หมายเลขบัญชีธนาคาร และต้องเปลี่ยนหมายเลขประกันสังคมอีกด้วย"

7.วิธีการขจัดอุปกรณ์ไฮเทคทิ้งอย่างปลอดภัย
Stephen Wyatt เตือนว่า "ในปัจจุบันโจรขโมยตัวตนถือเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก ถ้าหากคุณวางแผนที่จะบริจากหรือโยนอุปกรณ์ไฮเทคใดๆที่มีข้อมูลส่วนตัวทิ้งไป อาทิเช่นพีดีเอ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ไปจนถึงเมมโมรีการ์ด คุณต้อลบข้อมูลทั้งหมดทิ้งไปก่อน ถ้าหากคุณไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร คุณควรจ้างคนที่รู้วิธีมาทำให้" นอกจากนั้นเขายังเตือนอีกว่า อุปกรณ์เก่าของคุณยังก่อให้เกิดมลพิษต่อสภาพแวดล้อมได้ด้วย ดังนั้นก่อนที่คุณจะสร้างความเสียหายต่อการใช้ชีวิตหรือสภาพแวดล้อม คุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องรีไซเคิลของ Wyatt ดังต่อไปนี้เสียก่อน

-ผู้เชี่ยวชาญ
Stephen Wyatt ผู้ก่อตั้งบริษัท Computer Recycling Center ซึ่งเป็นบริษัทรีไซเคิลพีซีที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา

-วิธีแก้ปัญหา
-ลบอดีต: Wyatt กล่าวว่า "สิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่จะโยนพีซีทิ้งไปก็คือการลบข้อมูลทั้งหมดออกจากฮาร์ดดิสก์เสียก่อน" แต่แม้แต่เอกสารที่ถูกลบทิ้งไปแล้วก็ยังสามารถนำกลับมาอ่านได้ใหม่ ถ้าหากคุณรู้ว่าต้องไปหาจากที่ไหน การฟอร์แมทฮาร์ดดิสก์ของคุณยังไม่ใช่สิ่งที่เพียงพอแต่อย่างใด คุณควรใช้แอพพลิเคชันแจกฟรีบางอย่างลบข้อมูลในฮาร์ดดิสก์อย่างถาวรจะดีกว่า อาทิเช่น Active@KillDisk (killdisk.com) คุณต้องลบรายชื่อและหมายเลขโทรศัพท์จากแอดเดรสบุกของโทรศัพท์มือถือก่อนที่จะโยนทิ้งไป และลบปุ่มสปีดไดอัลจากโทรศัพท์ธรรมดาด้วย เว้นเสียแต่คุณไม่ถือสากับการที่คนแปลกหน้ารู้เบอร์โทรศัพท์เพื่อนๆของคุณได้

-ทำกรรมดี: Wyatt บอกว่า "มีอุปกรณ์ใช้แล้วอยู่เป็นจำนวนมากในตลาด" ดังนั้นแทนที่คุณจะขายอุปกรณ์ไฮเทคที่ใช้แล้วทาง eBay คุณควรบริจาคอุปกรณ์เหล่านั้นแทน องค์กรการกุศลจำนวนมากยินดีรับเครื่องใช้ไฟฟ้าใช้แล้ว เพื่อนำไปมอบให้แก่บุคคลที่จำเป็นต้องใช้ คุณอาจขอคำปรึกษาจากเว็บไซต์อย่าง electronicsrecycling.com เพื่อดูว่ามีใครอยากได้อุปกรณ์เหล่านี้บ้าง แถมคุณยังจะได้รับการลดหย่อนภาษีอีกด้วย อุปกรณ์ที่เสียแล้วเป็นที่ต้องการน้อยกว่าอุปกรณ์ที่ยังทำงานได้ แต่ร้านค้าบางแห่งอาจยอมรับซื้อเพื่อนำเอาชิ้นส่วนบางอย่างที่ยังใช้ได้ไปใช้ต่อ อาทิเช่นแบตเตอรี สายไฟ สายเคเบิล และคู่มือเป็นต้น

-การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไม่ใช่งานง่ายๆ แต่คุณควรลองพยายามอยู่ดี: การที่อุปกรณ์ไฟฟ้ามีโลหะและสารเคมีที่เป็นพิษในตัวเป็นจำนวนมาก อาทิเช่นจอพีซีหรือทีวีมีตะกั่วอยู่ถึง 4 ปอนด์ต่อเครื่องรวมทั้งยังมีสารเคมีที่มีพิษอื่นๆอีกหลายร้อยชนิด ดังนั้น EPA จึงไม่อยากให้นำเอาอุปกรณ์เหล่านี้ไปฝัง คุณสามารถเรียนรู้วิธีการทำลายอุปกรณ์เหล่านี้โดยไม่เป็นอันตรายต่อธรรมชาติได้จาก Consumer Education Initiative (eiae.org) ได้







ทิปจาก : //technology.msnth2.com/article.asp?id=1824&art=product


Create Date : 30 มิถุนายน 2550
Last Update : 6 เมษายน 2551 19:30:32 น.
Counter : 637 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Icyiceberg.BlogGang.com

lcelcy
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด