ความหมกมุ่นของคนหนุ่ม เมื่อนาฬิกาในชีวิตหมุนเร็วกว่าใจ
ช่วงนี้ เวลาว่างๆผมมักตั้งคำถามกับตัวเอง คิดอะไรเงียบๆอยู่บ่อยๆ




ผู้ชายที่อายุยี่สิบปลายๆ เริ่มต้นทำงานมาได้ไม่กี่ปี อาจมีความรู้สึกเหมือนผม

เมื่ออายุมันเข้าใกล้เลข 3 มันเหมือนมีแรงกดดันเรา อย่างพอมองไปรอบตัว

เราพบคนในวัยเดียวกัน เพื่อนเรา พี่ที่ทำงาน

บางคนเริ่มสร้างครอบครัว มีเงินเก็บ ซื้อบ้าน ซื้อรถ วางรากฐานอนาคต

มีจุดมุ่งหมายให้กับชีวิต รู้ว่าตัวเองรักและชอบอะไรและทำมันอย่างมีความสุข

แต่สำหรับหลายคนรวมทั้งตัวผมเอง ก็กำลังสงสัยอยู่ว่า

การงานที่ทำอยู่ทุกวันๆ การใช้ชีวิตแบบที่เป็นอยู่นี้ มันก็มีความสุขนะ

แต่มันคือสิ่งที่เราชอบเรารักที่จะทำมันต่อไปอีกสิบยี่สิบปีหรือเราอาจจะต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต

...ตอนนี้เรายังไม่มีจุดหมายอะไรเลย เรามีความสุขกับการใช้ชีวิตหมดเปลืองไปในแต่ละวัน ไม่มีเงินเก็บ ไม่มีอะไรเลย

นอกจากกองหนังสือ แผ่นหนัง ซีดีเพลง รูปถ่าย เกลื่อนห้อง

ไม่เคยคิดถึงอนาคตอันไกลกว่า วันหยุดหน้าจะไปเที่ยวที่ไหนดี...

บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่า

“เฮ้ย.... เลิกเล่นกับชีวิตได้แล้วนะ”

แต่อีกความคิดหนึ่ง ก็แย้งขึ้นมาว่า

“แล้วจะรีบไปไหนกันวะ ยังมีเรื่องสนุกๆอีกเยอะที่ยังไม่ได้ทำ”


ผมเคยคุยเรื่องนี้กับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ดูเธอเหมือนจะไม่เข้าใจ

และพยายามปลอบใจว่า เป็นแค่ความฟุ้งซ่านของผม


หรือมันอาจเป็นแค่ช่วงสับสน งงๆ ชีวิตช่วงหนึ่ง เท่านั้นเอง




หมายเหตุ : ย้ายกลุ่ม blog ใหม่ครับ



Create Date : 21 สิงหาคม 2550
Last Update : 2 ตุลาคม 2550 21:16:01 น.
Counter : 892 Pageviews.

8 comments
Bangsaen 21 The Finest Running Event Ever 2023 บางแสน แมวเซาผู้น่าสงสาร
(12 เม.ย. 2567 10:20:55 น.)
Day..10 โฮมสเตย์ริมน้ำ
(11 เม.ย. 2567 08:25:45 น.)
effortless & blissful moments พุดดิ้งรสกาแฟ
(6 เม.ย. 2567 08:06:56 น.)
เดย์ ออฟ เดอะ " ซ ว ย " จันทราน็อคเทิร์น
(5 เม.ย. 2567 19:29:14 น.)
  
โดย: wbj วันที่: 21 สิงหาคม 2550 เวลา:18:13:24 น.
  
ไม่ใช่ความฟุ้งซ่านหรอกค่ะ อย่าว่าแต่ผู้ช่ย 20ปลายๆเลย ผู้หญิง 20 ต้นๆก็ประสาทกินเหมือนกันค่ะเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

แต่ผู้หญิงก็ชอบผู้ชายมีอนาคด มีความฝัน มีจุดหมายที่มั่นคงนะค๊ะ

ขอให้มีความสุขกับชีวิตนะค๊ะ

โดย: wikato วันที่: 21 สิงหาคม 2550 เวลา:19:54:49 น.
  
เข้าใจอย่างแรง ฮ่าๆ
คนส่วนใหญ่ก็น่าจะต้องผ่านความรู้สึกนี้กันทั้งนั้นนะ
เรื่องนี้คุยกันได้ยาว แต่...อืมม เราว่ามันเป็นเรื่องที่มีบริบทแวดล้อมเกี่ยวข้องเยอะมาก ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละคน
เลยไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรดีน่ะ..ซะงั้น

โชคดีละกันจ้า
โดย: idLer IP: 124.120.148.147 วันที่: 21 สิงหาคม 2550 เวลา:23:03:35 น.
  
ตอนสอบเอ็นทรานส์ ผมเลือกที่จะเข้าวิศวะเพราะคิดว่าเป็นอาชีพที่ดีทั้งชื่อเสียง ดีทั้งเงิน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ชอบจริงๆ

(ที่อยากเรียนจริงๆ คือ ภาษา)

ทำงาน เรียนต่อ ต่างก็เป็นเส้นทางวิศวะทั้งหมด เป็นเส้นทางที่ไม่ได้ชอบที่สุด แต่ก็ทำมาได้เรื่อยๆ ไม่ได้ฝืนมาก มีความสุขตามอัตภาพ

จนกระทั่งมีโอกาสได้มาสอนหนังสือเพราะเพื่อนชวน ผมก็คิดว่าผมทำได้ เพราะตอนที่ทำงานอยู่บริษัทที่ปรึกษา เวลาบริษัทรับงานฝึกอบรมทีไร เขาก็ให้ผมไปเป็นวิทยากรอยู่เรื่อยๆ (เขาประหยัดน่ะครับ เลยจ้างวิทยากรจริงๆ ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็เอาพนักงานตัวเองนี่แหละสอน ไม่ต้องจ่ายตังค์เพิ่ม ) ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นอาจารย์ได้

ปรากฏว่าพอทำจริงๆ แล้วก็พบว่า นี่แหละคืองานที่เข้ากับนิสัย เข้ากับจริตของตัวเองที่สุด จะเรียกว่าเป็นงานที่ชอบก็พูดได้เต็มปาก


เล่ามาซะเยอะ แค่เพียงอยากจะบอกว่า ผมเองทำงานมาสิบกว่าปีถึงจะรู้ว่าอาชีพสอนหนังสือเป็นอาชีพที่อยากทำ เพราะฉะนั้น จขบ. ก็อย่ากังวลไปเลยครับ

บางคนโชคดี รู้ว่าตัวเองอยากทำ-อยากเป็นอะไรตั้งแต่เด็กๆ

บางคนตลอดชีวิต ยังไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วตัวเองอยากทำ-อยากเป็นอะไร

เพราะฉะนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ใครๆ ก็ต้องถามตัวเองในบางช่วงของชีวิตว่า นี่เรากำลังทำอะไรอยู่เนี่ย???

ถ้าทุกวันนี้ไม่ได้ฝืนมาก ก็ทำไปเรื่อยๆ หาความสุขไปตามสภาพ

แต่ที่จะขออนุญาตแนะนำก็คือ ให้หาโอกาสทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำดูบ้าง เผื่อจะเจอสิ่งที่เราชอบ และถ้าสิ่งนั้นทำเป็นอาชีพได้ด้วย ก็แจ๋วเลยครับ


เออ... แล้วที่ผมเล่าๆ มาเนี่ย มันเกี่ยวกับบล็อกไหมเนี่ย
โดย: คนทับแก้ว วันที่: 23 สิงหาคม 2550 เวลา:20:27:50 น.
  
คุณ wikato
- ผมกำลังพยายามจะมีอนาคต มีความฝัน มีจุดหมายที่มั่นคง เผื่อจะมีคนมาชอบมั่ง 555

คุณ idLer
- ขอบคุณที่เข้าใจ...อย่างแรง คิดว่าเดี๋ยวมันก็คงผ่านไปด้วยดี

คุณ คนทับแก้ว
- คำสอนท่านอาจารย์ ข้าน้อยขอน้อมรับ จะพยายามต่อไปครับ
โดย: calcium_kid วันที่: 23 สิงหาคม 2550 เวลา:21:16:26 น.
  
โห ยี่สิบปลาย ๆ ระยะทางอีกยาวไกล
มีเวลาเก็บเกี่ยวอะไรที่เป็นสาระบ้าง
ไม่สาระบ้างได้อีกเยอะ
ใช้ชีวิต อย่าให้ชีวิตมันใช้เรานะ
โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 24 สิงหาคม 2550 เวลา:8:51:29 น.
  
ยังมีผู้ชายอีกหลาย ๆ คนที่อายุเลยเลข 3 ไปตั้งนานแล้ว แต่ไม่เคยคิดอะไรพรรค์นี้เลย
เขาเฝ้าคิดแต่ว่า เมื่อไหร่หนอโชคชะตาจะมองเห็นเขา
มันเป็นช่วงหนึ่งของจังหวะชีวิตอย่างที่คุณบอกจริง ๆ แหละ ที่เราจะวางแผนอนาคตของตัวเองไว้เป็นฉาก ๆ พอวางเสร็จก็มาหงุดหงิดกับตัวเองว่า ทำไมเราไม่เป็นแบบนี้ๆๆๆวะ ฯลฯ อะไรทำนองนี้อยู่บ่อย ๆ
เรื่องราวและความยุ่งยากยุ่งเหยิงของเรื่องที่ไม่ได้ดั่งใจคือแบบฝึกหัดชั้นดีของการใช้ชีวิต เราเชื่ออย่างนั้นนะ
เพราะเราเองก็วัยใกล้เคียงกันกะคุณ และเราก็ชื่นชมในความคิดของคุณ ความคิดที่เพื่อนผู้หญิงของคุณปลอบใจว่าฟุ้งซ่าน
คนเรามีควรจะฟุ้งซ่านบ้างนะ ว่าไหม ? อย่างน้อย ๆ ชีวิตก็ไม่จืดชืด


ฝากบอกนิดนึงเรื่องหนังสือของตะวันออก เห็นว่าอยู่เมืองน่าน ถ้ามาเชียงใหม่ก็ติดต่อที่ ด.ญ.ซอดแจ้งได้เลยทันที ตอนนี้เหลือ4-5เล่มเอง จะพยายามเก็บไว้ให้นะ ยังไม่ได้ไปฝากขายที่ร้านเล่าหรอก ไว้มีเยอะ ๆ อาจไปฝากขายบ้าง ชอบไปร้านเล่าหรือ? เราก็ชอบ เราอยู่ใกล้ไปเมื่อไหร่ก็ชอบ
ยินดีเจ้า
โดย: กากีซ่าส์ IP: 61.7.174.244 วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:12:46:45 น.
  
ทำงานไปสัก 3-4 ปี ช่วงเวลานี้เขาเรียกว่าวิกฤตวัยทำงาน

เพราะมันเริ่มนานจนความสนุกกับงานมันหมดไป

แนะนำให้ลองหาภาพยนตร์เรื่อง Lost in Translation มาดูอีกรอบ ดูตอนนี้แล้วน่าจะอินมากขึ้น

โดย: ฟ้าดิน วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:5:18:55 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Calcium.BlogGang.com

calcium_kid
Location :
น่าน  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด