ที่เก่าคนละเวลา
การเดินทางไปสถานที่เดิมซ้ำๆ บ่งบอกสถานภาพ บวกภารกิจบางอย่างที่ต้องกระทำอย่างต่อเนื่อง ความรู้สึกที่มีต่อสถานที่หนึ่ง มีทั้งรื่นรมย์ ขมขื่น สุขและทุกข์ปะปนกัน ตอนเป็นเด็ก เรามีความสุขกับการเดินทางไปโรงเรียน ความสนุกสนานเกิดจากสีสันเพื่อนร่วมชั้น การทะเลาะชกต่อย กอดคอเหย้าแหย่ เสียงหัวเราะรอยยิ้ม เป็นภาพที่จดจำอยากหวนกลับได้ยินอีกครั้ง เวลาที่เพิ่งเรียนจบ ก็โหยหาเดินเตร็ดเตร่บริเวณโรงเรียนบ่อยๆ ร่องรอยความทรงจำชัดเจน วีรกรรมฉายซ้ำราวกับอยู่ในเหตุการณ์ช่วงนั้น พอโมงกาลล่วงเลย ค่อยๆ ลืมเลือนส่วนหนึ่งในชีวิต เพราะมีสิ่งใหม่ที่ชีวิตต้องประสบ รอยประทับที่หวงแหน ค่อยๆ ยุรยาตรห่างไกลดินแดนความทรงจำ เราเดินทางไปในสถานที่เดิมๆ ช่วงหนึ่ง แล้วก็เปลี่ยนสถานที่ไปประจำใหม่ ซักพักก็วนเวียนในรูปแบบเดิมคือ ลาจาก โหยหา คิดถึงอาลัยอาวรณ์ ชีวิตต้องผ่านพ้นสถานภาพนั้นไป ทุกอย่างฝากไว้เป็นภาพที่เคยประทับใจ และให้เก็บไว้คิดถึงยามเวิ้งว้าง ว่างเปล่าบางสถานที่มีความทรงจำเกี่ยวกับกิจกรรมที่เคยทำสม่ำเสมอ สมัยเป็นนักเรียน พ่อพาฉันมาส่งโรงเรียนโดยให้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ออกจากบ้านประมาณเกือบโมงเช้า พ่อขี่รถไม่เร็ว ซอกแซกไปตามช่องว่างได้บ้าง พ่อสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินก่อนควบพาหนะคู่ใจไปส่งลูกและไปทำงานทุกวันจำไม่ได้ว่า เหตุใดต้องทำกิจกรรมแบบนี้ ทันทีที่พ่อพามาถึงโรงเรียน ฉันวางกระเป๋าไหว้สวัสดีพ่อ และสวัสดีคุณครูก่อนจะวิ่งเอากระเป๋านักเรียนไปเก็บ แล้วรีบวิ่งไปยังประตูด้านหลังโรงเรียน ฉันจะยืนอยู่ใกล้ๆ เสาธง บริเวณนั้นมีกรงเลี้ยงนกชนิดต่างๆ ฉันไม่ได้คิดถึงนกตัวใดหรอก ยืนมองดูนกในกรงสลับมองผ่านประตูออกไป...ไม่นาน มองเห็นภาพพ่อขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไป มือฉันยกโบกไหวๆ พ่อสวมหมวกนิรภัย พยักหน้ารับ...เป็นเช่นนี้เกือบทุกวันยกเว้นวันที่ฝนตกหนักกับวันที่ฉันปวดท้อง บางสิ่งที่เรารัก ไม่จักต้องอยู่คู่กับเราเสมอ เช่น คนที่รัก เพื่อนร่วมงานที่รัก งานที่รัก ปัจจัยหลายอย่างทำให้เราเคลื่อนไหวเดินทางไปเจอคนรักใหม่ เพื่อนร่วมงานใหม่ รวมถึงงานใหม่ที่เรารัก ฉันเปลี่ยนสถานที่ที่คุ้นเคยมาหลายแห่ง เพราะย้ายบ้านมาประมาณเจ็ดครั้ง ตรอกซอกซอยที่เคยดูใหญ่โตยามละอ่อน ปัจจุบันกลายเป็นทางคับแคบเมื่อกลับไปเยี่ยมเยียน ช่วงเวลาในชีวิตเคยฝากไว้กับหลายร้านค้า หลากสถานที่ตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งบัดนี้ได้ถูกกลืนหายไปกับกาลเวลาแล้ว แม้มันค่อยๆ ลบร่องรอยออก แต่ยังรู้สึกผูกพัน รู้สึกดีที่ได้นั่งรถผ่านแวะเวียนที่ตรงนั้นการกลับไปในที่เก่า ในยามความคิดถึงถามหา กับในยามทุกอย่างเงียบสงบ ให้อารมณ์ที่แตกต่างกัน สถานที่หนึ่ง เมื่อยังอยู่ในความทรงจำ ยังมองเห็นเหตุการณ์ในอดีต เหมือนกับเราสวมแว่นกันแดด ทำให้มองสรรพสิ่งรอบตัวดูไม่เปลี่ยนแปลงเพราะถูกย้อมสีด้วยภาพวันวานจากจิตใจเราผิดกับการร้างความทรงจำหรือมีช่องว่างเติมเต็มแล้ว สถานที่นั้นกลายเป็นที่แห่งใหม่ซึ่งสามารถไปซึมซับสีสันรอบตัวได้อย่างทะลุปรุโปร่ง มีมุมมองแปลกออกไป มองเห็นอะไรกว้างขึ้น พร้อมเรียนรู้ทุกอย่าง นั่นคือเราอยู่กับปัจจุบันที่มองเห็น รับรู้สิ่งที่เป็นไปตรงหน้าอย่างชัดเจนแต่บางคน ไม่กล้ากลับไปในสถานที่เก่า เหมือนมีกำแพงขวางกั้น กลัวกลับไปเจอโจทย์ นั่นแสดงว่ายังมีร่องรอยอดีตตามรบกวน ถ้าจิตใจรู้จักให้อภัย ให้ความรักแก่กัน ทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นเพียงเรื่องสมมติ ไม่สมควรหยุดตัวเองอยู่หลังกำแพงนั้นฉันผ่านการทำงานกับองค์กรบริษัทมาหลายแห่ง ทุกที่ฉันต้องย้อนกลับไปเพราะหัวใจคิดถึงสองสามครั้ง คิดถึงเสียงหัวเราะ รอยยิ้มของคนที่นั่น บางทีแค่เดินผ่านหน้าออฟฟิศ ก็มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เมื่อออกมาแล้ว ความรู้สึกที่ไม่ได้ผูกยึดกับที่แห่งหนึ่ง ทำให้มองเห็นความจริงว่า ที่เราเป็นไปนั้น เป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานเหตุผลหรืออารมณ์ บางทีการยกเหตุผลมาใช้เพราะอารมณ์เป็นที่ตั้งการผ่านมาหลายที่ สะท้อนความอ่อนด้อยในแง่ไม่สามารถจัดการปัญหาลักษณะเดิมได้ ไม่ว่าจะปรับตัว หรือใช้วิธีใด แต่การอยู่กับคนซึ่งมีความคิดเห็นทัศนคติแตกต่าง ย่อมไม่สามารถหาสูตรสำเร็จสำหรับทุกเรื่องได้หลายครั้งการปวดหัวที่ต้องคอยหาวิธีจัดการ แก้ปัญหาเรื่องคน ทำให้เกิดหวงแหนเวลาอันมีค่าที่สมควรไปสืบสานบางอย่างที่อยากทำ แม้บางหน การตัดสินใจเดินจากมา อาจพิจารณาดีแล้ว แต่มันมีจุดอ่อน ไม่ได้มีจุดแข็งเสมอไป สิ่งสำคัญคือ ทำอย่างไรจึงสามารถประคองตัวเองบนพื้นฐานการมองโลกแง่บวกได้ เมื่อไล่ช่วงเวลาประวัติศาสตร์การทำงานของตน จะพบข้อเท็จจริงว่า มีข้อความที่กล่าวถึงความจริงซึ่งสามารถใช้ได้ทุกที่ นั่นก็คือ ทุกที่มีทั้งคนดีและคนไม่ดี มีทั้งคนใช้มือและใช้ปากทำงาน มีทั้งคนเอาเปรียบและคนไม่เอาเปรียบ มีเกมการเมืองในทุกที่ มีเด็กเส้น เด็กผู้ใหญ่เอ็นดู มีคนทำงานเช้าชามเย็นชาม คนทำงานวันละหลายชาม มีระบบที่ไม่ยุติธรรม เป็นต้นถ้าไม่อาจรับมือความจริงข้างต้น ไม่สามารถหาแง่มุมด้านดีมารองรับชีวิตในขณะนั้นได้ ย่อมจมอยู่ในห้วงทุกข์ แม้ความจริงหลายอย่างไม่มีใครกล้าพูดถึง แต่เป็นบางสิ่งที่สมควรแก้ไข เพื่อให้องค์กรเดินหน้าคล่องตัว บางอย่างในสังคมไทยสะท้อนให้เห็นรากลึกที่ฝังอยู่ เงาสะท้อนนั้นพบเห็นในวัฒนธรรมขององค์กรเช่นกัน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ใช่หนทางออกที่ดีสำหรับอนาคตระยะยาว แต่บาดแผลในใจคนทำงาน ไม่สามารถรอการเยียวยาที่เนิ่นนานได้เพราะมันสึกกร่อนง่ายยิ่งกว่าเครื่องจักรใดๆท้ายที่สุดแล้ว ทุกอย่างจบลงที่จิตใจ ถ้าวันหนึ่งฉันสามารถมองเห็นปัญหาที่ลุกลาม กลายเป็นสิ่งที่เล็กน้อยได้ วันนั้นฉันคงสามารถกลับไปสถานที่เก่าทุกแห่งได้ แต่วันนี้ ฉันยังไม่สามารถ ลืมเลือนความไม่ยุติธรรม ร่องรอยของวันวานยังคุกรุ่นภายใน หากกลับไปพบเจอ เท่ากับไปตอกย้ำปัญหาเก่าที่ยังหาทางแก้ไม่ได้ ฉันไม่สามารถทำเฉยละเลยบางอย่างได้ เพราะมันยังไม่สามารถจบลงที่จิตใจรอเวลาที่ฉันกลับไปในที่ทำงานเก่า ในสภาพที่ผ่านคนละห้วงเวลา ในยามที่สมองมีช่องว่างกับสิ่งนั้นจริงๆ หรือว่าฉันยังจดจำบาดแผลของวันวานอย่างไม่เคยคิดจะลืมเลือน ?!!!




Create Date : 09 สิงหาคม 2553
Last Update : 5 ตุลาคม 2553 22:08:14 น.
Counter : 287 Pageviews.

1 comments
หาอะไรดับร้อนกับน้องถั่วแดงที่ร้านเย็น เย็น หวานเย็น สาขาMRTท่าพระ นายแว่นขยันเที่ยว
(12 เม.ย. 2567 00:32:31 น.)
Bangsaen 21 The Finest Running Event Ever 2023 บางแสน แมวเซาผู้น่าสงสาร
(12 เม.ย. 2567 10:20:55 น.)
ถนนสายนี้มีตะพาบ ประจำหลักกิโลเมตรที่ 349 : วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ ฯ The Kop Civil
(10 เม.ย. 2567 16:44:58 น.)
โจทย์ตะพาบ ... วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ เธอจะเห็นใครคนหนึ่งที่รอเธอ ... tanjira
(9 เม.ย. 2567 14:13:50 น.)
  
อ่านมาสองสามบทความ ขอสมัครเป็นแฟนประจำนะครับ :)
โดย: Scientist วันที่: 10 สิงหาคม 2553 เวลา:16:59:42 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Featherandflower.BlogGang.com

ขนนกกับดอกไม้
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด